[เรือคาราวานที่ไปไม่ถึงฝั่ง]
เขียนโดย larceta
วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.27 น.
แก้ไขเมื่อ 24 เมษายน พ.ศ. 2557 21.18 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) วิญญาณแห่งคุ้งน้ำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ--\__3__/--
วิญญาณแห่งคุ้งน้ำ
ใช้เวลาราวสี่สิบนาทีในการเตรียมตัว เจ้าแมวออกมาพร้อมเครื่องแบบเต็มยศ ทั้งรองเท้าบู้ทแบบผูกเชือกที่มีลายรูปปีกสีทองกับหมวกบาร์แร่ติดขนนก ดูดีจนเกือบจะเท่าเจ้าแมวแคทซิสส์ในตำนานแมวสวมรองเท้าบู้ทอยู่แล้ว ทว่าดันมาเสียอย่างแรงก็ตรงเสื้อกั๊กสีส้มที่มีชื่อบริษัทกับหมายเลข 1 พิมพ์ติดด้านหลังนี่แหละ ดูแล้วเหมือนเสื้อกั๊กวิน "เมจิคไซเคิล (Magic Circle)" หรือรถรับจ้างสองล้อพลังเวทมนต์ไม่มีผิด นี่ถ้ามีกระดานหมากฮอสด้วยละก็ใช่เลย
"เอาล่ะเมี๊ยว ออกไปหาเรือสมบัติ....เอ่อ เรือคาราวานกันเลยเมี๊ยว!"
เจ้าแมวพูดเรียกขวัญและใช้ไม้พายดันเรือออกจากท่า เรือออกจากท่าตอนบ่ายโมงกว่า เรือไม้สีลูกโอ๊กไหลเรื่อยกลางแม่น้ำสายใหญ่ แม้จะเล็กแต่ก็แข็งแรง บวกกับฝีมือพายของเจ้าแมวแคชชี่ที่สมราคาคุย ไม่ว่าน้ำเชี่ยวหรือนิ่งก็สามารถประคับประคองเรือไปได้อย่างไม่เสียหลัก แต่กระนั้น มันก็ไม่ได้แสดงฝีมือส่วนนี้บ่อยนัก เพราะกระแสน้ำในวันนี้ราบนิ่ง ซ้ำยังมีลมที่โชยกลิ่นหอมของผลไม้พัดผ่านเคล้ากับเสียงขับขานของป่าเขา บรรยากาศร่มรื่นเป็นอย่างยิ่ง แม้จะเป็นเวลาบ่ายก็ไม่รู้สึกว่าร้อนแม้แต่น้อย อีกทั้งจากการที่เจ้าแมวถือฝีพายอยู่ด้านหลังยังทำให้เด็กหนุ่มสามารถมองเห็นวิวด้านหน้าได้โดยไม่ถูกบดบัง ลำน้ำสีเงินซึ่งถูกขนาบข้างด้วยแผ่นดินสีเขียวสองข้างและภูเขาสีเทาหม่นอยู่ไกลลิบๆ ทิวทัศน์สวยงามและอากาศแสนสดชื่นที่ชวนให้ใจเหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหน เหมือนเรือใบไม้แล่นแผ่วเบาไปบนคลื่นผิวน้ำ
ทว่าตลอดเส้นทาง เด็กหนุ่มกลับเอาแต่ก้มหน้าแล้วขยุกขยิกไปมาไม่ยอมเงยขึ้นมามองทาง นานสองนานจนเจ้าแมวอดถามไม่ได้
"ทำอะไรอยู่เหรอเมี๊ยว"
"กำลังสเก็ตรูปอยู่" เด็กหนุ่มตอบ
"เมี๊ยว?"
"ก็รูปเรือคาราวานไงล่ะ"
ลงเส้นเสร็จ เด็กหนุ่มก็หันภาพตัวเองให้เจ้าแมวดู เป็นรูปเรือสำเภาที่มีใบสามใบและมีแม่ย่านางเป็นร่างเปลือยครึ่งท่อนบนของหญิงสาว
"นี่เจ้าวาดเองอย่างนั้นเหรอเมี๊ยว"
เด็กหนุ่มพยักหน้า "ข้าจินตนาการเอาจากคำบรรยายในหนังสือ" เขาตอบ "ไม่ได้คุยนะ แต่ถ้าเป็นเรื่องวาดภาพละก็ ข้ามั่นใจที่สุดเลยว่าไม่เป็นสองรองใครในอาณาจักรเวทมนต์เลย"
แคชชี่ดูรูปนั้นอีกครั้ง ที่เด็กหนุ่มพูดนั้นไม่ได้เกินเลยไปเลย แม้จะเป็นเพียงแค่ภาพลายเส้นดินสอที่ไม่ได้ลงสีและไม่มีเครื่องมือใดๆช่วย แต่กลับดูสวยงามและมีมิติราวกับจะทะลุออกจากกระดาษ สร้างความประทับใจให้กบมันเป็นอย่างมาก
'แค่รู้รายละเอียดนิดเดียวกลับวาดรูปได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยเมี๊ยว หมอนี่จินตนาการสุดยอดไปเลยเมี๊ยว' มันคิค 'นี่หรือเปล่านะที่เขาว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ...หรือไม่รู้'
"ว่าแต่ เรือที่เราจะไปหาเนี่ย อยู่ที่ไหนกันรึ"
"เมี๊ยว?"
คำถามที่มาอย่างกระทันหันของเด็กหนุ่มทำให้เจ้าแมวตั้งตัวไม่ทัน และเพราะเมื่อกี้มัวแต่ตื่นเต้นเรื่องเรือสมบัติ ทำให้มันลืมเรื่องสถานที่ไปเสียสนิท เหมือนอย่างสุภาษิตโบราณของชาวแคซซิสที่ว่า รีบร้อนไปจับปลาจนลืมเบ็ดไม่มีผิด
"ดะ...เดี๋ยวนะ ขอนึกก่อนนะเมี๊ยว"
เจ้าแมวไล่หาหน้าที่บอกสถานที่ที่เป็นที่ซ่อนเรือสมบัติจากหนังสือที่ก็อปปี้เด็กหนุ่ม (ใช้เวทมนต์เสกตัวอักษรลงกระดาษโดยเครื่องสำเนาเอกสารเวทมนต์ เจ้าแมวขอสำเนาไว้ชุดหนึ่งซึ่งซเวซก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะยังไงตัวเองที่อ่านไม่ออกก็ต้องพึ่งเจ้าเหมียวในการนำทางอยู่แล้ว)
"สถานที่ สถานที่... อ๊ะเจอแล้ว ที่เขตเมืองสำเภาทองนี่เอง แล้วสถานที่ก็..."
เขาพบมัน แต่ว่าแทนที่จะอ่านชื่อ มันกลับร้อง "เมี๊ยว!?" ขึ้นมาแทนจนซเวซสงสัย
"มีอะไร ร้องเสียงดังเชียว"
เจ้าแมวหันมาและพยายามกลบเกลื่อนอาการ "ปละ...เปล่าเมี๊ยว ไม่มีอะไรหรอกเมี๊ยว ก็แค่..."
ขณะเจ้าแมวกำลังวนสายตาพยายามหาข้อแก้ตัว แม่น้ำที่เคยสงบนิ่ง จู่ๆก็เกิดสั่นไหวอย่างรุนแรงไร้ซึ่งสัญญาณเตือนล่วงบอก
"กะ..เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย"
ซเวซเกาะขอบเรือไว้แน่น เขารู้สึกเหมือนตัวเองอยู่อ่างน้ำใหญ่ที่ถูกจับโยก ผิวน้ำปั่นป่วนจนเกิดละอองฟุ้งเป็นแพหมอกพัดเข้ามา เจ้าแมวที่คุ้นเคยกับการอยู่บนเรือมากกว่าพยายามใช้ตาแมว หนึ่งในความสามารถของเผ่าแคซซิสมองผ่านคลื่นน้ำไป ไกลลิบๆตรงโน้น มันมองเห็นแล้วซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดคลื่นน้ำขึ้น
ลูกไฟหลายสีหลายลูกกำลังผุดขึ้นจากน้ำและลอยตรงมาหาเรือลำนี้ด้วยความเร็ว
"นะ..นั่นมัน ขบวนไฟวิญญาณนี่นาเมี๊ยว!!"
ซเวซซึ่งมองไม่เห็นแต่ได้เสียงตะโกนของเจ้าแมวเรียกความสนใจ จึงหันไปถามมันว่า "ขบวนไฟวิญญาณ? มันคืออะไรงั้นรึ"
"ก็เป็นวิญญาณของผู้ที่ตายในแม่น้ำแห่งนี้ไงล่ะเมี๊ยว!" มันบอก "มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาเป็นพันๆปีแล้วว่า วิญญาณของผู้ที่ตายในน้ำน่ะจะกลายเป็นวิญญาณที่ถูกจองจำและเฮี้ยน คอยดักจู่โจมคนที่สัญจรไปให้มาแลกที่อยู่กับตัวเอง หรือพูดง่ายๆก็คือ ให้คนอื่นไปอยู่แทนตัวเองเพื่อวิญญาณของตนจะได้เป็นอิสระ"
"บะ..แบบนั้นก็แย่น่ะสิ!!" ซเวซตื่นตะหนก "แล้วแบบนี้จะต้องทำไงล่ะ!!"
"ต้องรีบเข้าฝั่งก่อนเมี๊ยว!" เจ้าแมวบอก "จับไว้แน่นๆนะเมี๊ยว ข้าจะซิ่งแล้วเมี๊ยว!!"
เจ้าแมวหันหัวเรือกลับด้านโดยให้ตัวเองมาอยู่ข้างเด็กหนุ่มแล้วพายจ้ำสุดแรงเหยียด วิธีซึ่งทำให้เรือแล่นได้เร็วที่สุดแต่ปกติแล้วจะห้ามทำเมื่อมีลูกค้า แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาห่วงเรื่องนี้แล้ว ถ้าหนีไม่ทัน หนึ่งคนหนึ่งแมวอาจได้เป็นผีเฝ้าแม่น้ำคู่ต่อไปก็เป็นได้
แต่ไวขนาดไหนก็ไม่พ้น ลูกไฟเหล่านั้นพุ่งมาเร็วมากจนทั้งคู่ไม่อาจไปถึงฝั่งได้ทัน
"มะ...ไม่ทันแล้ว หมอบลงเมี๊ยว!! หมอบลงเดี๋ยวนี้เลยเมี๊ยว!!"
เจ้าแมวตะโกนบอกแล้วกระโดดลงที่ท้องพร้อมกดหัวซเวซให้หมอบ ลูกไฟที่บินผ่านเข้าปะทะเสียงดังปึงปังพร้อมๆกับโยกเรืออย่างรุนแรง และบางส่วนก็บินเฉียดร่างทั้งคู่ไปจนเสื้อผ้าลุกไหม้ติดไฟ
แม้แต่ที่หางก็ยังโดน
"จะ...เจี๊ยก! เอ้ยเมี๊ยว!!"
เจ้าแมวที่หางลุกติดไฟร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจที่เห็นว่าหางตัวเองกำลังไหม้ จึงกระโจนจากเรือทิ้งตัวลงน้ำไปโดยไม่หยุดคิด
"ดะ...เดี๋ยวสิ โอ้ย!"
ซเวซที่ลุกขึ้นเรียกเจ้าแมวโดนลูกไฟลูกหนึ่งกระแทกเข้าที่หัวอย่างจังจนหงายหลังหัวฟาดพื้นเรือ ทั้งเจ็บทั้งมึนจนตาหมุนขว้างเป็นลูกข่าง
ทว่าในตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างตกลงมาใส่หน้า
เขาลืมตาขึ้นมองมัน สิ่งที่เกาะอยู่ที่แก้มล่างข้างซ้ายของเขาก็คือลูกไฟวิญญาณดวงจิ๋วดวงหนึ่ง ลูกไฟซึ่งน่าจะเป็นอันเดียวกับที่พุ่งชนกับเขาเมื่อกี้นี้
ไม่ร้อนเลย
ทั้งๆที่แสงไฟที่ส่องสว่างนั้นดูราวกับกองไฟที่ก่อขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ แต่เขากลับไม่รู้ถึงความร้อนหรือแม้แต่ความรู้สึกสากไหม้จากไหม้ ที่รู้สึกก็ได้เพียงสัมผัสที่เหมือนกับเข็มเล็กๆจิ้มอยู่ที่แก้มตรงจุดที่คล้ายกับแท่งบางอย่างที่ยื่นจากมันเท่านั้น
ขา?
เขาคิดและพยายามเบนตาลงต่ำเพื่อเพ่งมองตรงจุดนั้น จากภาพเลือนรางเพราะการมองในระยะที่ใกล้กว่าจุดโฟกัสสายตาทำให้ภาพที่เห็นเบลอ แต่เมื่อเทียบมันกับสิ่งที่เขาเห็นทุกวันตอนที่เฝ้าบ่อน้ำท้ายสวนให้อาจารย์ แมงมุมน้ำ เจ้าสิ่งที่ยื่นมาจากไฟนั้น ดูยังไงก็เหมือนขาของเจ้าตัวนี้
ราว 10 วินาทีกว่าที่เขาจะคิดได้ว่าน่าจะลองจับมันดู แต่เพียงขยับตัวนิดเดียว ลูกไฟนั้นก็พุ่งออกไปรวมฝูงกับขบวนลูกไฟวิญญาณดวงอื่น พุ่งหายลับไปพร้อมกับแพหมอกละออง ทิ้งเพียงท้องน้ำที่ระลอกคลื่นเริ่มสร่างซาลงเรื่อยๆจนเงียบไปในที่สุด
"ปะ...ไปแล้วเหรอเมี๊ยว"
เจ้าแมวโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ ทีแรก มันโผล่มาแค่พ้นเห็นดวงตา แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีลูกไฟเหลืออยู่แล้วก็โผล่ขึ้นมาทั้งตัวแล้วปีนขึ้นเรือเองโดยไม่ต้องให้ซเวซช่วย ด้วยเท้าที่เบาเหมือนตีนแมว (ก็แน่ล่ะ) ทำให้เรือแทบไม่โคลงเลยขณะปีน มาโคลงเอาก็ตอนที่ถอดเสื้อวินออกแล้วสลัดขนไล่น้ำ แบบที่แมวซึ่งตกจนเปียกซ่ก (ซึ่งก็แน่นอนอีกเช่นกัน) พึงทำ
สลัดขนเสร็จ เจ้าแมวก็พูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า "ว่าแต่ แปลกจังเลยนะเมี๊ยว ปกติช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงฤดูน้ำหลากที่ดวงไฟวิญญาณจะออกมานี่นา หรือว่าแม่น้ำเวทมนต์นี้จะมีอะไรผิดปกติกันนะเมี๊ยว"
ซเวซฟังคำพูดของมันจนจบ ก่อนจะพูดไปว่า "เรื่องนั้นไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อกี้ ข้าว่าข้าเห็นขาของวิญญาณนะ"
"เมี้ยว!?" เจ้าแมวร้องคำซึ่งหมายถึง หา!? ออกมา "นี่เจ้าจะบ้าเรอะ วิญญาณจะมีขาได้ยังไงกัน แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าวิญญาณน่ะคือลูกไฟชีวิตที่หลุดจากร่างของสิ่งมีชีวิตแล้วสามารถล่องลอยไปได้ทุกที แถมยังทะลุกำแพงได้ด้วย แบบนั้นแล้ว จะจำเป็นต้องมีขาไปทำไมเมี๊ยว!"
"แต่ข้าเห็นจริงๆนะ" เขาบอก "เมื่อกี้ข้าเห็นมันมีขายื่นออกมา แถมยังหลายข้างด้วย เหมือนขาแมลงเล็กๆน่ะ"
เจ้าแมวเบ้ปาก "ฮุ้ย เจ้านี่เพ้อเจ้อเกินไปแล้วเมี้ยว คงตกใจมากไปจนเห็นภาพลวงตาแหละเมี๊ยว" มันบอก ก่อนจะมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง "แล้วแทนที่จะมาคุยกันตอนนี้ ข้าว่ารีบไปให้พ้นๆจากที่นี่ดีกว่าเมี้ยว เพราะเรื่องเมื่อกี้ ข้าชักรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วสิเมี๊ยว"
เจ้าแมวพูดแล้วก็หันหัวเร่งฝีพายโดยมายืนข้างหน้าเด็กหนุ่ม ไม่ต้องชมมันแล้ววงขมวิว สิ่งเดียวที่มันต้องการคือไปให้พ้นจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรอีก แม้แต่เสียงป่าขับขานและลมหอมกลิ่นผลไม้ก็ตายจาก เขามองพื้นน้ำซึ่งตอนนี้ขุ่นจนมองไม่เห็นเงาสะท้อนพร้อมกับทบทวนสิ่งที่ตัวเองเห็นเงียบๆ เขาไม่ปฏิเสธที่เมื่อกี้ตัวเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือน แต่ก็มั่นใจว่าไม่ได้ขาดสติหรือตาฝาดจนมองเห็นภาพลวงตาแน่ๆ
เขาเห็นลูกไฟวิญญาณมี -ขา- จริงๆ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ