มหัศจรรย์แห่งหนังสือ
8.7
เขียนโดย candle
วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 17.43 น.
9 chapter
34 วิจารณ์
34.49K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557 16.01 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1) ก้าวแรกแห่งการค้นพบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ความหลงใหลของมนุษย์เรานั้น ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ล้วนเป็นเรื่องที่แสนลี้ลับ ผู้ซึ่งถูกมันครอบงำจึงไม่สามารถอธิบายได้ ส่วนผู้ซึ่งไม่เคยถูกมันครอบงำ ก็ไม่สามารถเข้าใจผู้ซึ่งถูกครอบงำได้
บางคนเสี่ยงชีวิตทั้งชีวิตเพื่อพิชิตยอดเขาสักลูก โดยไม่มีใครแม้แต่ตัวเขาเองบอกได้ชัดเจนว่าทำไม
หลายคนทำลายตัวเองเพื่อจะเอาชนะใจใครสักคน ที่ไม่เคยใยดีเขาแม้สักนิด
อีกหลายคนพินาศย่อยยับจากการอุทิศชีวิตให้แก่ความสนุกสนานหน้าโต๊ะพนัน
บางคนก็มุ่งมั่นที่จะเอาชนะการเสี่ยงโชคให้ได้สักครั้ง กระทั่งสิ้นเนื้อประดาตัว
ในขณะที่บางคนสังเวยทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความฝันซึ่งไม่มีวันเป็นจริง
หรือบางคนก็คิดว่าความสุขที่ตนปรารถนานั้นอยู่ณ.แห่งหนอื่น จึงใช้เวลาทั้งชีวิตออกเที่ยวตระเวณตามหา
และบางคนก็ไม่ยอมหยุดพักเลย จนกว่าจะได้เป็นผู้มีอำนาจวาสนา
ความหลงใหลนั้นมากมายหลากหลายชนิด เช่นเดียวกับมนุษย์”
จากหนังสือ The Neverending Story “จินตนาการไม่รู้จบ”
มิฆาเอ็ล เอ็นเด้
ที่กล่าวอ้างมาข้างบนนั่น ก็เพื่อจะบอกว่ายังมีผู้คนอีกประเภทหนึ่งซึ่งหลงใหลในสวนอักษร มันเป็นเรื่องแสนลี้ลับอย่างว่านั่นแหละ เคยสงสัยไหมว่า กไก่ ถึง ฮนกฮูก กับสระอีกจำนวนหนึ่ง ช่างเหลือเชื่อเมื่อทั้งหมดรวมกันเป็นถ้อยคำ เป็นเรื่องเล่าได้มากมายเช่นนี้ และฉันก็เป็นหนึ่งในคนจำนวนนั้นซึ่งหลงใหลในสวนอักษร ผืนป่าแห่งถ้อยคำ หากจะถามว่าทำไม หรืออะไร ที่ทำให้คนๆ หนึ่งหลงรักการอ่านมันก็ตอบยาก
สำหรับตัวเองแล้วตอนที่ยังอ่านหนังสือไม่ได้นั้นจะชอบฟังนิทานมาก พ่อจะมีแผ่นนิทานสำหรับเด็กมาเปิดให้ฟัง แต่ยังไงมันก็ฟังไม่ได้อารมณ์เท่านิทานเรื่องนั้นมาจากปากของแม่หรอก และก็มีตำนานเล็กๆ ของครอบครัว ค่าที่ว่าทุกค่ำคืนฉันจะต้องให้แม่เล่านิทานให้ฟัง เรื่องอะไรก็ได้ เล่าซ้ำกี่หนก็ได้ไม่มีเกี่ยงงอนขอแค่ให้เล่าให้ฟังเท่านั้นเอง
ในค่ำคืนหนึ่งที่แม่แสนจะง่วงนอน นิทานเรื่องที่ฉันฟังมานับครั้งไม่ถ้วนกลับแปลกออกไป มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขียด (แต่รายละเอียดถึงตอนนี้จำไม่ได้แล้วล่ะ) แม่จะเล่าแล้วก็หยุดเป็นพักๆ ฉันก็จะคอยเรียกเพราะจบประโยคหนึ่งแม่ก็จะหลับไป และสุดท้ายกลายเป็นว่า “เขียดมันไปตลาด” “ไปทำไมล่ะทุกทีมันไม่เคยไป” ฉันเริ่มสงสัย “ไปซื้อขนมให้ลูก” จากนั้นก็หลับไป คราวนี้พ่อจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “แม่เหนื่อยง่วงนอนให้แม่นอนก่อน” ฉันก็จะเงียบไปเพราะปากทำหน้าที่อย่างอื่นอยู่
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันได้เข้าเรียนก่อนวัยอันควร แถมไม่ต้องเรียนชั้นอนุบาลซะด้วย เพราะขณะฟังนิทานไปด้วยปากของฉันก็...จนวันหนึ่งแม่ถามว่า “อยากไปโรงเรียนไหม” “อยากค่ะ” ฉันตอบไปอย่างไม่ลังเล ทั้งที่ไม่ได้รู้หรอกว่าไปโรงเรียนแล้วมันจะสนุกรึเปล่า และการเข้าโรงเรียนถือเป็นการหย่านมอีกแบบหนึ่งโดยปริยาย ประมาณว่าไปโรงเรียนแล้วนะอะไรทำนองนั้น
แล้วการอ่านหนังสือเริ่มที่ไหนล่ะ ตอบได้ว่าก็ที่บ้านนั่นแหละ เวลาเข้าเมืองพ่อมักจะแวะร้านหาหนังสืออ่าน ฉันก็จะดุ่มๆ ไปหยิบหนังสือมาเล่มสองเล่ม เป็นพวกหนังสือภาพมีคำบรรยายนิดหน่อย กับพวกนิทานอิสปทั้งหลายแหล่ พออ่านหนังสือแตกขึ้นห้องสมุดโรงเรียนประถมนั่นแหละเป็นที่สิงสู่ เทพนิยายกริมม์เทพนิยายแอนเดอร์เซนเป็นหนังสือเล่มแรกๆ ที่อ่านเป็นชิ้นเป็นอัน
คราวนี้ล่ะหลงใหลมาก อ่านแล้วเหมือนจะเข้าไปอยู่ในเรื่องราวเหล่านั้นด้วยความเป็นเด็ก และหนังสือเทพนิยายพวกนี้ก็เป็นเรื่องสั้นๆ เพียงไม่กี่หน้ากระดาษต่อหนึ่งเรื่อง เล่มนึงจะหนาเอาการอยู่สำหรับเด็กขนาดนั้นแต่ก็อ่านมันอย่างกระหายหน้าถัดไป หน้าถัดไป ยิ่งอ่านก็ยิ่งโดนดึงดูดจากเรื่องราวเหล่านั้น พ่อมด แม่มด คนแคระ เอลฟ์ ราชินีหิมะ มังกร ยูนิคอร์น โนม ก๊อบลิน ภูตินาๆ ชนิด สัตว์วิเศษหลากหลายเผ่าพันธ์เริ่มทยอยกันเข้ามาในความทรงจำไม่ยากเย็น นั่นทำให้รู้จักสัตว์วิเศษของโลกตะวันตกมาตั้งแต่ต้น
สัตว์มหัศจรรย์กับเรื่องราวการต่อสู้ผจญภัย และความดีก็เอาชนะความชั่วได้เสมอในเทพนิยายเหล่านั้น คือความทรงจำแสนวิเศษ คือโลกอีกโลกหนึ่งที่ฉันค้นพบ
เย็นวันศุกร์กระเป๋าหนังสือจะอัดแน่นเป็นพิเศษเพราะเหล่าแฟรี่เทลหลากหลายโดนกักเก็บอยู่ในนั้น เสาร์-อาทิตย์ ก็จะอ่านๆ และก็อ่าน ยิ่งฝนตกมาด้วยการอ่านเทพนิยายจะได้บรรยากาศมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวคล้ายๆ กับสัตว์วิเศษเหล่านั้นออกมาจากหนังสือแวดล้อมตัวฉันอยู่อย่างกับจะสัมผัสได้ หัวใจพองโตโลกแห่งความฝันและจินตนาการอยู่แค่เอื้อมถึง จะเงยหน้าขึ้นจากหนังสือก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงเรียก “กินข้าวลูก”
ด้วยความเซ่อซ่าบ้าอ่านหนังสือนิทานกับเทพนิยาย ทำให้มือของฉันไปหยิบเอาหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นหนังสือห้องสมุดโรงเรียนประถม “เจ้าชายน้อย” ชื่อหนังสือบอกโต้งๆ อย่างนั้น เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากนิทานเล่มหนึ่ง!!! ชื่อคนแต่งอ่านยากมากในตอนนั้น ครั้นอ่านๆ ไปไม่ใช่นิทานนี่หว๋า...แถมอ่านไปแล้วก็ไม่เข้าใจอีกด้วย มันยังไงกัน แต่ก็ยังอุตส่าห์ประทับความทรงจำฉากหนึ่งไว้ในหัวสมองน้อยๆ ได้อีก เป็นตอนที่หมาจิ้งจอกหรือหมาป่าไม่รู้พูดกับเจ้าชายน้อยเกี่ยวกับการ “ทำให้เชื่อง” (เรื่องนี้เอาไว้พูดกันอีกทีในตอนต่อไป)
มารู้อีกทีตอนโตแล้วว่านั่นมันเป็นหนังสือที่นักเขียนทุกคนอ่าน คนที่อ่านหนังสือทุกคนอ่าน และเป็นหนังสือเล่มหนึ่งในจำนวนหลายๆ เล่มที่ควรอ่านด้วย กลายเป็นว่าด้วยความไม่ตั้งใจ ฉันได้อ่านหนังสือเล่มสำคัญเข้าให้แล้ว...
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ