เมื่อภูตผีมีความรัก
8.3
เขียนโดย api3api
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.30 น.
3 บท
0 วิจารณ์
6,784 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 15.30 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) จิโซ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ บทที่2___จิโซ
"ท่านจิโซเจ้าขา โปรดอวยพรให้ โคทาโร่ สามีข้าได้เป็นนักดาบอันดับหนึ่งของเกียวโตะด้วยเถิด"
"ท่านจิโซ ลูกชายข้าไม่สบาย โปรดช่วยเขาด้วยเถิด"
"พ่อข้าตายในสนามรบ โปรดทำให้ใจข้าสงบด้วยเถิด"
รูปปั้นนักบวชหินตรงทางสามแพร่งนั้นไม่ได้แสดงสิ่งใดนอกจากใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ท่านจิโซบอกทางยังคงแบกรับคำอธิฐานจากผู้เดินทางผ่านไปผ่านมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็น พ่อค้า นักเดินทาง ซามูไร โรนิน หรือแม้แต่องค์หญิงผู้สูงศักดิ์
ผ่านยุคสมัย จนเวลาผ่านไป จิโซยังยิ้มอย่างเมตตาอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตุเห็นเพราะมีหญ้าวัชพืชโตขึ้นบดบัง
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
"มากิ มีอะไรเหรอ"
เด็กหนุ่มในชุดทหารหยุดจูงรถจักรยานเพราะเห็นเด็กสาวหยุดเดินแล้วสายตาเหม่อลอยออกไปยังเมืองที่ตัวเองอยู่บนเนินหญ้า
"ไดจัง ที่ตรงนี้มองเห็นได้ทั่วทั้งเมืองเลยล่ะ เมืองที่พวกเราอาศัยอยู่ยังไงล่ะ"
เขาจอดรถจักรยานแล้ววิ่งมายืนเคียงข้างเธอ เขามองหน้าของมากิแล้วเม้มริมฝีปาก
"ผมจะกลับมา หลังชัยชนะของกองทัพญี่ปุ่น ผมจะกลับมาที่เมืองนี้แน่นอน มาหามากิ"
"ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ฉันก็ไม่ต้องการอะไรนอกจากให้เธอปลอดภัย"
ทั้งสองกอดกันแล้วลาจาก จากไปสู่ยุคสงคราม
สมรภูมิสนามรบ สงครามโลกครั้งที่สอง ความเจ็บปวดของหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะแพ้หรือมีชัยชนะย่อมมีความสูญเสีย
มากิคอยติดตามข่าวของไดกิสม่ำเสมอ
"กองทัพญี่ปุ่นมีชัยเหนือศัตรู ได้ยกพลขึ้นบกที่พิลิปปินส์ ผมสบายดี คิดถึงมากิมาก"
หญิงสาวพับจดหมายเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วตามมารดาไปทำงานในไร่ด้วยความชื่นใจ
"มากิ ลูกรับแต่ข่าวสารมากเกินไป ถ้าได้ข่าวไม่ดีจะแย่เอาได้นะ"
มากิไม่ตอบ เธอก้มหน้าทำงานทั้งวัน เมื่อถึงเวลาพักเธอนั่งพักไปด้วยอ่านจดหมายของเขาไปด้วยหลายรอบ
เธอเหม่อมองฟ้าแล้วถอนหายใจ
"เธอเป็นคนที่ใจดีมากมาย ฉันนึกภาพตอนเธอฆ่าคนไม่ออกเลย แต่ฉันกลับถึงตอนที่เธอถูกฆ่าได้อย่างชัดเจน"
เวลาผ่านไป นายพลแมคคาเทอร์นำกองทัพพันธมิตร นำโดยสหรัฐอเมริกาบุกยึดพิลิปปินส์คืนจากนักรบซามูไร
ผลคือ กองทัพญี่ปุ่นพ่ายแพ้ ทหารญี่ปุ่นล้มตายมากมาย ซาวาดะ ไดกิ ได้รับการยืนยันจากกองทัพญี่ปุ่นว่าเสียชีวิตในสมรภูมิ
มากิ ล้มลงหมดสติต่อหน้าทหารที่เข้ามาส่งจดหมายราชการจนคนในบ้าน
วาวาดะมาประถมพยาบาลกันวุ่นวาย
....................................................................................
หลังจากนั้น เธอก็กลายเป็นคนซึมเศร้าสร้อย ชอบเหม่อลอยมองเมืองที่เธออยู่บนเนินหญ้าที่ห่างไกลออกไป
"พวกเขาพูดเกี่ยวกับการตายของเธอแสนเรียบง่าย เหมือนเธอเป็นลูกหมาลูกแมว ถ้าเธออยู่ที่นี่เธอจะได้เป็นครูที่เธอไฝ่ฝันแท้ๆ"
"ไดกิ ฉันไม่อยากอยู่ที่เมืองนี้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าตรงใหนก็มีแต่ภาพเธอเต็มไปหมด ฉันอ่อนแอเหลือเกิน"
มากิ ปล่อยโฮร้องให้อยู่เพียงลำพัง น้ำตาพรั่งพรูออกมามากมายเหมือนโลกทั้งใบไม่มีความเมตตราให้แก่เธอ เธอร้องจนน้ำตาไม่ไหลออกมา
"ฉันต้องกลับล่ะ ลาก่อนไดกิ"
เธอสะอื้นจะเดินไปที่รถจักรยาน แต่เธอก็สะดุดเหมือนมีใครรั้งบ่าเธอไว้
"มากิอย่าไป"
เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระซิบข้างหู
"ไดกิ!?"
มากิจับหูแล้วหันไปรอบๆตัว แต่ไม่เจอใครเลย
ลมพัดแรงขึ้นจนเด็กสาวร่างผอมบางจะรั้งตัวไม่อยู่ จนต้องนั่งลง เธอแหงนขึ้นไปมองบนฟ้า ก็ตกใจ และใจหาย
ฟู้ว ฟู้ว ฟู้ว เสียงเครื่องบินขนาดใหญ่บนฟากฟ้า พร้อมกับเสียงเตือนภัยดังขึ้น มากิหมอบลงกับพื้นหญ้าตามที่ได้รับการฝึกสอนมา
ระเบิดในวันนี้ ที่แตกต่างจากวันใหนๆ ทั้งที่เครื่องบินลำนั้นขับเลยจากหมู่บ้านของเธอไปไกล แต่สิ่งที่เธอเห็นนั้นเหมือนภาพหายนะราวกับฝันร้าย
วันที่ 6 สิงหาคม วันที่เธอไม่เคยลืมวันที่ท้องฟ้าฉาบไปด้วยแสงสีส้ม และเสียงแผดเผาราวกับโลกกำลังจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ
เปลวไฟสังหารที่ขยายใหญ่ จนมองดูเหมือนคัพเค้กขนมจานโปรดของเธอ มันแตกออกแล้ว แรงดันมหาศาลของมันผลักควันไฟขึ้นฟ้าเหมือนเมฆรูปเห็ด แม้มันจะระเบิดในเมืองที่ห่างออกไปแต่แรงลมยังปะทะให้เธอกลิ้งไปตามพงหญ้า
เธอสลบไปนานจนเมื่อเธอรู้สึกตัว เธอประคองร่างที่มีบาดแผลจากหินบาด ฝ่าพงหญ้าออกมา เธอต้องคุกเข่าร้องให้ เมืองเธอข้างล่างนั่น ไม่มีอีกแล้ว
มันเตียนโล่ง เหมือนโดนรถจักรดันมันไปกองรวมกัน เธอคุกเข่าพนมมือด้วยความสั่นเทาและน้ำตา
" ท่านจ้าว ข้ากลัว ไดกิฉันกลัว ได้โปรด อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว"
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล หลังสงครามจบลงด้วยความพ่ายแพ้ เธอก็ตัดสินใจย้ายจากเมืองนั้น
"เธอมีญาติที่ฮอกไกโดหรือเปล่า โคซากิซัง" เจ้าหน้าที่ถามเด็กสาววัยเพียงยี่สิบปี
"ค่ะ ปู่ฉันอยู่ที่นั่น"
เธอตัดสินใจย้ายจากเมือง เมืองที่มีความหลังและความฝัน เมืองที่เป็นที่ในคำสัญญาของเขาและเธอ
"ไดกิไม่มีอีกแล้ว เมืองที่เธอต้องกลับมาก็ไม่มีอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน"
เธอนั่งรถไฟพลางเหลียวมองทหารที่เดินเป็นแถว
ทหารญี่ปุ่นที่เหลือกลับมาตุภูมิ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ผ่านไปแปดปีเธอต้องกลับมาฮิโรชิม่าอีกครั้งเรื่องที่ดินที่เป็นชื่อของตะกูลโคซากิ เธอกลับมาทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป บ้านเมืองถูกฟื้นฟู ยกเว้นพื้นที่บ้านของเธอมันยังคงว่างเปล่า
ทนายวัยห้าสิบปียืนด้วยความน้อบน้อมข้างๆเธอ
"มันเป็นมรดกของคุณ โคซากิซัง คุณสามารถจะกลับมาใช้ประโยชน์ได้เสมอ"
"ขอบคุณ ฮานาดะ ใหนๆก็มาแล้ว ขอเวลาฉันเดินดูรอบๆก่อนได้ใหมคะ"
ทนายแก่เคารพแล้วปล่อยให้หญิงสาวทำตามใจของตัวเอง
บนเนินที่เคยเป็นพงหญ้ามีคนเข้าไปอาศัยแล้ว เธอเดินขึ้นไป ที่นี่มีบ้านสองสามหลัง เธอมองลงมาก็พบว่าเมืองมันสวยงามและใหญ่โตกว่าเมื่อก่อนมาก
ความสวยงามกลบภาพที่เคยโหดร้ายออกไปเกือบหมด เหลือไว้เพียงในความทรงจำที่ยากจะลบทิ้งไป
"มันยังเจ็บปวดอยู่เท่าเดิม ฉันควรขายที่ดินผืนนั้น"
เธอหันกลับมาเธอก็ต้องหยุดตัวเองดังกึ๊ก
ชายหนุ่มกับร่องรอยแผลเป็นจากการต่อสู้ เขาก็มองเธออย่างตะลึง
"ฉันเห็นจดหมายการตายของเธอจากกองทัพอย่างชัดเจน"
เขายืนนิ่งไม่ตอบคำถาม น้ำตาเขาให้คำตอบแทนคำพูดของเขา
"ผมตายไปแล้วตอนที่หมดหวังว่าเธอรอดจากระเบิดอเวจีนั่น"
"เราตายไปแล้วคนละครั้งสินะ"
ในพงหญ้าที่ขึ้นสูงตรงเนินนั้น มี รูปปั้นหินเจ้าที่จิโซที่เก่าและแตกหักจากแรงระเบิด จิโซแตกหักที่ยิ้มอย่างมีความสุข รูบปั้นหินไม่ต้องแบกรับคำอธิฐานจากผู้ใดอีกแล้ว นับจากวันโดนทิ้งระเบิดเมื่อแปดปีก่อน
::::::::::::::จบบที่ 2 จิโซ:::::::::::::::::
"ท่านจิโซเจ้าขา โปรดอวยพรให้ โคทาโร่ สามีข้าได้เป็นนักดาบอันดับหนึ่งของเกียวโตะด้วยเถิด"
"ท่านจิโซ ลูกชายข้าไม่สบาย โปรดช่วยเขาด้วยเถิด"
"พ่อข้าตายในสนามรบ โปรดทำให้ใจข้าสงบด้วยเถิด"
รูปปั้นนักบวชหินตรงทางสามแพร่งนั้นไม่ได้แสดงสิ่งใดนอกจากใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ท่านจิโซบอกทางยังคงแบกรับคำอธิฐานจากผู้เดินทางผ่านไปผ่านมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็น พ่อค้า นักเดินทาง ซามูไร โรนิน หรือแม้แต่องค์หญิงผู้สูงศักดิ์
ผ่านยุคสมัย จนเวลาผ่านไป จิโซยังยิ้มอย่างเมตตาอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตุเห็นเพราะมีหญ้าวัชพืชโตขึ้นบดบัง
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
"มากิ มีอะไรเหรอ"
เด็กหนุ่มในชุดทหารหยุดจูงรถจักรยานเพราะเห็นเด็กสาวหยุดเดินแล้วสายตาเหม่อลอยออกไปยังเมืองที่ตัวเองอยู่บนเนินหญ้า
"ไดจัง ที่ตรงนี้มองเห็นได้ทั่วทั้งเมืองเลยล่ะ เมืองที่พวกเราอาศัยอยู่ยังไงล่ะ"
เขาจอดรถจักรยานแล้ววิ่งมายืนเคียงข้างเธอ เขามองหน้าของมากิแล้วเม้มริมฝีปาก
"ผมจะกลับมา หลังชัยชนะของกองทัพญี่ปุ่น ผมจะกลับมาที่เมืองนี้แน่นอน มาหามากิ"
"ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ฉันก็ไม่ต้องการอะไรนอกจากให้เธอปลอดภัย"
ทั้งสองกอดกันแล้วลาจาก จากไปสู่ยุคสงคราม
สมรภูมิสนามรบ สงครามโลกครั้งที่สอง ความเจ็บปวดของหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะแพ้หรือมีชัยชนะย่อมมีความสูญเสีย
มากิคอยติดตามข่าวของไดกิสม่ำเสมอ
"กองทัพญี่ปุ่นมีชัยเหนือศัตรู ได้ยกพลขึ้นบกที่พิลิปปินส์ ผมสบายดี คิดถึงมากิมาก"
หญิงสาวพับจดหมายเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วตามมารดาไปทำงานในไร่ด้วยความชื่นใจ
"มากิ ลูกรับแต่ข่าวสารมากเกินไป ถ้าได้ข่าวไม่ดีจะแย่เอาได้นะ"
มากิไม่ตอบ เธอก้มหน้าทำงานทั้งวัน เมื่อถึงเวลาพักเธอนั่งพักไปด้วยอ่านจดหมายของเขาไปด้วยหลายรอบ
เธอเหม่อมองฟ้าแล้วถอนหายใจ
"เธอเป็นคนที่ใจดีมากมาย ฉันนึกภาพตอนเธอฆ่าคนไม่ออกเลย แต่ฉันกลับถึงตอนที่เธอถูกฆ่าได้อย่างชัดเจน"
เวลาผ่านไป นายพลแมคคาเทอร์นำกองทัพพันธมิตร นำโดยสหรัฐอเมริกาบุกยึดพิลิปปินส์คืนจากนักรบซามูไร
ผลคือ กองทัพญี่ปุ่นพ่ายแพ้ ทหารญี่ปุ่นล้มตายมากมาย ซาวาดะ ไดกิ ได้รับการยืนยันจากกองทัพญี่ปุ่นว่าเสียชีวิตในสมรภูมิ
มากิ ล้มลงหมดสติต่อหน้าทหารที่เข้ามาส่งจดหมายราชการจนคนในบ้าน
วาวาดะมาประถมพยาบาลกันวุ่นวาย
....................................................................................
หลังจากนั้น เธอก็กลายเป็นคนซึมเศร้าสร้อย ชอบเหม่อลอยมองเมืองที่เธออยู่บนเนินหญ้าที่ห่างไกลออกไป
"พวกเขาพูดเกี่ยวกับการตายของเธอแสนเรียบง่าย เหมือนเธอเป็นลูกหมาลูกแมว ถ้าเธออยู่ที่นี่เธอจะได้เป็นครูที่เธอไฝ่ฝันแท้ๆ"
"ไดกิ ฉันไม่อยากอยู่ที่เมืองนี้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าตรงใหนก็มีแต่ภาพเธอเต็มไปหมด ฉันอ่อนแอเหลือเกิน"
มากิ ปล่อยโฮร้องให้อยู่เพียงลำพัง น้ำตาพรั่งพรูออกมามากมายเหมือนโลกทั้งใบไม่มีความเมตตราให้แก่เธอ เธอร้องจนน้ำตาไม่ไหลออกมา
"ฉันต้องกลับล่ะ ลาก่อนไดกิ"
เธอสะอื้นจะเดินไปที่รถจักรยาน แต่เธอก็สะดุดเหมือนมีใครรั้งบ่าเธอไว้
"มากิอย่าไป"
เธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระซิบข้างหู
"ไดกิ!?"
มากิจับหูแล้วหันไปรอบๆตัว แต่ไม่เจอใครเลย
ลมพัดแรงขึ้นจนเด็กสาวร่างผอมบางจะรั้งตัวไม่อยู่ จนต้องนั่งลง เธอแหงนขึ้นไปมองบนฟ้า ก็ตกใจ และใจหาย
ฟู้ว ฟู้ว ฟู้ว เสียงเครื่องบินขนาดใหญ่บนฟากฟ้า พร้อมกับเสียงเตือนภัยดังขึ้น มากิหมอบลงกับพื้นหญ้าตามที่ได้รับการฝึกสอนมา
ระเบิดในวันนี้ ที่แตกต่างจากวันใหนๆ ทั้งที่เครื่องบินลำนั้นขับเลยจากหมู่บ้านของเธอไปไกล แต่สิ่งที่เธอเห็นนั้นเหมือนภาพหายนะราวกับฝันร้าย
วันที่ 6 สิงหาคม วันที่เธอไม่เคยลืมวันที่ท้องฟ้าฉาบไปด้วยแสงสีส้ม และเสียงแผดเผาราวกับโลกกำลังจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ
เปลวไฟสังหารที่ขยายใหญ่ จนมองดูเหมือนคัพเค้กขนมจานโปรดของเธอ มันแตกออกแล้ว แรงดันมหาศาลของมันผลักควันไฟขึ้นฟ้าเหมือนเมฆรูปเห็ด แม้มันจะระเบิดในเมืองที่ห่างออกไปแต่แรงลมยังปะทะให้เธอกลิ้งไปตามพงหญ้า
เธอสลบไปนานจนเมื่อเธอรู้สึกตัว เธอประคองร่างที่มีบาดแผลจากหินบาด ฝ่าพงหญ้าออกมา เธอต้องคุกเข่าร้องให้ เมืองเธอข้างล่างนั่น ไม่มีอีกแล้ว
มันเตียนโล่ง เหมือนโดนรถจักรดันมันไปกองรวมกัน เธอคุกเข่าพนมมือด้วยความสั่นเทาและน้ำตา
" ท่านจ้าว ข้ากลัว ไดกิฉันกลัว ได้โปรด อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว"
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล หลังสงครามจบลงด้วยความพ่ายแพ้ เธอก็ตัดสินใจย้ายจากเมืองนั้น
"เธอมีญาติที่ฮอกไกโดหรือเปล่า โคซากิซัง" เจ้าหน้าที่ถามเด็กสาววัยเพียงยี่สิบปี
"ค่ะ ปู่ฉันอยู่ที่นั่น"
เธอตัดสินใจย้ายจากเมือง เมืองที่มีความหลังและความฝัน เมืองที่เป็นที่ในคำสัญญาของเขาและเธอ
"ไดกิไม่มีอีกแล้ว เมืองที่เธอต้องกลับมาก็ไม่มีอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน"
เธอนั่งรถไฟพลางเหลียวมองทหารที่เดินเป็นแถว
ทหารญี่ปุ่นที่เหลือกลับมาตุภูมิ
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ผ่านไปแปดปีเธอต้องกลับมาฮิโรชิม่าอีกครั้งเรื่องที่ดินที่เป็นชื่อของตะกูลโคซากิ เธอกลับมาทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป บ้านเมืองถูกฟื้นฟู ยกเว้นพื้นที่บ้านของเธอมันยังคงว่างเปล่า
ทนายวัยห้าสิบปียืนด้วยความน้อบน้อมข้างๆเธอ
"มันเป็นมรดกของคุณ โคซากิซัง คุณสามารถจะกลับมาใช้ประโยชน์ได้เสมอ"
"ขอบคุณ ฮานาดะ ใหนๆก็มาแล้ว ขอเวลาฉันเดินดูรอบๆก่อนได้ใหมคะ"
ทนายแก่เคารพแล้วปล่อยให้หญิงสาวทำตามใจของตัวเอง
บนเนินที่เคยเป็นพงหญ้ามีคนเข้าไปอาศัยแล้ว เธอเดินขึ้นไป ที่นี่มีบ้านสองสามหลัง เธอมองลงมาก็พบว่าเมืองมันสวยงามและใหญ่โตกว่าเมื่อก่อนมาก
ความสวยงามกลบภาพที่เคยโหดร้ายออกไปเกือบหมด เหลือไว้เพียงในความทรงจำที่ยากจะลบทิ้งไป
"มันยังเจ็บปวดอยู่เท่าเดิม ฉันควรขายที่ดินผืนนั้น"
เธอหันกลับมาเธอก็ต้องหยุดตัวเองดังกึ๊ก
ชายหนุ่มกับร่องรอยแผลเป็นจากการต่อสู้ เขาก็มองเธออย่างตะลึง
"ฉันเห็นจดหมายการตายของเธอจากกองทัพอย่างชัดเจน"
เขายืนนิ่งไม่ตอบคำถาม น้ำตาเขาให้คำตอบแทนคำพูดของเขา
"ผมตายไปแล้วตอนที่หมดหวังว่าเธอรอดจากระเบิดอเวจีนั่น"
"เราตายไปแล้วคนละครั้งสินะ"
ในพงหญ้าที่ขึ้นสูงตรงเนินนั้น มี รูปปั้นหินเจ้าที่จิโซที่เก่าและแตกหักจากแรงระเบิด จิโซแตกหักที่ยิ้มอย่างมีความสุข รูบปั้นหินไม่ต้องแบกรับคำอธิฐานจากผู้ใดอีกแล้ว นับจากวันโดนทิ้งระเบิดเมื่อแปดปีก่อน
::::::::::::::จบบที่ 2 จิโซ:::::::::::::::::
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ