10 Years Later...
-
เขียนโดย The_Paper
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.40 น.
4 chapter
1 วิจารณ์
7,600 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 14.49 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) ตอนที่ 3 วันวาเลนไทน์กับคำสารภาพของทุกคน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 3 วันวาเลนไทน์กับคำสารภาพของทุกคน
โทโมโกะพยายามที่จะบังคับให้มือของตนเองหายสั่น เธอทนอดนอนมาทั้งคืนเพื่อสิ่งที่เธอกำลังถืออยู่ในมือชิ้นนี้ เค้กช็อคโกแลตที่เธอบรรจงทำมันขึ้นมาเป็นพิเศษในวันวาเลนไทน์ปีนี้ เธอรู้ดีว่าวาเลนไทน์ปีนี้พิเศษกว่าวาเลนไทน์ปีอื่นๆมากเพียงไร ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้ใช้เวลาร่วมกับชินอิจิมากมายถึงขนาดนี้ ได้เห็นเขาทุกวันในฐานะเพื่อนร่วมห้อง ได้พูดคุยอะไรต่างๆด้วยกันมากมาย โทโมโกะรู้ว่าตนเองขี้อายมากแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจลงมือทำอะไรสักอย่าง
เด็กสาวไม่ค่อยเชื่อตัวเองนักว่าเธอเก็บเรื่องเค้กช็อคโกแลตนี้ไว้เป็นความลับแม้แต่ในกลุ่มเพื่อนสนิทได้อย่างไร กัน ตั้งแต่เรื่องที่เธอแอบทำเค้ก เรื่องที่เธอมาโรงเรียนเช้าเป็นพิเศษ เรื่องที่เธอตั้งใจดักรอเขาคนนั้นอยู่ โทโมโกะตื่นเต้นยิ่งกว่าอะไรดี.....เธอจะส่งของถึงมือชินอิจิหรือเปล่านะ และที่สำคัญที่สุดเขาจะตอบรับความรู้สึกของเธออย่างไรกัน
“จะรอตรงล็อคเกอร์...ไม่ดี ถ้าคนอื่นกำลังเก็บของอยู่ล่ะ”
“หน้าทางเข้าเหรอ? บ้าหน่ายิ่งมีโอกาสที่คนอื่นจะมาเห็นยิ่งเข้าไปใหญ่น่ะสิ”
“หน้าห้องเรียน...ตรงทางเดิน โอ๊ย!....เข้าไปรอในห้องดีไหมเนี่ย” โทโมโกะสับสนใจตัวเองมากจริงๆ
“ทำไมฉันไม่โทรหาชินอิจิก่อนนะเนี่ย” โทโมโกะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังเดินมาทางห้องเรียนโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ยังคงเถียงกับตนเองอยู่
“หรือว่าฉันมาเช้าไป.... เฮ้อ....อ๊ะ!” โทโมโกะแทบลืมหายใจเมื่อพบชินอิจิกำลังเดินมาหาเธอพอดี เขาก้มหน้าลงมองพื้นอย่างครุ่นคิดถึงอะไรอยู่จึงไม่ได้สนใจโทโมโกะ เด็กสาวเองก็ตะลึงงันไปในการพบกันที่คาดไม่ถึงนี้แล้วเหมือนกัน
ชินอิจิกำลังจะเดินผ่านไปอยู่แล้ว เมื่อนั้นโทโมโกะก็รู้ว่าเธอจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด
“ชินอิจิคุง....ขอเวลาสักครู่สิ”
“อ้าว...โทโมโกะ?” ชินอิจิไม่ทันสังเกตเห็นเด็กสาวจริงๆ เขาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนเขาจะไม่คาดคิดว่าจะมีใครอยู่ในโรงเรียนในขณะที่เช้าตรู่ขนาดนี้
“สวัสดีจ๊ะ โชคดีจังที่ชินอิจิมาโรงเรียนแต่เช้าขนาดนี้”
“พอดี......อ่าเธอเองก็มาเช้ามากเลยนะ” ชินอิจิทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ชะงักไป
“อืม...” เวลานี้โทโมโกะควรจะพูดในสิ่งที่อยากจะพูดออกไปแล้ว แต่เธอกลับกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ
“ฉันว่าจะออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยนะ พอเวลาเข้าเรียนแล้วเจอกันนะ” ชินอิจิเอ่ยขณะที่โบกมือพลางเดินทางไปอีกทาง
โทโมโกะได้แต่พยักหน้าในขณะที่ชินอิจิเดินห่างออกไปเรื่อยๆ เด็กสาวรู้สึกโมโหตัวเองมากเสียจริงๆ ตั้งใจเสียดิบดีแต่พอนาทีนั้นมาถึงจริงๆเธอจะปล่อยให้ผ่านไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ คิดไปคิดมาโทโมโกะก็บ้าบิ่นขึ้นมาได้เหมือนกัน เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ชินอิจิคุง...ช่วยรับของสิ่งนี้ไว้ด้วยเถอะนะ!” โทโมโกะตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมน้ำเสียงของตนเองเอาไว้ไม่อยู่ มือทั้งสองข้างสั่นไปหมด
ชินอิจิชะงักไปในทันทีทันใด เขาค่อยๆหันกลับมามองโทโมโกะด้วยความแปลกใจ
“วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ฉันก็เลยอยากจะมอบสิ่งนี้ให้ชินอิจิ นั้นก็เพราะ....เพราะว่าฉันชอบชินอิจิ!” เวลาโทโมโกะจะกล้าขึ้นมาก็กล้าเสียจนตัวเธอเองประหลาดใจไปเหมือนกัน
ชายหนุ่มมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่จะกลายเป็นสีหน้าลำบากใจเพียงชั่วอดใจก่อนที่ใบหน้าอันแสนอ่อนโยนของชายหนุ่มจะกลับเข้ามาแทนที่
“ขอบใจนะ...แต่ว่าฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ไม่ได้หรอก เราเป็นเพื่อนกันจะไม่ดีกว่าเหรอโทโมโกะ”
ใจของเด็กสาวเย็นวาบ น้ำเสียงของชินอิจิช่างเยือกเย็นและมั่นคง เขาไม่ลังเลใจที่จะตอบคำถามนั้นเลยแม้แต่น้อย โทโมโกะทำใจเอาไว้แต่แรกแล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เลย
ชินอิจิยิ่งรู้สึกผิดที่เห็นอักฝ่ายร้องไห้ออกมาแบบนั้น เขารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเองออกมาแล้วรับเอาเค้กช็อคโกแลตของโทโมโกะมาไว้ในมือ
“ฉันขอรับมันไปในฐานะเพื่อนได้ไหม?”
“อืม...” โทโมโกะพยักหน้าขณะที่ยกผ้าเช็ดหน้าของชินอิจิขึ้นมาซับน้ำตา “ขอบคุณมากนะที่อย่างน้อยชินอิจิคุงก็รับของขวัญชิ้นนี้ไว้”
“ขอโทษนะที่ต้องทำให้เธอเสียใจ ฉันคงต้องไปจริงๆแล้วล่ะ” เอ่ยจบแล้วชินอิจิก็เดินจากไปอีกครั้ง โทโมโกะไม่รั้งตัวเขาอีกแม้แต่น้อย เธอกำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเอาไว้แน่นราวกับเป็นของล้ำค่า วาเลนไทน์สุดพิเศษในปีนี้ของเธอจบลงตั้งแต่ยังผ่านไปไม่ได้ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ
“และรักครั้งแรกของฉันก็จบลงแบบนี้เองแหละจ๊ะ” โทโมโกะในปัจจุบันเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มแบบอายๆ
“เป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ว่าฉันเองก็มีเรื่องที่จะสารภาพกับโทโมโกะเหมือนกันนะ” อาริทสุเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีลำบากใจ
“อะไรเหรอ?”
“เธอไม่สงสัยเลยจริงๆนะเหรอว่าทำไมวันนั้นชินอิจิคุงถึงมาเช้าขนาดนั้นได้?”
โทโมโกะเอียงคอพลางทบทวนความทรงจำ
“เอ...ฉันไม่ได้ติดใจอะไรหรอกนะ ตอนนั้นฉันมัวแต่ตื่นเต้นอยู่นี่หน่า”
“เฮ้อ....ความจริงแล้วที่ชินอิจิมาเช้าขนาดนั้นก็เพราะฉันโทรไปเรียกให้มาเจอกันที่โรงเรียนน่ะสิ”
“หา...” คราวนี้เพื่อนๆคนที่เหลือต่างก็อุทานขึ้นมาพร้อมกัน
อาริทสุถอนหายใจขณะที่เล่าต่อออกมาว่า “ก็ฉันวางแผนว่าตนเองจะต้องเป็นคนมอบช็อคโกแลตให้ชินอิจิคุงเป็นคนแรกของวันน่ะสิ ผู้ชายอย่างชินอิจิอ่ะนะยังไงนักเรียนหญิงคนอื่นๆก็ต้องแห่กันให้ช็อคโกแลตเค้าอยู่แล้วจริงไหม? เพราะงั้นฉันก็เลยนัดชินอิจิให้มาเจอแต่เช้าตรู่เลยไง”
“แล้วตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นกันแน่ล่ะ?” อายาเมะซักไซ้ขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อนั้นเพื่อนๆก็หันไปมองทางอาริทสุเป็นสายตาเดียว หญิงสาวกระแอมเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มต้นเล่าเรื่องของตนเองออกมาบ้าง
**********
อาริทสุนั่งอยู่ที่ม้านั่งตรงตำแหน่งที่เธอได้พบกับชินอิจิเป็นครั้งแรกแต่เพียงตามลำพัง เด็กสาวหวนคิดไปถึงเหตุการณ์วันนั้นในขณะที่จ้องมองห่อช็อคโกแลตเล็กๆที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีสันสวยงามในมือข้างหนึ่งของตนเองอย่างเหม่อลอย ที่ผ่านมาเคยมีเด็กหนุ่มมาสารภาพรักกับเธออยู่บ้างเหมือนกัน แต่เธอก็ตอบปฏิเสธไปเสียหมด สำหรับเธอนั้นต้องเหมาะสมกับเด็กหนุ่มที่สมบูรณ์แบบอย่างชินอิจิเท่านั้น
ระหว่างที่อาริทสุเหม่อลอยอยู่นั้นเองเสียงของจักรยานก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันในยามเช้า เด็กสาวรู้ดีว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร เสียงนั้นกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับจังหวะของหัวใจที่กำลังถี่รัวเพิ่มขึ้นตามเช่นเดียวกัน
ในไม่ช้าภาพที่เธอฝันก็ปรากฏขึ้นแก่สายตา ชินอิจิกำลังขี่จักรยานตรงเข้ามาด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เขา โบกมือทักทายทันทีที่เห็นเธอนั่งรออยู่ เด็กหนุ่มมาตามเวลาที่นัดเอาไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน เขาจอดจักรยานอย่างนิ่มนวลก่อนจะเอ่ยคำทักทาย
“ไง...อาริทสุ”
“อรุณสวัสดิ์นะ” ลมเย็นที่กำลังพัดผ่านทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย
“นัดฉันมาแต่เช้าเชียวมีธุระอะไรอย่างนั้นเหรอ?” ชินอิจิถามเข้าประเด็นอย่างไม่รอช้า ท่าทางเขาคงไม่รู้แน่ว่าอะไรคือเหตุผลที่อาริทสุต้องโทรนัดมาพบแบบนี้
“ก็เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษน่ะสิ” อาริทสุที่วันนี้พกความมั่นใจมากอย่างเต็มร้อยเอ่ยขึ้นด้วยท่าทาสบายๆ
“วันพิเศษ?” ชินอิจิยังไม่เข้าใจความนัย
“วันนี้วันวาเลนไทน์ยังไงล่ะ...วันแห่งความรัก วันหนึ่งของปีที่หญิงสาวจะมอบช็อคโกแลตให้กับชายหนุ่มเพื่อมอบความรู้สึกที่แสนพิเศษ วันนี้เป็นวันที่ผู้หญิงทุกคนรอคอยเชียวนะ”
สีหน้าที่ร่าเริงของชินอิจิพลันเคร่งขรึมขึ้นมา สัมผัสที่หกเริ่มทำให้เขาพอเห็นเค้าลางของอะไรบางอย่าง เขาเริ่มขยับถอยห่างออกไปแต่ตอนนั้นอาริทสุกลับไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อนั้นเด็กสาวก็ยื่นมือที่มีห่อช็อคโกแลตเอาไว้ในมือออกมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม “ฉันอยากจะเป็นคนแรกที่มอบความรู้สึกนี้ให้กับเธอ ชินอิจิ...ฉันชอบเธอ”
ท่ามกลางสายลมบนทางเดินและม้านั่งที่มีเพียงคนสองคนปรากฏขึ้นแต่เพียงความเงียบงัน ชินอิจินิ่งไปนานเสีย จนอาริทสุต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่าย ความมั่นใจของเธอถูกดูดกลืนหายไปพร้อมๆกับเวลาที่ไหลผ่านไป ความหวังเหือดหายขณะที่ความกังวลใจกำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ
“ขอโทษนะอาริทสุ...ฉันคงตอบรับความรู้สึกนั้นของเธอไม่ได้”
อาริทสุใจหายวาบความหวังสุดท้ายหลุดลอยไปอย่างง่ายดาย แต่เธอพยายามสุดความสามารถที่จะไม่แสดงมันออกมา เด็กสาวฝืนยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อมาว่า “เฮ้อ...ชินอิจิคุงรู้ไหมว่าตามธรรมเนียมแล้วไม่ว่าฝ่ายชายจะตอบรับหรือไม่ก็ต้องรับช็อคโกแลตไปอยู่ดีนะ”
ชินอิจิพลันยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นอาริทสุยังยิ้มให้ เขายื่นมือไปหยิบห่อช็อคโกแลตจากมือนั้น
“ขอโทษจริงๆนะ”
“เรื่องแบบนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันคนเดียวนี่หน่า”
ชินอิจิยิ้มให้อาริทสุอีกครั้งก่อนที่จะขึ้นคร่อมจักรยานแล้วขี่ออกไป วินาทีที่ชินอิจิไปพ้นจนไกลระยะที่จะเห็นหรือได้ยินอะไรนั่นก็คือวินาทีที่อาริทสุรอคอย
“ผล็อย...ผล็อย...” น้ำตาไหลออกมาเป็นสายจากดวงตาคู่งามคู่นั้น อาริทสุยกมือขึ้นโอบตัวเองที่รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างกะทันหันก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งอีกครั้ง
“บ้าจริง...ฉันไม่เคยเดาข้อสอบพลาดเลยนี่หน่า แต่ก็นะ...” เด็กสาวนั่งอยู่บนม้านั่งนั้นแต่เพียงลำพังอีกพักใหญ่ก่อนที่จะลุกขึ้นถอนหายใจพลางสะพายกระเป๋าเรียน
“อย่างน้อยฉันก็ได้บอกไปแล้ว ไม่มีอะไรให้คาใจแล้วล่ะนะ แต่ถ้าอายาเมะสารภาพรักแล้วชินอิจิตอบรับฉันคงเจ็บใจตัวเองสุดๆแน่ บ้าหน่า...คนอย่างยัยนั่นใครล่ะจะไปชอบได้ หรือว่าชินอิจิจะชอบของแปลก ไม่นะ...โอ๊ย! ยิ่งคิดฉันยิ่งรับไม่ได้นะเนี่ย” อาริทสุบ่นพึมพำอยู่คนเดียวราวกับคนบ้าขณะที่เดินกลับไปยังตึกเรียน
“เอ๊ะ...หมายความว่าอาริทจังก็สารภาพรักกับชินอิจิคุงก่อนฉันอีกล่ะสิ!” พออาริทสุเล่าเรื่องจบโทโมโกะก็อุทานขึ้นมาในทันที
“อืม...เขาคงไปเจอเธอหลังจากปฏิเสธฉันน่ะสิ” อาริทสุเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางรู้สึกผิด
“อะไรกัน...” โทโมโกะคาดไม่ถึง และไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ
“ตอนนั้นชินอิจิคงลำบากใจน่าดู” ฮารุเนะเอ่ยขึ้นมาลอยๆ
“นั้นสิ แถมช่วงกลางวันฉันยังไปซ้ำอีกคนอีก” อายาเมะพลันเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก
“เธอเองก็ด้วยสินะ อายะ....แล้วเป็นไงผลคงเป็นอย่างที่ฉันคิดล่ะสิ?” อาริทสุรีบพูดแทรกขึ้นมาในทันที
“ฮ่าๆๆๆก็ไม่เชิงหรอกนะ ชินอิจิยังไม่ทันตอบอะไรสักคำ ฉันก็เดาคำตอบออกเลยเนียนพูดว่าฉันล้อเล่นออกไปน่ะสิ”
“ว่าไงนะ!” อาริทสุขึ้นเสียง
ให้ตายสิ...เธอมีเพื่อนไฮเปอร์และบ้าดีเดือดอะไรขนาดนี้ด้วยหรือเนี่ย
“เธอรู้ได้ไงว่าเขาจะตอบว่าอะไร”
“แหม...ก็จากสัมผัสที่หกของฉันนะสิย่ะ” อายาเมะตอบกลับหน้าตาเฉย
**********
เศษกระดาษที่ถูกขยำเสียจนยับยู่ยี่ถูกปาลงไปบนโต๊ะของชินอิจิได้สำเร็จในที่สุด อายาเมะทำท่าดูใจสุดขีดแบบไร้เสียงเมื่อความพยายามสำเร็จในที่สุด ใช่แล้ว...ตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ในชั้นเรียนและหลังจากหมดคาบนี้ก็จะเป็นคาบพักเที่ยงแล้ว ระหว่างชั่วโมงอายาเมะพยายามแทบตายที่จะเขียนข้อความที่เหมาะสมที่สุด
ตั้งแต่เกิดมาเธอเคยทำอะไรแบบนี้ที่ไหนกันเล่า!
แถมยังต้องใช้ความสามารถสุดยอดในการกะระยะและแรงเพื่อที่จะให้กระดาษพุ่งเข้าสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำอีก
ชินอิจิเหลือบมองก้อนกระดาษที่ดูราวกับเศษขยะนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ พอเห็นชื่อของอายาเมะเขียนอยู่ด้านนอกเขาก็หันไปถามฮารุเนะที่นั่งอยู่ข้างๆกัน
“อายาเมะ...ส่งมาให้เธอหรือเปล่า?”
เด็กสาวขมวดคิ้วในพฤติกรรมแปลกๆของเพื่อน ฮารุเนะหันกลับไปมองยังที่นั่งของเพื่อนก็เห็นอายาเมะกำลังมีหน้าตกใจสุดขีด เธอกำลังจะแกะกระดาษออกอ่านแล้วถ้าไม่เหลือบไปเห็นสัญญาณมือของอายาเมะเข้าเสียก่อน
อายาเมะใจหายวาบ...จะให้ฮารุเนะเปิดกระดาษหรือเห็นข้อความข้างในไม่ได้เด็ดขาด เธอชี้มือมาที่ตนเองก่อนจะชี้ไปที่ชินอิจิ แล้วโบกมือให้ฮารุเนะเป็นสัญญาณว่ากระดาษแผ่นนั้นไม่ได้ต้องการส่งถึงเธอ ฮารุเนะเลิกคิ้วก่อนที่จะยื่นกระดาษคืนกลับให้ชินอิจิ
“ดูเหมือนอายะจังอย่างจะส่งกระดาษนี้ให้ชินอิจิคุงนะ”
“เอ๋...” แล้วในที่สุดชินอิจิก็เปิดกระดาษออกแล้วได้อ่านเนื้อหาภายในนั้นแต่เพียงผู้เดียวจนได้
“ตอนเที่ยงไปรอที่ดาดฟ้าหน่อย มีธุระสำคัญจะคุยด้วย มาคนเดียวนะ!” ชินอิจิอ่านข้อความด้วยความสงสัยก่อนจะเริ่มชะงักพลางทำสีหน้าลำบากใจ ฮารุเนะสังเกตเห็นโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาแม้แต่คำเดียว
เวลากลางวันมาถึงบนดาดฟ้าไร้ผู้คนเพราะแสงแดดยามเที่ยงที่ร้อนระอุแต่อายาเมะตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว เธอรู้ดีว่าคงไม่มีใครอยากมาใช้ดาดฟ้าในเวลาแบบนี้แน่ แล้วหลังจากนั้นดาดฟ้าก็จะเป็นของเธอและชินอิจิเพียงเท่านั้น
“ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนจะแข่งรถอีกนะเนี่ย เฮ้อ...” อายาเมะไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน และไม่คิดว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้เข้าในสักวันด้วย
“ไม่ปรึกษาใครแบบนี้คงไม่เป็นไรหรอกนะ?” อายาเมะเอ่ยถามออกมาอย่างปราศจากความหมาย เมื่อเช้าเธอมาเข้าเรียนสายเกือบชั่วโมงเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาเธอพยายามทำช็อคโกแลตอยู่จนดึกดื่น
“กุก...กัก..” เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากเบื้องหลัง แผ่นหลังของอายาเมะสะดุ้งขึ้นมาเฮือกหนึ่ง ชินอิจิมาตรงเวลาจนเด็กสาวยังไม่ทันตั้งตัวเท่าไหร่นัก แต่คนอย่างอายาเมะไม่มีถอยอยู่แล้ว เด็กสาวหันหลังกลับไปพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างเคยในทันที
“มาจนได้นะ...”
ชินอิจิยิ้มตอบน้อยๆ “เธอมานัดอะไรบนดาดฟ้าตอนเที่ยงแบบนี้เนี่ย....” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำแต่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
“ฮ่าๆๆๆ แต่ก็เงียบสงบดีใช่ไหมล่ะ”
“ร้อนออก....แล้วสรุปเธอมีธุระอะไรล่ะ?” ชินอิจิเอ่ยถามในที่สุด
อายาเมะชะงักไปโดยไม่ทันรู้ตัว แต่ก็พยายามยิ้มพลางรวบรวมความกล้า ปกติเธอเป็นคนที่พูดเก่งมากแท้ๆแต่ในเวลานี้เพียงยากจะเอ่ยคำใดออกไปสักคำมันก็ยากลำบากเสียจริงๆ คิดว่าน่าจะสามารถพูดออกไปได้แบบสบายๆแต่กลับมาสติแตกเอาตอนนี้ได้
จู่ๆร่างกายกับสมองของอายาเมะก็ไม่สัมพันธ์กันเสียอย่างนั้น เธอคิดอยากจะเอ่ยคำพูดที่บ่งบอกความรู้สึกทั้งหมดออกไปก่อนที่จะยื่นช็อคโกแลตที่ทำจากใจไปให้ แต่ตอนนี้เธอลนจนยกมือข้างที่ถือช็อคโกแลตอยู่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ชินอิจิที่กำลังรอคอยเหลือบไปเห็นห่อนั้นแทบจะในทันที เขาถอนหายใจลึกเพราะสิ่งที่เขากังวลอยู่ทำท่ากำลังจะเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ....ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้เลย ทำไมเหตุการณ์มันถึงต้องบังคับให้เขาต้องเอ่ยคำนี้ออกมาอีกครั้งเสียแล้ว
“อายาเมะ...ก่อนที่เธอจะพูดคือว่าฉัน....”
เสียงของชินอิจิดึงสติของเด็กสาวกลับมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอพึ่งจะรู้ตัวว่าตนเองยื่นช็อคโกแลตให้อีกฝ่ายไปแล้ว ยื่นไปให้โดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว อายาเมะโมโหตัวเองยิ่งกว่าครั้งไหน เธอเบิกตากว้างพลางเงยหน้าขึ้นมาเพื่อพูดบางอย่าง แต่แล้วสายตาของชินอิจิก็ตรึงเธออยู่กับที่
แววตานั้นต่อให้ไม่ใช่อายาเมะก็สามารถบอกได้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร เด็กสาวกลืนคำพูดของตนเองที่กำลังเอ่ยลงคอไปในทันทีก่อนที่จะหัวเราะออกมาโดยที่ตนเองไม่ทันคาดคิดด้วยซ้ำ
“แหะๆๆๆ เขินเหมือนกันนะเนี่ย...ฉันไม่เคยให้ช็อคโกแลตตามธรรมเนียมกับใครมาก่อนเลยนะ”
“เอ๊ะ...?” ชินอิจิก็ชะงักไปเหมือนกัน จู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนท่าทีไปอย่างกะทันหัน
“อะไรกันทำหน้าตกใจแบบนั้น รับช็อคโกแลตของฉันไว้ไม่ได้เลยหรือไงกัน หึ...ถึงจะเป็นครั้งแรกแต่รสชาติมันก็ไม่เลวนักหรอกนะ”
“เปล่าสักหน่อยงั้นฉันขอรับไปเลยแล้วกัน” ชินอิจิรีบกลบเกลื่อนโดยการหยิบช็อคโกแลตไปจากมือของอายาเมะในทันที
“หวังว่าคงไม่มียาพิษปนอยู่หรอกนะ”
“บ้าหรอ! นี่คือรางวัลที่นายเอาชนะฉันในการปั่นจักรยานมาตลอดสามปีนี้ยังไงล่ะ”
“อืม..” สีหน้าของชินอิจิดูโล่งใจขึ้นมาในทันที “งั้นเราไปกินข้าวกลางวันกันดีไหม? ฉันเลี้ยงเอง”
“ฉันไม่หิวหรอก นายไปก่อนเถอะ”
“โอเค...งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ห้องเรียนนะ”
“ได้เลย!” อายาเมะยิ้มอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งชินอิจิจากไป เมื่อนั้นเด็กสาวก็แทบตะกรี๊ดลั่นออกมา
“โอ๊ย....นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย” พร้อมกันนั้นเธอก็คว้าช็อคโกแลตอีกอันที่เธอทำเกินออกมา
“งับ!” อายาเมะกัดช็อคโกแลตเข้าไปคำใหญ่
“ต่อจากนี้ฉันจะไม่สนใจผู้ชายอีกต่อไปแล้ว ฉันจะสนใจแต่รถและความเร็วเท่านั้น!” อายาเมะสาบานกับตนเองด้วยความเจ็บใจ
**********
“ฮ่าๆๆๆ” อาริทสุหัวเราะซะจนน้ำตาเล็ด นี่เป็นการสารภาพที่พังไม่เป็นท่าเท่าที่เธอเคยได้ยินมาเลย
“สุดยอดเลยอายะจัง ฉันว่าคงมีแต่อายะจังเท่านั้นแหละที่จะทำอะไรแบบนี้ได้” โทโมโกะพูดขึ้นมาแบบซื่อๆ แต่กลับแทงใจดำอายาเมะเข้าอย่างจัง
“อะไรกันเนี่ย...แม้แต่โทโมะจังก็ยังซ้ำเติมฉัน” อายาเมะทำท่าน้อยใจสุดขีด
ฮารุเนะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ในบรรดาเพื่อนสนิททั้งสามก็มีอายาเมะเนี่ยล่ะที่เธออยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด เธอชอบนิสัยของอายาเมะมากเป็นพิเศษ
“ไม่ต้องมาหัวเราะเยาะฉันอีกคนเลยนะฮารุจัง เหลือแต่เธอแล้วนะที่ยังไม่ได้เล่าเรื่องในวันนั้นให้พวกเราฟัง”
ฮารุเนะเริ่มทำท่าลำบากใจ “เรื่องของฉันมันก็ไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นหรอกหน่า ฉันเองก็โดนปฏิเสธมาเหมือนกัน”
“นั้นแหละๆ มันจะไปเหมือนกันทุกรายละเอียดได้ยังไงกันเล่า เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยว่าเรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่” อายาเมะคาดคั้นต่อ
“ฉันรู้นะว่าเธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ให้ช็อคโกแลตกับชินอิจิคุงไป เกิดอะไรขึ้นทำไมเธอต้องปิดบังพวกเราด้วยล่ะ?” อาริทสุถามออกมาได้ถูกจุด
“เล่าให้พวกเราฟังหน่อยเถอะนะฮารุจัง” โทโมโกะร้องขอมาอีกคน
ฮารุเนะนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจยาว ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ก็เพราะเช่นนี้เองที่เธอไม่อยากจะเล่าให้ทุกคนฟังมากที่สุด
ระหว่างที่ฮารุเนะกำลังคิดหนักอาริทสุก็เอื้อมมาจับมือของหญิงสาวเอาไว้
“วันนั้นต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ เธอร้องไห้ซะขนาดนั้นไม่ว่าใครก็ดูออก พวกเราไม่เข้าใจจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่กล้าถามเพราะไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ พวกเราสงสัยกันมาตลอดจนถึงวันนี้ ถึงขนาดนี้แล้วเธอจะเล่าความจริงให้พวกเรารู้ไม่ได้เลยเหรอ พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่หน่า”
“ใช่แล้วล่ะ..ฉันทำช็อคโกแลตนั้นขึ้นมาก็เพื่อที่จะมอบให้กับชินอิจิ แต่ก็ไม่มีโอกาสมอบให้สักทั้งๆที่ได้นั่งข้างๆกันทั้งวันแท้ๆ เพราะทุกเวลาชินอิจิจะมีคนอยู่ด้วยตลอด ฉันเห็นนะ...ว่าในกระเป๋าของชินอิจิมีช็อคโกแลตของพวกเธอสามคนอยู่ ตอนนั้นฉันชอบชินอิจิมากจริงๆ ชอบมากกว่าที่พวกเธอไม่รู้เท่าไหร่ แต่คนที่ฉันชอบมากกว่านั้นก็คือพวกเธอทั้งสามคน” เสียงของฮารุเนะสะเทือนเข้าไปในใจของเพื่อนๆทุกคน ในที่สุดก็ถึงวันที่เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังแล้วอย่างนั้นหรือเนี่ย
ฮารุเนะเหลือบมองนาฬิกาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้ชินอิจิกลับบ้านไปหรือยังนะ? เธอรู้ดีว่าวันนี้ชินอิจิ คงมีคนมาสารภาพรักมากมายเต็มไปหมดแต่เขากลับปฏิเสธไปเสียทุกคนเหมือนกัน แล้วคนอย่างเราจะมีโอกาสหรือ...เรายังจะกล้ามอบช็อคโกแลตชิ้นนี้ให้เขาอีกหรือเปล่า ถ้าชินอิจิยอมรับช็อคโกแลตของเธอพร้อมทั้งตอบรับความรู้สึกนี้ฮารุเนะคงจะมีความสุขมาก
แต่ว่า.... แต่ว่า....
เด็กสาวเหลือบไปมองบรรดาเพื่อนรักด้วยแววตาที่แสนอ่อนโยน เธอจะก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นไปได้อย่างไรกัน ถ้าเธอกับชินอิจิคบกันก็คงจะทำให้สามคนนี้ต้องเสียใจและเธอก็คงไม่สามารถให้อภัยตนเองได้เหมือนกัน เธอรักเพื่อนทั้งสามคนมากกว่าชินอิจิไม่รู้กี่เท่า
ในที่สุดฮารุเนะกับเพื่อนก็เสร็จสิ้นกิจกรรมของชมรมในที่สุด ทั้งสี่คนกำลังฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวร้องเพลงประสานเสียงในงานโรงเรียนที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้วจนนักเรียนคนอื่นๆแทบจะกลับบ้านกันไปหมด หลังจากซ้อมเสร็จทุกคนก็อยากจะกลับบ้านไปพักผ่อนกันในทันที ฮารุเนะเองก็เพลียมากเหมือนกัน เธอก็อยากจะรีบกลับ แต่ว่า....
“ตายละ...ฉันลืมกระเป๋าเอาไว้ที่ห้องเรียนคงต้องกลับขึ้นไปเอาก่อนล่ะ”
“ไปเอาสิ...เดี๋ยวพวกเราไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกทุกคนกลับไปก่อนเถอะ เย็นมากแล้วด้วย...ฉันขึ้นไปเอากระเป๋าแปบเดียวเอง” ฮารุเนะเอ่ยจบก็รีบวิ่งออกไปในทันที
“วันนี้ยัยฮารุท่าทางไม่มีสมาธิยังไงไม่รู้นะ” อายาเมะพลันเอ่ยลอยๆขึ้นมา
ฮารุเนะกระหืดกระหอบกลับไปที่ห้องเรียน เธอไม่น่าลืมกระเป๋าเอาไว้เลย ข้างในมีของสำคัญอยู่เสียด้วย ของสำคัญที่เธอตั้งใจจะนำมามอบให้กับใครคนหนึ่ง แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสเสียแล้ว เด็กสาวพุ่งเข้ามาในห้องเรียนพอเห็นกระเป๋าวางนิ่งอยู่บนโต๊ะก็รีบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งรอเธออยู่จนกระทั่งเธอเงยหน้าขึ้นมา
“....” ชินอิจิยืนอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก เขาจ้องฮารุเนะนิ่ง
ยามนั้นหัวใจของฮารุเนะเต้นแรงเสียจนปวดร้าวไปหมด เธอไม่สามารถก้าวขาออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ เด็กสาวหลบสายตาไปทางอื่นขณะที่กลั้นใจเดินมายังกระเป๋า
“เวลาของวันนี้กำลังจะหมดลงแล้วนะ” จู่ๆชินอิจิก็พลันเอ่ยขึ้นมา
“อา...พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วล่ะ” ฮารุเนะเอ่ยขณะที่มองออกไปด้านนอกก่อนจะเบนสายตากลับมาที่ชินอิจิ
“เย็นขนาดนี้แล้วชินอิจิมานั่งทำอะไรที่นี่คนเดียวล่ะ?” ฮารุเนะกลั้นใจเอ่ยถามออกไป
“ฉันรอเธออยู่น่ะสิ”
“เอ๊ะ...” ฮารุเนะใจหายวูบ
“ฉันรู้ว่ายังไงเธอก็ต้องกลับมาเอากระเป๋าแน่ๆ ข้างในกระเป๋านั้นมีของสำคัญมากๆอยู่ด้วยนี่หน่า”
ฮารุเนะกอดกระเป๋าแน่นโดยไม่รู้ตัว เมื่อนั้นชินอิจิก็เคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กสาว เขาไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวหนีไปไหนอีกแล้ว
“ช็อคโกแลตที่ฉันอยากได้ที่สุดก็คือช็อคโกแลตของเธอนะ...ฮารุเนะ”
“ชินอิจิ!” หัวใจของเด็กสาวเต็มไปด้วยเจ็บปวด บัดนั้นแววตาของฮารุเนะก็พลันรื้นไปด้วยน้ำตา
“ฮารุเนะ...” เด็กหนุ่มมองเด็กสาวด้วยความตกใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาวาดภาพไว้เลยแม้แต่น้อย
“ขอโทษนะ...แต่ฉันคงไม่สามารถมอบช็อคโกแลตให้ชินอิจิได้แล้วล่ะ”
“เธอหมายความว่ายังไง?”
“ความรู้สึกที่ฉันมีต่อชินอิจิมันมากมายจริงๆ มากจนอธิบายไม่ได้...แต่ว่าฉันไม่สามารถบอกความรู้สึกนี้ออกไปได้”
ชินอิจิยังคงไม่เข้าใจ ทำไม...ทำไมฮารุเนะถึงพูดอะไรแบบนั้น
“เพราะทั้งอาริทจัง โทโมะจัง และอายะจังต่างก็มอบช็อคโกแลตให้ชินอิจิด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับฉัน แต่ชินอิจิตอบรับความรู้สึกของฉันแต่เพียงผู้เดียว ฉันทำไม่ได้หรอก...”
ชินอิจิพลันเบิกตากว้าง ตอนนี้เขาเข้าใจเหตุผลของฮารุเนะแล้ว
“แต่ว่ามันคงละเรื่องกันนะฮารุเนะ...เพราะตลอดเวลาคนที่ฉันชอบก็คือ...”
“พอเถอะ...ฉันทำใจไม่ได้จริงๆ”
“แต่...”
“ขอโทษนะ...” ฮารุเนะร้องไห้ออกมา “ขอโทษจริงๆนะ”
เมื่อนั้นชินอิจิก็ก้าวถอยหลัง เขาสูดลมหายใจลึกด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปไม่น้อยกว่าอีกฝ่ายเลย เด็กหนุ่มอยากที่จะเข้าไปช่วยซับน้ำตาบนใบหน้านั้นเสียเหลือเกินแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ทำไมถึงจบลงแบบนี้.... ชินอิจิยืนนิ่งเป็นเพื่อนฮารุเนะอยู่ตรงนั้นขณะที่เด็กสาวยังไม่อาจหยุดเสียงสะอื้นเอาไว้ได้ แต่ในที่สุดชินอิจิก็ได้แต่ตัดใจแล้วคว้ากระเป๋าของตนเองพร้อมกับเดินจากไปอย่างเงียบงันในขณะที่ปล่อยให้ฮารุเนะยืนร้องไห้อยู่เพียงลำพัง
ตอนนั้นเขาหวังแต่เพียงว่าการจากไปของเขาจะทำให้เด็กสาวอันแสนงดงามผู้นี้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งเพียงเท่านั้น
**********
ปล. เช่นเคยเน้อ พบกันใหม่ Week หน้าจ้า!!!!
โทโมโกะพยายามที่จะบังคับให้มือของตนเองหายสั่น เธอทนอดนอนมาทั้งคืนเพื่อสิ่งที่เธอกำลังถืออยู่ในมือชิ้นนี้ เค้กช็อคโกแลตที่เธอบรรจงทำมันขึ้นมาเป็นพิเศษในวันวาเลนไทน์ปีนี้ เธอรู้ดีว่าวาเลนไทน์ปีนี้พิเศษกว่าวาเลนไทน์ปีอื่นๆมากเพียงไร ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้ใช้เวลาร่วมกับชินอิจิมากมายถึงขนาดนี้ ได้เห็นเขาทุกวันในฐานะเพื่อนร่วมห้อง ได้พูดคุยอะไรต่างๆด้วยกันมากมาย โทโมโกะรู้ว่าตนเองขี้อายมากแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจลงมือทำอะไรสักอย่าง
เด็กสาวไม่ค่อยเชื่อตัวเองนักว่าเธอเก็บเรื่องเค้กช็อคโกแลตนี้ไว้เป็นความลับแม้แต่ในกลุ่มเพื่อนสนิทได้อย่างไร กัน ตั้งแต่เรื่องที่เธอแอบทำเค้ก เรื่องที่เธอมาโรงเรียนเช้าเป็นพิเศษ เรื่องที่เธอตั้งใจดักรอเขาคนนั้นอยู่ โทโมโกะตื่นเต้นยิ่งกว่าอะไรดี.....เธอจะส่งของถึงมือชินอิจิหรือเปล่านะ และที่สำคัญที่สุดเขาจะตอบรับความรู้สึกของเธออย่างไรกัน
“จะรอตรงล็อคเกอร์...ไม่ดี ถ้าคนอื่นกำลังเก็บของอยู่ล่ะ”
“หน้าทางเข้าเหรอ? บ้าหน่ายิ่งมีโอกาสที่คนอื่นจะมาเห็นยิ่งเข้าไปใหญ่น่ะสิ”
“หน้าห้องเรียน...ตรงทางเดิน โอ๊ย!....เข้าไปรอในห้องดีไหมเนี่ย” โทโมโกะสับสนใจตัวเองมากจริงๆ
“ทำไมฉันไม่โทรหาชินอิจิก่อนนะเนี่ย” โทโมโกะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังเดินมาทางห้องเรียนโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ยังคงเถียงกับตนเองอยู่
“หรือว่าฉันมาเช้าไป.... เฮ้อ....อ๊ะ!” โทโมโกะแทบลืมหายใจเมื่อพบชินอิจิกำลังเดินมาหาเธอพอดี เขาก้มหน้าลงมองพื้นอย่างครุ่นคิดถึงอะไรอยู่จึงไม่ได้สนใจโทโมโกะ เด็กสาวเองก็ตะลึงงันไปในการพบกันที่คาดไม่ถึงนี้แล้วเหมือนกัน
ชินอิจิกำลังจะเดินผ่านไปอยู่แล้ว เมื่อนั้นโทโมโกะก็รู้ว่าเธอจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด
“ชินอิจิคุง....ขอเวลาสักครู่สิ”
“อ้าว...โทโมโกะ?” ชินอิจิไม่ทันสังเกตเห็นเด็กสาวจริงๆ เขาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนเขาจะไม่คาดคิดว่าจะมีใครอยู่ในโรงเรียนในขณะที่เช้าตรู่ขนาดนี้
“สวัสดีจ๊ะ โชคดีจังที่ชินอิจิมาโรงเรียนแต่เช้าขนาดนี้”
“พอดี......อ่าเธอเองก็มาเช้ามากเลยนะ” ชินอิจิทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ชะงักไป
“อืม...” เวลานี้โทโมโกะควรจะพูดในสิ่งที่อยากจะพูดออกไปแล้ว แต่เธอกลับกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ
“ฉันว่าจะออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยนะ พอเวลาเข้าเรียนแล้วเจอกันนะ” ชินอิจิเอ่ยขณะที่โบกมือพลางเดินทางไปอีกทาง
โทโมโกะได้แต่พยักหน้าในขณะที่ชินอิจิเดินห่างออกไปเรื่อยๆ เด็กสาวรู้สึกโมโหตัวเองมากเสียจริงๆ ตั้งใจเสียดิบดีแต่พอนาทีนั้นมาถึงจริงๆเธอจะปล่อยให้ผ่านไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ คิดไปคิดมาโทโมโกะก็บ้าบิ่นขึ้นมาได้เหมือนกัน เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ชินอิจิคุง...ช่วยรับของสิ่งนี้ไว้ด้วยเถอะนะ!” โทโมโกะตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมน้ำเสียงของตนเองเอาไว้ไม่อยู่ มือทั้งสองข้างสั่นไปหมด
ชินอิจิชะงักไปในทันทีทันใด เขาค่อยๆหันกลับมามองโทโมโกะด้วยความแปลกใจ
“วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ฉันก็เลยอยากจะมอบสิ่งนี้ให้ชินอิจิ นั้นก็เพราะ....เพราะว่าฉันชอบชินอิจิ!” เวลาโทโมโกะจะกล้าขึ้นมาก็กล้าเสียจนตัวเธอเองประหลาดใจไปเหมือนกัน
ชายหนุ่มมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่จะกลายเป็นสีหน้าลำบากใจเพียงชั่วอดใจก่อนที่ใบหน้าอันแสนอ่อนโยนของชายหนุ่มจะกลับเข้ามาแทนที่
“ขอบใจนะ...แต่ว่าฉันคงรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ไม่ได้หรอก เราเป็นเพื่อนกันจะไม่ดีกว่าเหรอโทโมโกะ”
ใจของเด็กสาวเย็นวาบ น้ำเสียงของชินอิจิช่างเยือกเย็นและมั่นคง เขาไม่ลังเลใจที่จะตอบคำถามนั้นเลยแม้แต่น้อย โทโมโกะทำใจเอาไว้แต่แรกแล้วแท้ๆ แต่ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เลย
ชินอิจิยิ่งรู้สึกผิดที่เห็นอักฝ่ายร้องไห้ออกมาแบบนั้น เขารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนเองออกมาแล้วรับเอาเค้กช็อคโกแลตของโทโมโกะมาไว้ในมือ
“ฉันขอรับมันไปในฐานะเพื่อนได้ไหม?”
“อืม...” โทโมโกะพยักหน้าขณะที่ยกผ้าเช็ดหน้าของชินอิจิขึ้นมาซับน้ำตา “ขอบคุณมากนะที่อย่างน้อยชินอิจิคุงก็รับของขวัญชิ้นนี้ไว้”
“ขอโทษนะที่ต้องทำให้เธอเสียใจ ฉันคงต้องไปจริงๆแล้วล่ะ” เอ่ยจบแล้วชินอิจิก็เดินจากไปอีกครั้ง โทโมโกะไม่รั้งตัวเขาอีกแม้แต่น้อย เธอกำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเอาไว้แน่นราวกับเป็นของล้ำค่า วาเลนไทน์สุดพิเศษในปีนี้ของเธอจบลงตั้งแต่ยังผ่านไปไม่ได้ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ
“และรักครั้งแรกของฉันก็จบลงแบบนี้เองแหละจ๊ะ” โทโมโกะในปัจจุบันเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มแบบอายๆ
“เป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ว่าฉันเองก็มีเรื่องที่จะสารภาพกับโทโมโกะเหมือนกันนะ” อาริทสุเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีลำบากใจ
“อะไรเหรอ?”
“เธอไม่สงสัยเลยจริงๆนะเหรอว่าทำไมวันนั้นชินอิจิคุงถึงมาเช้าขนาดนั้นได้?”
โทโมโกะเอียงคอพลางทบทวนความทรงจำ
“เอ...ฉันไม่ได้ติดใจอะไรหรอกนะ ตอนนั้นฉันมัวแต่ตื่นเต้นอยู่นี่หน่า”
“เฮ้อ....ความจริงแล้วที่ชินอิจิมาเช้าขนาดนั้นก็เพราะฉันโทรไปเรียกให้มาเจอกันที่โรงเรียนน่ะสิ”
“หา...” คราวนี้เพื่อนๆคนที่เหลือต่างก็อุทานขึ้นมาพร้อมกัน
อาริทสุถอนหายใจขณะที่เล่าต่อออกมาว่า “ก็ฉันวางแผนว่าตนเองจะต้องเป็นคนมอบช็อคโกแลตให้ชินอิจิคุงเป็นคนแรกของวันน่ะสิ ผู้ชายอย่างชินอิจิอ่ะนะยังไงนักเรียนหญิงคนอื่นๆก็ต้องแห่กันให้ช็อคโกแลตเค้าอยู่แล้วจริงไหม? เพราะงั้นฉันก็เลยนัดชินอิจิให้มาเจอแต่เช้าตรู่เลยไง”
“แล้วตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นกันแน่ล่ะ?” อายาเมะซักไซ้ขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อนั้นเพื่อนๆก็หันไปมองทางอาริทสุเป็นสายตาเดียว หญิงสาวกระแอมเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มต้นเล่าเรื่องของตนเองออกมาบ้าง
**********
อาริทสุนั่งอยู่ที่ม้านั่งตรงตำแหน่งที่เธอได้พบกับชินอิจิเป็นครั้งแรกแต่เพียงตามลำพัง เด็กสาวหวนคิดไปถึงเหตุการณ์วันนั้นในขณะที่จ้องมองห่อช็อคโกแลตเล็กๆที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีสันสวยงามในมือข้างหนึ่งของตนเองอย่างเหม่อลอย ที่ผ่านมาเคยมีเด็กหนุ่มมาสารภาพรักกับเธออยู่บ้างเหมือนกัน แต่เธอก็ตอบปฏิเสธไปเสียหมด สำหรับเธอนั้นต้องเหมาะสมกับเด็กหนุ่มที่สมบูรณ์แบบอย่างชินอิจิเท่านั้น
ระหว่างที่อาริทสุเหม่อลอยอยู่นั้นเองเสียงของจักรยานก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันในยามเช้า เด็กสาวรู้ดีว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร เสียงนั้นกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับจังหวะของหัวใจที่กำลังถี่รัวเพิ่มขึ้นตามเช่นเดียวกัน
ในไม่ช้าภาพที่เธอฝันก็ปรากฏขึ้นแก่สายตา ชินอิจิกำลังขี่จักรยานตรงเข้ามาด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เขา โบกมือทักทายทันทีที่เห็นเธอนั่งรออยู่ เด็กหนุ่มมาตามเวลาที่นัดเอาไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน เขาจอดจักรยานอย่างนิ่มนวลก่อนจะเอ่ยคำทักทาย
“ไง...อาริทสุ”
“อรุณสวัสดิ์นะ” ลมเย็นที่กำลังพัดผ่านทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย
“นัดฉันมาแต่เช้าเชียวมีธุระอะไรอย่างนั้นเหรอ?” ชินอิจิถามเข้าประเด็นอย่างไม่รอช้า ท่าทางเขาคงไม่รู้แน่ว่าอะไรคือเหตุผลที่อาริทสุต้องโทรนัดมาพบแบบนี้
“ก็เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษน่ะสิ” อาริทสุที่วันนี้พกความมั่นใจมากอย่างเต็มร้อยเอ่ยขึ้นด้วยท่าทาสบายๆ
“วันพิเศษ?” ชินอิจิยังไม่เข้าใจความนัย
“วันนี้วันวาเลนไทน์ยังไงล่ะ...วันแห่งความรัก วันหนึ่งของปีที่หญิงสาวจะมอบช็อคโกแลตให้กับชายหนุ่มเพื่อมอบความรู้สึกที่แสนพิเศษ วันนี้เป็นวันที่ผู้หญิงทุกคนรอคอยเชียวนะ”
สีหน้าที่ร่าเริงของชินอิจิพลันเคร่งขรึมขึ้นมา สัมผัสที่หกเริ่มทำให้เขาพอเห็นเค้าลางของอะไรบางอย่าง เขาเริ่มขยับถอยห่างออกไปแต่ตอนนั้นอาริทสุกลับไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อนั้นเด็กสาวก็ยื่นมือที่มีห่อช็อคโกแลตเอาไว้ในมือออกมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม “ฉันอยากจะเป็นคนแรกที่มอบความรู้สึกนี้ให้กับเธอ ชินอิจิ...ฉันชอบเธอ”
ท่ามกลางสายลมบนทางเดินและม้านั่งที่มีเพียงคนสองคนปรากฏขึ้นแต่เพียงความเงียบงัน ชินอิจินิ่งไปนานเสีย จนอาริทสุต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่าย ความมั่นใจของเธอถูกดูดกลืนหายไปพร้อมๆกับเวลาที่ไหลผ่านไป ความหวังเหือดหายขณะที่ความกังวลใจกำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ
“ขอโทษนะอาริทสุ...ฉันคงตอบรับความรู้สึกนั้นของเธอไม่ได้”
อาริทสุใจหายวาบความหวังสุดท้ายหลุดลอยไปอย่างง่ายดาย แต่เธอพยายามสุดความสามารถที่จะไม่แสดงมันออกมา เด็กสาวฝืนยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อมาว่า “เฮ้อ...ชินอิจิคุงรู้ไหมว่าตามธรรมเนียมแล้วไม่ว่าฝ่ายชายจะตอบรับหรือไม่ก็ต้องรับช็อคโกแลตไปอยู่ดีนะ”
ชินอิจิพลันยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นอาริทสุยังยิ้มให้ เขายื่นมือไปหยิบห่อช็อคโกแลตจากมือนั้น
“ขอโทษจริงๆนะ”
“เรื่องแบบนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันคนเดียวนี่หน่า”
ชินอิจิยิ้มให้อาริทสุอีกครั้งก่อนที่จะขึ้นคร่อมจักรยานแล้วขี่ออกไป วินาทีที่ชินอิจิไปพ้นจนไกลระยะที่จะเห็นหรือได้ยินอะไรนั่นก็คือวินาทีที่อาริทสุรอคอย
“ผล็อย...ผล็อย...” น้ำตาไหลออกมาเป็นสายจากดวงตาคู่งามคู่นั้น อาริทสุยกมือขึ้นโอบตัวเองที่รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างกะทันหันก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งอีกครั้ง
“บ้าจริง...ฉันไม่เคยเดาข้อสอบพลาดเลยนี่หน่า แต่ก็นะ...” เด็กสาวนั่งอยู่บนม้านั่งนั้นแต่เพียงลำพังอีกพักใหญ่ก่อนที่จะลุกขึ้นถอนหายใจพลางสะพายกระเป๋าเรียน
“อย่างน้อยฉันก็ได้บอกไปแล้ว ไม่มีอะไรให้คาใจแล้วล่ะนะ แต่ถ้าอายาเมะสารภาพรักแล้วชินอิจิตอบรับฉันคงเจ็บใจตัวเองสุดๆแน่ บ้าหน่า...คนอย่างยัยนั่นใครล่ะจะไปชอบได้ หรือว่าชินอิจิจะชอบของแปลก ไม่นะ...โอ๊ย! ยิ่งคิดฉันยิ่งรับไม่ได้นะเนี่ย” อาริทสุบ่นพึมพำอยู่คนเดียวราวกับคนบ้าขณะที่เดินกลับไปยังตึกเรียน
“เอ๊ะ...หมายความว่าอาริทจังก็สารภาพรักกับชินอิจิคุงก่อนฉันอีกล่ะสิ!” พออาริทสุเล่าเรื่องจบโทโมโกะก็อุทานขึ้นมาในทันที
“อืม...เขาคงไปเจอเธอหลังจากปฏิเสธฉันน่ะสิ” อาริทสุเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางรู้สึกผิด
“อะไรกัน...” โทโมโกะคาดไม่ถึง และไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ
“ตอนนั้นชินอิจิคงลำบากใจน่าดู” ฮารุเนะเอ่ยขึ้นมาลอยๆ
“นั้นสิ แถมช่วงกลางวันฉันยังไปซ้ำอีกคนอีก” อายาเมะพลันเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก
“เธอเองก็ด้วยสินะ อายะ....แล้วเป็นไงผลคงเป็นอย่างที่ฉันคิดล่ะสิ?” อาริทสุรีบพูดแทรกขึ้นมาในทันที
“ฮ่าๆๆๆก็ไม่เชิงหรอกนะ ชินอิจิยังไม่ทันตอบอะไรสักคำ ฉันก็เดาคำตอบออกเลยเนียนพูดว่าฉันล้อเล่นออกไปน่ะสิ”
“ว่าไงนะ!” อาริทสุขึ้นเสียง
ให้ตายสิ...เธอมีเพื่อนไฮเปอร์และบ้าดีเดือดอะไรขนาดนี้ด้วยหรือเนี่ย
“เธอรู้ได้ไงว่าเขาจะตอบว่าอะไร”
“แหม...ก็จากสัมผัสที่หกของฉันนะสิย่ะ” อายาเมะตอบกลับหน้าตาเฉย
**********
เศษกระดาษที่ถูกขยำเสียจนยับยู่ยี่ถูกปาลงไปบนโต๊ะของชินอิจิได้สำเร็จในที่สุด อายาเมะทำท่าดูใจสุดขีดแบบไร้เสียงเมื่อความพยายามสำเร็จในที่สุด ใช่แล้ว...ตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ในชั้นเรียนและหลังจากหมดคาบนี้ก็จะเป็นคาบพักเที่ยงแล้ว ระหว่างชั่วโมงอายาเมะพยายามแทบตายที่จะเขียนข้อความที่เหมาะสมที่สุด
ตั้งแต่เกิดมาเธอเคยทำอะไรแบบนี้ที่ไหนกันเล่า!
แถมยังต้องใช้ความสามารถสุดยอดในการกะระยะและแรงเพื่อที่จะให้กระดาษพุ่งเข้าสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำอีก
ชินอิจิเหลือบมองก้อนกระดาษที่ดูราวกับเศษขยะนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ พอเห็นชื่อของอายาเมะเขียนอยู่ด้านนอกเขาก็หันไปถามฮารุเนะที่นั่งอยู่ข้างๆกัน
“อายาเมะ...ส่งมาให้เธอหรือเปล่า?”
เด็กสาวขมวดคิ้วในพฤติกรรมแปลกๆของเพื่อน ฮารุเนะหันกลับไปมองยังที่นั่งของเพื่อนก็เห็นอายาเมะกำลังมีหน้าตกใจสุดขีด เธอกำลังจะแกะกระดาษออกอ่านแล้วถ้าไม่เหลือบไปเห็นสัญญาณมือของอายาเมะเข้าเสียก่อน
อายาเมะใจหายวาบ...จะให้ฮารุเนะเปิดกระดาษหรือเห็นข้อความข้างในไม่ได้เด็ดขาด เธอชี้มือมาที่ตนเองก่อนจะชี้ไปที่ชินอิจิ แล้วโบกมือให้ฮารุเนะเป็นสัญญาณว่ากระดาษแผ่นนั้นไม่ได้ต้องการส่งถึงเธอ ฮารุเนะเลิกคิ้วก่อนที่จะยื่นกระดาษคืนกลับให้ชินอิจิ
“ดูเหมือนอายะจังอย่างจะส่งกระดาษนี้ให้ชินอิจิคุงนะ”
“เอ๋...” แล้วในที่สุดชินอิจิก็เปิดกระดาษออกแล้วได้อ่านเนื้อหาภายในนั้นแต่เพียงผู้เดียวจนได้
“ตอนเที่ยงไปรอที่ดาดฟ้าหน่อย มีธุระสำคัญจะคุยด้วย มาคนเดียวนะ!” ชินอิจิอ่านข้อความด้วยความสงสัยก่อนจะเริ่มชะงักพลางทำสีหน้าลำบากใจ ฮารุเนะสังเกตเห็นโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาแม้แต่คำเดียว
เวลากลางวันมาถึงบนดาดฟ้าไร้ผู้คนเพราะแสงแดดยามเที่ยงที่ร้อนระอุแต่อายาเมะตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว เธอรู้ดีว่าคงไม่มีใครอยากมาใช้ดาดฟ้าในเวลาแบบนี้แน่ แล้วหลังจากนั้นดาดฟ้าก็จะเป็นของเธอและชินอิจิเพียงเท่านั้น
“ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนจะแข่งรถอีกนะเนี่ย เฮ้อ...” อายาเมะไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน และไม่คิดว่าจะต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้เข้าในสักวันด้วย
“ไม่ปรึกษาใครแบบนี้คงไม่เป็นไรหรอกนะ?” อายาเมะเอ่ยถามออกมาอย่างปราศจากความหมาย เมื่อเช้าเธอมาเข้าเรียนสายเกือบชั่วโมงเพราะเมื่อคืนที่ผ่านมาเธอพยายามทำช็อคโกแลตอยู่จนดึกดื่น
“กุก...กัก..” เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากเบื้องหลัง แผ่นหลังของอายาเมะสะดุ้งขึ้นมาเฮือกหนึ่ง ชินอิจิมาตรงเวลาจนเด็กสาวยังไม่ทันตั้งตัวเท่าไหร่นัก แต่คนอย่างอายาเมะไม่มีถอยอยู่แล้ว เด็กสาวหันหลังกลับไปพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างเคยในทันที
“มาจนได้นะ...”
ชินอิจิยิ้มตอบน้อยๆ “เธอมานัดอะไรบนดาดฟ้าตอนเที่ยงแบบนี้เนี่ย....” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำแต่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
“ฮ่าๆๆๆ แต่ก็เงียบสงบดีใช่ไหมล่ะ”
“ร้อนออก....แล้วสรุปเธอมีธุระอะไรล่ะ?” ชินอิจิเอ่ยถามในที่สุด
อายาเมะชะงักไปโดยไม่ทันรู้ตัว แต่ก็พยายามยิ้มพลางรวบรวมความกล้า ปกติเธอเป็นคนที่พูดเก่งมากแท้ๆแต่ในเวลานี้เพียงยากจะเอ่ยคำใดออกไปสักคำมันก็ยากลำบากเสียจริงๆ คิดว่าน่าจะสามารถพูดออกไปได้แบบสบายๆแต่กลับมาสติแตกเอาตอนนี้ได้
จู่ๆร่างกายกับสมองของอายาเมะก็ไม่สัมพันธ์กันเสียอย่างนั้น เธอคิดอยากจะเอ่ยคำพูดที่บ่งบอกความรู้สึกทั้งหมดออกไปก่อนที่จะยื่นช็อคโกแลตที่ทำจากใจไปให้ แต่ตอนนี้เธอลนจนยกมือข้างที่ถือช็อคโกแลตอยู่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ชินอิจิที่กำลังรอคอยเหลือบไปเห็นห่อนั้นแทบจะในทันที เขาถอนหายใจลึกเพราะสิ่งที่เขากังวลอยู่ทำท่ากำลังจะเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ....ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้เลย ทำไมเหตุการณ์มันถึงต้องบังคับให้เขาต้องเอ่ยคำนี้ออกมาอีกครั้งเสียแล้ว
“อายาเมะ...ก่อนที่เธอจะพูดคือว่าฉัน....”
เสียงของชินอิจิดึงสติของเด็กสาวกลับมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอพึ่งจะรู้ตัวว่าตนเองยื่นช็อคโกแลตให้อีกฝ่ายไปแล้ว ยื่นไปให้โดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว อายาเมะโมโหตัวเองยิ่งกว่าครั้งไหน เธอเบิกตากว้างพลางเงยหน้าขึ้นมาเพื่อพูดบางอย่าง แต่แล้วสายตาของชินอิจิก็ตรึงเธออยู่กับที่
แววตานั้นต่อให้ไม่ใช่อายาเมะก็สามารถบอกได้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร เด็กสาวกลืนคำพูดของตนเองที่กำลังเอ่ยลงคอไปในทันทีก่อนที่จะหัวเราะออกมาโดยที่ตนเองไม่ทันคาดคิดด้วยซ้ำ
“แหะๆๆๆ เขินเหมือนกันนะเนี่ย...ฉันไม่เคยให้ช็อคโกแลตตามธรรมเนียมกับใครมาก่อนเลยนะ”
“เอ๊ะ...?” ชินอิจิก็ชะงักไปเหมือนกัน จู่ๆอีกฝ่ายก็เปลี่ยนท่าทีไปอย่างกะทันหัน
“อะไรกันทำหน้าตกใจแบบนั้น รับช็อคโกแลตของฉันไว้ไม่ได้เลยหรือไงกัน หึ...ถึงจะเป็นครั้งแรกแต่รสชาติมันก็ไม่เลวนักหรอกนะ”
“เปล่าสักหน่อยงั้นฉันขอรับไปเลยแล้วกัน” ชินอิจิรีบกลบเกลื่อนโดยการหยิบช็อคโกแลตไปจากมือของอายาเมะในทันที
“หวังว่าคงไม่มียาพิษปนอยู่หรอกนะ”
“บ้าหรอ! นี่คือรางวัลที่นายเอาชนะฉันในการปั่นจักรยานมาตลอดสามปีนี้ยังไงล่ะ”
“อืม..” สีหน้าของชินอิจิดูโล่งใจขึ้นมาในทันที “งั้นเราไปกินข้าวกลางวันกันดีไหม? ฉันเลี้ยงเอง”
“ฉันไม่หิวหรอก นายไปก่อนเถอะ”
“โอเค...งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ห้องเรียนนะ”
“ได้เลย!” อายาเมะยิ้มอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งชินอิจิจากไป เมื่อนั้นเด็กสาวก็แทบตะกรี๊ดลั่นออกมา
“โอ๊ย....นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย” พร้อมกันนั้นเธอก็คว้าช็อคโกแลตอีกอันที่เธอทำเกินออกมา
“งับ!” อายาเมะกัดช็อคโกแลตเข้าไปคำใหญ่
“ต่อจากนี้ฉันจะไม่สนใจผู้ชายอีกต่อไปแล้ว ฉันจะสนใจแต่รถและความเร็วเท่านั้น!” อายาเมะสาบานกับตนเองด้วยความเจ็บใจ
**********
“ฮ่าๆๆๆ” อาริทสุหัวเราะซะจนน้ำตาเล็ด นี่เป็นการสารภาพที่พังไม่เป็นท่าเท่าที่เธอเคยได้ยินมาเลย
“สุดยอดเลยอายะจัง ฉันว่าคงมีแต่อายะจังเท่านั้นแหละที่จะทำอะไรแบบนี้ได้” โทโมโกะพูดขึ้นมาแบบซื่อๆ แต่กลับแทงใจดำอายาเมะเข้าอย่างจัง
“อะไรกันเนี่ย...แม้แต่โทโมะจังก็ยังซ้ำเติมฉัน” อายาเมะทำท่าน้อยใจสุดขีด
ฮารุเนะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ในบรรดาเพื่อนสนิททั้งสามก็มีอายาเมะเนี่ยล่ะที่เธออยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด เธอชอบนิสัยของอายาเมะมากเป็นพิเศษ
“ไม่ต้องมาหัวเราะเยาะฉันอีกคนเลยนะฮารุจัง เหลือแต่เธอแล้วนะที่ยังไม่ได้เล่าเรื่องในวันนั้นให้พวกเราฟัง”
ฮารุเนะเริ่มทำท่าลำบากใจ “เรื่องของฉันมันก็ไม่ได้ต่างไปจากคนอื่นหรอกหน่า ฉันเองก็โดนปฏิเสธมาเหมือนกัน”
“นั้นแหละๆ มันจะไปเหมือนกันทุกรายละเอียดได้ยังไงกันเล่า เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยว่าเรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่” อายาเมะคาดคั้นต่อ
“ฉันรู้นะว่าเธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ให้ช็อคโกแลตกับชินอิจิคุงไป เกิดอะไรขึ้นทำไมเธอต้องปิดบังพวกเราด้วยล่ะ?” อาริทสุถามออกมาได้ถูกจุด
“เล่าให้พวกเราฟังหน่อยเถอะนะฮารุจัง” โทโมโกะร้องขอมาอีกคน
ฮารุเนะนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจยาว ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ก็เพราะเช่นนี้เองที่เธอไม่อยากจะเล่าให้ทุกคนฟังมากที่สุด
ระหว่างที่ฮารุเนะกำลังคิดหนักอาริทสุก็เอื้อมมาจับมือของหญิงสาวเอาไว้
“วันนั้นต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ เธอร้องไห้ซะขนาดนั้นไม่ว่าใครก็ดูออก พวกเราไม่เข้าใจจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่กล้าถามเพราะไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ พวกเราสงสัยกันมาตลอดจนถึงวันนี้ ถึงขนาดนี้แล้วเธอจะเล่าความจริงให้พวกเรารู้ไม่ได้เลยเหรอ พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่หน่า”
“ใช่แล้วล่ะ..ฉันทำช็อคโกแลตนั้นขึ้นมาก็เพื่อที่จะมอบให้กับชินอิจิ แต่ก็ไม่มีโอกาสมอบให้สักทั้งๆที่ได้นั่งข้างๆกันทั้งวันแท้ๆ เพราะทุกเวลาชินอิจิจะมีคนอยู่ด้วยตลอด ฉันเห็นนะ...ว่าในกระเป๋าของชินอิจิมีช็อคโกแลตของพวกเธอสามคนอยู่ ตอนนั้นฉันชอบชินอิจิมากจริงๆ ชอบมากกว่าที่พวกเธอไม่รู้เท่าไหร่ แต่คนที่ฉันชอบมากกว่านั้นก็คือพวกเธอทั้งสามคน” เสียงของฮารุเนะสะเทือนเข้าไปในใจของเพื่อนๆทุกคน ในที่สุดก็ถึงวันที่เธอจะเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังแล้วอย่างนั้นหรือเนี่ย
ฮารุเนะเหลือบมองนาฬิกาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้ชินอิจิกลับบ้านไปหรือยังนะ? เธอรู้ดีว่าวันนี้ชินอิจิ คงมีคนมาสารภาพรักมากมายเต็มไปหมดแต่เขากลับปฏิเสธไปเสียทุกคนเหมือนกัน แล้วคนอย่างเราจะมีโอกาสหรือ...เรายังจะกล้ามอบช็อคโกแลตชิ้นนี้ให้เขาอีกหรือเปล่า ถ้าชินอิจิยอมรับช็อคโกแลตของเธอพร้อมทั้งตอบรับความรู้สึกนี้ฮารุเนะคงจะมีความสุขมาก
แต่ว่า.... แต่ว่า....
เด็กสาวเหลือบไปมองบรรดาเพื่อนรักด้วยแววตาที่แสนอ่อนโยน เธอจะก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นไปได้อย่างไรกัน ถ้าเธอกับชินอิจิคบกันก็คงจะทำให้สามคนนี้ต้องเสียใจและเธอก็คงไม่สามารถให้อภัยตนเองได้เหมือนกัน เธอรักเพื่อนทั้งสามคนมากกว่าชินอิจิไม่รู้กี่เท่า
ในที่สุดฮารุเนะกับเพื่อนก็เสร็จสิ้นกิจกรรมของชมรมในที่สุด ทั้งสี่คนกำลังฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวร้องเพลงประสานเสียงในงานโรงเรียนที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้วจนนักเรียนคนอื่นๆแทบจะกลับบ้านกันไปหมด หลังจากซ้อมเสร็จทุกคนก็อยากจะกลับบ้านไปพักผ่อนกันในทันที ฮารุเนะเองก็เพลียมากเหมือนกัน เธอก็อยากจะรีบกลับ แต่ว่า....
“ตายละ...ฉันลืมกระเป๋าเอาไว้ที่ห้องเรียนคงต้องกลับขึ้นไปเอาก่อนล่ะ”
“ไปเอาสิ...เดี๋ยวพวกเราไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกทุกคนกลับไปก่อนเถอะ เย็นมากแล้วด้วย...ฉันขึ้นไปเอากระเป๋าแปบเดียวเอง” ฮารุเนะเอ่ยจบก็รีบวิ่งออกไปในทันที
“วันนี้ยัยฮารุท่าทางไม่มีสมาธิยังไงไม่รู้นะ” อายาเมะพลันเอ่ยลอยๆขึ้นมา
ฮารุเนะกระหืดกระหอบกลับไปที่ห้องเรียน เธอไม่น่าลืมกระเป๋าเอาไว้เลย ข้างในมีของสำคัญอยู่เสียด้วย ของสำคัญที่เธอตั้งใจจะนำมามอบให้กับใครคนหนึ่ง แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสเสียแล้ว เด็กสาวพุ่งเข้ามาในห้องเรียนพอเห็นกระเป๋าวางนิ่งอยู่บนโต๊ะก็รีบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งรอเธออยู่จนกระทั่งเธอเงยหน้าขึ้นมา
“....” ชินอิจิยืนอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก เขาจ้องฮารุเนะนิ่ง
ยามนั้นหัวใจของฮารุเนะเต้นแรงเสียจนปวดร้าวไปหมด เธอไม่สามารถก้าวขาออกไปได้แม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ เด็กสาวหลบสายตาไปทางอื่นขณะที่กลั้นใจเดินมายังกระเป๋า
“เวลาของวันนี้กำลังจะหมดลงแล้วนะ” จู่ๆชินอิจิก็พลันเอ่ยขึ้นมา
“อา...พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วล่ะ” ฮารุเนะเอ่ยขณะที่มองออกไปด้านนอกก่อนจะเบนสายตากลับมาที่ชินอิจิ
“เย็นขนาดนี้แล้วชินอิจิมานั่งทำอะไรที่นี่คนเดียวล่ะ?” ฮารุเนะกลั้นใจเอ่ยถามออกไป
“ฉันรอเธออยู่น่ะสิ”
“เอ๊ะ...” ฮารุเนะใจหายวูบ
“ฉันรู้ว่ายังไงเธอก็ต้องกลับมาเอากระเป๋าแน่ๆ ข้างในกระเป๋านั้นมีของสำคัญมากๆอยู่ด้วยนี่หน่า”
ฮารุเนะกอดกระเป๋าแน่นโดยไม่รู้ตัว เมื่อนั้นชินอิจิก็เคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กสาว เขาไม่เปิดโอกาสให้เด็กสาวหนีไปไหนอีกแล้ว
“ช็อคโกแลตที่ฉันอยากได้ที่สุดก็คือช็อคโกแลตของเธอนะ...ฮารุเนะ”
“ชินอิจิ!” หัวใจของเด็กสาวเต็มไปด้วยเจ็บปวด บัดนั้นแววตาของฮารุเนะก็พลันรื้นไปด้วยน้ำตา
“ฮารุเนะ...” เด็กหนุ่มมองเด็กสาวด้วยความตกใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาวาดภาพไว้เลยแม้แต่น้อย
“ขอโทษนะ...แต่ฉันคงไม่สามารถมอบช็อคโกแลตให้ชินอิจิได้แล้วล่ะ”
“เธอหมายความว่ายังไง?”
“ความรู้สึกที่ฉันมีต่อชินอิจิมันมากมายจริงๆ มากจนอธิบายไม่ได้...แต่ว่าฉันไม่สามารถบอกความรู้สึกนี้ออกไปได้”
ชินอิจิยังคงไม่เข้าใจ ทำไม...ทำไมฮารุเนะถึงพูดอะไรแบบนั้น
“เพราะทั้งอาริทจัง โทโมะจัง และอายะจังต่างก็มอบช็อคโกแลตให้ชินอิจิด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับฉัน แต่ชินอิจิตอบรับความรู้สึกของฉันแต่เพียงผู้เดียว ฉันทำไม่ได้หรอก...”
ชินอิจิพลันเบิกตากว้าง ตอนนี้เขาเข้าใจเหตุผลของฮารุเนะแล้ว
“แต่ว่ามันคงละเรื่องกันนะฮารุเนะ...เพราะตลอดเวลาคนที่ฉันชอบก็คือ...”
“พอเถอะ...ฉันทำใจไม่ได้จริงๆ”
“แต่...”
“ขอโทษนะ...” ฮารุเนะร้องไห้ออกมา “ขอโทษจริงๆนะ”
เมื่อนั้นชินอิจิก็ก้าวถอยหลัง เขาสูดลมหายใจลึกด้วยความรู้สึกปวดร้าวไปไม่น้อยกว่าอีกฝ่ายเลย เด็กหนุ่มอยากที่จะเข้าไปช่วยซับน้ำตาบนใบหน้านั้นเสียเหลือเกินแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ทำไมถึงจบลงแบบนี้.... ชินอิจิยืนนิ่งเป็นเพื่อนฮารุเนะอยู่ตรงนั้นขณะที่เด็กสาวยังไม่อาจหยุดเสียงสะอื้นเอาไว้ได้ แต่ในที่สุดชินอิจิก็ได้แต่ตัดใจแล้วคว้ากระเป๋าของตนเองพร้อมกับเดินจากไปอย่างเงียบงันในขณะที่ปล่อยให้ฮารุเนะยืนร้องไห้อยู่เพียงลำพัง
ตอนนั้นเขาหวังแต่เพียงว่าการจากไปของเขาจะทำให้เด็กสาวอันแสนงดงามผู้นี้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้งเพียงเท่านั้น
**********
ปล. เช่นเคยเน้อ พบกันใหม่ Week หน้าจ้า!!!!
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ