คืนหนาว ดาวหม่น คนเหงา
7.5
เขียนโดย candle
วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.31 น.
3 ตอน
8 วิจารณ์
8,285 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 20.47 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) "คนเหงาใจ"
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ในที่สุดก็มาต่อเรื่องได้ซะที หลังจากชาติหนึ่งผ่านไป"
เธอมาทำอะไรที่นี่กันหนอ...เสียงในมโนสำนึกเฝ้าถามไถ่ จนเจ้าตัวชักเริ่มหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มันก็จริงอยู่หรอกนะเธอมาที่นี่ทำไม ให้มันได้อะไรขึ้นมา เธอมาตามหาอะไร...?
ความรักจากผู้ชายคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ
บางคราวโปร่งฟ้าก็รู้สึกสับสนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน กับการตัดสินใจการกระทำ ทั้ง ๆ ที่เวลานี้เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อีกแล้ว มันต่างออกไปจากเดิม
“เบื่อเหรอ” เสียงจากคนใกล้ตัวถามขึ้นเมื่อเห็นอาการของเธอ
เธอส่ายหน้า หันมามองเขาซึ่งนั่งอยู่เคียงข้าง บนสะพานไม้ที่ยื่นออกไปในทะเลฝั่งตะวันตก แสงสีส้มระบายริมขอบฟ้ายามเย็นเจือสีม่วงครามให้ความรู้สึกสงบงันอย่างประหลาด โปร่งฟ้าสูดกลิ่นอายทะเลเข้าปอดก่อนระบายออกเชื่องช้า ซึมซับรสชาดละอองไอเค็มชื้นเย็นในลมหายใจ
“โปร่งฟ้า” คราวแรกที่ได้ยิน เขาก็ประทับใจกับชื่อเธอเสียแล้ว ทิวามักประทับใจกับชื่อสวย ๆ ของสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชื่อของคน
แต่ในคราวนี้เขาไม่ได้ประทับใจเฉพาะชื่อแต่เพียงอย่างเดียว มันรวมถึงตัวเธอนั้นด้วย ออกจะฟังพิกลอยู่ ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของลูกสาว เป็นแฟนหนังสือของเขา และท้ายที่สุดในตอนนี้เธอเป็นหญิงสาวที่มีเจ้าของแล้ว
‘ทำไมพ่อไม่รั้งเธอไว้’
ม่านเคยถามเขาอย่างนั้น ซึ่งมันก็จริง ทำไมเขาไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงให้รู้ว่าเขารักเธอ ในเมื่อเขารู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักเธอแล้ว แต่เพราะอะไรกัน...?
“คุณเคยรักโปร่งบ้างไหม” คำถามของเธอแผ่วเศร้าเรียกเขากลับคืน
“...............”
“ขอโทษค่ะ” เธอหมุนแหวนตรงนิ้วนางข้างซ้ายไปมา ท่าทางเป็นกังวล ความรู้สึกผิดเกาะกินใจ
ตะวันจะเป็นอย่างไรบ้างยามเธอไม่อยู่ น่าแปลกนับแต่วันที่เธอจากมาเขาไม่เคยแม้สักครั้งจะโทรหา เธอไม่ได้ยินเสียงเขามานานนับเดือน เธอคิดถึงตะวันไหมคิดถึงรึเปล่าหรือทั้งหมดนั่นเป็นเพราะความรู้สึกผิดเท่านั้นเอง
ทิวาปรารถนาจะโอบกอดร่างนั้นไว้ แต่เขารู้มันไม่สมควรเธอเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเขา ไม่อาจครอบครองได้อีกแล้วนับแต่วันที่เธอแต่งงาน
“ผมขอโทษ” เขากล่าวประโยคเดียวกับเธอ
โปร่งฟ้ามองเขาเศร้าสร้อย ทิวาสะท้อนใจ
เรื่องราวในอดีตทำให้ทิวาไม่พร้อมที่จะนำใครเข้ามาในชีวิต เขาพยามถอยห่างออกมาทุกครั้งที่รับรู้ได้ว่าความรู้สึกของเขาเลยเถิดไปไกล ทิวาหวาดกลัวความรัก
ชีวิตวัยรุ่นในโรงเรียนมัธยมปลาย ชีวิตที่ผิดพลาดพลั้งเผลอด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หรือเพราะความเยาว์วัย ความรักความหลงใหลชักนำให้หนุ่มสาวคู่หนึ่งประพฤติในสิ่งที่ไม่สมควร และผลของมันก็ยากจะแก้ไข
ครั้งนั้นมันใช่ความรักหรือเปล่าเขาเองยังไม่แน่ใจมาจนทุกวันนี้ หากเขายังระลึกถึงอยู่เสมอในโมงยามอันเปล่าร้างความผิดพลาดของอดีต
แต่อย่างไรเสียเขาก็นับถือในความใจเด็ดของ “มนทิรา” เธอไม่ยอมเอาเด็กออก ยืนยันกับครอบครัวว่าจะเก็บเด็กไว้ ทั้งที่ครอบครัวของเธอเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง
นั่นกลับทำให้เขายิ่งเขารู้สึกผิดต่อเธอ ต่อคนในครอบครัวของเธอ ต่อลูกที่เกิดมา ซึ่งเขาไม่สามารถดูแลได้เพราะเขาไม่พร้อมอะไรสักอย่าง ด้วยวัย ด้วยฐานะทางครอบครัวเขายังไม่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตใครแม้แต่ชีวิตเขาเองก็ตามที
หลังจากคลอดลูกเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ
“ทิวา ถ้าเลือกได้ ระหว่างฝั่งที่มองเห็นพระอาทิตย์โผล่มาจากน้ำ กับฝั่งที่พระอาทิตย์จมหายลงไป คุณจะเลือกฝั่งไหน”
โปร่งฟ้าถามขึ้น หลังจากนิ่งเงียบอยู่นานเนิ่น
“ผมเลือกฝั่งที่พระอาทิตย์จมหายไปในน้ำนะ เพราะผมรู้ว่าพรุ่งนี้มันจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง มันให้ความรู้สึกอ้อยอิ่ง เศร้าโศกไปพร้อมกัน ผมชอบมากกว่าอีกฝั่ง”
เขาทอดสายตาไปไกลเท้าแขนไปด้านหลัง ลมทะเลพัดผมล้อลม ใบหน้าอ่อนโยนดวงตาแฝงความเศร้าอยู่เป็นนิตย์คร่ำครวญถึงสิ่งใด ความผิดพลาดในอดีต หรือความรักซึ่งไม่อาจเหนี่ยวรั้งไว้เป็นเจ้าของในปัจจุบัน ความเจ็บปวดทบทวีขึ้นเรื่อยมาไม่อาจปล่อยวางลงได้แม้เพียงเสี้ยวหนึ่ง
“ใช่สิ นั่นเพราะคุณหลงใหลความเศร้าโศก แต่ฉันชอบอีกฝั่งหนึ่งมากกว่า ความหวัง การเริ่มต้นใหม่”
“ซึ่งมันก็จริง ความหวังทำให้คนเราก้าวเดินไปข้างหน้า”
“แต่ทำไมคุณไม่ยอมเดินไปข้างหน้าเสียที” เธอย้อนถามน้ำเสียงตัดพ้อ
“...............”
“คุณกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่” โปร่งฟ้าบอกกับเขา
“หากหมายถึงความรักล่ะก็ใช่ ผมไม่กล้านำใครเข้ามาในชีวิต ชีวิตผมไม่พร้อม และตัวผมเองก็ไม่เหมาะกับชีวิตคู่ไม่อาจถนอมความรักให้ยั่งยืนได้ คุณคงได้ยินเรื่องของผมจากม่านมาบ้าง”
“ค่ะ”
“ชีวิตจริงมันไม่สวยงามเหมือนในนิยายรักหรอกนะ” เขาย้ำกับเธอ
“มันไม่ชวนฝัน และความเจ็บปวดในชีวิตจริงหาได้สร้างความประทับใจไม่ นอกจากจะทิ้งบาดแผลยากสมานไว้เท่านั้นเอง”
“แต่คุณกลับหลงรักความเศร้า” เธอค้านคำของเขา
“...............”
“ความเศร้าโศกเป็นแรงบันดาลใจในงานเขียนของคุณ และโปร่งก็คงเป็นเพียงแค่หญิงสาวของความรักในเรื่องราวของคุณเท่านั้นเอง เรื่องราวเรื่องหนึ่งในจำนวนเรื่องเศร้ามากมายของคุณ”
“ผมรักคุณนะ” เขาพูดออกมาหลังครุ่นคำนึงยาวนาน
โปร่งฟ้าหัวเราะน้อยๆ
“เพราะตอนนี้โปร่งไม่สามารถผูกพันกับคุณได้อีก ถึงยอมพูดออกมาสินะ” เธอเหลือบมองเสี้ยวหน้าของเขาก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นซ่อนเร้นน้ำตา
“อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้” เขายอมรับ
“แต่ก็ดีใจที่ได้ยิน อย่างน้อยๆ คุณรักโปร่งก็เป็นเรื่องจริงโปร่งไม่ได้แค่คิดไปเองฝ่ายเดียว” เธอระบายยิ้ม
ทำไมเขาจะไม่รู้สึกถึงความรักของเธอเล่า แต่ความถูกผิดมันค้ำคออยู่ ทิวาเป็นครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนมัธยมเล็กๆ บนเกาะ เป็นนักเขียนที่คนค่อนประเทศรู้จักอาจไม่ถึงกับโด่งดัง หากเขาก็มีนักอ่านจำนวนหนึ่งคอยติดตามผลงานอยู่ไม่น้อย
อีกสถานะหนึ่งกลับเป็นครูในชุมชนเล็กๆ ครูทิวาที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ หากเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นเขาจะสอนลูกศิษย์ได้ยังไง แต่นั่นยังไม่เท่ากับสิ่งที่เขาต้องอธิบายกับลูกสาว ม่านยังคงนับถือเขาเป็นพ่อแม้ทิวาจะไม่ได้เลี้ยงดูเธอมาเมื่อตอนเป็นเด็กก็ตาม ทั้งคนเป็นแม่และยายไม่ได้กีดกันเขากับลูกสาว เธอยังคงไปมาหาสู่เขาอยู่เสมอไม่รังเกียจพ่อผู้ไม่เอาไหนเช่นเขา
กี่วันกี่คืนแล้วที่โปร่งฟ้ามาอยู่กับเขา รู้ทั้งรู้เป็นเรื่องไม่สมควรแม้ระหว่างเขากับเธอหามีความสัมพันลึกซึ้งทางกายไม่ แต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องถูกต้องอยู่นั่นเอง
“คุณเคยเสียใจไหม”
“...............”
เธอหันหน้ามองเขา ทิวาคล้ายไม่ถ่องแท้ในคำถาม
“กับอดีต กับเรื่องราวที่ผ่านมา” เธอแกว่งเท้าสลับไปมา เพ่งมองลงไปในท้องทะเลเบื้องล่าง
“เสียใจรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจหรอก มันเป็นช่วงวัยเหตุการณ์สิ่งแวดล้อมในตอนนั้น บางคราคนเราก็ไม่สามารถเลือกในสิ่งที่ต้องการได้จริงๆ”
“นั่นสิ ไม่สามารถเลือกในสิ่งที่ต้องการจริงๆ ได้” เธอยิ้ม ผุดลุกขึ้นปัดกระโปรงยาวกรอมเท้ายับย่นให้เข้ารูป ก่อนจะส่งมือให้เขา
ทิวาลังเลปฏิเสธเยื่อใยที่ยื่นมา ลุกขึ้นเดินนำหน้าเธอ เขาได้ยินเสียงหัวเราะลอยมาก่อนเธอจะเร่งฝีเท้าเดินมาเคียงคู่
“พรุ่งนี้โปร่งก็จะกลับแล้วล่ะ” เธอเอ่ยหลังตัดสินใจได้
ทิวาเงียบงัน เขาโหยไห้อย่างประหลาด
“เราคงไม่อาจเจอกันอีก” โปร่งฟ้าถอนใจหลังจบประโยค สายลมบางเบาแผ่วผ่านคลอเคลียใบหน้า ปัดสยายผมยาวหยอกล้อจนเจ้าตัวต้องเอามือรวบไว้หลวมๆ
“ทำไม” ทิวาท้วงถาม
“โปร่งสังหรณ์ใจ มันบอกไม่ถูก”
“...............”
‘โปร่งฟ้า’ สายลมดั่งกระซิบเรียกชื่อเธอแผ่วเบา ร่ำร้องชักชวนให้หวนกลับ
“ตะวัน” โปร่งฟ้ารำพึงในใจ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอตะวันเรียกเธออยู่แน่ๆ
ร้านอาหารขนาดย่อมริมหาดผู้คนหลากหลาย กลับเป็นชาวต่างเสียมากกว่าคนในพื้นถิ่นคล้ายคล้ายไปอยู่ต่างแดน มีเพียงชาวพื้นถิ่นจำนวนไม่กี่คนห้อมล้อมอยู่หน้าทีวีเครื่องเล็ก เรียกความสนใจให้โปร่งฟ้าสืบเท้าเข้าไปคล้ายมีแรงดึงดูด
“นักร้องหนุ่มฆ่าตัวตายปริศนา...?”
แค่นั่นเองที่โปร่งฟ้าได้ยินและมองเห็นภาพในจอทีวี ทุกอย่างพร่าเลือนดับวูบ
เพราะหลงใหลในความรัก เพราะไม่ซื่อสัตย์ในความรัก ยินยอมให้ความลุ่มหลงมีอำนาจเหนือความถูกผิด เรื่องความเจ็บร้าวจึงไม่รู้จบ.
เธอมาทำอะไรที่นี่กันหนอ...เสียงในมโนสำนึกเฝ้าถามไถ่ จนเจ้าตัวชักเริ่มหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมาบ้างแล้ว แต่มันก็จริงอยู่หรอกนะเธอมาที่นี่ทำไม ให้มันได้อะไรขึ้นมา เธอมาตามหาอะไร...?
ความรักจากผู้ชายคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ
บางคราวโปร่งฟ้าก็รู้สึกสับสนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน กับการตัดสินใจการกระทำ ทั้ง ๆ ที่เวลานี้เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรตามอำเภอใจได้อีกแล้ว มันต่างออกไปจากเดิม
“เบื่อเหรอ” เสียงจากคนใกล้ตัวถามขึ้นเมื่อเห็นอาการของเธอ
เธอส่ายหน้า หันมามองเขาซึ่งนั่งอยู่เคียงข้าง บนสะพานไม้ที่ยื่นออกไปในทะเลฝั่งตะวันตก แสงสีส้มระบายริมขอบฟ้ายามเย็นเจือสีม่วงครามให้ความรู้สึกสงบงันอย่างประหลาด โปร่งฟ้าสูดกลิ่นอายทะเลเข้าปอดก่อนระบายออกเชื่องช้า ซึมซับรสชาดละอองไอเค็มชื้นเย็นในลมหายใจ
“โปร่งฟ้า” คราวแรกที่ได้ยิน เขาก็ประทับใจกับชื่อเธอเสียแล้ว ทิวามักประทับใจกับชื่อสวย ๆ ของสิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชื่อของคน
แต่ในคราวนี้เขาไม่ได้ประทับใจเฉพาะชื่อแต่เพียงอย่างเดียว มันรวมถึงตัวเธอนั้นด้วย ออกจะฟังพิกลอยู่ ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของลูกสาว เป็นแฟนหนังสือของเขา และท้ายที่สุดในตอนนี้เธอเป็นหญิงสาวที่มีเจ้าของแล้ว
‘ทำไมพ่อไม่รั้งเธอไว้’
ม่านเคยถามเขาอย่างนั้น ซึ่งมันก็จริง ทำไมเขาไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงให้รู้ว่าเขารักเธอ ในเมื่อเขารู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักเธอแล้ว แต่เพราะอะไรกัน...?
“คุณเคยรักโปร่งบ้างไหม” คำถามของเธอแผ่วเศร้าเรียกเขากลับคืน
“...............”
“ขอโทษค่ะ” เธอหมุนแหวนตรงนิ้วนางข้างซ้ายไปมา ท่าทางเป็นกังวล ความรู้สึกผิดเกาะกินใจ
ตะวันจะเป็นอย่างไรบ้างยามเธอไม่อยู่ น่าแปลกนับแต่วันที่เธอจากมาเขาไม่เคยแม้สักครั้งจะโทรหา เธอไม่ได้ยินเสียงเขามานานนับเดือน เธอคิดถึงตะวันไหมคิดถึงรึเปล่าหรือทั้งหมดนั่นเป็นเพราะความรู้สึกผิดเท่านั้นเอง
ทิวาปรารถนาจะโอบกอดร่างนั้นไว้ แต่เขารู้มันไม่สมควรเธอเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเขา ไม่อาจครอบครองได้อีกแล้วนับแต่วันที่เธอแต่งงาน
“ผมขอโทษ” เขากล่าวประโยคเดียวกับเธอ
โปร่งฟ้ามองเขาเศร้าสร้อย ทิวาสะท้อนใจ
เรื่องราวในอดีตทำให้ทิวาไม่พร้อมที่จะนำใครเข้ามาในชีวิต เขาพยามถอยห่างออกมาทุกครั้งที่รับรู้ได้ว่าความรู้สึกของเขาเลยเถิดไปไกล ทิวาหวาดกลัวความรัก
ชีวิตวัยรุ่นในโรงเรียนมัธยมปลาย ชีวิตที่ผิดพลาดพลั้งเผลอด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หรือเพราะความเยาว์วัย ความรักความหลงใหลชักนำให้หนุ่มสาวคู่หนึ่งประพฤติในสิ่งที่ไม่สมควร และผลของมันก็ยากจะแก้ไข
ครั้งนั้นมันใช่ความรักหรือเปล่าเขาเองยังไม่แน่ใจมาจนทุกวันนี้ หากเขายังระลึกถึงอยู่เสมอในโมงยามอันเปล่าร้างความผิดพลาดของอดีต
แต่อย่างไรเสียเขาก็นับถือในความใจเด็ดของ “มนทิรา” เธอไม่ยอมเอาเด็กออก ยืนยันกับครอบครัวว่าจะเก็บเด็กไว้ ทั้งที่ครอบครัวของเธอเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง
นั่นกลับทำให้เขายิ่งเขารู้สึกผิดต่อเธอ ต่อคนในครอบครัวของเธอ ต่อลูกที่เกิดมา ซึ่งเขาไม่สามารถดูแลได้เพราะเขาไม่พร้อมอะไรสักอย่าง ด้วยวัย ด้วยฐานะทางครอบครัวเขายังไม่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตใครแม้แต่ชีวิตเขาเองก็ตามที
หลังจากคลอดลูกเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ
“ทิวา ถ้าเลือกได้ ระหว่างฝั่งที่มองเห็นพระอาทิตย์โผล่มาจากน้ำ กับฝั่งที่พระอาทิตย์จมหายลงไป คุณจะเลือกฝั่งไหน”
โปร่งฟ้าถามขึ้น หลังจากนิ่งเงียบอยู่นานเนิ่น
“ผมเลือกฝั่งที่พระอาทิตย์จมหายไปในน้ำนะ เพราะผมรู้ว่าพรุ่งนี้มันจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง มันให้ความรู้สึกอ้อยอิ่ง เศร้าโศกไปพร้อมกัน ผมชอบมากกว่าอีกฝั่ง”
เขาทอดสายตาไปไกลเท้าแขนไปด้านหลัง ลมทะเลพัดผมล้อลม ใบหน้าอ่อนโยนดวงตาแฝงความเศร้าอยู่เป็นนิตย์คร่ำครวญถึงสิ่งใด ความผิดพลาดในอดีต หรือความรักซึ่งไม่อาจเหนี่ยวรั้งไว้เป็นเจ้าของในปัจจุบัน ความเจ็บปวดทบทวีขึ้นเรื่อยมาไม่อาจปล่อยวางลงได้แม้เพียงเสี้ยวหนึ่ง
“ใช่สิ นั่นเพราะคุณหลงใหลความเศร้าโศก แต่ฉันชอบอีกฝั่งหนึ่งมากกว่า ความหวัง การเริ่มต้นใหม่”
“ซึ่งมันก็จริง ความหวังทำให้คนเราก้าวเดินไปข้างหน้า”
“แต่ทำไมคุณไม่ยอมเดินไปข้างหน้าเสียที” เธอย้อนถามน้ำเสียงตัดพ้อ
“...............”
“คุณกลัวที่จะเริ่มต้นใหม่” โปร่งฟ้าบอกกับเขา
“หากหมายถึงความรักล่ะก็ใช่ ผมไม่กล้านำใครเข้ามาในชีวิต ชีวิตผมไม่พร้อม และตัวผมเองก็ไม่เหมาะกับชีวิตคู่ไม่อาจถนอมความรักให้ยั่งยืนได้ คุณคงได้ยินเรื่องของผมจากม่านมาบ้าง”
“ค่ะ”
“ชีวิตจริงมันไม่สวยงามเหมือนในนิยายรักหรอกนะ” เขาย้ำกับเธอ
“มันไม่ชวนฝัน และความเจ็บปวดในชีวิตจริงหาได้สร้างความประทับใจไม่ นอกจากจะทิ้งบาดแผลยากสมานไว้เท่านั้นเอง”
“แต่คุณกลับหลงรักความเศร้า” เธอค้านคำของเขา
“...............”
“ความเศร้าโศกเป็นแรงบันดาลใจในงานเขียนของคุณ และโปร่งก็คงเป็นเพียงแค่หญิงสาวของความรักในเรื่องราวของคุณเท่านั้นเอง เรื่องราวเรื่องหนึ่งในจำนวนเรื่องเศร้ามากมายของคุณ”
“ผมรักคุณนะ” เขาพูดออกมาหลังครุ่นคำนึงยาวนาน
โปร่งฟ้าหัวเราะน้อยๆ
“เพราะตอนนี้โปร่งไม่สามารถผูกพันกับคุณได้อีก ถึงยอมพูดออกมาสินะ” เธอเหลือบมองเสี้ยวหน้าของเขาก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นซ่อนเร้นน้ำตา
“อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้” เขายอมรับ
“แต่ก็ดีใจที่ได้ยิน อย่างน้อยๆ คุณรักโปร่งก็เป็นเรื่องจริงโปร่งไม่ได้แค่คิดไปเองฝ่ายเดียว” เธอระบายยิ้ม
ทำไมเขาจะไม่รู้สึกถึงความรักของเธอเล่า แต่ความถูกผิดมันค้ำคออยู่ ทิวาเป็นครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนมัธยมเล็กๆ บนเกาะ เป็นนักเขียนที่คนค่อนประเทศรู้จักอาจไม่ถึงกับโด่งดัง หากเขาก็มีนักอ่านจำนวนหนึ่งคอยติดตามผลงานอยู่ไม่น้อย
อีกสถานะหนึ่งกลับเป็นครูในชุมชนเล็กๆ ครูทิวาที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ หากเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นเขาจะสอนลูกศิษย์ได้ยังไง แต่นั่นยังไม่เท่ากับสิ่งที่เขาต้องอธิบายกับลูกสาว ม่านยังคงนับถือเขาเป็นพ่อแม้ทิวาจะไม่ได้เลี้ยงดูเธอมาเมื่อตอนเป็นเด็กก็ตาม ทั้งคนเป็นแม่และยายไม่ได้กีดกันเขากับลูกสาว เธอยังคงไปมาหาสู่เขาอยู่เสมอไม่รังเกียจพ่อผู้ไม่เอาไหนเช่นเขา
กี่วันกี่คืนแล้วที่โปร่งฟ้ามาอยู่กับเขา รู้ทั้งรู้เป็นเรื่องไม่สมควรแม้ระหว่างเขากับเธอหามีความสัมพันลึกซึ้งทางกายไม่ แต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องถูกต้องอยู่นั่นเอง
“คุณเคยเสียใจไหม”
“...............”
เธอหันหน้ามองเขา ทิวาคล้ายไม่ถ่องแท้ในคำถาม
“กับอดีต กับเรื่องราวที่ผ่านมา” เธอแกว่งเท้าสลับไปมา เพ่งมองลงไปในท้องทะเลเบื้องล่าง
“เสียใจรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจหรอก มันเป็นช่วงวัยเหตุการณ์สิ่งแวดล้อมในตอนนั้น บางคราคนเราก็ไม่สามารถเลือกในสิ่งที่ต้องการได้จริงๆ”
“นั่นสิ ไม่สามารถเลือกในสิ่งที่ต้องการจริงๆ ได้” เธอยิ้ม ผุดลุกขึ้นปัดกระโปรงยาวกรอมเท้ายับย่นให้เข้ารูป ก่อนจะส่งมือให้เขา
ทิวาลังเลปฏิเสธเยื่อใยที่ยื่นมา ลุกขึ้นเดินนำหน้าเธอ เขาได้ยินเสียงหัวเราะลอยมาก่อนเธอจะเร่งฝีเท้าเดินมาเคียงคู่
“พรุ่งนี้โปร่งก็จะกลับแล้วล่ะ” เธอเอ่ยหลังตัดสินใจได้
ทิวาเงียบงัน เขาโหยไห้อย่างประหลาด
“เราคงไม่อาจเจอกันอีก” โปร่งฟ้าถอนใจหลังจบประโยค สายลมบางเบาแผ่วผ่านคลอเคลียใบหน้า ปัดสยายผมยาวหยอกล้อจนเจ้าตัวต้องเอามือรวบไว้หลวมๆ
“ทำไม” ทิวาท้วงถาม
“โปร่งสังหรณ์ใจ มันบอกไม่ถูก”
“...............”
‘โปร่งฟ้า’ สายลมดั่งกระซิบเรียกชื่อเธอแผ่วเบา ร่ำร้องชักชวนให้หวนกลับ
“ตะวัน” โปร่งฟ้ารำพึงในใจ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอตะวันเรียกเธออยู่แน่ๆ
ร้านอาหารขนาดย่อมริมหาดผู้คนหลากหลาย กลับเป็นชาวต่างเสียมากกว่าคนในพื้นถิ่นคล้ายคล้ายไปอยู่ต่างแดน มีเพียงชาวพื้นถิ่นจำนวนไม่กี่คนห้อมล้อมอยู่หน้าทีวีเครื่องเล็ก เรียกความสนใจให้โปร่งฟ้าสืบเท้าเข้าไปคล้ายมีแรงดึงดูด
“นักร้องหนุ่มฆ่าตัวตายปริศนา...?”
แค่นั่นเองที่โปร่งฟ้าได้ยินและมองเห็นภาพในจอทีวี ทุกอย่างพร่าเลือนดับวูบ
เพราะหลงใหลในความรัก เพราะไม่ซื่อสัตย์ในความรัก ยินยอมให้ความลุ่มหลงมีอำนาจเหนือความถูกผิด เรื่องความเจ็บร้าวจึงไม่รู้จบ.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ