10 Years Later...

-

เขียนโดย The_Paper

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.40 น.

  4 chapter
  1 วิจารณ์
  7,600 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 14.49 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) ตอนที่ 3 วันวาเลนไทน์กับคำสารภาพของทุกคน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 3 วันวาเลนไทน์กับคำสารภาพของทุกคน
           
             โทโมโกะพยายามที่จะบังคับให้มือของตนเองหายสั่น    เธอทนอดนอนมาทั้งคืนเพื่อสิ่งที่เธอกำลังถืออยู่ในมือชิ้นนี้    เค้กช็อคโกแลตที่เธอบรรจงทำมันขึ้นมาเป็นพิเศษในวันวาเลนไทน์ปีนี้    เธอรู้ดีว่าวาเลนไทน์ปีนี้พิเศษกว่าวาเลนไทน์ปีอื่นๆมากเพียงไร    ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้ใช้เวลาร่วมกับชินอิจิมากมายถึงขนาดนี้     ได้เห็นเขาทุกวันในฐานะเพื่อนร่วมห้อง  ได้พูดคุยอะไรต่างๆด้วยกันมากมาย  โทโมโกะรู้ว่าตนเองขี้อายมากแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจลงมือทำอะไรสักอย่าง
 
 
             เด็กสาวไม่ค่อยเชื่อตัวเองนักว่าเธอเก็บเรื่องเค้กช็อคโกแลตนี้ไว้เป็นความลับแม้แต่ในกลุ่มเพื่อนสนิทได้อย่างไร กัน       ตั้งแต่เรื่องที่เธอแอบทำเค้ก   เรื่องที่เธอมาโรงเรียนเช้าเป็นพิเศษ   เรื่องที่เธอตั้งใจดักรอเขาคนนั้นอยู่   โทโมโกะตื่นเต้นยิ่งกว่าอะไรดี.....เธอจะส่งของถึงมือชินอิจิหรือเปล่านะ   และที่สำคัญที่สุดเขาจะตอบรับความรู้สึกของเธออย่างไรกัน
 
 
           “จะรอตรงล็อคเกอร์...ไม่ดี  ถ้าคนอื่นกำลังเก็บของอยู่ล่ะ”
 
 
          “หน้าทางเข้าเหรอ?  บ้าหน่ายิ่งมีโอกาสที่คนอื่นจะมาเห็นยิ่งเข้าไปใหญ่น่ะสิ”
 
 
           “หน้าห้องเรียน...ตรงทางเดิน  โอ๊ย!....เข้าไปรอในห้องดีไหมเนี่ย”   โทโมโกะสับสนใจตัวเองมากจริงๆ
 
 
            “ทำไมฉันไม่โทรหาชินอิจิก่อนนะเนี่ย”  โทโมโกะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังเดินมาทางห้องเรียนโดยไม่รู้ตัว  ในขณะที่ยังคงเถียงกับตนเองอยู่
 
 
             “หรือว่าฉันมาเช้าไป....  เฮ้อ....อ๊ะ!”  โทโมโกะแทบลืมหายใจเมื่อพบชินอิจิกำลังเดินมาหาเธอพอดี  เขาก้มหน้าลงมองพื้นอย่างครุ่นคิดถึงอะไรอยู่จึงไม่ได้สนใจโทโมโกะ        เด็กสาวเองก็ตะลึงงันไปในการพบกันที่คาดไม่ถึงนี้แล้วเหมือนกัน
 
 
             ชินอิจิกำลังจะเดินผ่านไปอยู่แล้ว  เมื่อนั้นโทโมโกะก็รู้ว่าเธอจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด
 
 
            “ชินอิจิคุง....ขอเวลาสักครู่สิ”
 
 
             “อ้าว...โทโมโกะ?” ชินอิจิไม่ทันสังเกตเห็นเด็กสาวจริงๆ  เขาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความแปลกใจ  ดูเหมือนเขาจะไม่คาดคิดว่าจะมีใครอยู่ในโรงเรียนในขณะที่เช้าตรู่ขนาดนี้
 
 
           “สวัสดีจ๊ะ   โชคดีจังที่ชินอิจิมาโรงเรียนแต่เช้าขนาดนี้”
 
 
           “พอดี......อ่าเธอเองก็มาเช้ามากเลยนะ” ชินอิจิทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ชะงักไป
 
 
           “อืม...” เวลานี้โทโมโกะควรจะพูดในสิ่งที่อยากจะพูดออกไปแล้ว  แต่เธอกลับกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ
 
 
            “ฉันว่าจะออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยนะ  พอเวลาเข้าเรียนแล้วเจอกันนะ” ชินอิจิเอ่ยขณะที่โบกมือพลางเดินทางไปอีกทาง
 
 
               โทโมโกะได้แต่พยักหน้าในขณะที่ชินอิจิเดินห่างออกไปเรื่อยๆ   เด็กสาวรู้สึกโมโหตัวเองมากเสียจริงๆ  ตั้งใจเสียดิบดีแต่พอนาทีนั้นมาถึงจริงๆเธอจะปล่อยให้ผ่านไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ     คิดไปคิดมาโทโมโกะก็บ้าบิ่นขึ้นมาได้เหมือนกัน   เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
 
 
              “ชินอิจิคุง...ช่วยรับของสิ่งนี้ไว้ด้วยเถอะนะ!”  โทโมโกะตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมน้ำเสียงของตนเองเอาไว้ไม่อยู่  มือทั้งสองข้างสั่นไปหมด
 
 
              ชินอิจิชะงักไปในทันทีทันใด   เขาค่อยๆหันกลับมามองโทโมโกะด้วยความแปลกใจ
 
 
              “วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์   ฉันก็เลยอยากจะมอบสิ่งนี้ให้ชินอิจิ  นั้นก็เพราะ....เพราะว่าฉันชอบชินอิจิ!”  เวลาโทโมโกะจะกล้าขึ้นมาก็กล้าเสียจนตัวเธอเองประหลาดใจไปเหมือนกัน
 
 
              ชายหนุ่มมีสีหน้าประหลาดใจ  ก่อนที่จะกลายเป็นสีหน้าลำบากใจเพียงชั่วอดใจก่อนที่ใบหน้าอันแสนอ่อนโยนของชายหนุ่มจะกลับเข้ามาแทนที่
 
 
 
            “ขอบใจนะ...แต่ว่าฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ไม่ได้หรอก   เราเป็นเพื่อนกันจะไม่ดีกว่าเหรอโทโมโกะ”
 
 
             ใจของเด็กสาวเย็นวาบ   น้ำเสียงของชินอิจิช่างเยือกเย็นและมั่นคง           เขาไม่ลังเลใจที่จะตอบคำถามนั้นเลยแม้แต่น้อย  โทโมโกะทำใจเอาไว้แต่แรกแล้วแท้ๆ     แต่ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เลย
 
 
              ชินอิจิยิ่งรู้สึกผิดที่เห็นอักฝ่ายร้องไห้ออกมาแบบนั้น   เขารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเองออกมาแล้วรับเอาเค้กช็อคโกแลตของโทโมโกะมาไว้ในมือ
 
 
             “ฉันขอรับมันไปในฐานะเพื่อนได้ไหม?”
 
 
             “อืม...” โทโมโกะพยักหน้าขณะที่ยกผ้าเช็ดหน้าของชินอิจิขึ้นมาซับน้ำตา    “ขอบคุณมากนะที่อย่างน้อยชินอิจิคุงก็รับของขวัญชิ้นนี้ไว้”
 
 
              “ขอโทษนะที่ต้องทำให้เธอเสียใจ  ฉันคงต้องไปจริงๆแล้วล่ะ”  เอ่ยจบแล้วชินอิจิก็เดินจากไปอีกครั้ง  โทโมโกะไม่รั้งตัวเขาอีกแม้แต่น้อย  เธอกำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเอาไว้แน่นราวกับเป็นของล้ำค่า    วาเลนไทน์สุดพิเศษในปีนี้ของเธอจบลงตั้งแต่ยังผ่านไปไม่ได้ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ
 
 
              “และรักครั้งแรกของฉันก็จบลงแบบนี้เองแหละจ๊ะ”   โทโมโกะในปัจจุบันเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มแบบอายๆ
 
 
              “เป็นอย่างนี้นี่เอง   แต่ว่าฉันเองก็มีเรื่องที่จะสารภาพกับโทโมโกะเหมือนกันนะ”   อาริทสุเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีลำบากใจ
 
 
             “อะไรเหรอ?”
 
 
            “เธอไม่สงสัยเลยจริงๆนะเหรอว่าทำไมวันนั้นชินอิจิคุงถึงมาเช้าขนาดนั้นได้?”
 
 
            โทโมโกะเอียงคอพลางทบทวนความทรงจำ 
 
 
            “เอ...ฉันไม่ได้ติดใจอะไรหรอกนะ  ตอนนั้นฉันมัวแต่ตื่นเต้นอยู่นี่หน่า”
 
 
            “เฮ้อ....ความจริงแล้วที่ชินอิจิมาเช้าขนาดนั้นก็เพราะฉันโทรไปเรียกให้มาเจอกันที่โรงเรียนน่ะสิ”
 
 
            “หา...” คราวนี้เพื่อนๆคนที่เหลือต่างก็อุทานขึ้นมาพร้อมกัน
 
 
               อาริทสุถอนหายใจขณะที่เล่าต่อออกมาว่า  “ก็ฉันวางแผนว่าตนเองจะต้องเป็นคนมอบช็อคโกแลตให้ชินอิจิคุงเป็นคนแรกของวันน่ะสิ                    ผู้ชายอย่างชินอิจิอ่ะนะยังไงนักเรียนหญิงคนอื่นๆก็ต้องแห่กันให้ช็อคโกแลตเค้าอยู่แล้วจริงไหม?   เพราะงั้นฉันก็เลยนัดชินอิจิให้มาเจอแต่เช้าตรู่เลยไง”
 
 
             “แล้วตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นกันแน่ล่ะ?”  อายาเมะซักไซ้ขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
 
 
              เมื่อนั้นเพื่อนๆก็หันไปมองทางอาริทสุเป็นสายตาเดียว    หญิงสาวกระแอมเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มต้นเล่าเรื่องของตนเองออกมาบ้าง
 
 
 
**********
 
 
 
               อาริทสุนั่งอยู่ที่ม้านั่งตรงตำแหน่งที่เธอได้พบกับชินอิจิเป็นครั้งแรกแต่เพียงตามลำพัง    เด็กสาวหวนคิดไปถึงเหตุการณ์วันนั้นในขณะที่จ้องมองห่อช็อคโกแลตเล็กๆที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีสันสวยงามในมือข้างหนึ่งของตนเองอย่างเหม่อลอย     ที่ผ่านมาเคยมีเด็กหนุ่มมาสารภาพรักกับเธออยู่บ้างเหมือนกัน  แต่เธอก็ตอบปฏิเสธไปเสียหมด    สำหรับเธอนั้นต้องเหมาะสมกับเด็กหนุ่มที่สมบูรณ์แบบอย่างชินอิจิเท่านั้น
 
 
                 ระหว่างที่อาริทสุเหม่อลอยอยู่นั้นเองเสียงของจักรยานก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันในยามเช้า   เด็กสาวรู้ดีว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร   เสียงนั้นกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับจังหวะของหัวใจที่กำลังถี่รัวเพิ่มขึ้นตามเช่นเดียวกัน
 
 
                 ในไม่ช้าภาพที่เธอฝันก็ปรากฏขึ้นแก่สายตา   ชินอิจิกำลังขี่จักรยานตรงเข้ามาด้วยท่าทางคล่องแคล่ว     เขา โบกมือทักทายทันทีที่เห็นเธอนั่งรออยู่   เด็กหนุ่มมาตามเวลาที่นัดเอาไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน  เขาจอดจักรยานอย่างนิ่มนวลก่อนจะเอ่ยคำทักทาย
 
 
                “ไง...อาริทสุ”
 
 
                “อรุณสวัสดิ์นะ” ลมเย็นที่กำลังพัดผ่านทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย
 
 
                “นัดฉันมาแต่เช้าเชียวมีธุระอะไรอย่างนั้นเหรอ?” ชินอิจิถามเข้าประเด็นอย่างไม่รอช้า    ท่าทางเขาคงไม่รู้แน่ว่าอะไรคือเหตุผลที่อาริทสุต้องโทรนัดมาพบแบบนี้
 
 
                “ก็เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษน่ะสิ” อาริทสุที่วันนี้พกความมั่นใจมากอย่างเต็มร้อยเอ่ยขึ้นด้วยท่าทาสบายๆ
 
 
               “วันพิเศษ?” ชินอิจิยังไม่เข้าใจความนัย
 
 
               “วันนี้วันวาเลนไทน์ยังไงล่ะ...วันแห่งความรัก   วันหนึ่งของปีที่หญิงสาวจะมอบช็อคโกแลตให้กับชายหนุ่มเพื่อมอบความรู้สึกที่แสนพิเศษ    วันนี้เป็นวันที่ผู้หญิงทุกคนรอคอยเชียวนะ”
 
 
               สีหน้าที่ร่าเริงของชินอิจิพลันเคร่งขรึมขึ้นมา   สัมผัสที่หกเริ่มทำให้เขาพอเห็นเค้าลางของอะไรบางอย่าง   เขาเริ่มขยับถอยห่างออกไปแต่ตอนนั้นอาริทสุกลับไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย
 
 
                เมื่อนั้นเด็กสาวก็ยื่นมือที่มีห่อช็อคโกแลตเอาไว้ในมือออกมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม   “ฉันอยากจะเป็นคนแรกที่มอบความรู้สึกนี้ให้กับเธอ    ชินอิจิ...ฉันชอบเธอ” 
 
 
                 ท่ามกลางสายลมบนทางเดินและม้านั่งที่มีเพียงคนสองคนปรากฏขึ้นแต่เพียงความเงียบงัน   ชินอิจินิ่งไปนานเสีย จนอาริทสุต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่าย       ความมั่นใจของเธอถูกดูดกลืนหายไปพร้อมๆกับเวลาที่ไหลผ่านไป    ความหวังเหือดหายขณะที่ความกังวลใจกำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ
 
 
               “ขอโทษนะอาริทสุ...ฉันคงตอบรับความรู้สึกนั้นของเธอไม่ได้”
 
 
                อาริทสุใจหายวาบความหวังสุดท้ายหลุดลอยไปอย่างง่ายดาย    แต่เธอพยายามสุดความสามารถที่จะไม่แสดงมันออกมา    เด็กสาวฝืนยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อมาว่า  “เฮ้อ...ชินอิจิคุงรู้ไหมว่าตามธรรมเนียมแล้วไม่ว่าฝ่ายชายจะตอบรับหรือไม่ก็ต้องรับช็อคโกแลตไปอยู่ดีนะ”
 
 
                ชินอิจิพลันยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นอาริทสุยังยิ้มให้  เขายื่นมือไปหยิบห่อช็อคโกแลตจากมือนั้น
 
 
                “ขอโทษจริงๆนะ”
 
 
               “เรื่องแบบนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันคนเดียวนี่หน่า”
 
 
                 ชินอิจิยิ้มให้อาริทสุอีกครั้งก่อนที่จะขึ้นคร่อมจักรยานแล้วขี่ออกไป  วินาทีที่ชินอิจิไปพ้นจนไกลระยะที่จะเห็นหรือได้ยินอะไรนั่นก็คือวินาทีที่อาริทสุรอคอย
 
 
                  “ผล็อย...ผล็อย...” น้ำตาไหลออกมาเป็นสายจากดวงตาคู่งามคู่นั้น    อาริทสุยกมือขึ้นโอบตัวเองที่รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างกะทันหันก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งอีกครั้ง
 
 
                  “บ้าจริง...ฉันไม่เคยเดาข้อสอบพลาดเลยนี่หน่า    แต่ก็นะ...”  เด็กสาวนั่งอยู่บนม้านั่งนั้นแต่เพียงลำพังอีกพักใหญ่ก่อนที่จะลุกขึ้นถอนหายใจพลางสะพายกระเป๋าเรียน
 
 
                  “อย่างน้อยฉันก็ได้บอกไปแล้ว  ไม่มีอะไรให้คาใจแล้วล่ะนะ  แต่ถ้าอายาเมะสารภาพรักแล้วชินอิจิตอบรับฉันคงเจ็บใจตัวเองสุดๆแน่      บ้าหน่า...คนอย่างยัยนั่นใครล่ะจะไปชอบได้  หรือว่าชินอิจิจะชอบของแปลก  ไม่นะ...โอ๊ย!  ยิ่งคิดฉันยิ่งรับไม่ได้นะเนี่ย”  อาริทสุบ่นพึมพำอยู่คนเดียวราวกับคนบ้าขณะที่เดินกลับไปยังตึกเรียน
 
 
                  “เอ๊ะ...หมายความว่าอาริทจังก็สารภาพรักกับชินอิจิคุงก่อนฉันอีกล่ะสิ!”            พออาริทสุเล่าเรื่องจบโทโมโกะก็อุทานขึ้นมาในทันที
 
 
                 “อืม...เขาคงไปเจอเธอหลังจากปฏิเสธฉันน่ะสิ” อาริทสุเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางรู้สึกผิด
 
 
                 “อะไรกัน...” โทโมโกะคาดไม่ถึง  และไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ
 
 
                “ตอนนั้นชินอิจิคงลำบากใจน่าดู” ฮารุเนะเอ่ยขึ้นมาลอยๆ
 
 
               “นั้นสิ  แถมช่วงกลางวันฉันยังไปซ้ำอีกคนอีก” อายาเมะพลันเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก
 
 
              “เธอเองก็ด้วยสินะ อายะ....แล้วเป็นไงผลคงเป็นอย่างที่ฉันคิดล่ะสิ?”  อาริทสุรีบพูดแทรกขึ้นมาในทันที
 
 
             “ฮ่าๆๆๆก็ไม่เชิงหรอกนะ   ชินอิจิยังไม่ทันตอบอะไรสักคำ ฉันก็เดาคำตอบออกเลยเนียนพูดว่าฉันล้อเล่นออกไปน่ะสิ”
 
 
             “ว่าไงนะ!” อาริทสุขึ้นเสียง  
 
 
                ให้ตายสิ...เธอมีเพื่อนไฮเปอร์และบ้าดีเดือดอะไรขนาดนี้ด้วยหรือเนี่ย
 
 
                 “เธอรู้ได้ไงว่าเขาจะตอบว่าอะไร”
 
 
                “แหม...ก็จากสัมผัสที่หกของฉันนะสิย่ะ”  อายาเมะตอบกลับหน้าตาเฉย
 
 
**********
 
 
 
                  เศษกระดาษที่ถูกขยำเสียจนยับยู่ยี่ถูกปาลงไปบนโต๊ะของชินอิจิได้สำเร็จในที่สุด   อายาเมะทำท่าดูใจสุดขีดแบบไร้เสียงเมื่อความพยายามสำเร็จในที่สุด      ใช่แล้ว...ตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ในชั้นเรียนและหลังจากหมดคาบนี้ก็จะเป็นคาบพักเที่ยงแล้ว   ระหว่างชั่วโมงอายาเมะพยายามแทบตายที่จะเขียนข้อความที่เหมาะสมที่สุด 
 
 
                   ตั้งแต่เกิดมาเธอเคยทำอะไรแบบนี้ที่ไหนกันเล่า!
 
 
                    แถมยังต้องใช้ความสามารถสุดยอดในการกะระยะและแรงเพื่อที่จะให้กระดาษพุ่งเข้าสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำอีก
 
 
                   ชินอิจิเหลือบมองก้อนกระดาษที่ดูราวกับเศษขยะนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ  พอเห็นชื่อของอายาเมะเขียนอยู่ด้านนอกเขาก็หันไปถามฮารุเนะที่นั่งอยู่ข้างๆกัน
 
 
                  “อายาเมะ...ส่งมาให้เธอหรือเปล่า?”
 
 
                  เด็กสาวขมวดคิ้วในพฤติกรรมแปลกๆของเพื่อน                ฮารุเนะหันกลับไปมองยังที่นั่งของเพื่อนก็เห็นอายาเมะกำลังมีหน้าตกใจสุดขีด   เธอกำลังจะแกะกระดาษออกอ่านแล้วถ้าไม่เหลือบไปเห็นสัญญาณมือของอายาเมะเข้าเสียก่อน
 
 
                 อายาเมะใจหายวาบ...จะให้ฮารุเนะเปิดกระดาษหรือเห็นข้อความข้างในไม่ได้เด็ดขาด  เธอชี้มือมาที่ตนเองก่อนจะชี้ไปที่ชินอิจิ         แล้วโบกมือให้ฮารุเนะเป็นสัญญาณว่ากระดาษแผ่นนั้นไม่ได้ต้องการส่งถึงเธอ   ฮารุเนะเลิกคิ้วก่อนที่จะยื่นกระดาษคืนกลับให้ชินอิจิ
 
 
                “ดูเหมือนอายะจังอย่างจะส่งกระดาษนี้ให้ชินอิจิคุงนะ”
 
 
               “เอ๋...”  แล้วในที่สุดชินอิจิก็เปิดกระดาษออกแล้วได้อ่านเนื้อหาภายในนั้นแต่เพียงผู้เดียวจนได้
 
 
               “ตอนเที่ยงไปรอที่ดาดฟ้าหน่อย มีธุระสำคัญจะคุยด้วย  มาคนเดียวนะ!”  ชินอิจิอ่านข้อความด้วยความสงสัยก่อนจะเริ่มชะงักพลางทำสีหน้าลำบากใจ  ฮารุเนะสังเกตเห็นโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว   แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาแม้แต่คำเดียว
 
 
                เวลากลางวันมาถึงบนดาดฟ้าไร้ผู้คนเพราะแสงแดดยามเที่ยงที่ร้อนระอุแต่อายาเมะตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว  เธอรู้ดีว่าคงไม่มีใครอยากมาใช้ดาดฟ้าในเวลาแบบนี้แน่     แล้วหลังจากนั้นดาดฟ้าก็จะเป็นของเธอและชินอิจิเพียงเท่านั้น
 
 
                 “ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนจะแข่งรถอีกนะเนี่ย  เฮ้อ...”  อายาเมะไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน  และไม่คิดว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้เข้าในสักวันด้วย
 
 
                “ไม่ปรึกษาใครแบบนี้คงไม่เป็นไรหรอกนะ?”  อายาเมะเอ่ยถามออกมาอย่างปราศจากความหมาย   เมื่อเช้าเธอมาเข้าเรียนสายเกือบชั่วโมงเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาเธอพยายามทำช็อคโกแลตอยู่จนดึกดื่น
 
 
                  “กุก...กัก..” เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากเบื้องหลัง  แผ่นหลังของอายาเมะสะดุ้งขึ้นมาเฮือกหนึ่ง  ชินอิจิมาตรงเวลาจนเด็กสาวยังไม่ทันตั้งตัวเท่าไหร่นัก   แต่คนอย่างอายาเมะไม่มีถอยอยู่แล้ว   เด็กสาวหันหลังกลับไปพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างเคยในทันที
 
 
                  “มาจนได้นะ...”
 
 
                   ชินอิจิยิ้มตอบน้อยๆ  “เธอมานัดอะไรบนดาดฟ้าตอนเที่ยงแบบนี้เนี่ย....”  เด็กหนุ่มบ่นพึมพำแต่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
 
 
                  “ฮ่าๆๆๆ   แต่ก็เงียบสงบดีใช่ไหมล่ะ”
 
 
                 “ร้อนออก....แล้วสรุปเธอมีธุระอะไรล่ะ?” ชินอิจิเอ่ยถามในที่สุด
 
                                                                   
                  อายาเมะชะงักไปโดยไม่ทันรู้ตัว  แต่ก็พยายามยิ้มพลางรวบรวมความกล้า   ปกติเธอเป็นคนที่พูดเก่งมากแท้ๆแต่ในเวลานี้เพียงยากจะเอ่ยคำใดออกไปสักคำมันก็ยากลำบากเสียจริงๆ      คิดว่าน่าจะสามารถพูดออกไปได้แบบสบายๆแต่กลับมาสติแตกเอาตอนนี้ได้
 
 
                  จู่ๆร่างกายกับสมองของอายาเมะก็ไม่สัมพันธ์กันเสียอย่างนั้น   เธอคิดอยากจะเอ่ยคำพูดที่บ่งบอกความรู้สึกทั้งหมดออกไปก่อนที่จะยื่นช็อคโกแลตที่ทำจากใจไปให้              แต่ตอนนี้เธอลนจนยกมือข้างที่ถือช็อคโกแลตอยู่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
 
 
                   ชินอิจิที่กำลังรอคอยเหลือบไปเห็นห่อนั้นแทบจะในทันที   เขาถอนหายใจลึกเพราะสิ่งที่เขากังวลอยู่ทำท่ากำลังจะเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว    เขาไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ....ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้เลย   ทำไมเหตุการณ์มันถึงต้องบังคับให้เขาต้องเอ่ยคำนี้ออกมาอีกครั้งเสียแล้ว
 
 
                  “อายาเมะ...ก่อนที่เธอจะพูดคือว่าฉัน....”
 
 
                  เสียงของชินอิจิดึงสติของเด็กสาวกลับมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ    เธอพึ่งจะรู้ตัวว่าตนเองยื่นช็อคโกแลตให้อีกฝ่ายไปแล้ว  ยื่นไปให้โดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว   อายาเมะโมโหตัวเองยิ่งกว่าครั้งไหน   เธอเบิกตากว้างพลางเงยหน้าขึ้นมาเพื่อพูดบางอย่าง   แต่แล้วสายตาของชินอิจิก็ตรึงเธออยู่กับที่
 
 
                    แววตานั้นต่อให้ไม่ใช่อายาเมะก็สามารถบอกได้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร     เด็กสาวกลืนคำพูดของตนเองที่กำลังเอ่ยลงคอไปในทันทีก่อนที่จะหัวเราะออกมาโดยที่ตนเองไม่ทันคาดคิดด้วยซ้ำ
 
 
                    “แหะๆๆๆ เขินเหมือนกันนะเนี่ย...ฉันไม่เคยให้ช็อคโกแลตตามธรรมเนียมกับใครมาก่อนเลยนะ”
 
 
                   “เอ๊ะ...?”  ชินอิจิก็ชะงักไปเหมือนกัน   จู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนท่าทีไปอย่างกะทันหัน
 
 
                    “อะไรกันทำหน้าตกใจแบบนั้น  รับช็อคโกแลตของฉันไว้ไม่ได้เลยหรือไงกัน  หึ...ถึงจะเป็นครั้งแรกแต่รสชาติมันก็ไม่เลวนักหรอกนะ”
 
 
                    “เปล่าสักหน่อยงั้นฉันขอรับไปเลยแล้วกัน” ชินอิจิรีบกลบเกลื่อนโดยการหยิบช็อคโกแลตไปจากมือของอายาเมะในทันที
 
 
                  “หวังว่าคงไม่มียาพิษปนอยู่หรอกนะ”
 
 
                 “บ้าหรอ!  นี่คือรางวัลที่นายเอาชนะฉันในการปั่นจักรยานมาตลอดสามปีนี้ยังไงล่ะ”
 
 
                “อืม..”  สีหน้าของชินอิจิดูโล่งใจขึ้นมาในทันที  “งั้นเราไปกินข้าวกลางวันกันดีไหม? ฉันเลี้ยงเอง”
 
 
                “ฉันไม่หิวหรอก นายไปก่อนเถอะ”
 
 
              “โอเค...งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ห้องเรียนนะ”
 
 
               “ได้เลย!”  อายาเมะยิ้มอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งชินอิจิจากไป   เมื่อนั้นเด็กสาวก็แทบตะกรี๊ดลั่นออกมา
 
 
               “โอ๊ย....นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย”  พร้อมกันนั้นเธอก็คว้าช็อคโกแลตอีกอันที่เธอทำเกินออกมา
 
 
                “งับ!” อายาเมะกัดช็อคโกแลตเข้าไปคำใหญ่
 
 
                   “ต่อจากนี้ฉันจะไม่สนใจผู้ชายอีกต่อไปแล้ว  ฉันจะสนใจแต่รถและความเร็วเท่านั้น!”  อายาเมะสาบานกับตนเองด้วยความเจ็บใจ
 
 
 
**********
 
 
 
                    “ฮ่าๆๆๆ” อาริทสุหัวเราะซะจนน้ำตาเล็ด   นี่เป็นการสารภาพที่พังไม่เป็นท่าเท่าที่เธอเคยได้ยินมาเลย
 
 
                  “สุดยอดเลยอายะจัง      ฉันว่าคงมีแต่อายะจังเท่านั้นแหละที่จะทำอะไรแบบนี้ได้”  โทโมโกะพูดขึ้นมาแบบซื่อๆ   แต่กลับแทงใจดำอายาเมะเข้าอย่างจัง
 
 
                 “อะไรกันเนี่ย...แม้แต่โทโมะจังก็ยังซ้ำเติมฉัน” อายาเมะทำท่าน้อยใจสุดขีด
 
 
                  ฮารุเนะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว     ในบรรดาเพื่อนสนิททั้งสามก็มีอายาเมะเนี่ยล่ะที่เธออยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด    เธอชอบนิสัยของอายาเมะมากเป็นพิเศษ
 
 
                 “ไม่ต้องมาหัวเราะเยาะฉันอีกคนเลยนะฮารุจัง    เหลือแต่เธอแล้วนะที่ยังไม่ได้เล่าเรื่องในวันนั้นให้พวกเราฟัง”
 
 
                 ฮารุเนะเริ่มทำท่าลำบากใจ  “เรื่องของฉันมันก็ไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นหรอกหน่า   ฉันเองก็โดนปฏิเสธมาเหมือนกัน”
 
 
                 “นั้นแหละๆ มันจะไปเหมือนกันทุกรายละเอียดได้ยังไงกันเล่า   เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยว่าเรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่”   อายาเมะคาดคั้นต่อ
 
 
                 “ฉันรู้นะว่าเธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ให้ช็อคโกแลตกับชินอิจิคุงไป  เกิดอะไรขึ้นทำไมเธอต้องปิดบังพวกเราด้วยล่ะ?”  อาริทสุถามออกมาได้ถูกจุด
 
 
                “เล่าให้พวกเราฟังหน่อยเถอะนะฮารุจัง”  โทโมโกะร้องขอมาอีกคน
 
 
                 ฮารุเนะนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจยาว  ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน  แต่ก็เพราะเช่นนี้เองที่เธอไม่อยากจะเล่าให้ทุกคนฟังมากที่สุด
 
 
                    ระหว่างที่ฮารุเนะกำลังคิดหนักอาริทสุก็เอื้อมมาจับมือของหญิงสาวเอาไว้  
 
 
                    “วันนั้นต้องเกิดอะไรขึ้นแน่  เธอร้องไห้ซะขนาดนั้นไม่ว่าใครก็ดูออก    พวกเราไม่เข้าใจจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่กล้าถามเพราะไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ   พวกเราสงสัยกันมาตลอดจนถึงวันนี้    ถึงขนาดนี้แล้วเธอจะเล่าความจริงให้พวกเรารู้ไม่ได้เลยเหรอ  พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่หน่า”
 
 
 
                    “ใช่แล้วล่ะ..ฉันทำช็อคโกแลตนั้นขึ้นมาก็เพื่อที่จะมอบให้กับชินอิจิ     แต่ก็ไม่มีโอกาสมอบให้สักทั้งๆที่ได้นั่งข้างๆกันทั้งวันแท้ๆ      เพราะทุกเวลาชินอิจิจะมีคนอยู่ด้วยตลอด    ฉันเห็นนะ...ว่าในกระเป๋าของชินอิจิมีช็อคโกแลตของพวกเธอสามคนอยู่      ตอนนั้นฉันชอบชินอิจิมากจริงๆ   ชอบมากกว่าที่พวกเธอไม่รู้เท่าไหร่   แต่คนที่ฉันชอบมากกว่านั้นก็คือพวกเธอทั้งสามคน”   เสียงของฮารุเนะสะเทือนเข้าไปในใจของเพื่อนๆทุกคน  ในที่สุดก็ถึงวันที่เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังแล้วอย่างนั้นหรือเนี่ย
 
 
                      ฮารุเนะเหลือบมองนาฬิกาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้   ตอนนี้ชินอิจิกลับบ้านไปหรือยังนะ?  เธอรู้ดีว่าวันนี้ชินอิจิ           คงมีคนมาสารภาพรักมากมายเต็มไปหมดแต่เขากลับปฏิเสธไปเสียทุกคนเหมือนกัน   แล้วคนอย่างเราจะมีโอกาสหรือ...เรายังจะกล้ามอบช็อคโกแลตชิ้นนี้ให้เขาอีกหรือเปล่า     ถ้าชินอิจิยอมรับช็อคโกแลตของเธอพร้อมทั้งตอบรับความรู้สึกนี้ฮารุเนะคงจะมีความสุขมาก
 
 
                      แต่ว่า....  แต่ว่า....
 
 
                     เด็กสาวเหลือบไปมองบรรดาเพื่อนรักด้วยแววตาที่แสนอ่อนโยน    เธอจะก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นไปได้อย่างไรกัน    ถ้าเธอกับชินอิจิคบกันก็คงจะทำให้สามคนนี้ต้องเสียใจและเธอก็คงไม่สามารถให้อภัยตนเองได้เหมือนกัน   เธอรักเพื่อนทั้งสามคนมากกว่าชินอิจิไม่รู้กี่เท่า
 
 
                    ในที่สุดฮารุเนะกับเพื่อนก็เสร็จสิ้นกิจกรรมของชมรมในที่สุด     ทั้งสี่คนกำลังฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวร้องเพลงประสานเสียงในงานโรงเรียนที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้านี้แล้ว    ตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้วจนนักเรียนคนอื่นๆแทบจะกลับบ้านกันไปหมด     หลังจากซ้อมเสร็จทุกคนก็อยากจะกลับบ้านไปพักผ่อนกันในทันที   ฮารุเนะเองก็เพลียมากเหมือนกัน  เธอก็อยากจะรีบกลับ  แต่ว่า....
 
 
                   “ตายละ...ฉันลืมกระเป๋าเอาไว้ที่ห้องเรียนคงต้องกลับขึ้นไปเอาก่อนล่ะ”
 
 
                  “ไปเอาสิ...เดี๋ยวพวกเราไปเป็นเพื่อน”
 
 
                   “ไม่เป็นไรหรอกทุกคนกลับไปก่อนเถอะ           เย็นมากแล้วด้วย...ฉันขึ้นไปเอากระเป๋าแปบเดียวเอง”  ฮารุเนะเอ่ยจบก็รีบวิ่งออกไปในทันที
 
 
                   “วันนี้ยัยฮารุท่าทางไม่มีสมาธิยังไงไม่รู้นะ”  อายาเมะพลันเอ่ยลอยๆขึ้นมา
 
 
                     ฮารุเนะกระหืดกระหอบกลับไปที่ห้องเรียน    เธอไม่น่าลืมกระเป๋าเอาไว้เลย  ข้างในมีของสำคัญอยู่เสียด้วย     ของสำคัญที่เธอตั้งใจจะนำมามอบให้กับใครคนหนึ่ง  แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสเสียแล้ว  เด็กสาวพุ่งเข้ามาในห้องเรียนพอเห็นกระเป๋าวางนิ่งอยู่บนโต๊ะก็รีบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก   เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งรอเธออยู่จนกระทั่งเธอเงยหน้าขึ้นมา
 
 
                    “....”   ชินอิจิยืนอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก    เขาจ้องฮารุเนะนิ่ง
 
 
                   ยามนั้นหัวใจของฮารุเนะเต้นแรงเสียจนปวดร้าวไปหมด   เธอไม่สามารถก้าวขาออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ    เด็กสาวหลบสายตาไปทางอื่นขณะที่กลั้นใจเดินมายังกระเป๋า
 
 
                  “เวลาของวันนี้กำลังจะหมดลงแล้วนะ” จู่ๆชินอิจิก็พลันเอ่ยขึ้นมา
 
 
                  “อา...พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วล่ะ” ฮารุเนะเอ่ยขณะที่มองออกไปด้านนอกก่อนจะเบนสายตากลับมาที่ชินอิจิ
 
 
                 “เย็นขนาดนี้แล้วชินอิจิมานั่งทำอะไรที่นี่คนเดียวล่ะ?”  ฮารุเนะกลั้นใจเอ่ยถามออกไป
 
 
                 “ฉันรอเธออยู่น่ะสิ”
 
 
                “เอ๊ะ...” ฮารุเนะใจหายวูบ
 
 
               “ฉันรู้ว่ายังไงเธอก็ต้องกลับมาเอากระเป๋าแน่ๆ   ข้างในกระเป๋านั้นมีของสำคัญมากๆอยู่ด้วยนี่หน่า”
 
 
                  ฮารุเนะกอดกระเป๋าแน่นโดยไม่รู้ตัว    เมื่อนั้นชินอิจิก็เคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กสาว   เขาไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวหนีไปไหนอีกแล้ว
 
 
               “ช็อคโกแลตที่ฉันอยากได้ที่สุดก็คือช็อคโกแลตของเธอนะ...ฮารุเนะ”
 
 
               “ชินอิจิ!” หัวใจของเด็กสาวเต็มไปด้วยเจ็บปวด  บัดนั้นแววตาของฮารุเนะก็พลันรื้นไปด้วยน้ำตา
 
 
                “ฮารุเนะ...” เด็กหนุ่มมองเด็กสาวด้วยความตกใจ  นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาวาดภาพไว้เลยแม้แต่น้อย
 
 
                “ขอโทษนะ...แต่ฉันคงไม่สามารถมอบช็อคโกแลตให้ชินอิจิได้แล้วล่ะ”
 
 
                “เธอหมายความว่ายังไง?”
 
 
                 “ความรู้สึกที่ฉันมีต่อชินอิจิมันมากมายจริงๆ  มากจนอธิบายไม่ได้...แต่ว่าฉันไม่สามารถบอกความรู้สึกนี้ออกไปได้”
 
 
                  ชินอิจิยังคงไม่เข้าใจ  ทำไม...ทำไมฮารุเนะถึงพูดอะไรแบบนั้น
 
 
                  “เพราะทั้งอาริทจัง  โทโมะจัง  และอายะจังต่างก็มอบช็อคโกแลตให้ชินอิจิด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับฉัน   แต่ชินอิจิตอบรับความรู้สึกของฉันแต่เพียงผู้เดียว  ฉันทำไม่ได้หรอก...”
 
 
                   ชินอิจิพลันเบิกตากว้าง   ตอนนี้เขาเข้าใจเหตุผลของฮารุเนะแล้ว
 
 
                  “แต่ว่ามันคงละเรื่องกันนะฮารุเนะ...เพราะตลอดเวลาคนที่ฉันชอบก็คือ...”
 
 
                  “พอเถอะ...ฉันทำใจไม่ได้จริงๆ”
 
 
                 “แต่...”
 
 
                 “ขอโทษนะ...”  ฮารุเนะร้องไห้ออกมา  “ขอโทษจริงๆนะ”
 
 
                  เมื่อนั้นชินอิจิก็ก้าวถอยหลัง  เขาสูดลมหายใจลึกด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปไม่น้อยกว่าอีกฝ่ายเลย    เด็กหนุ่มอยากที่จะเข้าไปช่วยซับน้ำตาบนใบหน้านั้นเสียเหลือเกินแต่ก็ไม่มีสิทธิ์      เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี   ทำไมถึงจบลงแบบนี้....    ชินอิจิยืนนิ่งเป็นเพื่อนฮารุเนะอยู่ตรงนั้นขณะที่เด็กสาวยังไม่อาจหยุดเสียงสะอื้นเอาไว้ได้   แต่ในที่สุดชินอิจิก็ได้แต่ตัดใจแล้วคว้ากระเป๋าของตนเองพร้อมกับเดินจากไปอย่างเงียบงันในขณะที่ปล่อยให้ฮารุเนะยืนร้องไห้อยู่เพียงลำพัง
 
 
                    ตอนนั้นเขาหวังแต่เพียงว่าการจากไปของเขาจะทำให้เด็กสาวอันแสนงดงามผู้นี้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งเพียงเท่านั้น
 
 
 
 
**********
 
ปล. เช่นเคยเน้อ พบกันใหม่ Week หน้าจ้า!!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา