เมื่อภูตผีมีความรัก
เขียนโดย api3api
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.30 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 15.30 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) ลิลลี่ไร้รัก Loveless Lilly.
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่-3 ลิลลี่ไร้รัก Loveless Lilly.
"แม่คะ ดูนี่สิหนูทำได้" ฉันตะโกนเรียกแม่ที่กำลังง่วนอยู่กับการใส่ปุ๋ยดอกลิลลี่ เธอทิ้งถังใส่ปุ๋ยแล้ววิ่งมาหาฉันอย่างเร็วโดยไม่กลัวดอกไม้บอบช้ำ
เธอกอดฉันอย่างแน่นหนาและสั่นเทา
"โอ พระเจ้า.... ลิลลี่ลูก....ไม่"
"มันไม่ใช่เรื่องดีเหรอคะ"
แม่ร้องให้ ฉันไม่เข้าใจเลย หรืออาจเป็นเพราะฉันในตอนนั้นยังอ่อนวัยและอ่อนโลก แม่ปาดน้ำตาและฝืนยิ้มนี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันไม่ได้คิดผิด
"ไม่หรอกจ้ะ มันคือพรสวรรค์จากผู้เป็นเจ้า และลูกไม่ควรทำมันต่อหน้าคนที่ลูกไม่ไว้ใจ จำไว้นะ"
...................................................................................................
............................ผ่านไปห้าปี............................................................
เวลาผ่านไปยุโรปเข้าสู่ยุคมืดภายใต้ศาสนจักร แม่มดได้ถูกกวาดล้าง เนื่องด้วยความเชื่อที่ว่าแม่มดคือสมุนของซาตาน นำพาความชั่วร้ายและโรคภัยใข้เจ็บ ผู้คนที่ถูกสงสัยว่าเป็นแม่มดจะถูกนักรบศักดิ์สิทธฺ์นำตัวไปสอบสวน และพวกเขาไม่ได้กลับออกมาอีก.....
ลิลลี่สาวน้อยที่เต็มไปด้วยจิตใจที่งดงามและอารีถูกแม่ของเธอกำชับเสมอว่าให้ปกปิดพรสวรรค์แห่งพระเจ้าของเธอ และเธอเชื่อฟังเป็นอย่างดี
"โจน่ามาช่วยงานในทุ่งลิลลี่อีกแล้ว บอกหลายครั้งแล้วว่าถ้าเธอไม่รับเงินค่าจ้างไม่ต้องมา"
โจน่าเด็กหนุ่มในวัยเดียวกันกับลิลลี่กำลังโดนสาวน้อยต่อว่า โรสแม่ของหญิงสาวจึงเดินเข้ามาดึงหูเธอแล้วบิดหมุน
"โอ๊ยยย"
"คุยกันดีๆ โจน่ามีน้ำใจ เราไม่ควรพูดแรงกับคนที่มีน้ำใจ ขอโทษเดี๋ยวนี้"
ลิลลี่จำใจขอโทษทำให้โจน่ายิ้มหยอกอย่างพอใจ เธอได้แต่หมั่นใส้
ช่วงพักโจน่าเดินมาหาเด็กสาวที่นั่งอยู่โรงนาข้างทุ่งลิลลี่ของเธอ
"เธอไม่ไปช่วยงานที่ร้านของมารคัสแล้วงั้นเหรอ ฉันไม่เจอเธอหลายวันแล้วทุกคนคิดถึงเธอนะ"
"ไม่ล่ะช่วงนี้ แม่ขอให้ฉันช่วยงานในไร่เพราะลิลลี่กำลังเบ่งบานสวยไกล้เก็บเกี่ยวแล้วน่ะ"
โจน่าพยักหน้าเข้าใจ เขามองหน้าลิลลี่เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ เธอหันมาเขาเลยหลบสายตา
"มีอะไรเหรอ"
"เปล่าคือ ใช่ เอ่อ ความจริงคือในร้านมีฉันคนเดียวแหละที่คิดถึงเธอ"
"ว่าแล้ว"
พอลิลลี่พูดจบทังสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ตอนเลิกงานทิวลิปอนุญาติให้ลูกสาวเดินมาส่งโจน่าที่หน้าไร่ได้ เธอโบกมือลาซึ่งโจน่าก็ทำเหมือนกัน
"โจน่าเธอนี่น่ารักใช้ได้เลย ถ้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์เลิกเพ่นพล่านเมื่อไรฉันคงไปที่ร้านของมาร์คัสได้ แล้วฉันจะชวนเธอเที่ยวงานดอกไม้ไฟล่ะกันนะ"
เธอกำลังเดินกลับก็ได้ยินเสียงร้องโอ๊ยของโจน่าเธอจึงรีบวิ่งไปหา
เธอพบโจน่าโดนจิ้งจอกทำร้ายแล้วมันก็วิ่งหนีเข้าป่าไป โจน่าโดนกัดที่มือเหวอะหวะแผลน่ากลัว จิ้งจอกกัดนิ้วกลางและนิ้วก้อยขาด โจน่ามองแผลด้วยความเจ็บปวด
"โอ..ไม่นะ ฉันใช้มันเล่นเปียโนไม่ได้อีกแล้ว โอพระเจ้า"
โจน่าเอามืออีกข้างปิดตาร้องให้ในอ้อมอกลิลลี่ เธอมองแผลอย่างตกใจเพราะรู้ดีว่านิ้วสำคัญต่อนักเปียโนเช่นโจน่า มันคือชีวิตของเขา มันทำให้เธอตัดสินใจบางอย่าง
บางอย่างที่อาจทำให้เธอเสียใจ
"โจน่า ฉันเชื่อใจเธอ"
เธอเอามือประกบมือที่เหวอหวะแล้วหลับตา แสงสีเขียวแผ่ออกห่อมือของโจน่าเขามองมันอย่าตะหนกและเจ็บปวด
ลิลลี่แอบรักโจน่าตั้งแต่เธอไปทำงานที่บาร์ของมาร์คัส เหมือนคนอื่นๆเธอชอบเวลาที่เขาเล่นเปียโนเพราะอย่างนั้นเธอจึงดีใจมากที่โจน่าเลือกคบกับเธอ
ทำให้เธอขัดคำสั่งของแม่แล้วทำเหมือนตอนเด็กๆที่เธอเคยรักษาสัตว์เลี้ยงความเจ็บปวดค่อยๆหายไปจากมือของโจน่า พอลิลลี่เผยมือเธอออกมือของโจน่าก็หายสนิทและนิ้วครบทั้งห้านิ้ว
"ลิลลี่ เธอทำได้ไง โอ..พระเจ้าไม่นะ ไม่มีใครรู้ใช่ใหม"
"โจน่าเธอดีกับฉันเสมอฉันรักเธอ และที่ฉันทำมันคือพรสวรรค์ของพระเจ้าฉันไม่ใช่แม่มด ฉันเชื่อใจเธอได้ใช่ใหม"
โจน่าโอบกอดหญิงสาวแน่น และเธอกอดเขากลับเช่นกัน
"ลิลลี่ผมรักคุณ เพราะเธอมือของฉันถึงกลับมา เธอช่วยชีวิตนักดนตรีของฉัน ฉันจะเก็บเป็นความลับ เชื่อใจฉันนะ"
หลังจากนั้นโจน่าก็มาช่วยงานที่ไร่ของทิวลิปสม่ำเสมอ
............................................................................
กลางเดือนขณะที่ขุนนางอวุโสเดินเที่ยวเล่นในเมือง ได้ถูกหญิงแก่ชนล้ม ตะกร้าดอกไม้กระจัดกระจาย ขุนนางคนนั้นนั้นหัวแตก เขาโมโหหยิบฆ้อนจากเอวอัศวินมากระหน่ำตีพร้อมทั้งสาปแช่ง
"แก นังแม่มด แกมันคือแม่มด"
อัศวินศักดิ์สิทธิ์จับกุมตัวหญิงแก่ไปสอบสวน หลังจากโดนทรมานหลายวันเธอก็รับสารภาพ
เธอโดนขึ้นศาล โทษฐานที่เป็นแม่มด
"เราไม่ควรทรมานแม่มดโดยการปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่"
ศาลตัดสินให้เผาเธอต่อหน้าสาธารณะชน
อัศวินยืนเรียงรายล้อมแม่มดที่ถูกมัดกับเสาบนกองฟืนท่อนโต เนื้อตัวของหญิงแก่มีแต่ร่องรอยโดนทรมาน
หลังหัวหน้าอัศวินรายงานความผิดเขาก็โยนคบไฟลงบนกองฟืนที่ชุ่มไปด้วยน้ำมัน
"ฮ๊ากกกก โอยยยยย ขาจะสาปแช่งง พวกกแกกกกก อ๊ากกกกก"
แม่มดโดนเผาจนขาดใจตายต่อหน้าประชาชนที่มาดูเหตุการณ์ ลิลลี่ยืนอึ้งกับภาพที่เห็นเธอจับแขนโจน่าด้วยมือที่สั่นเทาและน้ำตาไหลขัดแย้งกับใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกไปแล้ว
"ลิลลี่ น้ำตา เธอกำลังทำตัวพิรุธ"
โจน่าเช็ดนำ้ตาของเธอจนแห้งก่อนที่จะมีอัศวินสังเกตุเห็น ลิลลี่ยืนมองดูจนไฟมอดดับและไม่เหลือใครที่นั่นอีก
เธอเดินไปเก็บจี้ที่เกรียมเพราะใหม้ไฟจนขาดออกจากคอแม่มดเธอเก็บมันกลับบ้านด้วย
ทุ่งดอกไม้ตอนนี้เหลือเพียงแต่ลิลลี่ไม่มีทิวลิปอีกแล้ว เธอร้องให้ที่โรงนากลางทุ่งลิลลี่ด้วยใจที่แตกสลาย
"โฮ แม่คะ แม่ แม่ไม่เคยทำร้ายใครสักหน่อย ทำใมแม่ไม่ได้เป็นอย่างฉันด้วยซ้ำ"
เสียงร้องให้หายไปเมื่อตอนไกล้รุ่งพร้อมกับหัวใจที่แตกสลาย
ชาวเมืองไม่ซื้อดอกไม้จากเธออีกแล้ว แม้แต่ร้านมาร์คัสก็ไม่รับเธอกลับเข้าทำงานเพราะว่าเธอเป็นลูกของแม่มด โจน่าได้แต่มองเขาช่วยอะไรไม่ได้อีกต่อไป
ลิลลี่ยังคงเที่ยวเดินรอบเมืองเพื่อขายดอกไม้ ด้วยแววตาที่ต่างจากเดิม แววตาที่รวมความเกลียดชังของชาวเมืองไว้ในอก
เด็กสาวใจดีร่าเริงคนเดิมไม่มีอีกต่อไป
"เห็นแววตามันใหม มันปิศาจชัดๆ"
"มันจะล้างแค้นพวกเรา แม่มันเป็นแม่มด ลูกมันล่ะ"
"แต่เราไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน"
"โจน่าไงล่ะ หมอนั่นต้องรู้เรื่องแน่"
เสียงชาวเมืองกระซิบกระซาบในความมืดกับเรื่องที่น่ากลัว โจน่าโดนอัศวินจับตัวไปขณะที่ลิลลี่ได้แต่นั่งเหม่อลอยอย่างสิ้นหวังที่โรงนา
ภายในห้องสอบสวนมีเครื่องทรมานแม่มดมากมายซึ่งแต่ละอันยังมีคราบเลือด โจน่านั่งตัวตรงด้วยความกลัว ผู้ต้องสงสัยยังถูกนำตัวมาสอบสวนเรื่อยๆ โจน่ากลัวจนตัวสั่นไปหมดตรงหน้าเขามีหัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ยืนถือขนมปังกับขวดนม
เขาวางแล้วเลื่อนมาตรงหน้าโจน่า
"กินซะสิเจ้าหนู แกดูสั่นกลัวไม่ต่างจากคราวนั้นเลย ทำใมล่ะ...คิดว่าฉันจะทำอะไรแก โจน่า"
"ผมมีแม่ที่ป่วยต้องเลี้ยงดูปล่อยผมไปเถอะ"
"นั่นก็แล้วแต่ว่าจะให้การช่วยเหลือเราแค่ใหน ใช่เหมือนตอนนั้นไง ตอนที่เป็นพยานให้แม่ของเด็กคนนั้นไง แต่ตอนนั้นเธอยืนยันว่าเด็กคนนั้นไม่เกี่ยวข้อง"
หัวหน้าอัศวินตบมือลงกับโต๊ะไม้ดังปังเสียงดังจนโจน่าสะดุ้งตกใจอย่างแรง
"พ่อของแก หมายถึงโจนาธานลูกน้องฉัน โดนแม่มดฆ่าตอนกวาดล้าง แกจะช่วยมันทำใม มันกำลังเอาทุกอย่างไปจากแกโจน่า เรากำลังทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ดูชาวเมืองที่กำลังกลัวและหวาดระแวงนั่นสิ แค่ผู้หญิงคนเดียวหาใหม่ไม่ยากหรอก ฉันจะให้แกได้เล่นเปียโนในวัง นั่นก็แล้วแต่แก ทรยศมันอีกครั้ง ไม่สิ เลือกว่าจะอยู่ข้างใหน มนุษย์หรือปิศาจ"
......................................................................
ลิลลี่ไม่ออกมาขายดอกไม้อีกแล้ว เธอไม่ออกมาจากไร่เลย เธอกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่าง
เธอยืนอยู่กลางโรงนาที่มีการเขียนสูตรและตัวอักษรแปลกประหลาด และมีวงแหวนสีเลือดขนาดใหญ่อยู่กลางพื้นโรงนา
"ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้ ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแม่ ถ้ามันเป็นพรสวรรค์จากพระเจ้าจริงๆละก็ เอาแม่ของฉันกลับคืนมานะ"
"แปลกจังที่มันอยู่ในหัวสมองของฉันอยู่ก่อนแล้ว"
เธอถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วเอามีดเชือดให้เลือดไลลงกลางวงแหวน แล้วเธอก็รักษาแผลอย่างเร็ว
"เลือดจากจากสายเลือดเดียวกัน"
เธอโยนจี้ที่ใหม้ไฟลงกลางกองเลือดข้างในมีรูปพ่อของเธอ
"สิ่งที่เธอพกติดตัวตลอดเวลา"
หลังจากนั้นเธอก็คุกเข่าลงกางมือของเธอประทับลงรอยเลือด
"และพรสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า"
แสงสีเขียวสว่างไปทั่วทุ่งลิลลี่แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากความเงียบ เธอร้องให้กับความล้มเหลว
"ไม่ได้ผลอีกแล้ว ทำใมกัน ทำใมฉันรักษาความตายไม่ได้"
เสียงคนเดินตรงหน้าประตูทำให้เธอหันไปก็พบโจน่าที่มีร่องรอยบาดแผลจากการถูกซ้อม
"โจน่า เธอดูแย่จัง"
"เธอเองก็เช่นกัน แต่สัญลักษณ์แปลกๆนี่ทำฉันรู้สึกแย่"
ลิลลี่นั่งกอดเข่าร้องให้ข้างมีโจน่าที่นั่งมองดูเธออย่างไกล้ชิด โจน่าได้ฟังเรื่องราวก็ส่ายหัว
"ฉันคิดว่าไม่มีเพรสวรรค์ใดรักษาคนจากความตายได้หรอกลิลลี่ เราทำได้แค่ยอมรับมันแค่นั้น"
ลิลลี่หันมองโจน่าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นชา
"ไม่ ฉันยังไม่ได้ลองใช้ชีวิตมนุษย์"
ปึ๊ก มีบางอย่างฟาดหัวโจน่าแล้วเขาก็สลบไป เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขาก็พบว่าเขาอะไรบางอย่างที่มีชีวิตรัดแขนเขาไว้ เขาได้ยินเสียงลิลลี่ร่ายคาถาที่น่าขยะแขยงและแสบหู แสงสีเขียวสว่างวาบจนแสบตา ตัวยึกยีอประหลาดก็คลานออกมาจากกองเลือดนั่น เมื่อเขามองดูดีๆก็พบว่ามันเป็นอวัยวะมนุษย์ที่ไม่สมประกอบที่ถูกทำให้มีชีวิต
"ไกล้แล้ว โจน่าฉันขอขาของเธอนะ"
ตัวประหลาดที่ดูคล้ายก้อนเนื้อตัดขาเขาด้วยขวาน มันเอาไปวางลงกองเลือดกลางวงแหวน ก่อนที่โจน่าจะสลบไปเพราะความเจ็บปวดเขาเห็นลิลลี่กำลังรักษาแผลให้เขา
เป็นอย่างนี้หลายๆรอบเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็พบว่ามีตัวประหลาดเพิ่มขึ้นทุกครั้งจนจิตใจเขาเริ่มรับไม่ได้
"โจน่าคราวนี้ขาสองข้างนะ ไม่ต้องห่วงฉันจะรีบรักษาให้ทันที ทนเจ็บนิดเดียวใช่มันคงเจ็บมาก"
"ฆ่า...ฉัน..เถอะ"
ลิลลี่หยุดแล้วค่อยหันมาทางเขาแววตาเธอไร้ความรู้สึกไปแล้ว
"ทำใมอยากตายล่ะโจน่า ทั้งที่เธอกลัวตายถึงกับขายฉันกับแม่ให้อัศวิน ทำให้แม่ฉันถูกเผาต่อหน้าต่อตาฉัน....."
"ทำใม"
ลิลลี่ตวาดเสียงดัง จนโจน่าหน้าซีดเผือด เหล่าตัวประหลาดส่งเสียงคำรามตอบสนองเธอฟังดูน่ากลัว
"เมื่อราตรีย่ำกราย....ดวงจันทร์สาดแสงส่อง...เห็นเธอที่หัวใจสลาย"
โจน่าร้องเพลงขึ้นมาทำให้ลิลลี่สงบลงแม้ตายังเบิกโพลง เหล่าตัวประหลาดก็สงบลงด้วยเช่นกัน
"จำได้ใหม ว่ามีคนเหมือนเธออยู่ตรงนี้ใง ที่เข้าใจ......"
โจน่าร้องต่อไปลิลลี่เอามือปิดหูสีหน้าเจ็บปวด เธอจำเพลงนี้ได้เธอทำงานที่บาร์เวลาเธอเสิร์ฟเบียร์แก่แขก โจน่าเล่นเปียโนและร้องเพลงนี้จีบเธอ และเธอก็ชอบมันมาก
โจน่ายังร้องเพลงต่อไป ตัวประหลาดที่หนีบมือเขาไว้เริ่มผ่อนแรงลงแล้ว
"พอ หยุดร้องได้แล้วโจน่า ฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว ฉันเป็นแม่มดและใช้เวทย์มนต์ชั่วร้าย มีแต่ปิศาจพวกนี้ที่อยู่เคียงข้างฉัน ได้โปรดหยุดร้อง"
โจน่าสลัดหลุดจากตัวประหลาดได้มันไม่ทำร้ายเขาเลย ดูเหมือนมันจะตอบสนองกับลิลลี่
"ลิลลี่เธอเปี่ยมด้วยความรักเสมอ และมันไม่ใช่เวทย์มนต์ มันคือพรสวรรค์ของพระเจ้าไงล่ะ ฉันเข้าใจเธอ พ่อฉันถูกแม่มดฆ่าตาย และแม่ฉันเป็นวัณโรคที่ใช้เงินในการรักษามหาศาล หนทางของฉันมีแต่ความมืดและเห็นแก่ตัว จนพบเธอ ทำให้ชีวิตฉันไม่ดูแย่เท่าไรนัก"
เขาเดินเข้าไปหาลิลลี่ที่ยืนฟังเขาพูดอยู่พวกตัวประหลาดเริ่มมาขวางทางเขา
"แต่มันผิดตั้งแต่ต้นลิลลี่ ฉันเป็นสายให้อัศวินเพื่อแลกกับเงินตั้งแต่ก่อนพบเธอครั้งแรก ถ้าเธอไม่รักษามือให้ฉัน ฉันคงไม่ได้เอาเรื่องเธอไปขาย แม่เธอเธอคงไม่ต้องถูกเผาจนตาย และครั้งนี้..."
ลิลลี่ยืนส่ายหัวไปมาพยามไม่รับรู้เธอเต็มไปด้วยความสับสน ในหัวมีแต่คำว่าทำใม
"ฉันเห็นเธอในสภาพนี้ ฉันเสียใจ มันเป็นเพราะฉัน ฉันมาเพื่อชดใช้ให้เธอ"
โจน่าควักมีดสั้นออกมาแล้วพุ่งเข้าหาลิลลี่ พวกตัวประหลาดกระโจนหาเขาแล้วฉีกเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ต่อหน้าลิลลี่
เศษเนื้อและเลือดเจิ่งนองไปทั่วโรงนา ลิลลี่ถูกอาบด้วยสีแดงจากเลือด
จิตใจของลิลลี่จมหายสู่ความมืดที่เจ็บปวดอันแสนสาหัส
......................................
กองอัศวินเมื่อไม่เห็นโจน่ากลับออกมารายงาน พวกเขาจึงเริ่มบุกเข้าโรงนาโดยฝ่าทุ่งลิลลี่
แล้วทุกคนก็ต้องตกใจกับแสงสีเขียวที่สว่างวาบ พอมันหายไปทุกนายก็รุกคืบเข้าไปอีก
"ฆ่ามันได้เลยทันทีที่พบตัว"
หัวหน้าอัศวินสั่งการลูกน้องอัศวินยี่สิบคนบุกเข้ามาด้วยความเงียบ แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อมีบางอย่าพันขาพวกเขาไว้เหมือนงูรัด
พวกเขาต้องตกตะลึงเมื่อมีตัวประลาดที่มีกงเล็บและฟันอันแหลมคมอยู่เต็มทุ่งลิลลี่ พวกมันกระโจนใส่อัศวินแล้วกระชากชุดเกราะเหล็กขาดอย่างง่ายดาย
เสียงร้องโหยหวนดังไปทั่วทุ่งลิลลี่ ในโรงนา ลิลลี่นั่งกอดหัวของโจน่าที่เย็นเฉียบบนเก้าอี้ มีตัวประหลาดที่ไร้ลูกตามาออดอ้อนลิลลี่
"อา....แย่จัง พรสวรรค์แห่งพระเจ้ารักษาความตายไม่ได้จริงๆ ใช่ฉันรักเขามาก รักแรกของฉัน ฉันไม่เคยอยากให้เขาตาย"
จิตใจที่มีความรู้สึกจะอดทนต่อสิ่งรุมเร้าไปได้สักแค่ใหน ลิลลี่อาจได้พิสูจน์แล้ว ไกล้เช้าเสียงร้องไม่มีอีกแล้ว มีแต่ดอกลิลลี่ที่มีสีแดงสดเหมือนสีเลือดเต็มทุ่งอันกว้างใหญ่
กลางทุ่งมีโรงนาที่มีแต่กลิ่นคาวเลือด อักษรประหลาด และซากของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มารวมตัวกันในโรงนาแห่งนี้ พวกมันเริ่มเน่าเหม็น
และศพหญิงสาวที่นั่งกอดหัวมนุษย์อยู่บนเก้าอี้ บนพื้นมีขวดยาพิษตกอยู่
และมันว่างเปล่าเพราะถูกใครบางคนดื่มมันไป
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
จบบทที่-3 ลิลลี่ไร้รัก
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ