เจ้าสาวจ้าวยุทธภพ
เขียนโดย api3api
วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.51 น.
แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557 00.44 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) กัดไม่ปล่อย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งจอมยุทธวัยกลางคนจิบเหล้านารีแดงรอการปรากฎตัวของใครบางคน และเวลาผ่านไปไม่นานนักเขาคนนั้นก็มา เสี้ยวเอ้อรีบออกหน้าต้อนรับ
"แฮะ แฮะ คุณชาย ไม่ทราบว่ารับกี่ที่ขอรับ"
"ขออภัย ข้านัดคนไว้"
เขาถือกระบี่ที่มีลายสวยงามเดินไปยังโต๊ะจอมยุทธวัยกลางคน
"ข้ากำลังรอเจ้าอยู่ เดี๋ยวเราย้ายที่ไปข้างในกัน ถังหนิว"
ที่แท้ หัวหน้าสกุลหัวนัดพบถังหนิวคุณชายอันดับหนึ่งของสกุลถัง ส่วนคนของสกุลหัวที่มาอารักขาต่างแฝงตัวอยู่ทั่วไป
ทั้งสองเจรจากันอยู่นาน สีหน้าของทั้งสองต่างเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด พวกเขาคุยธุระอันใดกัน ถึงนัดกันคุยลับในห้องที่มิดชิด ที่แท้ร้านนี้เป็นร้านค้าในกิจการของสกุลหัวนั่นเอง
"ท่านสงสัยว่า เว่ยเส้าเทียน ยังมีชีวิตอยู่ อย่างนั้นรึ"
"มันเป็นแค่ลางสังหรณ์ ตอนนั้นข้าพิสูจน์แล้ว ชีพจรเขาไม่เต้น ตัวซีดเหลือง และเลือดที่เขากระอั่กออกมายังสดใหม่ นั่นคืออาการของคนตาย ข้าพบเจอบุคคลปลิ้นปล้อนมากมายในยุทธภพข้าย่อมจับสังเกตุได้ แต่แม่นางน้อยคนนั้นไม่ได้ตบตา เขาตายแล้วแน่นอน"
"แล้วท่านยังสงสัยสิ่งใด"
หัวซานป๋อเม้มปากที่เริ่มมีตีนกาเขาส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ
"เรายังไม่เห็นขั้นตอนการตาย มันน่าจะสำคัญไม่ใช่รึ นั่นคือการตายของเว่ยเส้าเทียนยังเป็นปริศนา"
ถังหนิว ทำสีหน้าหนักใจและเขาคิดเห็นตรงกัน มันง่ายไป อะไรซักอย่างขาดหายมันขาดการกระจ่าง ไม่มีใครเห็นการตายของเขานอกจาก เยินหลงใต้ซือ แต่ท่านก็ไม่แน่ว่าจะเห็น แต่ที่ต้องเห็นทุกอย่างนั่นคือ
"เด็กน้อยที่ชื่อยาโถว ท่านคิดว่าแม่นางน้อยคนนั้นเก็บซ่อนความจริงเอาไว้"
หัวซานป๋อพนักหน้า แต่เขายังไม่เลิกทำสีหน้าหนักใจ
"ท่านอยากสอบถามนางงั้นรึ ข้าคิดว่านางคงไม่ยอมง่ายๆและต้องหลั่งเลือดอีกแน่นอน"
ถังหนิวถาม เขาก็ยังมีสิ่งที่รบกวนจิตใจเช่นเดียวกัน แต่หัวซานป๋อกลับไม่ติดใจเรื่องนั้น เขากอดอกมั่นใจแล้วถอนหายใจยาว
"ข้าพูดตามตรง สกุลหัวไม่ได้มีความแค้นอะไรกับมารกระดูกแดง คนที่เสียไปก็แค่ชั้นปลายแถวหาได้ทำให้สำนักมัวหมอง ข้าไม่อยากให้เกิดการหลั่งเลือดขึ้นอีก แต่เจ้าเสียน้องชายที่มากด้วยฝีมือ ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้ก็เพราะอยากรู้ว่าเจ้าจะทำอย่างไรต่อ"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"ถังหนิวหัวเราะร่า เขาทำให้หัวซานป๋อแปลกใจ
"ข้านึกขอบใจเว่ยเส้าเทียนเสียมากกว่า ข้าก็เพียงแบกความเศร้าโศกกลับไปสำนัก แค่นี้สกุลถังก็ตกอยู่ในการดูแลข้าแต่เพียงผู้เดียว ข้าจะต้องทำอะไรอีก"
หัวซานป๋อยิ้มมุมปาก เขาพบเจอคนมามากมาย บุคคลสองบุคลิกเช่น ถังหนิว ยากจะวัดใจแท้ ส่วนสำนักอื่นๆก็ไม่มีใครติดใจ เว้นแต่ว่าจะมีใครคิดแตกต่าง เขารินสุราส่งให้ถังหนิว เขารับมันมายกไว้เสมอปาก
"ดื่ม"
ทั้งสองยกดื่มพร้อมกัน ค่ำคืนจันทร์เต็มดวงนี้ ช่างเหมาะแก่การสงบศึกนัก
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ยังมีกลุ่มที่คิดโง่เขลาอยู่ อ๋องซานตัดสินใจสะกดรอย ยาโถว
++++++++++++++++++++
"สามีขา ข้าอยากได้ยาสมานแผล และยารักษาโรค เราแวะร้านหมอยาดีใหม"
หลังจาก เหยินหลงใต้ซือแยกตัวไป ยาโถวก็กลับมาพูดดีกับเว่ยเส้าเทียนซึ่งเขาไม่ค่อยเข้าใจความคิดของผู้หญิงเลย
เขาเหลียวมองหาป้ายบอกทางแต่มองไปที่ใหนมันก็ทุ่งหญ้าโล่งๆและมีต้นไม้ประปรายพอหลบแดดแค่นั้น
"ข้าว่าแถวนี้ห่างไกลผู้คนมากแล้ว เราน่าจะถึงครึ่งทาง ถ้าเป็นเช่นนั้นเมืองต่อไปก็น่าจะเป็น เมืองจิงโถ เจ้าทนอีกนิดก็แล้วกัน"
"ไม่สนุกเลย"
นางเบ้ปากแล้วเอามือป้องแดดหัวเหลียวไปเหลียวมา แล้วก็ร้องขึ้นดีใจ
"อ๊ะ ข้าเจอหมอยาแล้ว เร็วเข้าสามี"
หมอยาข้างทางคนนี้ดูเจ้าสำอางค์สูงกว่ายาโถวไม่ถึงคืบผมยาวที่รวบมัดขึ้นข้างบนแล้วปล่อยส่วนปลายอิสระเหมือนไม้กวาด ตาเขาบอดข้างหนึ่งเขาปิดตาด้วยผ้าปิดตาสีดำชุดคลุมยาวสีขาวของเขาทำให้หมอยาคนนี้ดูดีและเขาพกดาบสั้นถึงหกด้ามด้วยกัน เว่ยเส้าเทียนมองดูแล้วสงวนท่าที หมอยาเอาตระกร้ายาวางแล้วนั่งลงสอบถามอาการ
"คนป่วยมีอาการเช่นไรแม่นาง"
"ไอเป็นเลือด บางครั้งก็กระอั่กเลือด" ยาโถวตอบ
หมอยาพยักหน้าจดอาการลงในสมุดจดจำ
"แล้วมีอาการอย่างไรอีกบ้าง การขับถ่าย การกินอาหาร เป็นเช่นไร"
"การขับถ่ายตรงเวลา กินตรงเวลา เป็นๆหายๆ แต่มีรอยช้ำเขียวที่ลิ้นปี่และแผ่นหลัง" ยาโถวตอบ
หมอยาพยักหน้าแล้ว ค้นตระกร้าจัดยา ไม่นานเขาก็จัดยาได้ห่อใหญ่
"โสมร้อยปีตากแห้งชงกับน้ำร้อนดื่มหลังอาหารและก่อนนอน เห็ดหินผาแดงต้มคัดเฉพาะน้ำดื่มแทนชาสี่เวลา โรคนี้ข้าไม่มีตัวยา จึงทำยารักษาไม่ได้ แต่อาการเจ็บปวดจะทุเลาเบาบางลงมากจนเกือบปกติ แต่อย่านอนใจมันไม่ได้หายขาด ทั้งหมดข้าคิดราคา สี่ชั่ง"
ยาโถวจ่ายเงินรับยามากอดไว้ ขณะที่ทั้งสองจะเดินจากมาเว่ยเส้าเทียนก็ต้องหยุดเดิน เพราะหมอคนนี้เดินเข้ามาจับและบีบกล้ามเนื้อของเขาด้วยสายตาจริงจัง จอมยุทธหนุ่มต่อสู้ทางสายตา
"ท่านหมอทำใมไม่เปิดเผยชื่อโรคข้าออกมาเลยล่ะ เจ้าไม่ใช่หมอยาธรรมดาแน่ๆ ยาและตัวยาที่เจ้าให้มาไม่ใช่ของที่จะหาซื้อได้ เจ้าเป็นใครกันแน่"
"เจ้าไม่อยากให้แม่นางน้อยคนนี้รู้ไม่ใช่รึ ข้ากำลังตรวจอาการเจ้าอยู่เฉยๆ"
โอ๊ย เว่ยเส้าเทียนร้องออกมาอย่างเจ็บปวดในขณะที่หมอยาตาบอดบีบไหล่และแขนขา เขาร้องอย่างทรมาน ยาโถวทิ้งห่อยาพุ่งเข้ามาซัดหมัดไปที่หมอยา แต่เขาหลบได้ฉิวเฉียด
"หมัดเต็มไปด้วยพลัง ต้องหลบ"
"อย่ารังแกสามีนะ"
ฟุ่บ ฟุ่บ ยาโถวซัดเพลงหมัด เพลงเตะ แต่หมอยาตาบอดผมยาวหลบได้ทุกครั้งโดยที่เขาไม่ปล่อยเว่ยเส้าเทียนเลยเขายังคงซัดนิ้วเข้าจุดต่างๆตามร่างกาย
"โอ๊ย อั่ก" เว่ยเส้าเทียนร้องอย่างทรมานน้ำหูน้ำตาไหล ยาโถวจึงกระโดดไปหยิบกระบี่จูหลงและชักมันออกมา สีหน้านางเป็นกังวล
"ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะ"
หมอยาหาได้สนใจไม่เขาผลักตัวเว่ยเส้าเทียนนอนลง จอมยุทธหนุ่มอ่อนเปลี้ยล้มลงอย่าง่ายดาย ที่สำคัญหมอชักดาบหนึ่งในหกดาบออกมา แม้จะสั้นและเรียวเล็กกว่าดาบปกติแต่มันก็เงาวับดูหวาดเสียว เขาเอาดาบจ่อคอของเว่ยเส้าเทียนทำให้ยาโถว ถือกระบี่ยืนนิ่งกัดฟันกรอด
"กระบี่จูหลงเป็นกระบี่อันตราย หากจำเป็นต้องใช้มันแสดงว่าพวกเจ้ากำลังเจอปัญหาหนัก ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าเจอกับอะไรมาแต่ถ้าปล่อยชายคนนี้ไว้แบบนี้ไม่รักษา ไม่ต้องรอให้เกิดเรื่องเขาก็จะอัมพาตและพิการไปตลอดชีวิตในห้าเดือน"
เว่ยเส้าเทียนนอนคว่ำอ่อนแรงแต่เขาก็ได้ยิน เขาคิดในใจว่าหมอคนนี้รู้จักกระบี่จูหลงต้องไม่ธรรมดาแน่ ส่วนยาโถวชี้กระบี่มาที่หมอนางนิ่งไม่กล้าเคลื่อนไหว นางกำลังลำบากใจและตัวสั่น
"ข้ารู้ว่าเขากำลังแย่ พวกเราจึงต้องรีบเดินทาง เราต้องการตัวยา เราต้องการบัวหิมะ ทุกอย่างต้นเหตุมันเป็นเพราะข้า ถ้าเขาต้องพิการข้าจะรับผิดชอบด้วยการดูแลเขาเอง"
หมอยาเห็นปลายกระบี่นางสั่นไหวไม่มั่นคง เขาจึงลดดาบของเขาออกจากคอของเว่ยเส้าเทียน และทำการจี้จุดต่อไป เสียงทรมานของคนไข้ทำให้ยาโถวนั่งลงปิดตาและตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและรู้สึกถึงบาปอันใหญ่หลวง แต่นางต้องสะดุ้งเพราะเสียงของหมอยา
"จงลืมตาดูแม่นางน้อย จงดูอาการของมันให้ชัดๆเต็มสองตาเจ้า เวลามันแสดงอาการเต็มที่ยังไงล่ะ เห็นอย่างนี้แล้วเจ้ายังจะกล้าปากดีพูดว่าว่าจะดูแลเขาได้ใหม"
เว่ยเส้าเทียนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ไม่ว่าหมอจะกดจุดลงไปที่ใดเขาก็ร้องลั่น เสียงร้องโหยหวนของเว่ยเส้าเทียนทำให้ยาโถวที่แอบมองลอดร่องนิ้วน้ำตาไหลด้วยความสะเทือนใจและสงสาร นางอ้าปากค้างคาดไม่ถึง
"ข้าไม่เคยรู้เลย ว่าท่านปิดบังอาการเหล่านี้จากข้ามาตลอด ท่านยังไม่เชื่อใจข้าหรือกลัวว่าข้าจะรู้สึกผิดกันแน่ ข้าผิดเองข้าผิดเอง ท่านได้ยินไหมข้าขอโทษ..."
หลังการกดจุดรักษาอันน่ากลัวและยาวนานได้ผ่านพ้นไป ยาโถวนั่งกอดเข่าเช็ดน้ำตาอยู่ไกล้เว่ยเส้าเทียนที่กำลังหมดสติเพราะความเจ็บปวดอยู่ ส่วนหมอกำลังต้มน้ำร้อนเพื่อเช็ดตัวและอีกหม้อกำลังต้มยา เขาทั้งเป่าทั้งพัดอย่างตั้งใจ จนยาโถวรู้สึกผิด
"ท่านหมอข้าขอโทษนะ ข้าคิดว่าท่านกำลังคิดร้ายเขาอยู่"
หมอยาหันมาไม่พูดอะไร และเขาก็สนใจกับหม้อยาต่อไป
"หึ ไม่เรียกเขาว่าสามีแล้วรึ"
ยาโถวกอดเข่าวบหน้าลงกับต้นขานาง ยาโถวกำลังรู้สึกบางอย่าง นางทำหน้าเศร้า
"ข้ารู้สึกละอายใจที่จะเรียกเขาอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่มีความสัมพันใดใดที่ลึกซึ้งกับเขา ข้ามันก็แค่เด็กน้อย เด็กน้อยที่เขาไม่คิดเป็นอื่นนอกจากนั้น ข้าละอายใจนัก"
หมอหูฟังแต่ยังตั้งใจพัดไฟไม่ให้ดับต่อไปหมอยาเหมือนครุ่นคิด ถึงเรื่องเก่าๆ เขามองกระบี่จูหลงที่วางข้างกายยาโถว
"กระบี่จูหลง คือความฝันอันสูงสุดของยอดจอมยุทธหลายต่อหลายคนที่อยากจะครอบครองมัน มันทนทานและคมกริบสามารถตัดเหล็กขาดได้ ของสำคัญขนาดนั้นยังกล้าให้เจ้าถือ เจ้ายังกล้าพูดว่าเขาไม่ไว้ใจเจ้าอีกรึ"
ยาโถวนิ่งเงียบนางเอามือประทับลงอกตัวเอง แล้วคิดในใจ
"(จริงสินะ ของที่ได้จากท่าน มีตั้งหลายอย่าง ข้านี่เซ่อจริงๆเลย)"
"ข้าชือยาโถว ส่วนเขานั้น..."
ยาโถวหยุดพูดกระทันหันเพราะหมอยกมือปรามไว้ นางทำหน้าตกใจ
"การประกาศชื่อแซ่อาจจะเป็นมารยาทในยุทธภพ แต่ข้าผ่านเรื่องราวมามากข้าขอแนะนำว่าถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่แสดงตัวให้เจ้าไว้ใจ จะเปิดเผยชื่อคนอื่นไม่ได้ โดยเฉพาะถ้ายังไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าของ อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้"
หมอเห็นยาโถวทำตัวไม่ถูกเขาจึงยิ้ม มันทำให้หมอยาดูหล่อขึ้นมาเลยทีเดียว
"ข้าชื่อแซ่ว่า เฉินโจว ข้าเต็มใจช่วยรักษาเท่าที่ทำได้ถึงเว่ยเส้าเทียนจะมีชื่อเสียเยอะก็ตามเจ้าวางใจเถอะ"
"ท่านรู้จักเขาอยู่แล้วงั้นเหรอ แล้วทำใมท่านถึงช่วยเขาอีกและ"
เฉินโจวรินยาใส่ถ้วยแล้วประคองหัวของเว่ยเส้าเทียนขึ้นแล้วเอายาให้เขาดื่มแล้วค่อยๆวางเขาลงให้นอนพักใต้ร่มไม้ใหญ่
"กระบี่จูหลงเป็นอาวุธประจำกายของเขาที่เขาภูมิใจมากเหล่าชาวยุทธรู้กันทั้งนั้น แล้วที่ข้าช่วยเขาเพราะว่าชีวิตของข้ากับเขามันคล้ายคลึงกันนัก มันก็แค่นั้นอย่าถามหารายละเอียดมากนัก และตอนนี้เขาต้องนอนพักที่นี่สักคืน"
ยาโถวนั่งชันเข่าเคียงข้างกายคนเจ็บเฉินโจวยืนมองทั้งสองด้วยความสงสัย โดยเฉพาะจุดที่นางบอกว่าจะไปเอาบัวหิมะมาเป็นตัวยา
"(บัวหิมะไม่มีทางรักษาอาการของเขาได้เว่ยเส้าเทียนย่อมรู้ดีแน่ เขาเสี่ยงชีวิตค้นหาแสดงว่าต้องสำคัญ สำคัญคือเขาต้องการช่วยใคร)"
ขณะที่ทั้งสามกำลังให้ความสำคัญกับการรักษาอยู่นั้นก็มีเสียงม้ากลุ่มหนึ่งถูกควบมาด้วยความเร็วจากทางด้านที่ยาโถวและเว่ยเส้าเทียนจากมา กลุ่มจอมยุทธบนหลังมายี่สิบคน
"ย่าห์ ย่าห์ เจอตัวนางมารน้อยแล้ว!!!!!"
อ๋องซานตะโกนเสียงดัง
:::::::::::::::::::::::::จบตอน:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ