10 Years Later...

-

เขียนโดย The_Paper

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.40 น.

  4 chapter
  1 วิจารณ์
  7,646 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556 14.49 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2 เรื่องราวที่เกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งนาม “ชินอิจิ”

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2 เรื่องราวที่เกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งนาม “ชินอิจิ”

 

             อาริทสุในวัยสิบห้าปีกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการท่องจำตัวอักษรจากหนังสือเล่มหน้าปึกเสียจนลืมเลือนทุกสิ่งรอบตัวไปเสียหมด   ถึงวันนี้จะเป็นวันแรกที่เธอจะได้เริ่มต้นใช้ชีวิตสาวมัธยมปลายอย่างเต็มตัวก็ตามทีเถอะ   แต่เธอก็มุ่งหวังมานานแล้วว่าตนเองจะต้องสอบเข้าโรงเรียนแพทย์ให้ได้   การที่จะไปให้ถึงฝันเธอจะต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดตั้งแต่วันนี้   วันแรกเนี่ยล่ะ...อาริทสุสาบานกับตนเองว่าเอจะไม่ยอมไขว้เขวไปกับอะไรๆอย่างแน่นอน

 

            “ฟิ้ว!” จู่ๆลมแรงก็หวนพัดมาหาอาริทสุโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว   หน้าหนังสือพลันปลิววุ่นเสียจนยุ่งเหยิงไปหมด    เด็กสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจเธอรีบยึดหนังสือเอาไว้แน่น    แต่แล้วแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมของเธอก็กลับถูกลมพัดปลิวไปแทน

 

           “ไม่นะ!”  สำหรับอาริทสุแว่นคือสิ่งสำคัญที่ห่างไปจากตัวไม่ได้เลย    เด็กสาวพลันลุกขึ้นยืนพลางเอี้ยวตัวไปหมายจะคว้าแว่นของตนเองเอาไว้      แต่ด้วยความไม่ระวังตัวนี้เองอาริทสุก็เสียการทรงตัวไปก่อนที่จะทันรู้ตัวเสียอีก

 

           “ว้าย...”  เด้กสาวร้องเสียงดังลั่น

 

           “หมับ!” ทันใดนั้นเองก็มีมือคู่หนึ่งมารั้งข้อมือของอาริทสุเอาไว้ได้อย่างทันการณ์    อีกฝ่ายแข็งแรงเสียจนสามารถรั้งตัวของอาริทสุให้กลับมาทรงตัวได้อีกครั้งอย่างง่ายดาย    ระหว่างที่เธอยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นก็ก้มตัวลงไปหยิบแว่นที่ตกอยู่กับพื้นมาคืนให้เด็กสาวอย่างสุภาพ

 

           “เธอไม่เป็นอะไรนะ?”   เสียงของเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นดังขึ้น             ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแต่หน้าอาริทสุกลับแดงซ่านขณะที่สวมแว่นของตนเอง         ทันทีที่เธอเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน   เด็กสาวก็รับรู้ว่าหัวใจของตนเองเต้นแรงเสียจนจะทะลุอกออกมาอยู่แล้ว

 

            เด็กหนุ่มคนนั้นอยู่ในวัยเดียวกับเธอ  เขามาพร้อมกับจักรยานที่จอดอยู่ใกล้ๆกันนั้น    เด็กหนุ่มของเขาสูงโปร่งแต่แลดูแข็งแรงอย่างคนสุขภาพดี    ที่สำคัญหน้าตาของเด็กหนุ่มคนนั้นยังดีอย่างไม่น่าเชื่อ  อาริทสุลอบสังเกตว่าเขใส่ชุดนักเรียนมัธยมเดียวกับที่เธออยู่         เพราะเหตุผลอะไรกันแน่นะ...ทั้งๆที่เขาเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น   แต่กลับทำให้อาริทสุหวั่นไหวขนาดนี้ได้

 

            “คะ....ฉันไม่เป็นไร  ขอบคุณมาก”  ในไม่ช้าอาริทสุก็รวบรวมสติแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

 

             เด็กหนุ่มยิ้มออกมาเมื่อได้ยินดังนั้น   รอยยิ้มของเขาแทบจะทำเอาหัวใจของอาริทสุเต้นแรงเสียจนระเบิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

 

             “คราวหลังระวังหน่อยล่ะ...ฉันไปล่ะ”

 

              ยังไม่ทันที่อาริทสุจะเอ่ยตอบอะไรออกไปอีก   เด็กหนุ่มคนนั้นก็ควบจักรยานจากไปอย่างว่องไวราวกับสายลมเสียแล้ว     อาริทสุยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว...เธอยิ้มอยู่อย่างนั้นในขณะที่ยกมือขึ้นแตะแว่นพลางจ้องมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่กำลังเคลื่อนห่างจนลับจากสายตาไป

 

             “อ๊า....ช่างเป็นวันเปิดเทอมที่อากาศดีอะไรแบบนี้นะ”  อายาเมะเอ่ยออกมาด้วยท่าทีอารมณ์ดีสุดขีด     เธอรักที่จะปั่นจักรยานในวันที่อากาศกำลังเย็นสบายแบบนี้ที่สุดเลย

 

            “ยัยอาริทสุจะมาถึงหรือยังนะ  เฮอะ....คนอย่างยัยนั่นคงมาถึงนานแล้วล่ะมั้ง?”  อายาเมะบ่นพึมพำกับตนเอง    เด็กสาวกำลังจะมาถึงตัวอาคารเรียนในไม่ช้านี้อยู่แล้ว

 

             อายาเมะไม่รู้เลยจริงๆว่าในอนาคตตนเองอยากจะทำอะไรกันแน่   คนอย่างเธอ...นอกจากหัวไม่ดีแล้วยังไม่ชอบเรียนเป็นอย่างมากอีกด้วย      อายาเมะไม่ชอบที่จะมีชีวิตตามกรอบเอาซะเลย      การทำอะไรตามที่คนอื่นๆตั้งกฎเกณฑ์เอาไว้ชีวิตมันจะไปมีค่าอะไร            จบมัธยมปลายแล้วต้องเข้ามหาวิทยาลัยอย่างนั้นเหรอ?   สิ่งที่อายาเมะฝันก็คือการที่จะมีชีวิตเป็นของตนเอง    มีชีวิตตามแบบที่ตนเองต้องการ    และแน่นอนว่าต้องได้ทำในสิ่งที่เธอชอบด้วย

 

              สำหรับนาทีนี้อายาเมะยังมองไม่เห็นสิ่งอื่นใดที่เธอจะรักมากไปกว่าความเร็วเลย

 

             “ฟึบส์” แต่แล้วในวินาทีนั้นเองก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งขี่จักรยานแซงหน้าอายาเมะไปได้อย่างง่ายดาย   หญิงสาวหันขวับพลางจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาที่มุ่งมั่น       อายาเมะลงมือปั่นจักรยานตามไปติดๆอย่างไม่ลังเล

 

              “ฮึ่ยส์...เรื่องความเร็วฉันไม่ยอมแพ้ใครหรอกนะ   เจ้านั่นเป็นใครกันแน่?          บังอาจมาแซงฉันได้”   อายาเมะเอ่ยกับตนเอง   เธอปั่นจักรยานให้เคลื่อนไปเบื้องหน้าอย่างสุดกำลัง   อีกไม่นานเธอก็กำลังจะไล่เด็กหนุ่มปริศนาคนนั้นทันอยู่แล้ว

 

             ในที่สุดจักรยานของอายาเมะและเด็กหนุ่มคนนั้นก็วิ่งเคียงคู่กันไปจนได้      ทั้งสองเคลื่อนที่เร็วมากจนรอบตัวของทั้งสองลมพัดแรงเสียจนร่างกายเย็นเฉียบแต่อายาเมะยามนั้นไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย    เธอมุ่งมั่นแต่เพียงการเอาชนะเท่านั้น   อายาเมะกำลังจะหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเด็กหนุ่มคนนั้น   แต่แล้วอีกฝ่ายก็กลับพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

 

             “นี่เธอ....ปั่นเร็วขนาดนั้นไม่กลัวกระโปรงเปิดเลยหรือไง?”

 

             “อะไรนะ!”  อายาเมะไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต    เธอก้มลงมองกระโปรงตนเองขณะที่หยุดจักรยานแทบไม่ทัน      กระโปรงเธอคงกำลังเปิดอยู่จริง....เด็กสาวหยุดจักรยานจองตนเองแทบจะในทันทีใบหน้าของเธอแดงจ้าขณะที่รีบเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย   อายาเมะกำลังตั้งท่าจะตะโกนอะไรออกไปสักอย่างเพื่อกลบเกลื่อนความอายในครั้งนี้   แต่แล้วก็กลับถูกขัดขวางอีกครั้ง

 

               “ไว้ครั้งหน้าเธอใส่กางเกงแล้วเราค่อยมาแข่งปั่นจักรยานกันใหม่นะ   ฮ่าๆๆๆ”  เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานนั้นทำให้อายาเมะพลันรู้สึกแปลกๆ     พูดจบเด็กหนุ่มก็ปั่นจักรยานนำหน้าเด็กสาวไปไกลโขแล้ว   เขาทิ้งให้อายาเมะยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นแต่เพียงลำพัง....แต่การกระทำนั้นกลับทำให้เด็กสาวรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

  

 

**********

 

 

                กองเอกสารที่ซ้อนกันสูงชันเสียจนบังมิดศีรษะของโทโมโกะนั้นกำลังโงนเงนไปมาอย่างน่ากลัว    เด็กสาวพยายามทรงตัวให้ดีขณะที่ก้าวไปเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้า    เธอเริ่มรู้สึกคิดผิดที่รับอาสามาแบกเอกสารกองนี้เสียแล้ว    มาถึงวันแรกก็โดนอาจารย์ใช้งานซะแบบนี้    ซึ่งโดยนิสัยโทโมโกะก็ปฏิเสธอะไรใครไม่เป็นเสียด้วยสิ    เธอจะต้องแบกของไปแบบนี้จริงๆเหรอเนี่ย...ห้องเรียนก็อยู่อีกตั้งไกล

 

                 ทุกๆคนที่รู้จักโทโมโกะต่างก็รู้ดีว่าโทโมโกะเป็นเด็กสาวที่เรียบร้อย   และมีน้ำใจกับทุกคนอยู่เสมอ   แม้ตอนนี้โทโมะโกะอาจจะยังไม่แน่ใจว่าตนเองอยากเป็นอะไรกันแน่    แต่ทุกคนต่างบอกเธอเป็นเสียงเดียวว่าอาชีพนี้เหมาะกับเธอมากที่สุด     ไปๆมาๆยิ่งได้ฟังเสียงจากเพื่อนและอาจารย์ความชอบก็เอนเอียงไปทางนั้นโดยไม่รู้ตัว     ดังนั้นตอนนี้เธอจึงสามารถตั้งเป้าสำหรับอนาคตได้อย่างไม่ลังเล    เธอจะต้องเป็นพยาบาลที่ดีให้ได้

 

                ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่ในตอนนี้โทโมโกะแทบจะมองไม่เห็นทางเดินที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า     สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงเหลือบมองด้านล่างตามพื้นไปเรื่อยๆพลางภาวนาอย่าให้ใครโผล่พรวดพราดเข้ามา  หรือมีอะไรมาขวางเพื่อให้เธอสะดุดล้มอยู่เลย

 

                “เฮ้อ...ตะกี้เราน่าจะหาคนช่วยสักคนนะเนี่ย” โทโมโกะเริ่มยอมรับขึ้นมานิดๆว่างานนี้มันเกินกว่าที่เธอจะรับมือเพียงลำพัง

 

               “ยกไปห้องไหนล่ะ?” เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆโดยที่โทโมโกะไม่ทันตั้งตัว

 

               “ห้องหนึ่งเอจ๊ะ” โทโมโกะเอ่ยตอบไปแบบอัตโนมัติ    เธอมองไม่เห็นหน้าเจ้าของเสียงนั้นหรอก

 

               “งั้นเดี๋ยวฉันยกไปให้เองแล้วกัน”  สิ้นเสียงนั้นมือของโทโมโกะก็พลันสัมผัสกับมือของเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนั้น  แต่ก็เพียงแค่แว่บเดียวเท่านั้นเขาแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ  น้ำหนักพลันหายไปจากแขนทั้งสองข้างของเด็กสาว   โทโมโกะรู้สึกวูบในใจอย่างแปลกประหลาดมือของเด็กสาวเย็นวูบราวกับถูกไฟช็อต   เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

 

               “อ๊ะ!”  โทโมโกะได้สติในนาทีถัดมา            เธอรีบเงยหน้าขึ้นมาแต่ก็ได้เห็นใบหน้านั้นแค่เพียงแว่บเดียวเท่านั้น     แต่นั่นมันเกินพอแล้วสำหรับเธอ     เขาจากไปเร็วเกินกว่าที่เด็กสาวจะเอ่ยคำขอบคุณออกไปด้วยซ้ำ โทโมโกะไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังยิ้มออกมาอยู่   เธอกุมมือข้างที่ถูกสัมผัสอย่างแผ่วเบานั้นขึ้นมา   และแล้ววินาทีนั้นเธอก็รู้สึกมีความสุขมากเหลือเกิน    การได้เจอกับใครคนหนึ่งจะทำให้โลกสดใสได้ถึงขนาดนี้เลยนะเหรอ

 

               “ใครกันนะใจดีจัง   บ้าจริงๆที่เรามันแต่ยืนตะลึงจนไม่ทันขอบคุณเลย     เอาเถอะ....ถ้าได้เจอกันอีกค่อยขอบคุณตอนนั้นก็ได้ล่ะมั้ง” โทโมโกะกระซิบออกมาอย่างแผ่วเบา

 

               “โทโมะจัง!”   จู่ๆเสียงเรียกอันเต็มไปด้วยความคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากเบื้องหลัง   เมื่อเธอหันกลับไปก็เห็นอาริทสุกับอายาเมะเดินกอดคอกันมาอยู่    อันที่จริงต้องบอกว่าอยาเมะกอดคออาริทสุไว้โดยที่เจ้าตัวไม่สู้จะเต็มใจเสียมากกว่า

 

               “อายะจัง...อาริทจัง!”  โทโมโกะรีบลบภาพเด็กหนุ่มคนนั้นออกไปจากหัวในขณะที่ตะโกนตอบทั้งสองกลับไป

 

               เสียงเพลงกำลังดังก้องอยู่ในหัวของฮารุเนะซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับการเคลื่อนไหวของดินสอกดที่อยู่ในมือของเด็กสาว       เช้าเกินไปจนทั้งห้องเรียนไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเธอเพียงคนเดียว    ฮารุเนะแง้มหน้าต่างเอาไว้นิดหน่อยเพื่อให้ลมเย็นได้มีโอกาสพัดผ่านเข้ามา     เด็กสาวใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นนักเขียนมากที่สุด   แต่ท่าทางจะไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่    ผลงานเธอไม่ได้เป็นที่โดดเด่นแถมทางบ้านยังไม่สนับสนุนอีก    เธอเสียใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยังดีที่เธอยังสามารถนำการเขียนมาเป็นงานอดิเรกชิ้นโปรดได้       อย่างน้อยเธอก็ยังเขียนในสิ่งที่ต้องการได้

 

                พักๆฮารุเนะก็หันออกไปมองนอกหน้าต่างด้วยความสำราญใจ    โชคเป็นของเธอที่เธอได้ที่นั่งชิดหน้าต่างตามแบบที่ชอบพอดี    เป็นเพราะโชคในการจับฉลากและเลขที่ของเธอแท้ๆ   แต่ในไม่ช้าฮารุเนะก็เริ่มหวนคิดถึงเพื่อนสนิททั้งสามคนเสียแล้วสิ

 

                ป่านนี้ทั้งสามคนน่าจะมาถึงกันแล้วนี่หน่า....

 

                 ฮารุเนะก้มลงไปเขียนหนังสือก่อนจะติดอยู่ในโลกส่วนตัวเสียจนไม่ทันรู้สึกว่ามีเพื่อนร่วมห้องอีกคนเดินเข้ามาแล้ว     เด็กหนุ่มคนนั้นเองก็ไม่สังเกตเห็นฮารุเนะแต่แรกเหมือนกัน   เขามัวแต่จดจ่ออยู่กับการวางกองเอกสารอันหนักอึ้งมาวางที่หน้าชั้นเรียนมากกว่า    หลังจากนั้นเขาก็มองแผนผังที่นั่งบนกระดานก่อนจะสำรวจเลขที่ของตัวเอง   จนเขาหันกลับไปนี่เอง...นั่นแหละเขาถึงจะเพิ่งสังเกตเห็นฮารุเนะ

 

                 ท่าทางของฮารุเนะที่กำลังเพลิดเพลินกับการทำในสิ่งที่ตนเองรักเรียกร้องความสนใจจากเขาได้อย่างน่าประหลาด   เขายิ้มเมื่อเห็นเธอขยับไปตามเสียงเพลง    เพลงหูฟังที่เธอเสียบอยู่ทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงเขาที่ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้    น่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเด็กหนุ่มพบว่าที่นั่งของตนเองอยู่ข้างๆเธอคนนี้พอดี

 

                ฮารุเนะสะดุ้งเมื่อพบว่ามีคนมานั่งลงข้างๆ    เธอหันขวับพลางปิดเครื่องเล่นเพลงโดยเร็ว   เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังหันหน้ามามองเธอ   เมื่อนั้นโดยสัญชาตญาณฮารุเนะก็พลันปิดสมุดลงดังฉับ

 

               “ฉันมารบกวนเธอหรือเปล่าเนี่ย?” น้ำเสียงของเขาฟังดูรู้สึกผิดหวังจากได้เห็นปฏิกิริยาของฮารุเนะแบบนั้น

 

               ฮารุเนะพลันสั่นหน้า

 

              “ไม่หรอก...ฉันแค่ตกใจไปหน่อย ที่นั่งของเธออยู่ตรงนี้งั้นเหรอ?”

 

              “อืม  ถ้างั้นก็ยินดีที่รู้จักนะ  ฉันชื่อทัตสึยะ  ชินอิจิ”

 

               “ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน  ฉันโคสึกิ  ฮารุเนะจ๊ะ” ฮารุเนะเอ่ยตอบ   อาการตกใจเมื่อครู่คลายลงไปมากแล้ว   พอแนะนำตัวกันเสร็จระหว่างทั้งสองก็เงียบลงอีกครั้ง   ทั้งสองเอาแต่นั่งจ้องมองกันเพราะหาเรื่องที่จะคุยต่อไม่ได้

 

               “โครม!”  ตอนนั้นเองประตูห้องก็พลันเปิดออกอย่างรวดเร็ว           พร้อมๆกันนั่นเหล่าเพื่อนสนิทของฮารุเนะทั้งสามก็โผล่พรวดเข้ามา

  

 

**********

 

 

                “พอนึกย้อนไปแล้วอดขำไม่ได้จริงๆน่ะแหละ  สีหน้าของพวกเราแต่ละคนในตอนนั้นน่ะ” ฮารุเนะเอ่ยขณะที่กลั้นหัวเราะ

 

                “ใช่ๆ  อายะจังยกมือขึ้นชี้หน้าชินอิจิเฉยเลย   ส่วนอาริทจังก็หน้าแดงแป้ดอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย    เอ....ตอนนั้นเหมือนโทโมะจังก็จ้องชินอิจิคุงค้างไปเหมือนกันนะ   เหมือนกับช็อคหรืออะไรสักอย่าง  ตอนนั้นมีแต่ฉันเนี่ยล่ะที่ได้แต่นั่งงงอยู่คนเดียว”

 

                อาริทสุพลันกระแอมขึ้นมาเบาๆก่อนจะยกเครื่องดื่มขึ้นจิบอีกครั้ง

 

                “แหมๆเธอทำเป็นไม่รู้เรื่องแรงดึงดูดที่ชินอิจิมีต่อคนรอบข้างได้ยังไงกัน    ผู้ชายที่สามารถทำให้พวกเราใจเต้นได้เพียงแค่อยู่ใกล้เนี่ยนะ”

 

               “ใช่แล้ว  มีแต่ชินอิจิเนี่ยล่ะที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆได้” อายาเมะพูดสนับสนุน

 

               “บอกเหตุผลเป็นคำพูดไม่ถูกเลยจริงๆ    เพราะงั้นก็ไม่น่าแปลกใจหรอกเนอะที่หลังจากนั้นสาวๆรุ่นเดียวกับเราก็ชอบชินอิจิกันหมด   เขาดังมากเลยนะตอนนั้น”  โทโมโกะเอ่ยขึ้นมาขณะที่ทบทวนความทรงจำ

 

               “ผลการเรียนระดับปานกลางจนถึงดี   ฐานะทางบ้านก็ไม่เลว   ทักษะกีฬาโดดเด่นเกินใคร   ยิ่งหน้าตาก็ยิ่งกินขาด  แถมยังนิสัยดีชอบช่วยเหลือและเป็นมิตรอีก    จะเรียกเขาว่าเจ้าชายก็คงไม่แปลกหรอกหน่า”อาริทสุยังคงจำรายละเอียดได้มากถึงขนาดนี้

 

              “แต่สุดท้ายชินอิจิก็กลับไม่ยอมตกลงคบกับผู้หญิงคนไหนจนกระทั่งพวกเราเรียนจบเลยน่ะสิ  เท่าที่ฉันรู้อะนะ”

 

               “สิ่งที่ไม่อยากจะเชื่อที่สุดก็คือกลุ่มผู้หญิงที่สนิทกับชินอิจิมากที่สุดกลับเป็นพวกเราเหล่าชมรมประสานเสียงเนี่ยน่ะสิ”  ฮารุเนะเองก็จำช่วงเวลานี้ได้ไม่น้อยไปกว่าคนอื่น

 

               “ก็สิ่งที่ชินอิจิรักที่สุดก็คือดนตรีนี่หน่า” โทโมโกะเอ่ยตอบ

 

               “ใช่...ชินอิจิมักบอกว่าชอบเวลาที่พวกเราทั้งสี่คนร้องเพลงประสานเสียงกันมาก    พวกเธอรู้กันใช่ไหมว่าชินอิจิอยู่ชมรมเปียโนด้วยน่ะ” อาริทสุจำได้ทุกอย่าง   ทุกอย่างในความทรงจำอันแสนสุขเมื่อครั้งนั้น

 

                “ชินอิจิ...เป็นเด็กหนุ่มในฝัน   ฉันประทับใจที่เขาแข่งปั่นจักรยานชนะฉัน” อายาเมะเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางสีหน้าแปลกประหลาดของเพื่อนๆ

 

                “เธอเนี่ยนะ....” อาริทสุเอือมระอาเพื่อนคนนี้เสียจริงๆ

 

                “เอาหน่า....ฉันเองก็ประทับใจที่ชินอิจิมักจะมาช่วยฉันทำงานเอกสารอยู่เสมอเลย” โทโมโกะเสริมขึ้นมาอีกคน

 

               “ฉันมีโอกาสติวหนังสือให้ชินอิจิบ้างด้วยนะ” อาริทสุเอ่ยออกมาด้วยความภาคภูมิใจ

 

                ฮารุเนะกวาดตามองเพื่อนทุกคนก่อนเอ่ยออกมาเป็นคนสุดท้ายว่า  “สำหรับฉัน...ชินอิจิเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเขียนหนังสือได้หลายเล่มเชียวล่ะ    หลายต่อหลายครั้งเพราะเขาทำให้ฉันเขียนงานจนจบจนได้”

 

               “เฮ้อ...ตอนนั้นพวกเราทั้งสี่คนต่างคนก็ต่างชอบชินอิจิอยู่ล่ะสินะ”  อายาเมะเอ่ยออกมาอย่างเปิดใจซึ่งไม่มีใครปฏิเสธ

 

               “อยากย้อนเวลากลับไปจัง    ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่พวกเรามีแต่ความสนุกสนานเท่านั้น”

 

               “นี่...ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะถามพวกเธอทุกคนมานานแล้วล่ะ” จู่ๆอาริทสุก็เอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยท่าทางที่จริงจัง

 

               “อะไรเหรอ?”

 

               “จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็หลายปีมากแล้ว         แต่ฉันรู้ว่าทุกคนไม่มีใครลืมแน่....ฉันอยากถามเรื่องวันวาเลนไทน์ครั้งนั้น   วันวาเลนไทน์ตอนที่พวกเราอยู่มัธยมปลายปีสุดท้ายมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่     ทุกคนคงตั้งใจทำช็อคโกแลตเพื่อที่จะมอบให้ชินอิจิพร้อมกับสารภาพรักสินะ      แต่ทำไมสุดท้ายชินอิจิถึงมีท่าทางแบบนั้นไปได้ล่ะ     ฉันอยากจะขอให้ทุกคนพูดออกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่      เพราะหลังจากนั้นชินอิจิกับพวกเราก็แทบไม่สนิทกันเหมือนแต่ก่อนอีกเลยราวกับเขาโกรธอะไรสักอย่าง   พวกเธอรู้ไหมว่าเรื่องราววันนั้นมันยังคาใจฉันมาจนถึงวันนี้”

 

               ทุกคนในวงสนทนาพากันเงียบกริบ    พออาริทสุเอ่ยขึ้นมาทุกคนก็หวนคิดไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้นกันอย่างพร้อมเพรียง  มันคือเหตุการณ์ที่ไม่ว่าใครก็คงลืมไม่ลง

 

                “ฉันจะเล่าให้ทุกคนฟังจ๊ะ”  ในที่สุดใครคนหนึ่งก็อาสาเป็นคนแรก   คนๆนั้นก็คือ โทโมโกะ

 

**********

 

มาลงต่อแล้วจ้า  แหะๆ....ตอนต่อไปก็อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์เช่นเคยเนอะ   มีอะไรแนะนำหรือวิจารณ์ก็ตามสบายนะ  น้อมรับทุกคำติชมจ้า 

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา