อารมณ์-มุมมอง-เรื่อยเปื่อย
8.9
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอารมณ์-มุมมอง-เรื่อยเปื่อย
ฝนเอยทำไมจึงตก? ฝนเอยทำไมจึงตก?
จำเป็นต้องตกเพราะว่ากบมันร้อง
กบเอยทำไมจึงร้อง? กบเอยทำไมจึงร้อง?
จำเป็นต้องร้องเพราะว่าท้องมันปวด
ท้องเอยทำไมจึงปวด? ท้องเอยทำไมจึงปวด?
จำเป็นต้องปวดเพราะว่าข้าวมันดิบ
ข้าวเอยทำไมจึงดิบ? ข้าวเอยทำไมจึงดิบ?
จำเป็นต้องดิบเพราะว่าไม้ฟืนเปียก
ไม้ฟืนทำไมจึงเปียก? ไม้ฟืนทำไมจึงเปียก?
จำเป็นต้องเปียกเพราะว่าฝนมันตก...
หากคุณเป็นคนที่ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ต้องเจอกับฝนที่ตกได้ตกดีทั้งวันคืนแล้วล่ะก็ ไม่แปลกหรอกหากจะนึกถึงเพลงบทนี้ขึ้นมา บทเพลงไม่รู้จบที่ร้องวนไปวนมาถึงเหตุผลของฝนตกแบบข้างๆ คูๆ บทเพลงที่ยังคงอยู่ในความทรงจำและนึกถึงเสมอเมื่อฝนตก
มองออกไปข้างนอกหน้าต่างสัมผัสได้ถึงอากาศชื้นเย็น กับละอองฝนที่พัดเข้ามาต้องใบหน้า ที่ทำได้ตอนนี้เพียงแค่ใช้สายตามองออกไปข้างนอกเท่านั้น เพราะฝนที่ตกอยู่ตลอดเวลาไม่เปิดโอกาสให้ฉันออกไปนอนบ้านเลย มันหนาว เฉอะแฉะและน่าเบื่อถึงขีดสุด ถูกคุมขังในม่านฝน แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็ควรค่าแก่การจมจ่อมกับอารมณ์มากกว่าอากาศที่ร้อนอบอ้าวหลายเท่าตัว สำหรับฉันผู้ที่สิ่งแวดล้อมกระทบอารมณ์ง่ายดายเป็นพิเศษ และอยู่เหนือเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล
เม็ดฝนชะล้างคราบฝุ่นควันจากชั้นบรรยากาศที่เกาะตามกิ่งใบของต้นไม้ สะอาดเอี่ยมราวกับได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันจากเจ้าของ มองดูสดชื่นเปล่งปลั่งขึ้นทันตาเห็น ธรรมชาติก็เช่นนี้เองต่างเยียวยารักษาซึ่งกันและกัน ประดุจการปฐมพยาบาลความเหี่ยวแห้งโรยราจากวันเวลาก่อนหน้านี้ให้สรรพสิ่ง
เหล่าหอยทากสองสายพันธุ์ ทั้งหอยทางไทยหอยทากฝรั่ง ต่างทยอยขึ้นมาเดินเล่นกันให้ขวักไขว่ บนพื้น ตามกิ่งก้านของไม้ดอกไม้ประดับ ทิ้งมูลเป็นขดเล็กๆ สีน้ำตาลคล้ายภาษาขอมไว้ทั่วไป รอให้มีแดดก่อนเถอะ มันจะทิ้งรอยให้เห็นเด่นชัดประดุจภาพเขียนเชิงสัญลักษณ์ ที่ทิ้งปริศนาให้ตีความเลยทีเดียว
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้ ในชีวิตจริงหาได้น่าทะนุถนอมเฉกเช่นในนิทานหรือเรื่องเล่าสำหรับเด็กหรอกนะ เพราะมันคือศัตรูพืชเราดีๆ นี่เอง มันจะเขมือบทุกอย่างที่ขวางหน้า กลีบดอกไม้แรกแย้มจะแหว่งวิ่น ใบอ่อนของไม้ประดับจะเป็นรูโปร่งลายลูกไม้ หน่อเล็กๆ ของกล้วยไม้เป็นที่สุดแห่งปรารถนา เสมือนงานเลี้ยงแห่งฤดูกาลเชื้อเชิญแขกเหรื่อผู้หิวกระหาย
ดวงตะวันไม่อาจฉายฉานลอดผ่าน ท้องฟ้าเป็นสีเทาทึมอุ้มน้ำไว้เต็มอ้อมแขน ร่ำๆ จะวางลงตลอดเวลา งานของท้องฟ้าของเมฆคงเหน็ดเหนื่อยไม่แตกต่างกับเราผู้เป็นมนุษย์ ฉันเองอยากรู้ว่ามันจะมีบ่นบ้างหรือเปล่านะ หรือเสียงครืนๆ ที่ได้ยินจะเป็นเสียงบ่นก็ไม่รู้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคงเป็นเสียงบ่นที่น่ากลัวพิลึกล่ะ และฉันไม่ชอบเอาเสียเลย
บางทีฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ระหว่างฟ้าร้อง-ฟ้าเลบ อย่างไหนจะน่ากลัวมากกว่ากัน ฟ้าร้องเกิดขึ้นกะทันหันไม่ทันตั้งตัว ตื่นกลัวขณะนั้นแล้วก็จบ ฟ้าแลบกระตุกความรู้สึกได้มากกว่า เพราะเมื่อฟ้าแลบความคิดฉันไปไกลเกินกว่านั้นแล้วถึงสิ่งที่จะตามมา สายฟ้าจะฟาดเปรี้ยงลงมาตรงไหนก็ได้ ใกล้หรือไกล เสียงสะท้อนก้องไปมาจนต้องหลับตาซุกหน้า
ฉันเหนื่อยและหวาดกลัวเสมอยามฝนตกแต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คนเราไม่อาจหลบหลีกกับการเผชิญหน้าความหวาดกลัวได้ทุกครั้งและเสมอไปหรอกนะ ถึงตอนนี้แม้ความหวาดกลัวจะลดน้อยลง แต่ฉันยังคงหลับตากลั้นหายใจอยู่ดี
บนท้องถนนเปียกชุ่มนิ่งสนิท ไม่คายควันออกมาอีกแล้ว ความร้อนทั้งมวลถูกกลืนไปกับความเย็นหมดแล้ว สิ่งใดมีจำนวนมากกว่าสิ่งนั้นจะกลืนกินสิ่งที่มีจำนวนน้อยกว่าอย่างนั้นสินะ ความคิดอุดมการณ์ต่างๆ คงไม่แผกกัน ถูกเขมือบไปกับวันเวลา สถานการณ์แวดล้อมไม่หลงเหลือ
จะเป็นไปได้ไหม ที่ความตั้งมั่นกับบางสิ่งบางอย่างจะไม่คลอนแคลน ไม่เอนลู่ไปกับแรงเหวี่ยงนานัปการที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน มันยากมากใช่ไหม ยากมากๆ ที่เราจะไม่ถูกกลืนกิน ความคิดการใช้ชีวิตที่ถอยห่างจากวิถีดั้งเดิมแบบกู่ไม่กลับ ร้องเรียกไม่ได้ยินเสียง ไกลเกินกว่าสายตาจะแลเห็น เกินกว่าใจจะสัมผัสได้...
***หากท่านเป็นหนึ่งในผู้คนที่ตกหลุมเข้ามาอ่าน กรุณาทำใจ เพราะมันไม่มีอะไรเลยนอกจากความเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง...
ฝนเอยทำไมจึงตก? ฝนเอยทำไมจึงตก?
จำเป็นต้องตกเพราะว่ากบมันร้อง
กบเอยทำไมจึงร้อง? กบเอยทำไมจึงร้อง?
จำเป็นต้องร้องเพราะว่าท้องมันปวด
ท้องเอยทำไมจึงปวด? ท้องเอยทำไมจึงปวด?
จำเป็นต้องปวดเพราะว่าข้าวมันดิบ
ข้าวเอยทำไมจึงดิบ? ข้าวเอยทำไมจึงดิบ?
จำเป็นต้องดิบเพราะว่าไม้ฟืนเปียก
ไม้ฟืนทำไมจึงเปียก? ไม้ฟืนทำไมจึงเปียก?
จำเป็นต้องเปียกเพราะว่าฝนมันตก...
หากคุณเป็นคนที่ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ต้องเจอกับฝนที่ตกได้ตกดีทั้งวันคืนแล้วล่ะก็ ไม่แปลกหรอกหากจะนึกถึงเพลงบทนี้ขึ้นมา บทเพลงไม่รู้จบที่ร้องวนไปวนมาถึงเหตุผลของฝนตกแบบข้างๆ คูๆ บทเพลงที่ยังคงอยู่ในความทรงจำและนึกถึงเสมอเมื่อฝนตก
มองออกไปข้างนอกหน้าต่างสัมผัสได้ถึงอากาศชื้นเย็น กับละอองฝนที่พัดเข้ามาต้องใบหน้า ที่ทำได้ตอนนี้เพียงแค่ใช้สายตามองออกไปข้างนอกเท่านั้น เพราะฝนที่ตกอยู่ตลอดเวลาไม่เปิดโอกาสให้ฉันออกไปนอนบ้านเลย มันหนาว เฉอะแฉะและน่าเบื่อถึงขีดสุด ถูกคุมขังในม่านฝน แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็ควรค่าแก่การจมจ่อมกับอารมณ์มากกว่าอากาศที่ร้อนอบอ้าวหลายเท่าตัว สำหรับฉันผู้ที่สิ่งแวดล้อมกระทบอารมณ์ง่ายดายเป็นพิเศษ และอยู่เหนือเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล
เม็ดฝนชะล้างคราบฝุ่นควันจากชั้นบรรยากาศที่เกาะตามกิ่งใบของต้นไม้ สะอาดเอี่ยมราวกับได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันจากเจ้าของ มองดูสดชื่นเปล่งปลั่งขึ้นทันตาเห็น ธรรมชาติก็เช่นนี้เองต่างเยียวยารักษาซึ่งกันและกัน ประดุจการปฐมพยาบาลความเหี่ยวแห้งโรยราจากวันเวลาก่อนหน้านี้ให้สรรพสิ่ง
เหล่าหอยทากสองสายพันธุ์ ทั้งหอยทางไทยหอยทากฝรั่ง ต่างทยอยขึ้นมาเดินเล่นกันให้ขวักไขว่ บนพื้น ตามกิ่งก้านของไม้ดอกไม้ประดับ ทิ้งมูลเป็นขดเล็กๆ สีน้ำตาลคล้ายภาษาขอมไว้ทั่วไป รอให้มีแดดก่อนเถอะ มันจะทิ้งรอยให้เห็นเด่นชัดประดุจภาพเขียนเชิงสัญลักษณ์ ที่ทิ้งปริศนาให้ตีความเลยทีเดียว
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้ ในชีวิตจริงหาได้น่าทะนุถนอมเฉกเช่นในนิทานหรือเรื่องเล่าสำหรับเด็กหรอกนะ เพราะมันคือศัตรูพืชเราดีๆ นี่เอง มันจะเขมือบทุกอย่างที่ขวางหน้า กลีบดอกไม้แรกแย้มจะแหว่งวิ่น ใบอ่อนของไม้ประดับจะเป็นรูโปร่งลายลูกไม้ หน่อเล็กๆ ของกล้วยไม้เป็นที่สุดแห่งปรารถนา เสมือนงานเลี้ยงแห่งฤดูกาลเชื้อเชิญแขกเหรื่อผู้หิวกระหาย
ดวงตะวันไม่อาจฉายฉานลอดผ่าน ท้องฟ้าเป็นสีเทาทึมอุ้มน้ำไว้เต็มอ้อมแขน ร่ำๆ จะวางลงตลอดเวลา งานของท้องฟ้าของเมฆคงเหน็ดเหนื่อยไม่แตกต่างกับเราผู้เป็นมนุษย์ ฉันเองอยากรู้ว่ามันจะมีบ่นบ้างหรือเปล่านะ หรือเสียงครืนๆ ที่ได้ยินจะเป็นเสียงบ่นก็ไม่รู้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคงเป็นเสียงบ่นที่น่ากลัวพิลึกล่ะ และฉันไม่ชอบเอาเสียเลย
บางทีฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ระหว่างฟ้าร้อง-ฟ้าเลบ อย่างไหนจะน่ากลัวมากกว่ากัน ฟ้าร้องเกิดขึ้นกะทันหันไม่ทันตั้งตัว ตื่นกลัวขณะนั้นแล้วก็จบ ฟ้าแลบกระตุกความรู้สึกได้มากกว่า เพราะเมื่อฟ้าแลบความคิดฉันไปไกลเกินกว่านั้นแล้วถึงสิ่งที่จะตามมา สายฟ้าจะฟาดเปรี้ยงลงมาตรงไหนก็ได้ ใกล้หรือไกล เสียงสะท้อนก้องไปมาจนต้องหลับตาซุกหน้า
ฉันเหนื่อยและหวาดกลัวเสมอยามฝนตกแต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คนเราไม่อาจหลบหลีกกับการเผชิญหน้าความหวาดกลัวได้ทุกครั้งและเสมอไปหรอกนะ ถึงตอนนี้แม้ความหวาดกลัวจะลดน้อยลง แต่ฉันยังคงหลับตากลั้นหายใจอยู่ดี
บนท้องถนนเปียกชุ่มนิ่งสนิท ไม่คายควันออกมาอีกแล้ว ความร้อนทั้งมวลถูกกลืนไปกับความเย็นหมดแล้ว สิ่งใดมีจำนวนมากกว่าสิ่งนั้นจะกลืนกินสิ่งที่มีจำนวนน้อยกว่าอย่างนั้นสินะ ความคิดอุดมการณ์ต่างๆ คงไม่แผกกัน ถูกเขมือบไปกับวันเวลา สถานการณ์แวดล้อมไม่หลงเหลือ
จะเป็นไปได้ไหม ที่ความตั้งมั่นกับบางสิ่งบางอย่างจะไม่คลอนแคลน ไม่เอนลู่ไปกับแรงเหวี่ยงนานัปการที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน มันยากมากใช่ไหม ยากมากๆ ที่เราจะไม่ถูกกลืนกิน ความคิดการใช้ชีวิตที่ถอยห่างจากวิถีดั้งเดิมแบบกู่ไม่กลับ ร้องเรียกไม่ได้ยินเสียง ไกลเกินกว่าสายตาจะแลเห็น เกินกว่าใจจะสัมผัสได้...
***หากท่านเป็นหนึ่งในผู้คนที่ตกหลุมเข้ามาอ่าน กรุณาทำใจ เพราะมันไม่มีอะไรเลยนอกจากความเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง...
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ