ความฝัน สิ่งสำคัญ ห่างกัน หายไป
9.0
เขียนโดย นายน่าเบื่อ
วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.28 น.
3 ตอน
4 วิจารณ์
7,553 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556 16.16 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) สิ่งสำคัญของสิ่งที่หาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสิ่งสำคัญของสิ่งที่หาย
สองปี จากวันนั้น
15.34 น
ช่วงบ่ายในฤดูน้ำหลาก เมฆพายุก่อนยักษ์ หม่นหมองดำมืดปิดบังท้องฟ้ายามบ่าย ของวันไว้บงบอกถึงพายุที่กำลังจะมาอย่างหนักหน่วงในไม่ช้า ลมจากเบา ๆ เริ่มแรงขึ้นตามการเคลื่อนตัวของเมฆฝนมากมาย ที่ลอยมาปกคลุม ป้าบ้านตรงข้ามรีบวิ่งเก็บผ้าอย่างเร่งรีบ แล้วบนไปด้วยอย่างอารมณ์เสีย “เมื่อเช้ายังแดดดีดีอยู่แท้ ๆ”
ผมยืนมองสภาพอากาศบนฟ้า มองป้าที่บ่นไปเก็บผ้าไป แล้วก็อดนึกถึงเพลง สิ่งที่เป็นกับสิ่งที่เห็น ของวงนั่งเล่นไม่ได้
มันไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไปจริง ๆ สำหรับโลกที่แสนวุ่นวายนี้ ฟ้าที่สดใส ของเมื่อตอนเที่ยงกลับหมองมัวหม่นครึ้มได้ขนาดนี้ จะว่าไปฝนตกแบบนี้ก็ทำให้นึกถึงเมื่อวันนั้น ของเมื่อสองปีก่อน วันที่เพื่อนสนิท หายไป ผมไม่ได้ห่วงมันมากในวันรุ่งขึ้น เพราะจากหนังสือพิมพ์ไม่มีคนตาย ข้างทางผมก็สบายใจแล้ว ครอบครัวของมันก็ยังคงดำเนินชีวิตต่อ ยังคงหาเงินส่งเสียลูกสาวอีกคนเรียนตอ ไม่มีการติดต่อจากผู้เป็นเพื่อนสนิท ไม่มีเมล ไม่มีสายโทรเข้า ไม่รู้ความเคลื่อนไหว ไม่รู้ว่าตายรึยัง
ผมหลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อ พ่อของผมและพ่อของเพื่อนสนิท ขี่รถเข้ามาเอาปืนและมีด พร้อมชุดกันฝนที่บ้าน ด้วยความรีบร้อนและสีหน้าเคียด ๆ
“ไปไหนอะพ่อ”
“เข้าป่า หาคนหาย ปิดร้านเลยอย่ามัวเหม่อ”
“ใครหายอะพ่อ หลงป่าเหรอ ฝนจะตกด้วยแบบนี้อันตรายมากเลยนะ”
“ใช่ จะรีบไปช่วยกันหานี่ไง”
แล้วพ่อก็เดินไปขึ้นรถและขับออกไป พร้อมกับที่ลมพายุพัดแรงและหยดน้ำเม็ดใหญ่นับไม่ถ้วนกระหน่ำตกลงมา สู่พื้นดิน ผมรีบปิดร้านและพาวนาให้พ่อหาคนให้เจอไวที่สุด ด้วยหัวใจหวิว ๆ เหมือนมีรางว่าบ่างสิ่งจะหายไป และยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่า กลัวการจากลาจริง ๆ
มีคนเคยบอกไว้ การจาก เป็น เจ็บน้อยกว่าจาก ตาย หากเลือกได้ก้อยากจากเป็นมากกว่า ผมคิดว่าคน ๆ นั้นคิดผิด ไม่มีอันไหนน่าเลือกเลยในสองช้อยนี้ ในเมื่อมีคำว่าเจ็บ อยู่ผมคิดว่าจะจากเป็นหรือจากตาย ก็เจ็บเหมือนกัน แต่ไม่ว่าอันไหนก็ไม่มีใครอยากจะเลือก จริง ๆ
20.59 น
ท่ามกลางพายุกระหน่ำ ที่ตกตั่งแต่ตอนบ่าย เสียงรถกระบะของพ่อขี่เข้ามาในบ้าน ผมมที่อาบน้ำอยู่รีบอาบให้เสร็จและพันผ้าเช็ดตัววิ่งออกมาถามพ่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่ส่งไม่ใส่มันหลอกเสื้อ
“พ่อ ๆ เจอมั้ย !” ผมแหกปากตะโกนตั่งแต่ในบ้านจนถึงหน้าบ้าน
“แกจะตะโกนทำไมวะ ไอ้นี้” โป๊ก พ่อว่าพร้อมกับตบหัวผม
“โอ๊ย แล้วเจอมั้ยพ่อ” เมื่อผมมองสีหน้าของพ่อแล้วก็ต้อง ตกใจ สีหน้าของคนเป็นห่วง สีหน้าของคนเศร้ากังวล
“คนหลงป่านะเจอแล้ว”
“อาวแล้วพ่อไม่สบายเหรอ หน้าเคียดเชียว”
“แต่ ลุงหายไปหวะ ยังหาไม่เจอเลย” ผมได้ยินที่พ่อบอกก็สตันไปหายวิเลยที่เดียว พ่อของมันหายไป เหรอ พ่อของเพื่อนสนิทผม ลุงผม เพื่อนของพ่อ หลงหายไปจริง ๆ เหรอ?
“พ่อกลับมาเอาไฟวะลูกเก่าแบตหมด” พ่อเดินไปหยิบแบตเตอรี่ ลูกใหม่ชูให้ดูแล้วก็เดินออกไปขึ้นรถและสตาร์ทออกไป
ผมยกโทรศัพท์ ขึ้นมาดูเบอร์เก่าของเพื่อนสนิท พร้อมกับความเป็นห่วงลุง
“ เพื่อน พ่อมึงหายไปนะเว้ย” ผมมองดูเบอร์เก่าของมัน พูดกับเบอร์ เผือมันจะได้ยิน แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา
กูบ้าแล้วสินะคุยกะเบอร์โทร?
เช้าของวันใหม่
ท้องฟ้าหม่น ฝนยังคงตกลงมาแต่ไม่หนักเป็นพายุเหมือนเมื่อวาน ผมตื่นมาตั้งแต่เช้าด้วยความไม่สดชื่น ทางโพรงจมูกและแสบในลำคอ แต่ในความคิดยังคงพะวงเรื่องของลุงที่หายไป ไม่รู้ว่าพ่อกลับมาเมื่อไหล แต่ตอนนี้พ่อนั่งเหม่อมองต้นกล้วยไม้ที่พ่อรักษาอย่างดีไว้ กล้วยไม้ที่ลุงให้
“พ่อ เจอมั้ย” ผมถามด้วยความหวังอย่างสุดซึ้ง ว่าขอให้เจอ แต่กลับมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ
"พ่อ “ ผมเรียกพร้อมกับจับไหล่พ่อ
“หะ ห๊ะ” พ่อตกใจเล็กน้อยแล้วก็หันมามองผม พ่อเหม่อ สินะ เหม่อลึกจริง ๆ
“เจอมั้ย ลุงงะ” ผมถามอีกครั้ง
“ ไม่เจอ”พ่อตอบและหันกลับไปมองกล้วยไม้ของลุงอีกครั้ง อย่างเหม่อลอย
ผมได้ยินก็ใจหายวาบด้วย อารมณ์ที่ปนเปไปหมด หนึ่งในนั้นมีความหนักใจและความกังวลอยู่ด้วยไม่น้อย ไม่เจอ สินะ
...
..
.
โครมมมมมตรึ้มมมมมมมมมมม
เสียงดังกระหึ่มพร้อมกับพื้นดินสันสะเทือน สไลด์ลงมาจากบนภูเขาดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน ที่ผมอยู่ ฝนโปรย ฟ้าแลบ ผู้คนต่างพากันออกมาดูต้นตอของเสียง ใช่ ผมด้วยที่มามองดูดินถล่มและมีสิ่งที่ไม่มีใครคาดเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนของโลก
สองปี จากวันนั้น
15.34 น
ช่วงบ่ายในฤดูน้ำหลาก เมฆพายุก่อนยักษ์ หม่นหมองดำมืดปิดบังท้องฟ้ายามบ่าย ของวันไว้บงบอกถึงพายุที่กำลังจะมาอย่างหนักหน่วงในไม่ช้า ลมจากเบา ๆ เริ่มแรงขึ้นตามการเคลื่อนตัวของเมฆฝนมากมาย ที่ลอยมาปกคลุม ป้าบ้านตรงข้ามรีบวิ่งเก็บผ้าอย่างเร่งรีบ แล้วบนไปด้วยอย่างอารมณ์เสีย “เมื่อเช้ายังแดดดีดีอยู่แท้ ๆ”
ผมยืนมองสภาพอากาศบนฟ้า มองป้าที่บ่นไปเก็บผ้าไป แล้วก็อดนึกถึงเพลง สิ่งที่เป็นกับสิ่งที่เห็น ของวงนั่งเล่นไม่ได้
มันไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไปจริง ๆ สำหรับโลกที่แสนวุ่นวายนี้ ฟ้าที่สดใส ของเมื่อตอนเที่ยงกลับหมองมัวหม่นครึ้มได้ขนาดนี้ จะว่าไปฝนตกแบบนี้ก็ทำให้นึกถึงเมื่อวันนั้น ของเมื่อสองปีก่อน วันที่เพื่อนสนิท หายไป ผมไม่ได้ห่วงมันมากในวันรุ่งขึ้น เพราะจากหนังสือพิมพ์ไม่มีคนตาย ข้างทางผมก็สบายใจแล้ว ครอบครัวของมันก็ยังคงดำเนินชีวิตต่อ ยังคงหาเงินส่งเสียลูกสาวอีกคนเรียนตอ ไม่มีการติดต่อจากผู้เป็นเพื่อนสนิท ไม่มีเมล ไม่มีสายโทรเข้า ไม่รู้ความเคลื่อนไหว ไม่รู้ว่าตายรึยัง
ผมหลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อ พ่อของผมและพ่อของเพื่อนสนิท ขี่รถเข้ามาเอาปืนและมีด พร้อมชุดกันฝนที่บ้าน ด้วยความรีบร้อนและสีหน้าเคียด ๆ
“ไปไหนอะพ่อ”
“เข้าป่า หาคนหาย ปิดร้านเลยอย่ามัวเหม่อ”
“ใครหายอะพ่อ หลงป่าเหรอ ฝนจะตกด้วยแบบนี้อันตรายมากเลยนะ”
“ใช่ จะรีบไปช่วยกันหานี่ไง”
แล้วพ่อก็เดินไปขึ้นรถและขับออกไป พร้อมกับที่ลมพายุพัดแรงและหยดน้ำเม็ดใหญ่นับไม่ถ้วนกระหน่ำตกลงมา สู่พื้นดิน ผมรีบปิดร้านและพาวนาให้พ่อหาคนให้เจอไวที่สุด ด้วยหัวใจหวิว ๆ เหมือนมีรางว่าบ่างสิ่งจะหายไป และยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่า กลัวการจากลาจริง ๆ
มีคนเคยบอกไว้ การจาก เป็น เจ็บน้อยกว่าจาก ตาย หากเลือกได้ก้อยากจากเป็นมากกว่า ผมคิดว่าคน ๆ นั้นคิดผิด ไม่มีอันไหนน่าเลือกเลยในสองช้อยนี้ ในเมื่อมีคำว่าเจ็บ อยู่ผมคิดว่าจะจากเป็นหรือจากตาย ก็เจ็บเหมือนกัน แต่ไม่ว่าอันไหนก็ไม่มีใครอยากจะเลือก จริง ๆ
20.59 น
ท่ามกลางพายุกระหน่ำ ที่ตกตั่งแต่ตอนบ่าย เสียงรถกระบะของพ่อขี่เข้ามาในบ้าน ผมมที่อาบน้ำอยู่รีบอาบให้เสร็จและพันผ้าเช็ดตัววิ่งออกมาถามพ่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่ส่งไม่ใส่มันหลอกเสื้อ
“พ่อ ๆ เจอมั้ย !” ผมแหกปากตะโกนตั่งแต่ในบ้านจนถึงหน้าบ้าน
“แกจะตะโกนทำไมวะ ไอ้นี้” โป๊ก พ่อว่าพร้อมกับตบหัวผม
“โอ๊ย แล้วเจอมั้ยพ่อ” เมื่อผมมองสีหน้าของพ่อแล้วก็ต้อง ตกใจ สีหน้าของคนเป็นห่วง สีหน้าของคนเศร้ากังวล
“คนหลงป่านะเจอแล้ว”
“อาวแล้วพ่อไม่สบายเหรอ หน้าเคียดเชียว”
“แต่ ลุงหายไปหวะ ยังหาไม่เจอเลย” ผมได้ยินที่พ่อบอกก็สตันไปหายวิเลยที่เดียว พ่อของมันหายไป เหรอ พ่อของเพื่อนสนิทผม ลุงผม เพื่อนของพ่อ หลงหายไปจริง ๆ เหรอ?
“พ่อกลับมาเอาไฟวะลูกเก่าแบตหมด” พ่อเดินไปหยิบแบตเตอรี่ ลูกใหม่ชูให้ดูแล้วก็เดินออกไปขึ้นรถและสตาร์ทออกไป
ผมยกโทรศัพท์ ขึ้นมาดูเบอร์เก่าของเพื่อนสนิท พร้อมกับความเป็นห่วงลุง
“ เพื่อน พ่อมึงหายไปนะเว้ย” ผมมองดูเบอร์เก่าของมัน พูดกับเบอร์ เผือมันจะได้ยิน แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา
กูบ้าแล้วสินะคุยกะเบอร์โทร?
เช้าของวันใหม่
ท้องฟ้าหม่น ฝนยังคงตกลงมาแต่ไม่หนักเป็นพายุเหมือนเมื่อวาน ผมตื่นมาตั้งแต่เช้าด้วยความไม่สดชื่น ทางโพรงจมูกและแสบในลำคอ แต่ในความคิดยังคงพะวงเรื่องของลุงที่หายไป ไม่รู้ว่าพ่อกลับมาเมื่อไหล แต่ตอนนี้พ่อนั่งเหม่อมองต้นกล้วยไม้ที่พ่อรักษาอย่างดีไว้ กล้วยไม้ที่ลุงให้
“พ่อ เจอมั้ย” ผมถามด้วยความหวังอย่างสุดซึ้ง ว่าขอให้เจอ แต่กลับมีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ
"พ่อ “ ผมเรียกพร้อมกับจับไหล่พ่อ
“หะ ห๊ะ” พ่อตกใจเล็กน้อยแล้วก็หันมามองผม พ่อเหม่อ สินะ เหม่อลึกจริง ๆ
“เจอมั้ย ลุงงะ” ผมถามอีกครั้ง
“ ไม่เจอ”พ่อตอบและหันกลับไปมองกล้วยไม้ของลุงอีกครั้ง อย่างเหม่อลอย
ผมได้ยินก็ใจหายวาบด้วย อารมณ์ที่ปนเปไปหมด หนึ่งในนั้นมีความหนักใจและความกังวลอยู่ด้วยไม่น้อย ไม่เจอ สินะ
...
..
.
โครมมมมมตรึ้มมมมมมมมมมม
เสียงดังกระหึ่มพร้อมกับพื้นดินสันสะเทือน สไลด์ลงมาจากบนภูเขาดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน ที่ผมอยู่ ฝนโปรย ฟ้าแลบ ผู้คนต่างพากันออกมาดูต้นตอของเสียง ใช่ ผมด้วยที่มามองดูดินถล่มและมีสิ่งที่ไม่มีใครคาดเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนของโลก
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ