ค่าของบาท

7.7

เขียนโดย Canopus

วันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 21.03 น.

  1 ตอน
  7 วิจารณ์
  5,480 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

             ผมนั่งนับเศษตังค์ที่เกลื่อนกระจายอยู่บนตักโดยมีเสื้อยืดของผมเป็นเครื่องรองรับน้ำหนักได้อย่างดี   แขนทั้งสองเปียกชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลหยดร่วงลงมาสู่กางเกงวอร์มสีดำ  เสียงรถเคลื่อนตัวผ่านไปมาคันแล้วคันเล่าโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดซื้อพวงมาลัยที่แขวนอยู่บนราวท่อแป๊บน้ำสีฟ้า   พรุ่งนี้ผมจะต้องส่งเงินค่าแผงให้กับตำรวจที่คุมพื้นที่แห่งนี้ 

          ท้องผมร้องโอดครวญด้วยความหิว  เงินทั้งหมดที่มียังไม่พอประทังความอยากได้เลยแม้แต่น้อย  ผมจะทำอย่างไรดี  ผมนั่งร้อยพวงมาลัยด้วยมือที่ชุ่มน้ำเหงื่อประกอบกับเลียริมฝีปากไม่ได้แห้งจากการกระหายน้ำจนเกินไป

           " กับข้าวมาแล้วจ้ากับข้าว "  เสียงรถกับข้าวร้องเรียกผู้คนให้มาซื้อของที่แขวนอยู่ภายในรถโดยมี ปลาทู ปลาเค็ม ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักชี และอื่นๆอีกมากมายที่ไว้สำหรับทำอาหารกินกันเองที่บ้าน  ผมนั่งมองถุงปลาทูตัวโตที่แขวนอยู่บนตะขอเหล็กพลางจินตนาการถึงตอนที่ปลาทูทอดอยู่บนกระทะส่งกลิ่นหอมโชยฟุ้งแตะจมูก กินกับข้าวสุกสีขาวร้อนๆคงอร่อยน่าดูเชียว   ผมได้แต่กลืนน้ำลายร่วงลงคอดังเอื๊อกพลันก้มหน้างุดดูเงินบนฝ่ามือ   ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่กำเงินในมือแล้วเตรียมตัวเก็บแผงพวงมาลัยกลับบ้าน

          พระอาทิตย์ตอนนี้กำลังอัสดง  แสงสีส้มโรยตัวแผ่ปกคลุมแผงพวงมาลัยที่ตอนนี้มันว่างเปล่า " ยังขาดอีกสองร้อย " ผมพึมพำในขณะที่เดินเลียบฟุตปาธ  มือขวากุมท้องแบนๆ  มือซ้ายประคองท่อน้ำพลาสติกสีฟ้าที่มีพวงมาลัยสอดอยู่สิบห้าพวง  ผมเดินพารองเท้าแตะหูหนีบซอมซ่อผ่านสี่แยกประจำที่คุ้นเคย  ตลอดข้างทางมีตึกราบ้านช่องเรียงกันเป็นตับแทนต้นไม้สีเขียวที่แต่ก่อนเราเคยร่วมทุกข์ยากด้วยกันบนถนนสายนี้  ปี๊นนนนนน   ปี๊นนนนนน  เสียงแตรรถลากเสียงยาวจนแสบแก้วหู  ผมหันกลับไปมองด้านหลังทางต้นเสียง  ภาพที่เห็นเป็นรถตำรวจกำลังบีบแตรเร่งรถยนต์คันสีขาวให้รีบเคลื่อนตัวออกไปโดยเร็ว  ในขณะที่ไฟจราจรนั้นเพิ่งเป็นสีเขียวได้ไม่กี่นาที

          ความรีบเร่งหายไปสู่เบื้องหลัง  ผมก้มหน้ามองจังหวะการเดินของตัวเอง มันเป็นการเก้า ซ้าย-ขวา ไปมาอยู่แบบเดิม ผมเลยลองเปลี่ยนเป็นขวา-ซ้าย แล้วเดินต่อไปเรื่อยๆ

          สายลมพัดกรูกราวประทะกับร่างอันเปราะบางของผม  ความเย็นสบายช่วยคลายความร้อนและความเหนื่อยล้าให้หายมลายไป  ผมทรุดตัวลงนั่งบนริมฟุตปาธลงมือทำหน้าที่แบบเดิมที่เคยกระทำก่อนถึงบ้าน

           ไฟแดงขึ้นแผดสีชัดเจน  รถหยุดเคลื่อนล้อต่อเป็นกระบวนแถวยาว  ผมก้าวเท้าเดินไล่เรียงขายพวงมาลัยจากคันแรกสู่คันที่สองและไล่ลงไปเรื่อยๆ  บ้างหันมาเหลียวดู บ้างหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านทำเป็นไม่สนใจ  ผมสาวเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะเกรงว่าไม่ทันรถจะวิ่งชนเอาเสียก่อน  นั่นไง คนนั้นเลื่อนบานกระจกลงมาชูสองนิ้ว  ผมรุดเดินไปอย่างรวดเร็ว  แกะพวงมาลัยที่ติดพันกันให้หลุดออก  ยื่นให้เขาสองพวง  เขายื่นมือมารับแล้วส่งให้คนที่นั่งถัดไปจากเขาพลางสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกงหมายหาเงินจ่ายค่าพวงมาลัย  เขาควักแบงค์ร้อยยื่นกลับมาให้  ผมมองดูมันและส่ายหัวบอกเขาว่าไม่มีตังค์ทอน  เขามุ่นคิ้วขณะมือถือแบงค์ค้างบนอากาศพลันทำท่าทีลังเล  แสงไฟสีเขียวรางๆปรากฎอยู่แถวหางตา  ผมเหลือบไปมอง รถกำลังเคลื่อนล้อตามกันออกไป  เขาเก็บแบงค์ร้อย  ปิดกระจกแล้วขับออกไปอย่างปกติ

            " เหลือสิบสามพวง  ยังขาดอีกสองร้อย "  ผมพึมพำกับตัวเองด้วยแววตาอันเศร้าหมอง ขาล้าเหลือเกิน  หิวข้าวด้วย  อยากกินข้าวกับน้ำพริกปลาทู  ตัวโตๆเลยน่ะทอดให้เหลืองกรอบขดข้าวในหม้อร้อนๆตักใส่จานกระเบื้อง ใช้มือแกะปลาทูแล้วหยิบข้าวใส่เข้าปากอ้ำ ผมทำปากตามจินตนาการ  น้ำตาไหลพรากพรั่งพรูออกมาเป็นสาย ผมทำได้แค่นี้เองหรือแค่เรียกร้องภายในใจ  ผมเหนื่อยและหิวเหลือเกิน   สายตาผมเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือปีกไก่ย่างแทะกินอย่างเอร็ดอร่อยจนเหลือแต่ซากกระดูก  เธอโยนมันทิ้งลงกับพื้น  หมาจรจัดวิ่งเหยาะๆเข้ามาคาบเอาไป  พลางชายตากลับมามองดูผม  มันวิ่งหายลับไปกับเวลา  ผมยกแขนขึ้นใส่เสื้อเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าที่เปรอะเปื้อน พร้อมกับสืดน้ำมูกกลับเข้าไปดังเก่า

            " อ้าไฟแดงแล้ว" ผมปลี่เดินกุลีกุจอเข้าไปบนถนน แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่ต้องการพวงมาลัยสวยๆ ไฟสีเขียวส่องแสงสาดกระทบที่หางตา  ผมจึงเดินขึ้นบนฟุตปาธตามเดิมมุ่งหน้ากลับบ้าน

              ประตูไม้ที่แทบจะไม่เป็นประตูถูกเปิดออก  มันเป็นกระต๊อบเสียกว่าเรียกว่าบ้าน  หลังคาก็เป็นรูรั่วมีช่องโหว่ทำให้เห็นดวงดาวยามค่ำคืนได้อย่างสวยงาม  ผมทอดตัวลงนอนใช้ตีนเขี่ยๆผ้าผืนบางที่เก่าคร่ำคร่ามาปกคลุมกายพลางคิดถึงเรื่องค่าเช่าแผงพวงมาลัยที่จ่าจะมาเก็บในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ หัวสมองผมหนักอึ้งและปวดตุ๊บๆที่ขมับข้างซ้ายเสมือนมีหัวใจมาเต้นข้างในหัวไม่หยุด  ตุ๊บ ตุ๊บ   ตุ๊บ ตุ๊บ    ผมเอามือกุมหัวอย่างทุรนทุรายพลันข่มตาหลับโดยไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร


             แสงส่องกระทบเข้าที่เปลือกตา  ผมรู้สึกว่าภายในตาเป็นสีส้มๆและรู้สึกอุ่นเล็กน้อยผมลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ  เดินไปล้างหน้า  แปรงฟัน เสร็จแล้วก็ออกเดินทางไปยังแผงพวงมาลัยแถวสี่แยก

              ตั้งแผงเสร็จสรรพก็นั่งร้อยพวงมาลัย  ผู้หญิงสองคนเดินมาซื้อพวงมาลัยไปสองพวง ผมเก็บเงินใส่ถุงพลาสติกพลางนั่งเหม่อไปที่ถนน  เด็กกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งกรูกันเข้ามาทางผมแล้วใช้ตีนถีบแผงพวงมาลัยจนพังยับเยินคว้าถุงเงินที่ตกอยู่ข้างๆซากปรักหักพังติดมือไปด้วย  ภาพพวกมันค่อยๆหายลับตาไปเหลือทิ้งไว้แต่เพียงเศษมาลัยที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น  มันดูเละเทะไปหมด  พวกมันเหยียบย่ำจนดำเปรอะเปรื้อน อันไม่เป็นรูปทรงตามเดิม

              ผมหยิบมาลัยที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมากอดแนบอก  น้ำตาไหลรดรินลงสู่เศษดอกมะลิที่แหลกละเอียด  ผมหมดหนทางที่จะต่อสู้  ทำไมกัน  ทำไมผู้คนถึงตกต้องเป็นทาสของเงิน  ทำไมถึงมีจิตสำนึกที่ทำร้ายผู้อื่น  เพราะเงิน เงิน เงิน  ที่ทุกคนต่างต้องการมันโดยไม่ได้คำนึงคิดว่าจะต้องแลกกับอะไรมาบ้าง  จ่าเดิมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่แอบเก็บค่าเช่าแผงเพื่อนำเงินไปก่อตั้งวงเหล้าดื่มกินกันหลังเลิกงาน ไอคนที่ทำงานสุจริตต้องมาทนทุกข์ทรมานเพราะคนที่ตกเป็นเหยื่อของเงินเข้าครอบงำด้านมืดทางจิตใจ   บ้างใช้เงินฟาดหัว บ้างใช้เงินเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น

             ผมนั่งมองแผงพวงมาลัยที่ตอนนี้มันเหลือแต่เพียงความว่างเปล่าอยู่ท่ามกลางผู้คนและถนนหนทางที่มีรถราเคลื่อนตัววิ่งไปมาไม่หยุด  บนตักผมไม่มีเศษเงินบาทเหมือนเคย  เสียงรถจ่าเดิมหยุดลงเบื้องหน้าผมพร้อมกับเดินตรงมายังแผงพวงมาลัย...
             

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา