เรื่องที่หก : บูมเมอแรง
8.2
เขียนโดย larceta
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 18.28 น.
8 ตอน
9 วิจารณ์
11.66K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 เมษายน พ.ศ. 2557 20.32 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) หนึ่ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เรื่องที่หก : บูมเมอแรง
"วี แกรู้จักบูมเมอแรงไหม" ผมพยักหน้า "รู้จัก" "รู้จักว่ายังไง" "อาวุธล่าสัตว์ของเผ่าอะบอริจิน รูปร่างเป็นด้ามโค้ง ใช้ขว้าง สามารถกลับมาเองได้หากไม่โดนเป้าหมาย เหมือนเนื้อเพลงฮิตเมื่อยี่สิบปีก่อน" "แกรู้ดีเลย" ช็อตยกนิ้วเคาะอากาศแล้วชี้มาที่ผม นั่นแปลว่าเขาชอบคำตอบที่ผมตอบไป "แล้วแกสนใจอยากขว้างดูสักหน่อยมั้ย" "แกมี?" "ได้มาอันนึง เป็นของฝากจากพี่ชาย ของแท้ทำมือจากออสเตรเลีย" ผมไม่ตอบรับในทันที ที่จริง ผมกำลังงงอยู่เลยว่าคุยกันไปคุยกันมาแล้วมันมาจบที่เรื่องบูมเมอแรงได้ยังไง "ไม่เอาน่า ลองสักครั้งเถอะ ถือว่าได้ลองของแปลกๆสักครั้งในชีวิต" "แต่ที่นี่มันในหมู่บ้านนะ จะมาขว้างของแบบนี้สุ่มสี่สุ่มห้าได้ไง" ผมบอก "งั้นก็ไปที่ริมน้ำสิ ที่นั่นน่ะกว้างแล้วก็โล่งด้วย ขว้างยังไงก็ไม่มีทางโดนหัวคนแน่" คิดแล้วไม่ผิด ที่แท้หมอนี่ก็แค่อยากไปที่ริมน้ำเท่านั้นเอง ริมน้ำที่พูดถึงนั้นหมายถึงลานดินเกิดจากการแห้งคอดของแม่น้ำที่ท้ายหมู่บ้าน เป็นลานที่จะเกิดขึ้นในหน้าน้ำแห้งซึ่งเมื่อรวมกับตลิ่งน้ำตามปกแล้ว จะมีขนาดเกือบเท่าสนามฟุตบอล สถานที่ประจำของผมและเป็นสถานที่โปรดของช็อต "ก็ได้ๆ ไปก็ไป" ด้วยระยะทางเพียงยี่สิบนาทีโดยใช้มอเตอร์ไซค์ พวกเราที่เลียบริมแม่น้ำมาก็มาถึงบริเวณที่เป็นลานกว้างที่สุด โล่งและไม่มีใครเพราะเป็นเวลาบ่ายสามโมงที่ยังมีแดดเปรี้ยง หลังเดินผ่านพุ่มหญ้าเตี้ยๆแห้งที่ดูเหมือนหญ้ากระดาษที่ใช้ประกอบฉากบนเวทีในละครเวที พวกเราก็มาถึงกลางลานมีลักษณะเกือบเป็นวงรีขนาดเกือบเท่าสนามฟุตบอล สถานที่ซึ่งเรา (หรือช็อต คนเดียว) จะใช้เป็นที่ทดสอบการขว้างบูมเมอแรง "วิธีการขว้างบูมเมอแรงที่ถูกต้องนั้นจะต้องจับบูมเมอแรงในแนวตั้ง หันด้านที่เหมือนยอดจั่วเข้าหาตัว ก่อนจะสะบัดข้อมือขว้างออกไป โดยให้นึกเวลาที่เราปาลูกดอก" ช็อตบอกผม "ตอนที่ขว้างออกไปนั้น จากแนวตั้งที่เราขว้างออกไป มันจะค่อยๆพลิกตัวเป็นแนวนอน แล้วในขณะที่บูมเมอแรงบินไปในแนวนอน ปีกของมันจะหมุนไปด้วย ซึ่งจากหลักของอากาศพลศาสตร์ ขณะที่มันหมุนและพุ่งแหวกอากาศ อากาศด้านบนของปีกด้านบนที่หมุนอยู่จะมีอัตราความเร็วมากกว่าด้านล่างและทำให้ความดันของมันต่ำกว่าความดันด้านล่าง แล้วความแตกต่างของแรงดันนี้เองที่จะสร้างแรงยก บวกกับการหมุนของมัน แรงดังกล่าวส่งผลให้ทิศทางเคลื่อนที่ของบูมเมอแรงเบนไปทางซ้ายและนั่นเองที่ทำให้บูมเมอแรงหมุนกลับมาหาเรา" เขาอธิบาย ผมไม่พูดอะไรและอือออไปตามเรื่องที่เขาบอก หลังอธิบายจบ ช็อตก็บอกให้ผมจับตามองให้ดี นับหนึ่ง-สอง-สาม ก่อนจะขว้างบูมเมอแรงออกไป เจ้าท่อนรูปจั่วหมุนอยู่กลางอากาศแล้วค่อยๆโค้งกลับมา ทว่าแทนที่จะกลับมาจุดเดิม มันกลับเบี่ยงไปตกห่างไปเกือบสิบเมตรได้ "เฮ้ย? ทำไมเป็นงี้วะเนี่ย" ช็อตทำหน้างงๆแล้วหันมองผม ผมทำหน้า "จะไปรู้เรอะ" ตอบไป เขาจึงได้เกาหัวแกรกๆแล้วเดินไปหยิบบูมเมอแรงกลับมา "เอ หรือว่าเมื่อกี้จะขยับข้อมือน้อยไปหว่า งั้นลองใส่แรงอีกสักหน่อยแล้วกัน" ช็อตลองขว้างอีกครั้ง ครั้งนี้บูมเมอแรงลอยอยู่กลางอากาศนานกว่าเดิม ก่อนจะไปตกห่างจากจุกที่ขว้างไกลออกไปราวสิบห้าเมตร ยังไม่กลับมาที่เดิม "โธ่ อีกแล้วๆ" ช็อตเบ้หน้าอย่างหงุดหงิดก่อนจะวิ่งไปหยิบบูมมาอีกครั้ง แล้วจากก็ขว้างอีกครั้ง วนเป็นลูปขว้าง ตก วิ่งเก็บ อยู่อย่างนั้น ภาพที่เห็นเขาต้องวิ่งไปเก็บบูมที่ขว้างออกไปทำให้ผมนึกถึงสุนัขที่ถูกฝึกให้ไปคาบของตามคำสั่ง ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงเลย หลังดูเขาวิ่ง-หยิบ-ขว้างอยู่พักหนึ่ง ผมก็รู้สึกว่ามันไม่เห็นน่าสนใจหรือน่าสนุกตรงไหน จึงผละออกมาแล้วหลบมานั่งใต้ต้นไม้เงาต้นไม้ที่ขอบตลิ่ง ด้วยความรู้เรื่องพืชพันธุ์แทบจะเป็นศูนย์ ผมจึงไม่รู้เลยว่ามันเป็นต้นอะไร รู้แค่มันมีใบและกิ่งก้านพอจะบังแดดได้ แม้จะสี่โมงเย็นแล้วแต่อากาศหน้าร้อนยังร้อนทารุณ ผมต้องการร่มเงาเพื่อหลบแดด หรืออย่างน้อยก็ทำให้ผมโดนรังสีที่มีอยู่ไม่รู้กี่ชนิดในแสงแดดน้อยลงสักหน่อยน่าจะดี
แต่ถึงอยู่ในร่ม ก็ใช่ว่าจะเย็นกว่าสักเท่าใดนัก "ร้อนว่ะ น่าจะเอาน้ำไม่ก็เบียร์เย็นๆมาสักกระป๋อง" ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเหือดแห้ง เหมือนปริมาณน้ำในร่างกายกำลังระเหยออกจากร่าง ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาขนาดประมาณนี้ ผมน่าจะยังอยู่ในห้องทำงานในออฟฟิศที่มีแอร์เย็นฉ่ำไม่ก็ห้องประชุมหน้าดำคร่ำเครียด หรือไม่ก็อยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือร้านกาแฟ หรือที่ไหนสักที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ น้อยเหลือเกินที่ผมจะอยู่ในที่แจ้งแดดเปรี้ยง โดยเฉพาะกับริมแม่น้ำในหน้าร้อนที่แม่น้ำยังแห้งขอดถึงก้นแบบนี้ และแน่นอน ผมไม่เคยคิดเลย ว่าจะได้กลับมาที่บ้านเกิดแบบนี้
"วี แกรู้จักบูมเมอแรงไหม" ผมพยักหน้า "รู้จัก" "รู้จักว่ายังไง" "อาวุธล่าสัตว์ของเผ่าอะบอริจิน รูปร่างเป็นด้ามโค้ง ใช้ขว้าง สามารถกลับมาเองได้หากไม่โดนเป้าหมาย เหมือนเนื้อเพลงฮิตเมื่อยี่สิบปีก่อน" "แกรู้ดีเลย" ช็อตยกนิ้วเคาะอากาศแล้วชี้มาที่ผม นั่นแปลว่าเขาชอบคำตอบที่ผมตอบไป "แล้วแกสนใจอยากขว้างดูสักหน่อยมั้ย" "แกมี?" "ได้มาอันนึง เป็นของฝากจากพี่ชาย ของแท้ทำมือจากออสเตรเลีย" ผมไม่ตอบรับในทันที ที่จริง ผมกำลังงงอยู่เลยว่าคุยกันไปคุยกันมาแล้วมันมาจบที่เรื่องบูมเมอแรงได้ยังไง "ไม่เอาน่า ลองสักครั้งเถอะ ถือว่าได้ลองของแปลกๆสักครั้งในชีวิต" "แต่ที่นี่มันในหมู่บ้านนะ จะมาขว้างของแบบนี้สุ่มสี่สุ่มห้าได้ไง" ผมบอก "งั้นก็ไปที่ริมน้ำสิ ที่นั่นน่ะกว้างแล้วก็โล่งด้วย ขว้างยังไงก็ไม่มีทางโดนหัวคนแน่" คิดแล้วไม่ผิด ที่แท้หมอนี่ก็แค่อยากไปที่ริมน้ำเท่านั้นเอง ริมน้ำที่พูดถึงนั้นหมายถึงลานดินเกิดจากการแห้งคอดของแม่น้ำที่ท้ายหมู่บ้าน เป็นลานที่จะเกิดขึ้นในหน้าน้ำแห้งซึ่งเมื่อรวมกับตลิ่งน้ำตามปกแล้ว จะมีขนาดเกือบเท่าสนามฟุตบอล สถานที่ประจำของผมและเป็นสถานที่โปรดของช็อต "ก็ได้ๆ ไปก็ไป" ด้วยระยะทางเพียงยี่สิบนาทีโดยใช้มอเตอร์ไซค์ พวกเราที่เลียบริมแม่น้ำมาก็มาถึงบริเวณที่เป็นลานกว้างที่สุด โล่งและไม่มีใครเพราะเป็นเวลาบ่ายสามโมงที่ยังมีแดดเปรี้ยง หลังเดินผ่านพุ่มหญ้าเตี้ยๆแห้งที่ดูเหมือนหญ้ากระดาษที่ใช้ประกอบฉากบนเวทีในละครเวที พวกเราก็มาถึงกลางลานมีลักษณะเกือบเป็นวงรีขนาดเกือบเท่าสนามฟุตบอล สถานที่ซึ่งเรา (หรือช็อต คนเดียว) จะใช้เป็นที่ทดสอบการขว้างบูมเมอแรง "วิธีการขว้างบูมเมอแรงที่ถูกต้องนั้นจะต้องจับบูมเมอแรงในแนวตั้ง หันด้านที่เหมือนยอดจั่วเข้าหาตัว ก่อนจะสะบัดข้อมือขว้างออกไป โดยให้นึกเวลาที่เราปาลูกดอก" ช็อตบอกผม "ตอนที่ขว้างออกไปนั้น จากแนวตั้งที่เราขว้างออกไป มันจะค่อยๆพลิกตัวเป็นแนวนอน แล้วในขณะที่บูมเมอแรงบินไปในแนวนอน ปีกของมันจะหมุนไปด้วย ซึ่งจากหลักของอากาศพลศาสตร์ ขณะที่มันหมุนและพุ่งแหวกอากาศ อากาศด้านบนของปีกด้านบนที่หมุนอยู่จะมีอัตราความเร็วมากกว่าด้านล่างและทำให้ความดันของมันต่ำกว่าความดันด้านล่าง แล้วความแตกต่างของแรงดันนี้เองที่จะสร้างแรงยก บวกกับการหมุนของมัน แรงดังกล่าวส่งผลให้ทิศทางเคลื่อนที่ของบูมเมอแรงเบนไปทางซ้ายและนั่นเองที่ทำให้บูมเมอแรงหมุนกลับมาหาเรา" เขาอธิบาย ผมไม่พูดอะไรและอือออไปตามเรื่องที่เขาบอก หลังอธิบายจบ ช็อตก็บอกให้ผมจับตามองให้ดี นับหนึ่ง-สอง-สาม ก่อนจะขว้างบูมเมอแรงออกไป เจ้าท่อนรูปจั่วหมุนอยู่กลางอากาศแล้วค่อยๆโค้งกลับมา ทว่าแทนที่จะกลับมาจุดเดิม มันกลับเบี่ยงไปตกห่างไปเกือบสิบเมตรได้ "เฮ้ย? ทำไมเป็นงี้วะเนี่ย" ช็อตทำหน้างงๆแล้วหันมองผม ผมทำหน้า "จะไปรู้เรอะ" ตอบไป เขาจึงได้เกาหัวแกรกๆแล้วเดินไปหยิบบูมเมอแรงกลับมา "เอ หรือว่าเมื่อกี้จะขยับข้อมือน้อยไปหว่า งั้นลองใส่แรงอีกสักหน่อยแล้วกัน" ช็อตลองขว้างอีกครั้ง ครั้งนี้บูมเมอแรงลอยอยู่กลางอากาศนานกว่าเดิม ก่อนจะไปตกห่างจากจุกที่ขว้างไกลออกไปราวสิบห้าเมตร ยังไม่กลับมาที่เดิม "โธ่ อีกแล้วๆ" ช็อตเบ้หน้าอย่างหงุดหงิดก่อนจะวิ่งไปหยิบบูมมาอีกครั้ง แล้วจากก็ขว้างอีกครั้ง วนเป็นลูปขว้าง ตก วิ่งเก็บ อยู่อย่างนั้น ภาพที่เห็นเขาต้องวิ่งไปเก็บบูมที่ขว้างออกไปทำให้ผมนึกถึงสุนัขที่ถูกฝึกให้ไปคาบของตามคำสั่ง ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงเลย หลังดูเขาวิ่ง-หยิบ-ขว้างอยู่พักหนึ่ง ผมก็รู้สึกว่ามันไม่เห็นน่าสนใจหรือน่าสนุกตรงไหน จึงผละออกมาแล้วหลบมานั่งใต้ต้นไม้เงาต้นไม้ที่ขอบตลิ่ง ด้วยความรู้เรื่องพืชพันธุ์แทบจะเป็นศูนย์ ผมจึงไม่รู้เลยว่ามันเป็นต้นอะไร รู้แค่มันมีใบและกิ่งก้านพอจะบังแดดได้ แม้จะสี่โมงเย็นแล้วแต่อากาศหน้าร้อนยังร้อนทารุณ ผมต้องการร่มเงาเพื่อหลบแดด หรืออย่างน้อยก็ทำให้ผมโดนรังสีที่มีอยู่ไม่รู้กี่ชนิดในแสงแดดน้อยลงสักหน่อยน่าจะดี
แต่ถึงอยู่ในร่ม ก็ใช่ว่าจะเย็นกว่าสักเท่าใดนัก "ร้อนว่ะ น่าจะเอาน้ำไม่ก็เบียร์เย็นๆมาสักกระป๋อง" ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเหือดแห้ง เหมือนปริมาณน้ำในร่างกายกำลังระเหยออกจากร่าง ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาขนาดประมาณนี้ ผมน่าจะยังอยู่ในห้องทำงานในออฟฟิศที่มีแอร์เย็นฉ่ำไม่ก็ห้องประชุมหน้าดำคร่ำเครียด หรือไม่ก็อยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือร้านกาแฟ หรือที่ไหนสักที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ น้อยเหลือเกินที่ผมจะอยู่ในที่แจ้งแดดเปรี้ยง โดยเฉพาะกับริมแม่น้ำในหน้าร้อนที่แม่น้ำยังแห้งขอดถึงก้นแบบนี้ และแน่นอน ผมไม่เคยคิดเลย ว่าจะได้กลับมาที่บ้านเกิดแบบนี้
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ