ความรัก [สายสัมพันธ์ที่มิอาจตัดขาด]
9.5
เขียนโดย มุเมะโนไทสะ
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 21.04 น.
9 ตอน
6 วิจารณ์
14.81K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 มกราคม พ.ศ. 2557 10.23 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) เดทครั้งแรกของพวกเรา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ในคอนโดสีเขียวตึกสามชั้นในกรุงเทพที่มีดอกไม้พันธุ์ไทยที่ส่งกลิ่นอบอวลในถนนทั้งซอยผู้คนที่เดินผ่านคอนโดนี้ทีไรก็มักจะต้องมนต์สะกดกับกลิ่นดอกไม้ที่อบอวลเต็มถนนพร้อมกับชื่อเจ้าของบ้าน
''อนาวรณ์''
สองพี่น้องตระกูลอนาวรณ์กำลังงัวเงียอยู่กับสภาพช่วงไกล้ปีใหม่นี้หญิงสาววัยสิบแปดปีกำลังงัวเงียอยู่บนโต๊ะพร้อมกับดวงตาสีนํ้าตาลที่เหม๋อลอยพร้อมกับกุมหัวตัวเองฟุ่บหลับอยู่บนโต๊ะก่อนจะโวยวายเสียงดังในยามเช้า
''ฉ...ฉันจะไม่เล่นไอ้เกมบ้านี้แล้ว!!'' อชิระทำเสียงหวาดกลัวพร้อมกับนึกสภาพเกมในทีวีที่ต่อเล่นกับน้องเมื่อคืนมันเป็นระบบ3Dและต้องใส่แว่นเพื่อความสมจริงด้วย ตอนนั้นอชิระโดนท้าเลยตกลงยอมเล่น ทั้งๆที่ใจจริงเธอกลัวไอ้เกมผีนี้
ชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีแววตาสีเหลืองเข้มอ่อนที่เผยออกมาพร้อมรอยยิ้มที่หัวเราะขบขันมองหน้าผู้เป็นพี่สาวของเขาที่ดันรับคำท้าของน้องชายง่ายๆพร้อมกับเสียงที่เอยออกมาอย่างกวนประสาท
''อะไรกัน? ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนท้าแท้ๆ'' วิราวทำท่าสมเพพี่สาวที่เกิดอาการกลัวเกมผีที่มุมมองของวิราวนั้นมันไม่เห็นน่ากลัวแท้ๆพอพวกเขาเล่นจงจบอชิระก็ร้องห่มร้องไหฟูมฟายกระโดดเข้ากอดน้องชายเธอจงเซทะลักล้มลงไปกับพื้นทำหน้าสั่นกลัวระริกกับเกมที่วิราวไปซื้อมา
''ห..หนวกหูนะเฟร้ย!!'' อชิระแทบอยากจะตะโกนต่อล้อต่อเถียงน้องชายของเธออย่างจริงจังก่อนที่จะมีเสียงไปรษณีย์ดังเข้ามา
''มีจดหมายมาส่งครับ!'' เสียงตะโกนทางหน้าต่างดังออกมาทำให้สองพี่น้องสะดุ้งโหยง
''ผมไปเองละกัน'' วิราวอาสาก่อนจะเดินไปเปิดประตูเพื่อรับจดหมายก่อนที่อชิระจะฟุ่บหลับบนโต๊ะกินข้าวสีขาวอีกครั้งเธอคิดในใจว่าจะได้นอนหลับสักทีจะได้ไม่ต้องมาบ่นโวยวายแต่เช้า
แต่ทว่า .........
''พี่ครับ!'' เสียงอันร่าเริงแจ่มใสของน้องชายปลุกเธอจากการหลับอย่างรวดเร็ว
''หา!? อะไร? มีอะไร? '' อชิระสะพรึงเสียงร่าเริงของน้องชายโดยเธอแทบจะอึ้งไม่เป็นที่เป็นทางที่เดาไม่ยากเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
''เห็นไหม เห็นไหม! ผมได้ไปแสดงดนตรีที่ประกวดที่เชียงคานด้วย!'' วิราวกลั้นเสียงดีใจของเขาออกมาพร้อมกับตรงดิ่งขึ้นไปข้างบนก่อนจะเดินถ้อยหลังไปหาอชิระแล้วหยิบตั๋วสองใบขึ้นมามันเป็นตั๋วสีชมพูพร้อมกับรูปหัวใจ
''แต่? .... เขาให้ตั๋ว'คู่รัก' มาด้วยนี้? อืม? .... '' วิราวหันไปมองหญิงสาวผู้อยู่ในฐานะ'พี่สาว'ของตนก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆพร้อมส่งสายตาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้อชิระแทบจะขนลุก
''อ...อย่าบอกนะว่า ! ! ! ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!''
เสียงร้องโหยหวนตรงถนนคอนโดสีเขียวดังลั่นก่อนที่จะคอยๆเงียบสงบลง ....
------------------------------------------------------------------------------------
ในเวลาตอนพักเที่ยงที่เข้าถึงเชียงคานแล้วอชิระที่ตอนนี้สวมเสื้อคอเต่าสีดำกับกางเกงทหารพร้อมกับวิราวที่ใสเสื้อคอเต่าสีขาวครีมกับกางเกงทหารที่ใส่เหมือนกันยังกับฝาแฝดอชิระแทบอยากจะเอาหัวโขกลงตรงที่นั่งเธอแทบอายและอยากจะเอาหัวมุดลงดินเพราะวิราวบังคับเธอให้แกล้งเป็นคู่รักแทบจะขอร้องโดยไม่อายฟ้าดินเลยในขนาดที่วิราวขับรถSSC Tuataraขับเลี้ยวเข้ามาตรงถนนด้วยรถคู่ใจรถสปอร์ตสีขาวของวิราว
''ทำสีหน้าแบบนี้หมายความว่าไงกันน่ะ?'' วิราวหัวเราะขบขันพร้อมมองพี่ที่หันหน้าไปทาง
อื่น
''ห..หนวกหู!'' อชิระเอามือปิดหน้าทั้งสองข้างทำให้วิราวอดหุบยิ้มไม่หายที่วันนี้ได้มองเห็นความขี้อายของพี่สาวตัวเองบ้าง
''โอเคๆ .... ผมจะเลี้ยวเข้าวัดนะครับ'' วิราวยิ้มร่าเริงออกมาในวันนี้ที่ได้มาเที่ยวกับอชิระสองต่อสองก่อนที่จะเลี้ยวเข้าวัดแล้วจอดตรงต้นไม้ไทรที่มีเด็กเก็บตังค์เข้ามาอยู่เขาก็สังเกตรถที่เงาวับและสะอาดครั้งแรกในชีวิต
''พี่ครับ ออกมาเถอะหน่า ... '' ชายหนุ่มมองคนที่ยังไม่ออกมาจากรถก่อนจะเดินไปทางฝั่งประตูเคาะประตูเบาๆแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย
''.......'' อชิระนิ่งเงียบและกอดอกเหมือนเด็กน้อยที่ไม่ลงจากรถพร้อมกับใบหน้าที่ทำปากบู๊เหมือนเด็กที่ไม่พอใจที่ผู้ใหญ่พามาเที่ยว
''แย่จังเลยน้า .... ถ้าพี่ไม่มานี้ของกินในเชียงคานต้องหมดแน่ๆ'' วิราวเดินไปเปิดประตูหลังรถพร้อมกับกีตาร์คู่ใจสีดำสะพายข้างหลังไว้ก่อนจะมีเสียงเปิดประตูพร้อมรูปร่างหญิงสาวที่ออกมา
''ก...ก็ได้! ต--แต่ไม่ได้หวังของกินนะเฟร้ย!'' อชิระชี้หน้าว่าน้องชายของเธอก่อนจะไปหยิบกระเป๋าสะพายเบสเอาไว้ข้างหลังวิราวแทบจะหุบยิ้มไม่หายกับวันนี้ก่อนจะยื่นมือหาพี่ของเขา
''หา? ''
''จับมือกัน''
''หา?....''
''ก็จับมือกันยังไงละครับ?''
''หา !? '' อชิระอ้าปากค้างถ้าฟังเสียงไม่ผิดวิราวบอกว่าให้จับมือกัน
''ด...เดียว?! ทำไม่ต้องจับมือกันด้วย! มะ ..ไม่ใช่แฟนกันเสียหน่อย!!'' อชิระเริ่มหน้าแดงเหมือนลูกมะเขือที่ไกล้สุกเต็มที่วิราวทำสีหน้างงใส่อีกฝ่ายพร้อมกับเอยเสียงออกมาอย่างไม่มีอะไรจะคิดมาก
''เอ๋? ... ทั้งๆที่ตอนเด็กๆ พี่ก็ให้ผมจับมือพี่ตลอดแท้ๆ'' วิราวแกล้งทำหน้าเสียใจโดยที่อชิระอ้าปากค้างมองใบหน้าของน้องชายก่อนจะยอมจับมือแต่โดยดีเธอมีอาการขัดเขินและเขินอายอย่างมากในตอนนี้
''อ...เออก็ได้ .... '' อชิระทำเสียงสั่นพร้อมกับหันไปมอง
''แล้ววันนี้จะกินร้านอะไรดีละ? ฉันหิวแล้ว''อชิระทำสีหน้างอแงแบบเด็กๆที่ตั้งแต่ตอนเช้าได้กินแค่โอวันติลกับขนมปังแค่แผ่นเดียวพร้อมกับท้องร้องที่ไส้กิ่วไปมาเธอเอามืออีกข้างที่ไม่ได้ใช้กุมเอาไว้นั้นทำให้วิราวหัวเราะร่าเริงออกมาพร้อมกับยังคงจับมือเอาไว้
''ถนนคนเดินมีของกินเยอะอยู่แล้ว ... เอาเป็นว่าวันนี้ผมเลี้ยงละกัน'' ชายหนุ่มแทบจะใจดีกับคนที่อยู่ตรงหน้าก่อนทั้งคู่จะจับมือเดินกันไปที่ถนนคนเดินของเชียงคาน
------------------------------------------------------------------------------------
''อนาวรณ์''
สองพี่น้องตระกูลอนาวรณ์กำลังงัวเงียอยู่กับสภาพช่วงไกล้ปีใหม่นี้หญิงสาววัยสิบแปดปีกำลังงัวเงียอยู่บนโต๊ะพร้อมกับดวงตาสีนํ้าตาลที่เหม๋อลอยพร้อมกับกุมหัวตัวเองฟุ่บหลับอยู่บนโต๊ะก่อนจะโวยวายเสียงดังในยามเช้า
''ฉ...ฉันจะไม่เล่นไอ้เกมบ้านี้แล้ว!!'' อชิระทำเสียงหวาดกลัวพร้อมกับนึกสภาพเกมในทีวีที่ต่อเล่นกับน้องเมื่อคืนมันเป็นระบบ3Dและต้องใส่แว่นเพื่อความสมจริงด้วย ตอนนั้นอชิระโดนท้าเลยตกลงยอมเล่น ทั้งๆที่ใจจริงเธอกลัวไอ้เกมผีนี้
ชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีแววตาสีเหลืองเข้มอ่อนที่เผยออกมาพร้อมรอยยิ้มที่หัวเราะขบขันมองหน้าผู้เป็นพี่สาวของเขาที่ดันรับคำท้าของน้องชายง่ายๆพร้อมกับเสียงที่เอยออกมาอย่างกวนประสาท
''อะไรกัน? ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนท้าแท้ๆ'' วิราวทำท่าสมเพพี่สาวที่เกิดอาการกลัวเกมผีที่มุมมองของวิราวนั้นมันไม่เห็นน่ากลัวแท้ๆพอพวกเขาเล่นจงจบอชิระก็ร้องห่มร้องไหฟูมฟายกระโดดเข้ากอดน้องชายเธอจงเซทะลักล้มลงไปกับพื้นทำหน้าสั่นกลัวระริกกับเกมที่วิราวไปซื้อมา
''ห..หนวกหูนะเฟร้ย!!'' อชิระแทบอยากจะตะโกนต่อล้อต่อเถียงน้องชายของเธออย่างจริงจังก่อนที่จะมีเสียงไปรษณีย์ดังเข้ามา
''มีจดหมายมาส่งครับ!'' เสียงตะโกนทางหน้าต่างดังออกมาทำให้สองพี่น้องสะดุ้งโหยง
''ผมไปเองละกัน'' วิราวอาสาก่อนจะเดินไปเปิดประตูเพื่อรับจดหมายก่อนที่อชิระจะฟุ่บหลับบนโต๊ะกินข้าวสีขาวอีกครั้งเธอคิดในใจว่าจะได้นอนหลับสักทีจะได้ไม่ต้องมาบ่นโวยวายแต่เช้า
แต่ทว่า .........
''พี่ครับ!'' เสียงอันร่าเริงแจ่มใสของน้องชายปลุกเธอจากการหลับอย่างรวดเร็ว
''หา!? อะไร? มีอะไร? '' อชิระสะพรึงเสียงร่าเริงของน้องชายโดยเธอแทบจะอึ้งไม่เป็นที่เป็นทางที่เดาไม่ยากเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
''เห็นไหม เห็นไหม! ผมได้ไปแสดงดนตรีที่ประกวดที่เชียงคานด้วย!'' วิราวกลั้นเสียงดีใจของเขาออกมาพร้อมกับตรงดิ่งขึ้นไปข้างบนก่อนจะเดินถ้อยหลังไปหาอชิระแล้วหยิบตั๋วสองใบขึ้นมามันเป็นตั๋วสีชมพูพร้อมกับรูปหัวใจ
''แต่? .... เขาให้ตั๋ว'คู่รัก' มาด้วยนี้? อืม? .... '' วิราวหันไปมองหญิงสาวผู้อยู่ในฐานะ'พี่สาว'ของตนก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆพร้อมส่งสายตาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้อชิระแทบจะขนลุก
''อ...อย่าบอกนะว่า ! ! ! ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!''
เสียงร้องโหยหวนตรงถนนคอนโดสีเขียวดังลั่นก่อนที่จะคอยๆเงียบสงบลง ....
------------------------------------------------------------------------------------
ในเวลาตอนพักเที่ยงที่เข้าถึงเชียงคานแล้วอชิระที่ตอนนี้สวมเสื้อคอเต่าสีดำกับกางเกงทหารพร้อมกับวิราวที่ใสเสื้อคอเต่าสีขาวครีมกับกางเกงทหารที่ใส่เหมือนกันยังกับฝาแฝดอชิระแทบอยากจะเอาหัวโขกลงตรงที่นั่งเธอแทบอายและอยากจะเอาหัวมุดลงดินเพราะวิราวบังคับเธอให้แกล้งเป็นคู่รักแทบจะขอร้องโดยไม่อายฟ้าดินเลยในขนาดที่วิราวขับรถSSC Tuataraขับเลี้ยวเข้ามาตรงถนนด้วยรถคู่ใจรถสปอร์ตสีขาวของวิราว
''ทำสีหน้าแบบนี้หมายความว่าไงกันน่ะ?'' วิราวหัวเราะขบขันพร้อมมองพี่ที่หันหน้าไปทาง
อื่น
''ห..หนวกหู!'' อชิระเอามือปิดหน้าทั้งสองข้างทำให้วิราวอดหุบยิ้มไม่หายที่วันนี้ได้มองเห็นความขี้อายของพี่สาวตัวเองบ้าง
''โอเคๆ .... ผมจะเลี้ยวเข้าวัดนะครับ'' วิราวยิ้มร่าเริงออกมาในวันนี้ที่ได้มาเที่ยวกับอชิระสองต่อสองก่อนที่จะเลี้ยวเข้าวัดแล้วจอดตรงต้นไม้ไทรที่มีเด็กเก็บตังค์เข้ามาอยู่เขาก็สังเกตรถที่เงาวับและสะอาดครั้งแรกในชีวิต
''พี่ครับ ออกมาเถอะหน่า ... '' ชายหนุ่มมองคนที่ยังไม่ออกมาจากรถก่อนจะเดินไปทางฝั่งประตูเคาะประตูเบาๆแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย
''.......'' อชิระนิ่งเงียบและกอดอกเหมือนเด็กน้อยที่ไม่ลงจากรถพร้อมกับใบหน้าที่ทำปากบู๊เหมือนเด็กที่ไม่พอใจที่ผู้ใหญ่พามาเที่ยว
''แย่จังเลยน้า .... ถ้าพี่ไม่มานี้ของกินในเชียงคานต้องหมดแน่ๆ'' วิราวเดินไปเปิดประตูหลังรถพร้อมกับกีตาร์คู่ใจสีดำสะพายข้างหลังไว้ก่อนจะมีเสียงเปิดประตูพร้อมรูปร่างหญิงสาวที่ออกมา
''ก...ก็ได้! ต--แต่ไม่ได้หวังของกินนะเฟร้ย!'' อชิระชี้หน้าว่าน้องชายของเธอก่อนจะไปหยิบกระเป๋าสะพายเบสเอาไว้ข้างหลังวิราวแทบจะหุบยิ้มไม่หายกับวันนี้ก่อนจะยื่นมือหาพี่ของเขา
''หา? ''
''จับมือกัน''
''หา?....''
''ก็จับมือกันยังไงละครับ?''
''หา !? '' อชิระอ้าปากค้างถ้าฟังเสียงไม่ผิดวิราวบอกว่าให้จับมือกัน
''ด...เดียว?! ทำไม่ต้องจับมือกันด้วย! มะ ..ไม่ใช่แฟนกันเสียหน่อย!!'' อชิระเริ่มหน้าแดงเหมือนลูกมะเขือที่ไกล้สุกเต็มที่วิราวทำสีหน้างงใส่อีกฝ่ายพร้อมกับเอยเสียงออกมาอย่างไม่มีอะไรจะคิดมาก
''เอ๋? ... ทั้งๆที่ตอนเด็กๆ พี่ก็ให้ผมจับมือพี่ตลอดแท้ๆ'' วิราวแกล้งทำหน้าเสียใจโดยที่อชิระอ้าปากค้างมองใบหน้าของน้องชายก่อนจะยอมจับมือแต่โดยดีเธอมีอาการขัดเขินและเขินอายอย่างมากในตอนนี้
''อ...เออก็ได้ .... '' อชิระทำเสียงสั่นพร้อมกับหันไปมอง
''แล้ววันนี้จะกินร้านอะไรดีละ? ฉันหิวแล้ว''อชิระทำสีหน้างอแงแบบเด็กๆที่ตั้งแต่ตอนเช้าได้กินแค่โอวันติลกับขนมปังแค่แผ่นเดียวพร้อมกับท้องร้องที่ไส้กิ่วไปมาเธอเอามืออีกข้างที่ไม่ได้ใช้กุมเอาไว้นั้นทำให้วิราวหัวเราะร่าเริงออกมาพร้อมกับยังคงจับมือเอาไว้
''ถนนคนเดินมีของกินเยอะอยู่แล้ว ... เอาเป็นว่าวันนี้ผมเลี้ยงละกัน'' ชายหนุ่มแทบจะใจดีกับคนที่อยู่ตรงหน้าก่อนทั้งคู่จะจับมือเดินกันไปที่ถนนคนเดินของเชียงคาน
------------------------------------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ