แท็กซี่ผี
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความราวครึ่งชั่วโมงแท็กซี่ก็ไปถึงลาดพร้าวและส่งอุ้มลงที่บ้าน ต๋องเห็นอุ้มลงจากรถไปโดยไม่หันกลับมามองที่เขาอีกเลย และเขาก็ไม่รู้สึกโกรธ เพราะอยากให้อุ้ม เข้าบ้านไปเร็วๆ มากกว่า บางทีถ้าเธอคิดมากหรือหวาดกลัวอะไรไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรศัพท์คุยกันก็ได้
เมื่อไม่มีอุ้มในรถแล้ว...ต๋องเริ่มหันไปคุยกับโชเฟอร์รถแท็กซี่เพื่อทำลายความเงียบ และบางทีเขาอาจจะถามเรื่องบางอย่างที่ยังคงคาใจอยู่
"พี่ๆ ไม่รู้เป็นอะไร ทำไมแฟนผลนั่งแท็กซี่คันนี้ แล้วหวาดๆ กลัวๆ พิลึก" ต๋ิองเปิดฉาก
คนขับบอกว่า เขาเริ่มเห็นเป็นหนุ่มสาวหน้าตาเศร้าๆ นั่งคนละด้านของรถ โดยมีต๋องกับแฟน (ซึ่งก็คืออุ้ม) นั่งอยู่ตรงกลางเบียดกันแน่น ขณะที่หนุ่มหน้าเศร้านั้นนั่งอยู่ริมด้านที่ต๋องนั่งอยู่ และสาวหน้าอมทุกข์อีกคนนั่งอยู่ทางด้านที่อุ้มแฟนสาวของต๋อง
แค่นี้ก็ทำให้ต๋องหันซ้ายหันขวา แล้วบอกคนขับแท็กซี่ว่า "พี่ๆ ผมก็กลัวเหมือนกัน พี่พูดอะไรน่ะ"
โชเฟอร์ยืนยันว่าเขาเห็นอย่างที่เขาพุดจริงๆ พร้อมกับห่อไหล่สะบัดหน้าด้วยความกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"คุณครับ ผมไม่ไหวแล้ว กลัวเหลือเกิน เดี๋ยวขอแวะปั๊มน้ำมันข้างทางนี่ก่อน ขอหยุดทำใจแป๊ปหนึ่ง" ยังพูดไม่ทันขาดคำ โชเฟอร์ปอดแหกก็วกหัวรถเข้าปั๊มน้ำมันข้างทางเข้าไปจอดในจุดว่างๆ แล้วกระโจนลงจากรถแท็กซี่ แล้วไปยืนสูบบุหรี่อีกมุมแล้ว
"อยู่ไม่ได้เหมือนกันโว้ย" ต๋องพูดกับตัวเองได้แค่นั้นก็กระโจนออกจากเบาะหลังรถไปยืนสูบบุหรี่ข้างๆ คนขับแท็กซี่ที่ยืนหอบซี่โครงบานเพราะทั้งเหนื่อยและทั้งกลัวกับสิ่งที่เพิ่งมองเห็น
โชเฟอร์แท็กซี่บอกกับต๋องว่า เขาไม่รู้จะเอาไงต่อไปดี เพราะต้องขับรถแบบหวาดๆ ทั้งคืนแน่ๆ แถมสารภาพว่าส่งต๋องถึงที่หมายแล้วเขาคงยิ่งเหงาและยิ่งหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นแน่ๆ เพราะตอนนั้นคงไม่มีเพื่อนคุยแบบ ต๋องอีกแล้ว
ทั้งสองคนคุยกันเบาๆ เหมือนกลัวใครที่อยู่ในเบาะหลังแท็กซี่สีเหลืองจะได้ยิน
ระหว่างนั้นคนขับแท็กซี่ยืนยันว่า รถคันที่เขาขับนั้นไม่มีประวัติชนหนัก หรือคว่ำ หรือมีคนตายในรถแต่อย่างใด เพราะมันเป็นรถใหม่เอี่ยมแกะกล่อง แต่ถ้าจะมีวิญญาณหรือผีอะไรสักอย่างมาอยู่ที่รถได้ก็คงเป็นเพราะมันออกมาจากนรกขุมไหนสักแห่งแล้วมาขึ้นรถเขาก่อนที่จะผลุบๆ โผล่ๆ มาให้เห็นตอนที่มีผู้โดยสารอย่างต๋องกับแฟนสาวนี่เอง
เมื่อบุหรี่หมดมวน...ความกล้าเริ่มมากขึ้น ทั้งผู้โดยสารหนุ่ม และโชเฟอร์วัยกลางคนก็ตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน ยังไงก็ต้องไปส่งผู้โดยสารก่อน จากนั้นก็ว่ากันต่อที่หลัง
ว่าแล้ว หนุ่มต่างวัยทั้งคู่ก็กลับไปที่รถ สตาร์ทมันแล้วก็พุ่งออกไปตามถนนท่ามกลางรถจำนวนมาก ในช่วงใกล้ๆ ตีสองที่ฝนยังคงตกพรำๆ เหมือนช่วยเร่งให้บรรยากาศของความสยดสยองเพิ่มดีกรีความสะท้านเยือกมากยิ่งขึ้นไปอีก
ต๋องกับโชเฟอร์แท็กซี่คุยกันเพลิน และทำให้ความกลัวหล่นหายไปตามทางได้เยอะแยะ ก่อนที่จะพบว่าโชเฟอร์แท็กซี่ขับรถหลงไปที่ย่านไหนสักแห่งที่ต๋องเองก็ไม่รู้จัก และไม่แน่ใจว่าจะเรียกมันว่าอะไร
"พี่ๆ นี่ใช่เส้นทางไปพระโขนงหรือเปล่า ?" ต๋องถามเพราะกลัวว่าจะหลงทาง
"เออ จริงซิ เผลอคุยเพลิน เลยไปถึงไหนแล้วเนี่ยเรา" คนขับก็งงๆ เหมือนกัน
"สงสัยไปผิดทางมั้งพี่" ต๋องบอก
"งั้นเดี๋ยวขอผมจอดตั้งสติก่อนนะครับ" คนขับบอกอย่างใจเย็น
"ดีเหมือนกัน" ต๋องคิดแบบนั้นเพราะขืนขับต่อไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่หลงทางก็จะยิ่งเข้ารกเข้าพงกันใหญ่
อิอิ เดี๋ยวมาต่อนะคร๊ะ ใกล้จบแล้วแหละ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ