"memory" ความทรงจำไม่อาจลบเลือน

9.4

เขียนโดย candle

วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.57 น.

  9 บท
  18 วิจารณ์
  15.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2556 14.28 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

6)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

          ช่วงระยะเวลาในกลางวันระหว่างมื้ออาหาร  ฉันต้องคะยั้นคะยอให้พ่อกินขนมนมเนยให้บ่อยขึ้น  ซึ่งก็กินได้บ้างไม่ได้บ้างแล้วแต่โอกาส  บางทีก็เพื่อเอาใจลูกที่วันๆ จะหมกมุ่นกับการหาของกินให้พ่อ  แต่พ่อจะชอบซาลาเปาของ 7-11 มาก  ฉันจะซื้อบิ๊กเปาแบบยกแพ็คมาไว้เป็นประจำ

 

          แต่จะมีของอย่างนึงที่พ่อชอบกินมากแต่ไม่สามารถให้กินได้  นั่นคือข้าวเหนียวไก่ทอด  เจ้าไก่ทอดเนี่ยอย่างร้ายเลยกินไปเมื่อไหร่เป็นอันโชว์ผลงานทันที  มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันออกไปตลาดพ่อก็ว่าอยากกินไก่ทอด  ฉันกับแม่มองหน้ากันออกจากบ้านก็โทรหาพี่ชายทันที

 

          “พี่ว่าไงพ่ออยากกินไก่ทอด”

          “ก็ให้กินหน่อยเถอะคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

 

          เมื่อมติเป็นเอกฉันท์แม้ยังไม่คลายใจนักแต่ก็เอาล่ะแค่ชิ้นเดียวไม่น่ามีผลอะไร  แต่ดูว่าแม่จะอยากให้เปลี่ยนเป็นหมูทอดแทนไก่อยู่  ถามคนสนิทชิดเชื้อที่ไปมาหาสู่กันอยู่ทุกคนก็ว่าให้กินเถอะไอ้ความอยากแล้วไม่ได้กินนี่ทรมานความรู้สึกมากอยู่เหมือนกัน

 

          เอาเข้าจริงๆ พ่อก็กินไปได้ครึ่งชิ้นเท่านั้นมันคล้ายกับว่าอะไรที่ไม่ได้กินนานๆ พอกินเข้าไปจริงๆ แล้วมันไม่อยากอย่างที่คิดหรือไงไม่รู้

 

          วันรุ่งขึ้นเท่านั้นแหละแสดงอาการทันทีพ่อปวดแขนด้านซ้ายยกไม่ไหวเลยทีเดียวกับปวดตรงบริเวณหน้าอกด้านซ้ายมาก  ตอนนั้นก็ให้กินยาแก้ปวด ponstan เภสัชกรบอกว่าเป็นยาแก้ปวดชนิดอ่อนไม่แรงมากสามารถให้ทานได้  เพราะหากเริ่มต้นให้ยาแรงหลังจากนั้นต้องหายาที่แรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เป็นผลดีต่อคนป่วย  ฉันใช้ยา ponstan ให้พ่อเวลาที่มีอาการปวดขึ้นมาบางครั้งบางคราว  ยาให้ผลภายใน 30 นาที

 

          **

          **

 

          เวลาบ่ายสามโมงหลังจากการนอนหลับพักผ่อนพ่อจะขอกาแฟหรือไม่ก็โอวัลตินกับขนมบ้าง  หรือไม่ก็เป็นพวกผลไม้โดยปกติพ่อไม่ค่อยจะกินผลไม้อยู่แล้ว  ฉันต้องพยามบอกให้พ่อกินเป็นพวกสับปะรด  แก้วมังกร  ทับทิม  องุ่นแดง  ทั้งหมดนั่นเป็นอย่างหลังที่พ่อกินได้เยอะสุด  ฉันจะซื้อผลไม้มาเก็บไว้ให้สับเปลี่ยนกันไปและฉันกับแม่เองก็ต้องกินด้วย  โดยรวมแล้วอะไรที่ทำให้พ่อฉันกับแม่ก็ต้องกินสิ่งนั้นด้วยเป็นเพื่อนเป็นกำลังใจ  ไม่แบ่งแยกว่าเป็นอาหารสำหรับคนป่วยหรือคนปกติ 

 

          อันนี้เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่เภสัชกรร้าน Watsons บอกมา เภสัชกรคนี้น่ารักมาก  ฉันเจอเธอครั้งแรกเพราะปรึกษาเรื่องยาแก้ปวดที่จะให้พ่อนี่แหละ  ฉันถามอะไรเธอก็ให้คำแนะนำบอกได้ทุกเรื่องเกี่ยวกับยารวมไปถึงการดูแลคนป่วย  จนถึงทุกวันนี้เจอกันทีไรก็ทักทายกันทั้งไม่รู้จักชื่อ  บางคราวฉันก็คิดว่าช่างโชคดีเมื่อเราได้เจอใครสักคนที่มีมิตรจิตมิตรใจต่อกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  ทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นอีกตั้งเยอะว่ามั๊ย

 

          น้ำผักปั่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ฉันทำให้พ่อดื่ม  และเมื่อทำแล้วก็ต้องสามแก้วล่ะ  ไม่อย่างนั้นพ่อเอาก็ดูอิดออดที่จะดื่มเข้าไป  ปั่นจนกลายเป็นสมูทตี้  แต่ก็อย่างว่าของที่มีประโยชน์มักไม่อร่อยเอาเสียเลย  กลิ่นของขึ้นฉ่ายลอยมาแตะจมูกทั้งที่ใส่แค่ก้านสองก้านเท่านั้นเอง  แต่ไม่ว่าจะต้องกล้ำกลืนยังไงก็ต้องดื่มเป็นเพื่อนพ่อ  แม่เป็นคนเดียวที่ไม่มีปัญหากับเรื่องพวกนี้ส่วนฉันกับพ่อเราค่อยๆ จิบไปทีละหน่อย

 

          ส่วนประกอบของน้ำผักปั่น

 

          ผักกาดหอม      2 ใบ

          คึ่นฉ่าย            2 ก้าน

          มะเขือเทศ        1 ลูก (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว)

          หอมหัวใหญ่      ¼ ลูก (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว)

          น้ำผึ้ง              2 ช้อนโต๊ะ

          มะนาว             1 ลูก

          แอปเปิ้ล          ½ ลูก

          น้ำสะอาด         2 แก้ว

 

          วิธีทำ

 

          1.  นำทั้งหมดลงในโถปั่น

          2.  ปั่น 20 วินาที

          ควรดื่มทันทีเพื่อสงวนคุณค่าทางอาหาร 

          น้ำผักปั่นช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย

 

          เวลาประมาณสี่โมงเย็นฉันก็จะทำกัวซาให้พ่อ  ว่ากันว่าเป็นการขับพิษออกจากร่างกายด้วยเหมือนกันเป็นศาสตร์การแพทย์ดั้งเดิมของชาวไทยภูเขา   ชาวจีน  พม่า  ลาว  เวียดนาม  กัมพูชา  มาเลเซีย  และประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  มีประสิทธิภาพโดดเด่นในการเอาพิษออกจากร่างกาย  โดยระบายพลังงานที่เป็นพิษจากเลือดที่ถูกกระตุ้นให้เคลื่นมาระบายที่ผิวหนัง  ทำให้สามารถบรรเทาอาการไม่สบายได้อย่างรวดเร็ว (จากหนังสือถอดรหัสสุขภาพเล่ม 3 ของหมอเขียว  ใจเพชร  กล้าจน)

 

          ใช้อุปกรณ์เรียบง่ายเช่น  ช้อน  ชาม  เหรียญ  ไม้ขอบเรียบหรือวัสดุขอบเรียบต่างๆ ขูดที่ผิวหนังโดยตรงหรือจะขูดผ่านเสื้อผ้าก็ได้  การกัวซาควรเริ่มจากด้านซ้ายก่อนเสมอ  ยกเว้นเกิดอาการไม่สบายเด่นชัดที่ด้านขวามากกว่าด้านซ้ายก็ให้ขูดด้านขวาก่อน 

 

          การขูดแต่ละครั้งให้ลงน้ำหนักแรงเท่าที่รู้สึกสบายไม่แรงเกินไม่เบาเกิน  ความแรงที่ให้ผลดีนั้นให้ลงน้ำหนักแรงเท่าที่จะไม่เจ็บไม่ทรมานมากเกินไป  ควรลงน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอการขูดที่พอดีคือขูดใฟ้ผมมีสีแดงจนกว่าจะไม่แดงไปกว่านั้น  หรือขูดประมาณ 10-50 ครั้ง

 

          หลังทำกัวซาเสร็จประมาณ 4-8 ชั่วโมงขึ้นไปจึงจะอาบน้ำได้  ถ้าจำเป็นต้องอาบทันทีให้อาบหรือเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น  หรืออย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้เลือดที่เคลื่นที่มาที่ผิวหนังมีเวลาระบายพิษออกไปได้มาก  ไม่เช่นนั้นเส้นเลือดจะหดตัวและบีบเอาเลือดที่ยังระบายพิษได้ไม่มากกลับคืนสูเซลล์เนื้อเยื่อและอวัยวะภายในทำให้ระบายพิษได้น้อย

 

          ฉันทำกัวซาให้พ่อในทุกวันตอนเย็นเริ่มไปจากหลังด้านซ้าย 50 ครั้ง  แขนด้านซ้ายด้านนอก 50 ครั้ง  แขนด้านใน 50 ครั้ง  ต้นขาด้านซ้ายมาถึงเข่า 50 ครั้ง  ช่วงแข้ง 50 ครั้ง  หลังเท้า 50 ครั้ง  แล้วก็ไปเริ่มจากหลังด้านขวาอีกทำเหมือนกันกับอีกด้านหนึ่ง  ทำแบบนี้ในทุกๆ วัน  สิ่งที่เห็นได้คืออาการปวดจะไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดฉันคิดว่ามันคล้ายเป็นการสัมผัสบำบัดด้วยชนิดหนึ่ง  ทำให้กำลังใจของพ่อดีขึ้นจากการที่ลูกคอยดูแลเอาใจใส่

 

          ตอนแรกพี่ชายเขาก็ว่าให้ฉันไปเข้าอบรมในช่วงเวลานั้นมีการมาอบรมที่นครศรีธรรมราช  แต่ไปๆ มาๆ ฉันก็ไม่อาจทิ้งพ่อไปได้  เป็นห่วงแม่ที่ต้องคอยดูแลพ่อคนเดียว  เพราะอาการของพ่อก็ใช่ว่าจะคงที่แม้ไม่ถึงกับหนักหนาสาหัสอะไรมากก็จริง  เพราะมีบ้างบางวันเหมือนกันที่พ่อจะเจ็บตรงหน้าอกด้านซ้ายมากใจพ่อเองคงจะใจเสียด้วยเวลามีอาการแบบนั้น  มันหายใจติดขัดไม่ค่อยสะดวก  ถึงตอนนั้นน้ำตาพ่อจะไหล  โดยลักษณะภายนอกแล้วพ่อจะดุเข้มแข็ง  แต่จริงแล้วพ่อจะร้องไห้เวลาไม่สบายทุกที  ยิ่งเวลาที่ลูกๆ ทำอะไรให้ด้วยแล้วยิ่งร้องไห้ใหญ่เลย

 

          อย่างเช่นลุกขึ้นมาตอนเช้าฉันเตรียมน้ำอุ่นเช็ดหน้าเช็ดตัวให้  เอาแล้วน้ำตาไหล  ฉันก็ว่าพ่ออย่างร้องไห้สิไม่ใช่อะไรหรอกเห็นพ่อร้องฉันก็จะร้องด้วยนั่นเอง

 

          หากวันไหนที่พ่อเจ็บตรงหน้าอกก็จะใช้เวลาทั้งวันในการพักฟื้นเสียแรงและเพลียมาก  ฉันกับแม่จะเฝ้าอยู่ไม่ห่างฉันคอยซับน้ำตาส่วนแม่ก็ว่า

 

          “พ่อทำใจให้สบายนะอย่าคิดมากเดี๋ยวก็หายแล้ว  ไม่เป็นไรหรอกใครๆ เขาก็เป็นกันทั้งนั้น  ไม่ใช่โรคนี้ก็โรคอื่นพ่อทำใจให้สบายก็พอ”

 

          ฉันก็กอดพ่อเสียทีหนึ่งห่มผ้าให้นั่งอยู่ใกล้ๆ จนพ่อหลับไป.

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา