ล่องเรือ ปราศจากต้นหน
7.1
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เรือลำนั้นสวยงามไร้ที่ติ สร้างจากไม้เนื้อดี ช่างผู้มีฝีมือได้ทุ่มเทสุดหัวใจในการก่อร่างสร้างมันขึ้นมา
หนึ่งคนออกแบบโครงสร้างอย่างจริงจัง ด้วยความกลัวจะถูกลมทะเลพัดผ่านทำลาย ห่างไกลจุดหมายปลายทาง อีกหนึ่งคน ลงมือสร้างสรรค์ สนใจแต่ความสวยงาม ล่องลอยอยู่กลางทะเล
เหน็ดเหนื่อยเท่าใดไม่เคยมีความรู้สึกรับรู้ถึง
สองคนกับเรือหนึ่งลำก็ปรากฏขึ้น สวยงามตามความคาดหวัง
จุดเริ่มต้นบังเกิดที่ชายฝั่ง เรือสั่นคลอนเล็กน้อยเนื่องจากคลื่นทะเลเข้ามากระทบ
พวกเขาทั้งสองยิ้มรับอย่างร่าเริง พลางยื่นมือเข้าหาคลื่นลูกต่างๆ ทั้งเล็กและใหญ่ ปล่อยให้ปะทะจนตัวเขาทั้งสองล้มกลิ้งลงด้วยความสนุกสนาน
พลันพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แสงสีส้มแปรเปลี่ยนเป็นความมืดเข้าแทนปกคลุม ควันสีขาวพวยพุ่งจากกอสุมไม้ เขาทั้งสองกำลังกินอาหารอย่างเรียบง่ายโดยมีปลาคนละตัวเสียบอยู่บนไม้ยาว ย่างบนกองไฟ
ครั้นถึงยามราตรี พวกเขาต่างนอนหลับสนิทภายใต้ดวงจันทร์และหมู่ดาวอันสวยงามแพรวพราวระยิบระยับ
คืนที่ผ่านพ้นไปด้วยความเร็ว ได้ถูกจัดเก็บไว้เพียงเบื้องหลัง พระอาทิตย์เปิดฉากฉุดพวกเขาทั้งสองให้หลุดพ้นจากห้วงความฝันทันท่วงที
จุดหมายปลายทางในอนาคต ชัดเจนในความคิดพวกเขาทั้งสอง
เรือดังกล่าวได้ออกโลดแล่นไปตามท้องทะเลอันกว้างไกล มีท้องฟ้าปราศจากก้อนเมฆโอบล้อมพวกเขาเอาไว้ เสมือนเพื่อนร่วมทางเป็นกำลังใจ แสงแดดอ่อนเล็ดลอดจากเบื้องบนดั่งแสงนำทาง
เขาทั้งสองรู้สึกเป็นสุขใจเหลือล้นและพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางในครั้งนี้
ในขณะที่เรือกำลังเคลื่อนตัว หญิงสาวผู้ออกแบบเรือได้พูดคุยกับชายหนุ่มระหว่างเดินเรือกลางท้องทะเลว่า "จะถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างไร ถ้าเราไม่มีต้นหนนำพา "
เขาหันกลับมาตอบเธอว่า "ปล่อยให้เรือพาเราไปตามคลื่นทะเล สักวันนึงเราจะถึงฝั่งเอง"
เธอรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดที่ไร้ความคิดของเขา เหตุใดเขาจึงไม่มีการวางแผน ตระเตรียมในเรื่องที่ควรจะทำ ดั่งเช่นเรื่องความถูกต้องดีกว่าใช้อารมณ์ความรู้สึกนำพา เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจึงทำการศึกษาการเดินเรือด้วยตนเองเพราะความหวาดกลัว
ส่วนชายหนุ่มนั้นรู้สึกหลงรักเรือลำนี้ยิ่งนัก ในทุกวันเขาจะเฝ้าดูแลเช็ดเรือลำนี้ให้สวยงามสะอาดอยู่เสมอ
ระยะทางจากจุดเริ่มต้น ได้พาพวกเขาทั้งสองห่างไกลริมฝั่งที่จากมาเรื่อยๆ
ในระหว่างเดินทาง พายุฝนได้กระหน่ำเทลงมาจากฟากฟ้า ถาโถมเรือจนโอนเอนไปมา เนื้อตัวของเธอและเขาเปียกชุ่มไปหมด ชายหนุ่มใช้มือซ้ายขึ้นกำบังใบหน้า มือขวาจับรัดรึงเชือกผ้าใบเรือไว้แน่น สายลมพัดพาตัวเขาจนเหมือนจะปลิวออกนอกเรือ กระนั้นก็ตามเขาก็ช่วยให้เรือลำนั้นผ่านพ้นมาได้ด้วยดี
อุปสรรคที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวยากที่จะตั้งรับนั้น ชายหนุ่มอดรนทนสู้เผชิญหน้ากับมันโดยไม่หวาดกลัวใดๆ
เรือยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความหวังของคนทั้งสอง
หญิงสาวเดินตรงมายังกราบเรือที่ชายหนุ่มยืนอยู่พลันโอบกอดแนบใบหน้าลงบนแผ่นหลัง ถอนหายใจพรั่งพรู และหลับตาพริ้ม
เธอรู้สึกกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ใช่แล้วเธอหวาดกลัวมันเหลือเกิน จะมีปลาฉลามวิ่งวนไปมาระหว่างพายุถาโถมหรือไม่ เรือจะเกิดอับปางลอยอยู่กลางทะเล หรือรอวันที่เบื้องบนจะพิพากษาเราสองคนให้ตายอยู่ที่แห่งนี้หรือไม่ คำถามเกิดขึ้นอย่างมากมายในหัวของเธอ
. จนเธอคิดอยากจะนอนหลับให้ยาวนานแสนนาน
ชายหนุ่มปลอบประโลมเธออย่างอ่อนโยน ทั้งจากเรียวนิ้วมือและจากแววตาใคร่ปวดร้าว เขาสัมผัสใบหน้าของเธออย่างเบามือที่สุด แล้วจุมพิตเข้าที่แก้มขาวนวล ความหวาดกลัวพลันมลายหายไปจากใจหญิงสาว เหลือแต่เพียงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมายังเนื้อตัวของเธอ
เรือนิ่งงันสู่สภาวะปกติ ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้ก้อนเมฆปกคลุม
ในการเดินเรือของทั้งสองนั้น ได้ประสบพบเจออุปสรรคมามากมาย
ทั้งคลื่นทะเลลูกใหญ่ ที่ทำให้เขาทั้งสองเซถลา อาเจียนลงสู่เบื้องล่างหลายครั้งหลายหน ชายหนุ่มยังคงหลงใหลในการเดินเรือโดยปราศจากความกลัว เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเรือที่หญิงสาวเป็นผู้ออกแบบและเขาเป็นผู้สร้างสรรค์นั้น ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆนาๆได้เป็นแน่แท้
หญิงสาวผู้ใช้เหตุผลในการเดินทาง กับชายหนุ่มผู้มีอารมณ์ความเชื่อมั่นในเรือลำนั้น มีความรักความศรัทธาอย่างยิ่งใหญ่ อาจดูแตกต่างจนบางครั้งยากจะทำความเข้าใจในความรู้สึกของเขาทั้งสอง จะด้วยเหตุผลหรืออารมณ์ลึกซึ้งสักเพียงใด เรือลำนั้นก็เกิดขึ้นได้โดยเหตุผลและอารมณ์ของคนทั้งสองที่อยากสร้างมันขึ้นมา ทั้งนี้พวกเขาต้องเผชิญต่ออุปสรรคในท้องทะเล ครั้นเมื่อตัดสินใจก้าวลงเรือไปแล้ว
ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวต่างยิ้มให้กันเมื่อพูดถึงคราวที่ลงเรือเจอคลื่นลูกใหญ่ในอดีต มันเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ฟังเท่าไหร่ไม่รู้เบื่อสำหรับเขาสองคน
หนึ่งคนออกแบบโครงสร้างอย่างจริงจัง ด้วยความกลัวจะถูกลมทะเลพัดผ่านทำลาย ห่างไกลจุดหมายปลายทาง อีกหนึ่งคน ลงมือสร้างสรรค์ สนใจแต่ความสวยงาม ล่องลอยอยู่กลางทะเล
เหน็ดเหนื่อยเท่าใดไม่เคยมีความรู้สึกรับรู้ถึง
สองคนกับเรือหนึ่งลำก็ปรากฏขึ้น สวยงามตามความคาดหวัง
จุดเริ่มต้นบังเกิดที่ชายฝั่ง เรือสั่นคลอนเล็กน้อยเนื่องจากคลื่นทะเลเข้ามากระทบ
พวกเขาทั้งสองยิ้มรับอย่างร่าเริง พลางยื่นมือเข้าหาคลื่นลูกต่างๆ ทั้งเล็กและใหญ่ ปล่อยให้ปะทะจนตัวเขาทั้งสองล้มกลิ้งลงด้วยความสนุกสนาน
พลันพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แสงสีส้มแปรเปลี่ยนเป็นความมืดเข้าแทนปกคลุม ควันสีขาวพวยพุ่งจากกอสุมไม้ เขาทั้งสองกำลังกินอาหารอย่างเรียบง่ายโดยมีปลาคนละตัวเสียบอยู่บนไม้ยาว ย่างบนกองไฟ
ครั้นถึงยามราตรี พวกเขาต่างนอนหลับสนิทภายใต้ดวงจันทร์และหมู่ดาวอันสวยงามแพรวพราวระยิบระยับ
คืนที่ผ่านพ้นไปด้วยความเร็ว ได้ถูกจัดเก็บไว้เพียงเบื้องหลัง พระอาทิตย์เปิดฉากฉุดพวกเขาทั้งสองให้หลุดพ้นจากห้วงความฝันทันท่วงที
จุดหมายปลายทางในอนาคต ชัดเจนในความคิดพวกเขาทั้งสอง
เรือดังกล่าวได้ออกโลดแล่นไปตามท้องทะเลอันกว้างไกล มีท้องฟ้าปราศจากก้อนเมฆโอบล้อมพวกเขาเอาไว้ เสมือนเพื่อนร่วมทางเป็นกำลังใจ แสงแดดอ่อนเล็ดลอดจากเบื้องบนดั่งแสงนำทาง
เขาทั้งสองรู้สึกเป็นสุขใจเหลือล้นและพร้อมแล้วสำหรับการเดินทางในครั้งนี้
ในขณะที่เรือกำลังเคลื่อนตัว หญิงสาวผู้ออกแบบเรือได้พูดคุยกับชายหนุ่มระหว่างเดินเรือกลางท้องทะเลว่า "จะถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างไร ถ้าเราไม่มีต้นหนนำพา "
เขาหันกลับมาตอบเธอว่า "ปล่อยให้เรือพาเราไปตามคลื่นทะเล สักวันนึงเราจะถึงฝั่งเอง"
เธอรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดที่ไร้ความคิดของเขา เหตุใดเขาจึงไม่มีการวางแผน ตระเตรียมในเรื่องที่ควรจะทำ ดั่งเช่นเรื่องความถูกต้องดีกว่าใช้อารมณ์ความรู้สึกนำพา เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจึงทำการศึกษาการเดินเรือด้วยตนเองเพราะความหวาดกลัว
ส่วนชายหนุ่มนั้นรู้สึกหลงรักเรือลำนี้ยิ่งนัก ในทุกวันเขาจะเฝ้าดูแลเช็ดเรือลำนี้ให้สวยงามสะอาดอยู่เสมอ
ระยะทางจากจุดเริ่มต้น ได้พาพวกเขาทั้งสองห่างไกลริมฝั่งที่จากมาเรื่อยๆ
ในระหว่างเดินทาง พายุฝนได้กระหน่ำเทลงมาจากฟากฟ้า ถาโถมเรือจนโอนเอนไปมา เนื้อตัวของเธอและเขาเปียกชุ่มไปหมด ชายหนุ่มใช้มือซ้ายขึ้นกำบังใบหน้า มือขวาจับรัดรึงเชือกผ้าใบเรือไว้แน่น สายลมพัดพาตัวเขาจนเหมือนจะปลิวออกนอกเรือ กระนั้นก็ตามเขาก็ช่วยให้เรือลำนั้นผ่านพ้นมาได้ด้วยดี
อุปสรรคที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวยากที่จะตั้งรับนั้น ชายหนุ่มอดรนทนสู้เผชิญหน้ากับมันโดยไม่หวาดกลัวใดๆ
เรือยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความหวังของคนทั้งสอง
หญิงสาวเดินตรงมายังกราบเรือที่ชายหนุ่มยืนอยู่พลันโอบกอดแนบใบหน้าลงบนแผ่นหลัง ถอนหายใจพรั่งพรู และหลับตาพริ้ม
เธอรู้สึกกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ใช่แล้วเธอหวาดกลัวมันเหลือเกิน จะมีปลาฉลามวิ่งวนไปมาระหว่างพายุถาโถมหรือไม่ เรือจะเกิดอับปางลอยอยู่กลางทะเล หรือรอวันที่เบื้องบนจะพิพากษาเราสองคนให้ตายอยู่ที่แห่งนี้หรือไม่ คำถามเกิดขึ้นอย่างมากมายในหัวของเธอ
. จนเธอคิดอยากจะนอนหลับให้ยาวนานแสนนาน
ชายหนุ่มปลอบประโลมเธออย่างอ่อนโยน ทั้งจากเรียวนิ้วมือและจากแววตาใคร่ปวดร้าว เขาสัมผัสใบหน้าของเธออย่างเบามือที่สุด แล้วจุมพิตเข้าที่แก้มขาวนวล ความหวาดกลัวพลันมลายหายไปจากใจหญิงสาว เหลือแต่เพียงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมายังเนื้อตัวของเธอ
เรือนิ่งงันสู่สภาวะปกติ ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้ก้อนเมฆปกคลุม
ในการเดินเรือของทั้งสองนั้น ได้ประสบพบเจออุปสรรคมามากมาย
ทั้งคลื่นทะเลลูกใหญ่ ที่ทำให้เขาทั้งสองเซถลา อาเจียนลงสู่เบื้องล่างหลายครั้งหลายหน ชายหนุ่มยังคงหลงใหลในการเดินเรือโดยปราศจากความกลัว เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเรือที่หญิงสาวเป็นผู้ออกแบบและเขาเป็นผู้สร้างสรรค์นั้น ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆนาๆได้เป็นแน่แท้
หญิงสาวผู้ใช้เหตุผลในการเดินทาง กับชายหนุ่มผู้มีอารมณ์ความเชื่อมั่นในเรือลำนั้น มีความรักความศรัทธาอย่างยิ่งใหญ่ อาจดูแตกต่างจนบางครั้งยากจะทำความเข้าใจในความรู้สึกของเขาทั้งสอง จะด้วยเหตุผลหรืออารมณ์ลึกซึ้งสักเพียงใด เรือลำนั้นก็เกิดขึ้นได้โดยเหตุผลและอารมณ์ของคนทั้งสองที่อยากสร้างมันขึ้นมา ทั้งนี้พวกเขาต้องเผชิญต่ออุปสรรคในท้องทะเล ครั้นเมื่อตัดสินใจก้าวลงเรือไปแล้ว
ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวต่างยิ้มให้กันเมื่อพูดถึงคราวที่ลงเรือเจอคลื่นลูกใหญ่ในอดีต มันเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ฟังเท่าไหร่ไม่รู้เบื่อสำหรับเขาสองคน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ