"memory" ความทรงจำไม่อาจลบเลือน
เขียนโดย candle
วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.57 น.
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2556 14.28 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
7)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ช่วงเวลา 17.30 น. ของทุกวันจะเป็นช่วงที่พ่อจดจ่ออยู่กับการเรียกเข้ามาของพี่ชายผ่านทางสไกป์ ณ.ที่ทำงานเพราะหากรอจนพี่กลับไปถึงบ้านเกรงว่าพ่อจะเข้านอนไปแล้ว เป็นการนัดหมายกันคร่าวๆ ว่าณ.ช่วงเวลานั้นให้เปิดเครื่องรอไว้ พ่อดูมีความสุขหน้าตาสดชื่นเวลาได้คุยกัน
“วันนี้เป็นไงบ้าง พ่อปวดรึเปล่า”
“ต้องกินยาแก้ปวดไหม”
“กินข้าวรึยัง กินได้เยอะมั๊ย กินกับอะไรบ้าง” คำถามวนเวียนอยู่ประมาณนี้ในทุกๆ วัน
แล้วพวกลูกน้องหรือแม่บ้านของบริษัทก็แวะเวียนกันเข้ามาทักทายไม่เว้นแม้แต่เจ้านายของพี่ชายก็ด้วย พร้อมๆ กับการนำเสนอกระโจมอบสมุนไพรให้ดูอีกต่างหากโชว์ผ่านทางสไกป์มา บอกขนาดรูปทรงเสร็จสรรพมีการเปิดให้ดู ด้านในมีเก้าอี้วางไว้หนึ่งตัวเป็นเก้าอี้พลาสติกแต่ที่ใช้ที่บ้านเห็นกำชับมาว่าให้ใช้เป็นเก้าอี้ไม้
ลักษณะกระโจมเป็นการเย็บด้วยผ้าด้ายดิบอย่างหนาเป็นทรงกล่องสีเหลี่ยมด้านหน้าซ้อนกันเป็นประตูให้เปิดได้ ขนาดพอเหมาะกับคนหนึ่งคนใช้เข้าไปนั่งได้สบายๆ การอบสมุนไพรก็เป็นวิธีการหนึ่งในการขับพิษออกจากร่างกาย ซึ่งครอบครัวของเรานำเอามาใช้ด้วยเหมือนกัน เรียกว่าทำทุกอย่างเท่าที่จะทำให้ให้พ่ออย่างดีที่สุด มันอาจช่วยได้ไม่มากหากก็สามารถยื้อระยะเวลาออกไปได้ไม่มากก็น้อยในความคิดของฉัน และสำคัญที่สุดคือให้พ่อเจ็บปวดทรมานน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
มีการระบุยี้ห้อหม้อที่จะเอามาใช้ต้มสมุนไพรมาให้ด้วย ย้ำว่าต้องเป็นหม้อสุกี้ของยี่ห้อเอเจเท่านั้น เห็นว่ามันเหมาะที่สุดในการทำกิจกรรมนี้ ผ้าถูกส่งมาจากกรุงเทพฯ ภายในวันสองวัน แม่จัดการเย็บเสร็จภายในไม่กี่ชั่วโมง เย็นวันนั้นก็มีการโชว์ผลงานผ่านสไกป์กันอีกรอบหนึ่ง ยิ้มหน้าบานกันไปทั้งสองฝั่งทั้งฝั่งต้นแบบและฝั่งซึ่งเพิ่งเย็บเสร็จสดๆ ร้อนๆ
อุปกรณ์พร้อม คราวนี้เหลือแต่จำพวกสมุนไพรต่างๆ ที่จะหาได้บริเวณบ้าน พี่ชายก็ว่าเป็นเครื่องต้มยำแหละเว้นแต่พริกชี้ฟ้าก็เท่านั้น
สมุนไพรที่ใช้ในการอบ
- 1. สมุนไพรที่มีกลิ่นหอม คือสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหย เช่น ไพล ขมิ้น ผิวมะกรูด รักษาอาการคัดจมูก ปวดเมื่อย เวียนศีรษะ
- 2. สมุนไพรที่มีรสเปี้ยว เช่น ใบมะขาม ใบและฝักส้มป่อย มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก บำรุงผิวพรรณ เพิ่มความต้านทานโรคให้แก่ผิวหนัง
- 3. สมุนไพรที่เป็นสารประกอบระเหิดได้เมื่อผ่านความร้อน มีกลิ่นหอมบำรุงหัวใจ เช่น การบูร พิมเสน เมนทอล ช่วยรักษาอาการหวัดคัดจมูก
- 4. สมุนไพรที่ใช้เฉพาะโรคและอาการ เช่น สมุนไพรแก้ปวดเมื่อยและบำรุงเอ็น ได้แก่ เถาวัลย์เปรียง ไพล เถาเอ็นอ่อน ใช้รักษาโรคผิวหนัง เช่น เหงือกปลาหมอ
สมุนไพรที่ใช้อบเพื่อสุขภาพประกอบด้วย
- 1. ยอดผักบุ้ง 5 ยอด
- 2. ใบมะกรูด 3-5 ใบ
- 3. ใบมะขาม 1 กำมือ
- 4. ใบส้มป่อย 1 กำมือ
- 5. ตะไคร้ 5 ต้น
- 6. หัวไพล 2-3 หัว
- 7. ใบพลับพลึง 1-2 ใบ
- 8. ใบหนาด 3-5 ใบ
- 9. ขมิ้น 2-3 หัว
- 10. การบูร เมนทอล พิมเสน
ขั้นตอนการอบสมุนไพร
- 1. วัดความดันโลหิตก่อน
- 2. นำน้ำประพรมร่างกาย หรืออาบน้ำชำระล้างสิ่งสกปรกและเป็นการเตรียมเส้นเลือดให้พร้อมต่อการยืดขยายและหดตัว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น
3. เข้าทำการอบ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที กรณีผู้ไม่เคยอบ ควรอบ 3 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที
- 4. เมื่อครบจำนวนนาทีไม่ควรอาบน้ำทันที ออกมานั่งให้เหงื่อแห้งจึงอาบน้ำเพื่อชำระคราบเหงื่อไคลและสมุนไพร และช่วยให้เส้นเลือดหดตัวลงเป็นปกติ
ข้อห้ามในการอบสมุนไพร
- 1. มีไข้สูง
- 2. โรคติดต่อร้ายแรง
- 3. โรคประจำตัว เช่นโรคหัวใจ หอบหืดระยะรุนแรง ลมชัก
- 4. สตรีขณะมีประจำเดือน
- 5. มีการอักเสบจากบาดแผลเปิดและแผลปิด
- 6. อ่อนเพลีย อดอาหาร อดนอน หลังรับประทานอาหารใหม่
- 7. ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้
เราทำการอบกันอาทิตย์ละสองครั้งหากพ่ออยู่ในอาการปกติคือไม่อ่อนเพลีย ในครั้งแรกที่ทำการอบให้พ่อเป็นคนแรกปรากฏว่าพ่อนั่งไปได้สักประมาณ 7-8 นาที เท่านั้นแหละ ออกมาก็ว่า ‘ทนไม่ไหว’ กลิ่นสมุนไพรยังใหม่และแรงและพ่อก็ทนความร้อนได้ไม่มากนัก ครั้งถัดมาคนที่เข้าเป็นคนแรกคือฉัน กลิ่นของการบูร เมนทอล พิมเสน มันทำให้หายใจได้โล่งจมูกดีมาก
ในครั้งแรกหลังจากอบสมุนไพรเสร็จเรียบร้อยกันทั้งสามคน ปรากฏว่าหลังจากอาบน้ำอะไรกันเรียบร้อย นอนหลับกันเป็นตายเลยล่ะ ฉันกับแม่มีอาการปวดหัวร่วมด้วยนิดหน่อย นั่นเป็นเพราะว่าเราดื่มน้ำน้อยเกินไป อันที่จริงหลังจากการอบสมุนไพรจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ เป็นการทดแทนน้ำที่เสียไป
ฉันบอกกับพี่ชายว่า ‘เกือบตายหมู่’ ครั้งต่อมาก็ถือว่าโอเคพ่อทนได้นานขึ้น ของพ่อใช้เวลาประมาณ 10 นาที 2 ครั้ง ส่วนฉันกับแม่ครั้งเดียวครึ่งชั่วโมงกันไปเลย ให้ความรู้สึกสบายตัวดีมาก โดยส่วนใหญ่เราจะอบสมุนไพรกันในช่วงเย็น วันไหนอบสมุนไพรการแช่มือแช่เท้ากับกัวซาก็ไม่ต้องทำ ของพ่อหลังจากอบสมุนไพรเสร็จก็จะให้ดื่มน้ำคลอโรฟิลล์สดหรือไม่ก็น้ำผักปั่น
พูดถึงน้ำคลอโรฟิลล์สิ่งที่หายากที่สุดคือสิ่งที่เป็นพระเอกของเรื่องคือใบย่านาง กลายเป็นว่าแถวต่างจังหวัดเดี๋ยวนี้หายากขึ้นมากแม้แต่ในป่าเขาเพราะต่างก็แผ้วถางทำลายเสียหมด แล้วการนำมาปลูกกว่ามันจะขึ้นมาได้ช่างยากเย็นไม่เหมือนขึ้นมาเองตามธรรมชาติ
การหาใบย่านางหายากอย่างกับหาเพชรพลอย แต่ของพ่อมีน้าคนหนึ่งช่วยหาให้ทั้งที่มิได้เป็นญาติโกโหติกากันแต่ประการใด หากได้มาเยอะฉันจะปลิดเป็นใบเก็บซ้อนกันใส่กล่องไว้ ให้ดีควรห่อด้วยใบตองก่อนใส่กล่องอีกทีจะดีที่สุด เพราะความสดจะยังคงอยู่ได้นานมากขึ้นแล้วก็เอาเก็บไว้ในตู้เย็น
**
**
แต่ละวันดูจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฉันทำทุกอย่างเหมือนกันในทุกๆ วันให้พ่อ ไม่ออกไปไหนมาไหนเว้นเสียแต่มีเรื่องจำเป็นต้องไป เช่นการหายาให้พ่อ วันทั้งวันฉันก็จะอยู่กับพ่อตลอดเวลาคอยสังเกตุอาการ บันทึกไว้ในแต่ละวันแต่ละเดือนพ่อต้องใช้ยาแก้ปวดบ่อยแค่ไหน หรือเมื่อให้ยาแล้วระยะเวลาที่ยาให้ผลกี่นาที พี่ชายเขาบอกว่าให้น้องจดไว้เป็นบันทึก พี่ชายเองก็จะกลับบ้านในทุกเดือนมาในค่ำวันศุกร์กลับค่ำวันอาทิตย์ เสียเงินให้กับนกแอร์ไปมากโขอยู่ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เพราะในบางครั้งก็กลับมาเดือนหนึ่งหลายครั้งอยู่ จนคนแถวบ้านว่าขึ้นเครื่องจนจะได้ตั๋วฟรีแล้วมั้งเนี่ย
เวลากลับบ้านมาทีก็จะมีของฝากจากเจ้านายติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ เป็นของกิน เป็นหนังสือธรรมะของหลวงพ่อเทียน อันนี้มีตั้งหนังสือทั้งแผ่นซีดีมาพร้อม กำกับมาด้วยว่าให้น้องอ่านแล้วทำดูก่อนถึงค่อยให้พ่ออ่านหรือสอนพ่ออีกที
ก่อนหน้านี้พี่ชายต้องไปต่างประเทศหลายวันพี่ตั้ม(เจ้านาย)เขาก็โทรมาบอกว่าหากมีอะไรเร่งด่วนหรือพ่อทรุดลงยังไงให้ฉันโทรหาเขาในทันทีไม่ต้องเกรงใจ พี่เขาก็โทรคุยกับแม่ด้วยให้กำลังใจอะไรประมาณนี้แหละ น้ำใจจากคนอื่นซึ่งไม่ได้เกี่ยวพันเป็นญาติ บางครั้งเราก็หาได้มากกว่าจากญาติพี่น้องเสียอีก
ตั้งแต่พ่อป่วยมาพวกอาๆ มาเยี่ยมแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเรียกว่ามาแป๊บเดียวก็กลับ ทำเอาฉันซึ่งในน้ำใจแทบกระอักเลือดทีเดียว ฉันรู้ว่าพ่ออาจคิดเสียใจในน้ำใจของน้องๆ แต่เราทั้งหมดไม่เคยพูดถึงเรื่องของพวกอาๆ ให้พ่อได้ยิน เขาจะมาไม่มาก็ช่างครอบครัวของเราทั้งแม่และลูกดูแลเอาใจใส่พ่ออย่างดีที่สุดอยู่แล้วเท่าที่เราทำได้ ดีกว่าครอบครัวคนอื่นอีกหลายครอบครัวที่มีลูกหลายคนซะอีก
ฉันส่งพ่อเข้าห้องนอนทุกคืน ห่มผ้าให้ กลางคืนก็คอยฟังว่าพ่อจะเจ็บขึ้นมาหรือเปล่า เตรียมน้ำร้อนใส่ถุงให้ประคบในตอนกลางคืน ฉันพูดกับแม่ว่า ‘หนูใช้หนี้ให้พ่ออยู่นะแม่’ ฉันแกล้งพูดไปงั้นแหละ กับแม่ก็เหมือนกันเวลาแม่ไม่สบายฉันทำอะไรให้ฉันก็ว่า ‘หนูใช้หนี้อยู่นะ’ แม่ก็ยิ้ม
คนเป็นลูกก็เป็นหนี้พ่อ-แม่อยู่แล้วตั้งแต่แรกเกิดยังไงก็ใช้ไม่หมดหรอก ยิ่งฉันด้วยแล้วไม่มีทางหมด เพราะตั้งแต่เด็กฉันอ่อนแอขี้โรค เรียกว่าพ่อ-แม่ต้องคอยประคบประหงมกันเต็มที่ ฉันใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่าอยู่บ้านซะอีกในวัยเด็ก แม่บอกว่าอยู่โรงพยาบาลนานจนกลับมาบ้านยังพูดภาษากลางอยู่เลย
ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนพ่อจะต้มน้ำให้อาบก่อนจะไปอุ้มมาจากที่นอนอาบน้ำให้ เป็นแบบนี้ทุกวันตอนเรียนประถม
มีอยู่วันนึงดูทีวีกันอยู่เขาพูดเรื่องเด็กกับตุ๊กตาหรือไงนี่แหละ
“ตอนเด็กหนูไม่เคยมีตุ๊กตาเลยนะ”
ฉันพูดไปโดยไม่ทันคิดพ่อเหมือนจะเสียใจฉันคิดว่าอย่างนั้น
“ตอนนั้นมันลำบากเงินก็หายาก”
“แต่เรื่องอาหารการกินพ่อกับแม่ไม่เคยให้ลูกอด เว้นแต่พวกของเล่นเท่านั้นแหละที่ไม่มี”
“ค่ะ” เหมือนฉันจะใช้คำนั้นแทนคำขอโทษ บางครั้งคำว่า ‘ขอโทษ’ มันก็พูดยากเหมือนกันนะ ทั้งที่ไม่ควรเป็นแบบนั้นเลยระหว่างลูกกับพ่อแม่
ฉันดีใจที่ตัวเองอยู่ที่บ้านณ.เวลานี้ได้คอยปรนนิบัติพ่ออย่างเต็มที่เท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำให้ได้ ในวันที่เขาจากไปจริงๆ ความเจ็บปวดมันจึงไม่มากมายนักอย่างที่ฉันเคยรู้สึกกลัว.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ