love ตุลุ๊ง!!
9.9
เขียนโดย ช่องว่างระหว่างเมฆ
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21.27 น.
4 ตอน
12 วิจารณ์
8,152 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 20.06 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตุลุ้ง! เสียงข้อความของเฟชบุ๊คดังขึ้น ทันทีที่ผมเปิดใช้ไม่รู้ว่าคนอื่นจะได้ยินเป็นเสียงนี้เหมือนผมไหม แต่ผมว่าเสียงมันดังแบบนี้แหละ
“วันนี้ทำไมเลิกงานช้า” พิมมี่(ชื่อในสังคมออนไลน์)ของคนเขียน เธอถามอยากสนิทสนม แต่อันที่จริงแล้วทั้งเธอกับผมก็ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันจริงๆหรอก
“รถติดนะครับ ”ผมเขียนบอก ขณะที่ช่องข้อความก็กำลังบอกผมว่าเธอกำลังพิมพ์กลับมา
ผมและพิมมี่ เราไปรู้จักกันได้ยังไงก็จำไม่ใคร่จะได้ แต่รู้ว่าเธอเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ซึ่งเพื่อนของผมคนนั้นก็ไม่ไม่รู้จักเธอจริงๆ ก็แอดเฟรนด์กันมาตามปกติ แล้วเธอก็มาขอเป็นเพื่อนออนไลน์กับผมหลายครั้งมากๆ ตอนแรกผมแปลกใจกับคนที่ชื่อพิมมี่รูปที่แสดงในเฟชบุ๊คของเธอเป็นรูปหมูติดปีก บินบนท้องฟ้า ตอนแรกที่ผมปฎิเสธไป เพราะไม่อยากแอดเฟรนด์กับคนที่ไม่รู้จัก ผมจึงไม่เคยตอบรับเธอเป็นเพื่อนซะที แต่เธอก็ตื้อจนสำเร็จ ทั้งเขียนข้อความมาขอร้อง จนผมใจอ่อน และตั้งแต่นั้นมา ชีวิตผมก็ผูกพันกับเสียงตุลุ้งๆๆ อย่างประหลาด………
ตุลุ้งๆ!ข้อความจากเธอดังขึ้นสองครั้งซ้อนๆ
“คุยกันเรื่องหนังสือค้างไว้เมื่อวาน คุณบอกคุณชอบนักเขียนคนไหน นะ” นั่นแหละ เธอ ชวนผมพูดคุยอยู่ตลอดเวลา จนผมอดใจไม่ไหวต้องจรดนิ้วมือพรมลงในคีย์บอร์ดทุกครั้ง
จำได้ว่าครั้งแรกๆที่เธอชวนคุยใหม่ๆเธอพิมพ์ข้อความยาวเหยียด แนะนำตัวเองแบบทีเล่นทีจริงตลกๆจนผมต้อง ตอบไปแค่ว่า ครับ ครับ และ ครับ
เธอ ทักทายทุกครั้งที่ผม ‘ออน’ (หมายถึงการเข้าใช้เฟชบุ๊ค) จนบางครั้งผมก็อดรำคาญไม่ได้ก็ตั้งสถานะของตัวเองให้ซ่อนไม่ให้คนอื่นเห็น ว่า ผมใช้เฟชบุ๊คอยู่ คือคนอื่นจะคิดว่าผมไม่ออน แต่พิมมี่ก็เหมือนจะรู้ เธอก็ยังคงเขียนเข้ามาอย่างไม่สนใจ บางครั้งผมก็คิดว่าเธอบ้า แต่ข้อความที่เธอพิมพ์เข้ามา ก็ทำให้ผมรู้ว่าไม่ใช่เลย เธอเป็นคนมีความรู้ และชอบเรื่องหนังสือมาก ผมจึงคุยกับเธอแบบสนิทใจแต่นั้นมาจนถูกเวลาที่ผ่านไปหนึ่งปีผูกความสัมพันธ์ของเราไว้อย่างกลมเกลียว ไม่เหมือนเพื่อนก็ยิ่งกว่าเพื่อน
ตุลุ้ง!
“ว่าไง เม่อไปไหนถามไม่เห็นตอบ”
“ขอโทษๆผมเม่อไปจริงๆนั่นแหล่ะ แหะๆ ” ผมบอกแล้วผมก็เคาะรัวแป้นพิมพ์ เสียงดังราวกับข้าวตอกแตก ตอบกลับเธอไป
“ผมชอบงานของคุณ วินทร์” ผมบอกกับเธอ เธอก็ตอบกลับมาทันทีเหมือนกัน ว่าชอบเหมือนกัน
“คุณอ่านเล่มไหนละ ตอนนี้ฉันอ่านหนังสือชุดให้กำลังใจอยู่”
“นั่นแหละๆ ผมก็ชอบโดยเฉพาะ วันแรกของวันที่เหลือ ผมชอบมากๆ”
“จริงอะ ฉันกำลังอ่านอยู่เลย ”
นี่คือสิ่งหนึ่งที่ผมกับเธอดูจะเข้ากันได้ อีกอย่างหนึ่ง คือเธอใช้สังคมออนไลน์ไม่เหมือนคนอื่นๆ คือคนอื่นเขาจะโพสต์เพลงหรือข้อความอันไร้สาระ แต่เธอนั้น จะโพสต์แต่ข้อความหรือรูปภาพให้กำลังใจ หรือนำเอาคำพูดหรือข้อความของ หนังสือหรือบุคคลที่เป็นผู้นำทางความคิด มาลงให้ทุกคนอ่าน ซึ่งแน่นอน มีแต่ผมทีคลิกไลค์ให้เธอ ทั้งผมละเธอเราสร้างกำลังใจให้กันและกันอยู่เสมอ จนบางครั้งความรู้สึกของผมก็ไปไกลกว่าคำว่าเพื่อนที่มีให้ต่อเธอ แต่ผมไม่อยากจะบอกให้เธอรู้ เพราะผมไม่อยากให้เธอคิดว่า นี่เรารักคนซึ่งไม่แม้แต่จะเห็นหน้าหรือจักตัวจริงเขาเลยอย่างนั้นเหรอ……………
“วันนี้ทำไมเลิกงานช้า” พิมมี่(ชื่อในสังคมออนไลน์)ของคนเขียน เธอถามอยากสนิทสนม แต่อันที่จริงแล้วทั้งเธอกับผมก็ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันจริงๆหรอก
“รถติดนะครับ ”ผมเขียนบอก ขณะที่ช่องข้อความก็กำลังบอกผมว่าเธอกำลังพิมพ์กลับมา
ผมและพิมมี่ เราไปรู้จักกันได้ยังไงก็จำไม่ใคร่จะได้ แต่รู้ว่าเธอเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ซึ่งเพื่อนของผมคนนั้นก็ไม่ไม่รู้จักเธอจริงๆ ก็แอดเฟรนด์กันมาตามปกติ แล้วเธอก็มาขอเป็นเพื่อนออนไลน์กับผมหลายครั้งมากๆ ตอนแรกผมแปลกใจกับคนที่ชื่อพิมมี่รูปที่แสดงในเฟชบุ๊คของเธอเป็นรูปหมูติดปีก บินบนท้องฟ้า ตอนแรกที่ผมปฎิเสธไป เพราะไม่อยากแอดเฟรนด์กับคนที่ไม่รู้จัก ผมจึงไม่เคยตอบรับเธอเป็นเพื่อนซะที แต่เธอก็ตื้อจนสำเร็จ ทั้งเขียนข้อความมาขอร้อง จนผมใจอ่อน และตั้งแต่นั้นมา ชีวิตผมก็ผูกพันกับเสียงตุลุ้งๆๆ อย่างประหลาด………
ตุลุ้งๆ!ข้อความจากเธอดังขึ้นสองครั้งซ้อนๆ
“คุยกันเรื่องหนังสือค้างไว้เมื่อวาน คุณบอกคุณชอบนักเขียนคนไหน นะ” นั่นแหละ เธอ ชวนผมพูดคุยอยู่ตลอดเวลา จนผมอดใจไม่ไหวต้องจรดนิ้วมือพรมลงในคีย์บอร์ดทุกครั้ง
จำได้ว่าครั้งแรกๆที่เธอชวนคุยใหม่ๆเธอพิมพ์ข้อความยาวเหยียด แนะนำตัวเองแบบทีเล่นทีจริงตลกๆจนผมต้อง ตอบไปแค่ว่า ครับ ครับ และ ครับ
เธอ ทักทายทุกครั้งที่ผม ‘ออน’ (หมายถึงการเข้าใช้เฟชบุ๊ค) จนบางครั้งผมก็อดรำคาญไม่ได้ก็ตั้งสถานะของตัวเองให้ซ่อนไม่ให้คนอื่นเห็น ว่า ผมใช้เฟชบุ๊คอยู่ คือคนอื่นจะคิดว่าผมไม่ออน แต่พิมมี่ก็เหมือนจะรู้ เธอก็ยังคงเขียนเข้ามาอย่างไม่สนใจ บางครั้งผมก็คิดว่าเธอบ้า แต่ข้อความที่เธอพิมพ์เข้ามา ก็ทำให้ผมรู้ว่าไม่ใช่เลย เธอเป็นคนมีความรู้ และชอบเรื่องหนังสือมาก ผมจึงคุยกับเธอแบบสนิทใจแต่นั้นมาจนถูกเวลาที่ผ่านไปหนึ่งปีผูกความสัมพันธ์ของเราไว้อย่างกลมเกลียว ไม่เหมือนเพื่อนก็ยิ่งกว่าเพื่อน
ตุลุ้ง!
“ว่าไง เม่อไปไหนถามไม่เห็นตอบ”
“ขอโทษๆผมเม่อไปจริงๆนั่นแหล่ะ แหะๆ ” ผมบอกแล้วผมก็เคาะรัวแป้นพิมพ์ เสียงดังราวกับข้าวตอกแตก ตอบกลับเธอไป
“ผมชอบงานของคุณ วินทร์” ผมบอกกับเธอ เธอก็ตอบกลับมาทันทีเหมือนกัน ว่าชอบเหมือนกัน
“คุณอ่านเล่มไหนละ ตอนนี้ฉันอ่านหนังสือชุดให้กำลังใจอยู่”
“นั่นแหละๆ ผมก็ชอบโดยเฉพาะ วันแรกของวันที่เหลือ ผมชอบมากๆ”
“จริงอะ ฉันกำลังอ่านอยู่เลย ”
นี่คือสิ่งหนึ่งที่ผมกับเธอดูจะเข้ากันได้ อีกอย่างหนึ่ง คือเธอใช้สังคมออนไลน์ไม่เหมือนคนอื่นๆ คือคนอื่นเขาจะโพสต์เพลงหรือข้อความอันไร้สาระ แต่เธอนั้น จะโพสต์แต่ข้อความหรือรูปภาพให้กำลังใจ หรือนำเอาคำพูดหรือข้อความของ หนังสือหรือบุคคลที่เป็นผู้นำทางความคิด มาลงให้ทุกคนอ่าน ซึ่งแน่นอน มีแต่ผมทีคลิกไลค์ให้เธอ ทั้งผมละเธอเราสร้างกำลังใจให้กันและกันอยู่เสมอ จนบางครั้งความรู้สึกของผมก็ไปไกลกว่าคำว่าเพื่อนที่มีให้ต่อเธอ แต่ผมไม่อยากจะบอกให้เธอรู้ เพราะผมไม่อยากให้เธอคิดว่า นี่เรารักคนซึ่งไม่แม้แต่จะเห็นหน้าหรือจักตัวจริงเขาเลยอย่างนั้นเหรอ……………
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ