เรื่องเล่าจากความมืด

9.0

เขียนโดย AraTemp

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.06 น.

  10 ตอน
  6 วิจารณ์
  20.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557 22.11 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

8) เทพธิดาแห่งร่ม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หมู่บ้านแห่งหนึ่งในแถบชนบทที่แสนห่างไกล มีบ้านอยู่หลังหนึ่งซึ่งในช่วงปิดเทอมหน้าร้อนของปีนี้นั้น ได้มีเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับลูกชายเจ้าของบ้านหลังใหญ่นี้มาค้างคืนด้วย

“ดีจังเลยนะที่มีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้เนี้ย” เด็กชายผู้เป็นเพื่อนพูดขึ้นมาขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งพักเหนื่อย หลังจากที่ไปวิ่งเล่นด้วยกันมา

“มีบ้านหลังใหญ่ไปก็เท่านั้นแหละ” เด็กชายลูกเจ้าของบ้าน พูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ

“แล้วเป็นยังไงบ้าง มีเพื่อนใหม่หรือยัง” เด็กชายถามเพื่อนของตนด้วยความเป็นห่วง

“ที่ฉันมาเล่นที่บ้านของทาเครุเนี่ย ทุกคนจะต้องอิจฉาแน่ๆ” เด็กชายพูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ

“งั้นฤดูร้อนปีหน้า ฉันเป็นฝ่ายไปหานายกับเพื่อนๆ บ้างดีไหมนะ” ทาเครุพูดเป็นเชิงให้สัญญากับเพื่อนของตน

 

ทั้งคู่ต่างก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

“ครืนนนนน”

“ทาเครุ มาช่วยแม่ผ่าแตงโมหน่อยสิ” เสียงแม่ของทาเครุเปิดประตูออกมา ก่อนจะตะโกนบอกให้ลูกชายของตนไปช่วยผ่าแตงโม เพื่อที่จะนำมาทานเป็นของว่าง ซึ่งแน่นอนว่าอากาศร้อนๆ แบบนี้การได้ทานแตงโมเย็นๆ จะช่วยให้รู้สึกดีได้เป็นที่สุด

“ครับแม่” ทาเครุตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้เพื่อนของเขานั่งเล่นรออยู่ที่บริเวณหน้าบ้านเพียงลำพัง

เด็กชายที่ตอนนี่นั่งอยู่คนเดียวตามลำพัง เขาได้สังเกตเห็นหญิงสาวในชุดกิโมโนสีขาวสวมผ้าคลุมสีดำ ในมือของเธอถือร่มสีแดงสดลงมาบังเอาไว้ ทำให้เขามองไม่เห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้น แต่เขากลับได้ยินเสียงแหลมเล็ดลอดออกมา เธอร้องออกมาว่า ชี้ โดยลากเสียงยาว ซึ่งเขาไม่เข้าใจความหมายเลยซักนิดเดียว เด็กชายได้แต่มองด้วยความสงสัย

“ฝนก็ไม่เห็นจะตก” เด็กชายพูดขึ้นมาเบาๆ สายตายังคงจ้องไปที่หญิงสาวผู้นั้น

“เคน เดียวพวกเราขึ้นไปเล่นกันที่ภูเขานะ” จู่ๆ ทาเครุก็โผล่มาพร้อมกับจานที่มีแตงโมเย็นๆ วางอยู่เต็มจาน ทำให้คนถูกเรียกตกใจเล็กน้อย

“อืม ตกลง” เคนเมื่อถูกทาเครุชวนจึงตอบตกลงในทันที

“ถ้าฝนไม่ตกลงมาก็คงจะดีนะ แถวนี่สภาพอากาศมักจะแปรปรวนอยู่บ่อยๆ ซะด้วยสิ” คุณพ่อของทาเครุพูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง เขาเดินถือจานใส่แตงโมออกมาจากในบ้าน

“แบบนั้นคงไม่ได้ไปแล้วสินะ ก็มีบางคนเดินกางร่มไรอไว้แล้วซะด้วยสิ” เคนพูดออกมาทันทีที่ได้ยินพ่อของทาเครุเตือนเรื่องสภาพอากาศของบริเวณนี้

“เอ๊ะ!!! ใครไหนเหรอ?” ทาเครุถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ตรงป้ายรถบัสที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านของนายไง” เคนพูดพร้อมกับชี้ไปยังป้ายรถบัสเพื่อยืนยันคำพูดของตน

 

“คุณลุงเหรอ?” ทาเครุยังคงถามต่อไปอีก

“ผู้หญิงนะ ยืนกางร่มอยู่น่ะ เหมือนผู้หญิงคนนั้นจะไม่สบายด้วยล่ะ” เคนตอบเพื่อนของตนพลางหันไปมองอีกครั้งหนึ่ง ทั้งคู่หันไปมองยังป้ายรถบัสซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้าน แต่เธอคนนั้นกลับไม่อยู่เสียแล้ว ผู้หญิงที่กางร่มตอนนี้ได้หายไปจากตรงนั้นแล้ว

“เพล้งงงงง!!!”

เสียงของจานที่ตกลงมาแตกกระจายไปทั่วพื้น ทำให้เด็กทั้งสองคนหันไปมองเศษจานและผู้ที่เคยถือมันก่อนหน้านี้ สีหน้าคุณพ่อของทาเครุเปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาได้ยินบทสนทนาที่ทั้งคู่เพิ่งคุยกันเมื่อครู่นี้

“เทพธิดาแห่งร่ม” จู่ๆ พ่อของทาเครุก็พูดประโยคนี่ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตึงเครียด เขาปล่อยให้เด็กสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้เล่าอะไรให้ทั้งคู่ฟัง

จากนั้นคุณพ่อของทาเครุจึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน เขาใช้โทรศัพท์บ้านโทรคุยกับใครคนหนึ่งอยู่ น้ำเสียงและท่าทางของเขาดูเครียดผิดปกติ มีเพียงไม่กี่ประโยคที่เด็กทั้งสองคนได้ยินและจับใจความได้

“เราไม่มีทางที่จะช่วยได้เลยเหรอครับ ครับ ครับ เข้าใจแล้วครับ” พ่อของทาเครุยังคงคุยโทรศัพท์อยู่จนถึงตอนนี้

แม่ของทาเครุที่ทราบเรื่องจากสามีของตน เธอจึงเดินเข้ามาถามลูกชายด้วยความเป็นห่วง

“ลูกไม่ได้เห็นอะไรใช่ไหม?” แม่ของทาเครุถามลูกชายของตนเพื่อยืนยันให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่ง

“คะ...ครับ” ทาเครุตอบกลับด้วยความตกใจ

“โล่งอกไปที” แม่ของทาเครุพูดออกมาด้วยความดีใจก่อนที่จะดึงลูกชายของตนเข้ามากอดเอาไว้

“โรยเกลือไว้สินะครับ ทราบแล้วครับ” เสียงพ่อของทาเครุยังคงแว่วมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะๆ

             เคนได้แต่ยืนดูภาพตรงหน้าอยู่ห่างๆ เขาไม่รู้เลยว่าตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมทุกคนดูเป็นกังวลกันเหลือเกินจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่านะ

 

 

เย็นวันนั้น

พ่อของทาเครุได้พาเคนไปยังห้องๆ หนึ่งที่อยู่ห่างจากบ้านเล็กน้อย ภายในห้องถูกเตรียมของใช้ที่จำเป็นและที่นอนเอาไว้อย่างเรียบร้อย

“เคนคุง คืนนี้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ห้ามเปิดประตูเด็ดขาดนะ!!!” พ่อของทาเครุพูดพลางส่งกุญแจห้องให้กับเคนเอาไว้

“จนถึงเมื่อไรเหรอครับ” เคนยังคงถามด้วยความสงสัย

“จนถึงเช้าเลย” พ่อของทาเครุตอบกลับเพียงสั้นๆ จากนั้นจึงพูดต่อไปอีกว่า

“ไม่ว่าจะมีใครมาก็ตามห้ามเปิดประตูบานนี้เด็ดขาดเลย เข้าใจนะ” พ่อของทาเครุยังคงกำชับกับเคนเอาไว้อีกรอบเพื่อความแน่ใจ

“ครับ” เคนทำได้เพียงแค่ตอบกลับสั้นๆ เช่นกัน เขาไม่รู้ว่าตกลงแล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน แต่เขาก็ต้องทำตามที่ผู้ใหญ่สั่งเอาไว้ เขาจึงยอมทำตามแต่โดยดี

คืนนั้นเอง

“เคน เคน ได้ยินฉันไหม” เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังมาจากหน้าประตูของห้อง

“ทาเครุ งั้นเหรอ” เคนที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกของเพื่อน เขาจึงลุกขึ้นจากที่นอนและเดินไปยังประตู

ประตูของห้องทำจากไม้ที่มีช่องระบายอากาศคล้ายกับหน้าต่าง ทำให้พอมองลอดช่องเหล่านั้นได้เล็กน้อย ถึงจะเห็นได้ไม่ชัดเจนแต่เขาก็พอจะมองเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องนั้นก็คือทาเครุเพื่อนของเขานั่นเอง เด็กชายจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ กับประตู

“อืม ฉันเอง” เสียงของทาเครุตอบกลับเมื่อเขามองผ่านช่องไม้เล็กๆ เห็นเพื่อนของเขาเดินเข้ามา

“มีอะไรเหรอ” เคนเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย เนื่องจากเวลาตอนนี้ก็มืดค่ำมากแล้ว

“ฉันกลัวว่านายจะหิวเลยแอบเอาขนมมาให้น่ะสิ” ทาเครุพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

“นี่ เปิดประตูทีสิ” ทาเครุขอให้เคนเปิดประตูให้เพื่อที่เขาจะได้เข้าไปข้างในได้

“อืม รอเดี๋ยวนะ” เคนไม่รอช้า เขาหยิบกุญแจขึ้นมาเสียบเข้าไปยังช่องกุญแจจากนั้นจึงออกแรงเพียงเล็กน้อย ประตูก็ถูกเปิดออก

เมื่อประตูถูกเปิดออก เคนก็พบว่าทาเครุยืนถือถุงขนมเอาไว้มากมายกำลังยืนรออยู่หน้าประตู

“แล้วคุณลุงล่ะ” เคนถามด้วยความเป็นห่วง

“ฉันแอบออกมาน่ะสิ” ทาเครุพูดด้วยความภูมิใจ เพื่อไม่ให้เพื่อนของตนต้องกังวล

“คุณพ่อก็ทำเกินไปจริงๆ ไว้ตอนเช้าเราไปเล่นด้วยกันนะ ตกลงไหม” ทาเครุพยายามพูดปลอบใจเคนเพราะกลัวว่าเคนจะยังกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงยื่นถุงขนมให้กับเคนก่อนจะรีบจากไป

“นั้นสินะ พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ” เคนตอบตกลงก่อนจะค่อยๆ เลื่อนประตูมาปิดอีกครั้งหนึ่ง เขามองดูเพื่อนผ่านช่องไม้เล็กๆ จนเพื่อนของเขาหายกลับเข้าไปในความมืดเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่เคนกำลังจะนำกุญแจมาเสียบที่ช่องเพื่อไขปิดประตู เขาก็เผลอทำกุญแจตกเสียก่อนที่จะได้เสียบเข้าไปในรูกุญแจ

กุญแจตกลงไปที่พื้นใกล้ๆ กับถ้วยเล็กๆ ใบหนึ่ง ซึ่งภายในถ้วยใบนั้นมีเกลืออยู่กองหนึ่ง ถ้วยที่ใส่เกลือนั้นถูกนำมาวางไว้ที่หน้าประตูตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เคนคิดว่าคงเป็นพ่อของทาเครุที่นำมาวางเอาไว้แน่ๆ เลย

เคนก้มลงไปเก็บกุญแจที่ตกอยู่ที่พื้นอย่างช้าๆ เมื่อเขาหยิบกุญแจขึ้นมาแล้ว เขาก็เห็นเงาของคนผ่านช่องไม้ของประตูกำลังมองมาที่เขา ถึงใบหน้านั้นจะคุ้นเคยแต่ความรู้สึกกลับบ่งบอกว่านั้นไม่ใช่ทาเครุเพื่อนของเขาอย่างแน่นอน

“ทาเครุ เหรอ” เคนถามออกไปด้วยน้ำเสียงหวาดๆ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนของตนจะกลับมาอีกครั้ง

เคนยืนนิ่งอยู่หน้าประตู สายตายังคงจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่าย ทั้งคู่ต่างก็เงียบไม่พูดอะไรออกมา มันเงียบเสียจนได้ยินเสียงเต้นและเสียงลมหายใจของตัวเองดังก้องอยู่ในหู และทันใดนั้นเอง

“นี่ เปิด ประ ตู ที สิ” เสียงของทาเครุดังขึ้นมา ทำลายความเงียบลงในทันที เขาพูดช้าๆ เน้นทีละคำๆ ทำให้ยิ่งรู้สึกขนลุกมากยิ่งขึ้น

 

“มีอะไรงั้นเหรอ” เคนถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่น

“นี่ เปิด ประ ตู ที สี” ทาเครุยังคงพูดประโยคเดิมย้ำอีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงกลับเย็นชาผิดปกติ

ไม่นานนัก เคนก็เริ่มได้กลิ่นเหมือนอะไรไหม้ เขาจึงก้มลงมองดูถ้วยที่ใส่เกลือเอาไว้ มันค่อยๆไหม้ทีละนิดๆ และส่วนที่ไหม้ก็เริ่มเป็นสีดำสนิท ควันที่เกิดจากการไหม้ค่อยๆ ลอยขึ้นมาทำให้เขาได้กลิ่นอย่างชัดเจน

“ทาเครุ ฉันคิดว่าถ้าเปิดประตูแล้วคณลุงจะต้องไม่พอใจเอาแน่เลย นายอาจจะถูกดุก็ได้นะ” เคนพูดขึ้นมาก่อนจะค่อยๆ ขยับมือที่ถือกุญแจหวังจะเสียบกุญแจเข้าไปในรูเพื่อปิดประตูเอาไว้ไม่ให้เปิดได้ มือของเขาสั่นจนทำให้ยากที่จะเสียบกุญแจเข้าไปได้

เคนพยายามเสียบกุญแจโดยให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว ยิ่งพยายามมากเท่าไรมือก็ยิ่งสั่นมากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเสียบกุญแจเข้าไปอย่างรวดเร็วก่อนหมุนข้อมือบิดกุญแจจนในที่สุดประตูก็ถูกปิดเอาไว้

“กริ๊ง”

เสียงของกุญแจที่ถูกไขปิดได้สำเร็จดังขึ้นมาเบาๆ และทันทีทันใดนั้นห้องทั้งห้องก็เกิดอาการสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรงคล้ายกับมีอะไรบางอย่างขนาดใหญ่กำลังกระแทกเข้าอย่างแรง มันสั่นแรงมากแรงเสียจนไฟในห้องนั้นดับลง ฝุ่นผงตกลงมาเต็มไปหมด เด็กชายได้แต่ยืนหันหลังพิงประตูเอาไว้เพราะกลัวว่าประตูจะถูกเปิดออกมาได้

เสียงของทาเครุยังคงดังไม่หยุด น้ำเสียงยังคงพูดราบเรียบไปเรื่อยๆ ทีละคำๆ ซ้ำยังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เคนที่อยู่ข้างในห้องยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิม เขาทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนพิงประตูเอาไว้ เขาเปลี่ยนจากท่ายืนมาเป็นท่านั่งแทน เพราะกลัวว่าช่องประตูไม้นั้นจะพังและมีอะไรมาจับเขาเอาไว้ได้

เกลือที่อยู่ในถ้วยตอนนี่กำลังไหม้จนเป็นสีดำเกือบจะหมดแล้ว กลิ่นไหม้นั้นยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เสียงของทาเครุยังคงดังเรื่อยๆ และเมื่อฟังดีๆ ก็จะได้ยินเสียงร้อง ชี้ ดังขึ้นมา เสียงทั้งสองดังประสานกันไม่ยอมหยุด ทั้งยังลากเสียงยาวจนน่าขนลุก

ช่างนาวนานเสียเหลือเกิน เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุด

รุ่งเช้า

เคนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เพราะแสงจากพระอาทิตย์ส่องเข้ามายังจุดที่เขานั่งอยู่ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร มีเพียงอย่างเดียวที่เขารู้คือเขาไม่ได้ฝันไป หลักฐานก็คือถ้วยที่ใส่เกลือเอาไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันเหลือเพียงขี้เถ้าที่เกิดจากการไหม้เท่านั้น

“ดีใจจัง เช้าแล้ว” เด็กชายมองไปยังหน้าต่างของห้องที่อยู่ตรงข้ามกับประตู แสงจากพระอาทิตย์สาดแสงเข้ามากระทบกับใบหน้าของเขา

เด็กชายลุกขึ้นจากพื้น เขาไขกุญแจและเปิดประตูออกทันทีด้วยความดีใจที่เรื่องทุกอย่างจบลง เมื่อประตูถูกเปิดออก ขาของเด็กชายก้าวพ้นออกจากประตูเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น…

เงาๆ หนึ่งปรากฏอยู่ข้างหลังของเคน ซึ่งเขาไม่ทันได้สังเกตเห็น เงานั้นมีลักษณะเหมือนกับผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนในมือของเธอกางร่มเอาไว้ ชี้…

และแล้วความทรงจำในช่วงวันหยุดฤดูร้อนที่แสนสนุกของเด็กชาย ก็ได้จบลงในที่สุด

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา