แอนดรอยด์ที่รักผม

8.7

เขียนโดย api3api

วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.15 น.

  7 ตอน
  1 วิจารณ์
  10.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2557 19.56 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

6) สิ่งที่น่ากลัวมากกว่าความตาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
    หากครั้งหนึ่งในชีวิตของคนเรามีเรื่องต้องเลือกที่จะสูญเสียบางสิ่งเพื่อปกป้องบางอย่างมาถึงจะทำยังไงดี บางอย่างที่ตัดสินใจนั้นอาจจะนำไปสู่ผลลัพท์ที่ไม่อาจแก้ไขได้อีก บางอย่างที่ต้องเลือกระหว่างความมั่นคงในการดำรงค์ชีวิตกับบางอย่างที่เรียกว่า"หัวใจ"   
 
               ผมมองดูร่างที่ไร้พลังงานของเทคโนโลยีที่จะทำให้ชาติพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดที่กำลังนอนอย่างสงบบนเตียงในห้องแลป ทีมแพทย์ระดับหัวกระทิที่พร้อมจะกู้ชีพให้คนๆนึงกำลังยืนมองคนใข้ที่หลับไปด้วยฤทธิ์ของยาสลบพวกเขากำลังรอคำสั่งจากผม
 
                "ปู่เคยบอกกับผมว่าประเทศเราจะไม่เป็นแค่ผู้ใช้เทคโนโลยีอีกต่อไป แต่เราจะเป็นผู้สร้าง และปู่ทำได้ ไม่แปลกใจเลยที่ทำใมปู่ถึงทุ่มเททุกอย่างไว้กับมัน" ผมเอื้อมมือไปลูบผมของสมองกลประดิษย์ที่นอนอยู่บนเตียง
 
                   "แต่ตอนนี้ มันเร็วไปสำหรับประเทศโลกที่สามอย่างเรา ในขณะที่โลกมองประเทศเรายังล้าหลัง  เขาคงไม่พอใจที่ถูกพวกเราก้าวข้าม คุณปู่ผมขอโทษ สิ่งนี้จะนำพาความขัดแย้งเข้ามาสู่ประเทศ ผมจำเป็นต้องทำให้มันหายไป" ผมขยับเสื้อกาวน์สีขาวและหันมาพยักหน้าส่งสัญญานให้ทีมแพทย์ทำงานกันต่อ การสวมบทนักวิทยาศาสตร์ใจหินช่างเป็นอะไรที่จำเป็นในช่วงนี้ ผมตัดสินใจ.......
 
 
 
                 ...... นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่การแพทย์ทำงานร่วมกับวิทยาศาสตร์เพื่อรักษาคนๆนึง.....
 
                 "มานิต มีสายตรงจากท่านนายก"เพื่อนสาวนักวิจัยเดินถือโทรศัพท์มาให้หน้าตาเคร่งเครียด 
 
                ผมใช้เวลาอธิบายหลายเรื่องกับท่านผู้นำในขณะที่มองดูทีมช่วยเหลือกำลังรักษาเอมอร การสนทนาผ่านไปด้วยเนื้อหาที่ยากลำบากจะอธิบาย และผมก็รับปากกับนายกด้วยคำขอที่ไม่อาจปฏิเสธได้         
 
                "ด็อกเตอร์ทีนี้เหลือขั้นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ" ด้วยคำของพยาบาลผมเดินมาที่เครื่องปลูกถ่ายเนื้อเยื่อเทียม เอมอรกำลังหลับเพราะฤทธิ์ยาคงไม่อาจเห็น ว่าผมทำหน้ายังไง ในใจผมตอนนี้ว่างเปล่าอย่างมาก
 
                "เธอต้องอยู่กับเครื่องนี้แปดชั่วโมง แล้วจากนั้นเธอจะได้ชีวิตเดิมคืนมา หลับฝันดีนะ เอมอร"
 
               "เอาล่ะทีนี้ก็ถึงคราวของเราบ้างล่ะ" ผมเดินกลับไปยังห้องผ่าตัดแล้วขังตัวเองอยู่จนถึงเช้าในนั้น ผมง่วนอยู่กับการทำงานของผมที่ได้รับมาตั้งแต่ต้น หน้าที่ของผมจบลงแล้ว  และยังมีหน้าที่อื่นรอผมอีก
 
 
 
               รุ่งเช้าผมแต่งตัวสะพายเป้เพื่อออกจากที่แห่งนั้นแต่เช้า และโดนขวางโดยเพื่อนสนิทของผม
 
               "จะไม่ลาเธอเลยหรือไง มานิต"
 
                 ผมมองหน้าเพื่อนแล้วส่ายหน้า
 
               "ไม่ต้องหรอก เธอจะจำเหตุการ์นั้นไม่ได้ รวมถึง การที่ได้พบกับฉัน" ผมตอบอย่างอารมณ์ดี
 
               "นายทำอะไร"
 
ผมส่ายหน้าแล้วตบไหล่เพื่อนเหมือนสมัยเรียน
 
                 "ถ้าเธอถาม ก็ไม่ต้องบอกเรื่องฉันให้เธอรู้หรอกนะ"
 
                ผมเดินขึ้นรถที่มารอรับแล้วสั่งให้รถบึ่งออกมาโดยไม่สนใจเพื่อนที่ยืนงง
 
 
 
                "ด็อกเตอร์จะไม่บอกความในใจให้กับเธอจริงๆเหรอ" เสียงพูดดังขึ้นในกระเป๋าเป้ทำให้ผมล้วงมันออกมาเป็นแทปแพลทขนาด4.5นิ้ว หน้าจอมีภาพของเจ้าของเสียงอยู่ที่หน้าจอ
 
 
 
                 "อา ไม่ล่ะ เธอเจอเรื่องร้ายๆเพราะฉัน อีกอย่างเรารอไม่ได้แล้ว"
 
              ผมพูดกับสมองกลมือถือที่ผมดัดแปลงและอินนตอล ติดตั้ง am-02ลงไป
 
              "ขอโทษนะที้งที่เธอควรได้พักแท้ๆ แต่ฉันจำเป็นต้องมีเธอ" ผมบอกam-02
 
               "เราจะไปที่ใหนกันคะ ด็อกเตอร์"
 
ผมมองสาวแอนดรอยด์ที่ตอนนี้มีแค่ภาพบนหน้าจอแล้วยิ้ม
 
                "ของขวัญวันเกิดที่ปู่มอบให้ฉันน่ะสิ เราต้องเจอมันก่อนทหารจีไอ" ผมบอกเธอแต่ครั้งนี้เธอทำหน้าหนักใจ
 
                 "ครั้งนี้ฉันคงปกป้องด็อกเตอร์ไม่ได้ วิ่งให้เร็วเข้าไว้นะคะ"
 
               ผมยิ้มแหยๆ ผมเก็บam-02ไว้ในเป้แล้วถอนหายใจยาว  ผมเข้าใจแล้วทำใมปู่ถึงเปลี่ยนให้พาสเวิร์ดทุกอย่างให้ผมปลดล็อคได้คนเดียว ผมจำได้แล้วถึงตอนเด็กๆที่ผมมากับคุณปู่ มันมีชั้นใต้ดินอีกชั้นหนึ่ง ผมเจอเอมอรตอนนั้นเธอยังเล็ก 
 
 
                   พวกเรามุ่งหน้าสู่บ้านของคุณปู่อีกครั้ง
...................................................................................................................
         พวกผมได้เดินทางมาถึงบ้านของคุณปู่โดยใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ ผมเดินมาถึงทางเข้าที่เคยมาเมื่อครั้งที่แล้ว ปรากฎว่ามีเต๊นท์ของทหารอเมริกันตั้งอยู่แล้ว
 
               "พวกเขาพบมันแล้วล่ะ"ผมเริ่มสำรวจมองไปรอบๆไม่มีใครเลยสักคน น่าแปลกที่พวกเขาปล่อยเครื่องมือต่างๆทิ้งไว้
 
                "เอม ไม่มีใครเลย เธอสามารถตรวจดูได้ใหมว่าเกิดอะไรขึ้น"ผมถามแอนดรอยด์แบบพกพาที่พามาด้วย
 
                 " สัญญานไวไฟ และอินฟาเรดถูกตัดหมดแล้ว การเชื่อมต่อดาวเทียมล้มเหลว ตอนนี้แนะนำได้อย่างเดียวว่า ระวังตัวด้วยค่ะ ด็อกเตอร์" ผมถอนหายใจแต่ช่วยอะไรไม่ได้ จึงลงมาทางเดินนั้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้มันไม่น่าประทับใจอีกแล้ว 
 
 
 
         ควันนี่เป็นควันจากดินปืน ตามที่ผมได้กลิ่น ผมเก็บมีดที่ตกอยู่บริเวณนั้นมาไว้ในมือ
 
 
 
          "ทางที่ดี ด็อกเตอร์ควรเก็บปืนที่ห่างออกไปจะดีกว่านะคะ" เสียงเตือนทำให้ผมปรับสายตามองผ่านกลุ่มควันใหม่ ทำให้แทบช็อค    
 
 
 
            ชิ้นส่วนมนุษย์   กระจัดกระจายเต็มไปหมด ผมถึงกลับเอามืออุดปาก
 
 
 
         ผมเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ยิ่งลึกเข้าไป ยิ่งพบศพตามทางเดิน   แล้วจู่ๆเสียงเพลงเบาๆก็ดังขึ้นที่ระบบกระจายเสียงในอุโมงค์ทางเดิน
 
 
 
           "เธอรับรู้การมาของเราแล้วค่ะ ตอนนี้ด็อกเตอร์ต้องระวังตัวมากกว่าเดิม"เสียงเตือนทำให้ผมแนบปืนกลเบาที่เก็บมาแนบอก 
 
            "ฉันกลัวมากเลย am-02" ผมเดินต่อไปทั้งที่สั่นไปทั้งตัว 
 
             เมื่อมาถึงประตูทางเข้าผมแสกนนิ้วไม่ผ่าน แสดงว่ารหัสถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
 
            "ฉันปลดล็อคประตูให้แล้วค่ะโชคดีที่พวกเราใช้คลื่นสัญญานเดียวกัน"
 
             เสียงประตูเปิดออก สิ่งที่ปรากฎต่อหน้าทำให้ผมยิ่งตกใจ
 
              เครื่องปลูกถ่ายเนื้อเยื่อเทียมถูกสร้างเพิ่มขึ้นอย่างลวกๆแต่ดูเหมือนจะทำงานได้ ในนั้นมีโครงกระดูกของทหารจีไอ สถานะของหน้าจอบอกถึงการไม่แมท์กันของสสาร ิผมถึงกับเบือนหน้าหนี
 
 
 
             "ด็อกเตอร์คะ นี่ไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์แล้ว นี่เป็นฝีมือของปิศาจร้าย" ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  ผมเดินไปยังทางเข้าที่มีการเก็บเศษหินออกด้วยเครื่องมือยก ข้างในมีทางเดินลงชั้นใต้ดิน แต่มีบางอย่างที่เย็นและแข็งจ่อที่กลางหลัง
 
 
 
                 "หยุดแค่นั้นแหละ ด็อกเตอร์มานิต"  
 
 
 
               เสียงนั่นทำให้ผมชื้นใจ เสียงของป้าเนียนนั่นเอง
 
          แต่ผมไม่กล้าหันกลับไปเพราะสิ่งที่จ่อหลังผมอยู่มันเป็นใบมีดที่เย็นเฉียบ
 
           "ป้าเนียน ป้าปลอดภัย"ผมพยายามชวนคุยโดยไม่กล้าหันหลังทั้งที่ใจผมแทบเตลิดด้วยความกลัว
 
            "ไม่ต้องมาตีลูกเซ่อ เปิดห้องในสุดเดี๋ยวนี้ พาสเวิร์ดมันเปลี่ยนไปแล้ว เกือบที่ฉันจะตัดมือคุณเพื่อใช้มันแล้ว" ตอนนี้คนข้างหลังผมคือมจุราชที่พร้อมฆ่าใครก็ได้ถ้าไม่ได้อย่างใจ
            "พวกทหารอเมริกันมันทำกับฉัน สมควรแล้วที่มันต้องตายอย่างอเน็จอนาถ"
เธอพูดมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น ทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือใคร
                  "ทำใมคุณฆ่าทหารพวกนั้นอย่างเลือดเย็นแบบนี้"ผมถามในขณะที่เดินไปตามทาง
 
                  "ทดลองไง สุดท้ายมันก็ใช้ไม่ได้กับโครงสร้างที่เป็นของมนุษย์ ฉันกลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว" คำพูดนั่นทำให้ผมหันกลับไปทำให้ผมตกตะลึง
ครึ่งซีกโดนใหม้ทำลาย เธอดัดแปลงให้เป็นเครื่องจักรที่ไม่มีความปรานีต มีใบมีดเฉือนถูกติดตั้งไว้แล่เนื้อติดอยู่กับโครงเหล็ก มีมอฟีนแก้ปวดผูกติดต่อสายเข้าสู่กระแสเสือดโดยตรง มีช่องลอดให้สังเกตุเห็นเครื่องในสีแดงสดที่ชุ่มด้วยเลือดที่มันรักษาชีวิตเธอไว้ได้คงเพราะอุปกรณ์มันทำงานได้อย่างปราฎิหารย์   
 
                 ป้าเนียนครึ่งซีกนั้นโดนเผาทำลายอาจจะเป็นที่โดนทหารจีไอถล่มก็เป็นได้
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา