"แม่มณีแก้ว"

-

เขียนโดย มณีน้อย

วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 09.48 น.

  1 ตอนเดียวจบ
  6 วิจารณ์
  7,856 อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

1) "โฉมงามนางมณีแก้ว"

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

http://www.keedkean.com

 

"ลมหนาวพัดมาแล้วหนอ ช่อผกาชูชื่น ระรื่นใจ เหตุใดใยข้านี้ บ่มีคู้ ให้ชู้กาย "

" ชิชะ นังบัว เอาใหญ่ล่ะน่ะเจ่า "

เสียงหญิงสาวใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณสำอาง เอวบางร่างเล็ก ดูสะอาดตา ใส่สไบสีชมพูอ่อน ว่าให้นางข้าบริวาร

" แม่หญิงเจ่าขร๋า บ่าวก็หนาวใจเป็นน่ะเจ่าค่ะ"

" นี้นังบัว เราเป็นหญิง เหตุใดเจ่าถึงพูดจาแบบนี้เล่า ไม่งามเลยน่ะ ถ้าคุณย่ามาได้ยิน เจ่าจัก หลังลาย"

"อะๆ แม่หญิง อย่าบอกน่ะเจ่าค่ะ บ่าว แค่ สำนวนกลอน ปากมันพาไปเท่านั้นเจ่าค่ะ"

"เราไม่บอกหรอกน่ะ แต่เจ่าก็อย่าปากบอน เที้ยวเกี้ยวกลอนไปทั้วก็แล้วกัน ป่ะ ไปถวายเพลหลวงพ่อได้แล้ว ปะเดี๋ยวไม่ทัน"

" เจ่าค่ะแม่หญิงมณีแก้ว"

นังบัวได้ยกตะกกร้าไม้หวายที่เตรียมอาหารคาวหวานมาถวายหลางพ่อที่วัดโดยมี แม่หญิงมณีแก้ว ลูกสาวขุนหลวงวังในเดินนำหน้า

"คนไม่เยอะดีเจ้าค่ะแม้หญิง"

"ใช่ วันนี้เราจะได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อได้นานๆ"

เตรียมสำหรับอาหารเสร็จก็ถวายพระ ญาติโยมที่มานั่งรอประเคนอาหารก็นั่งรอกันพร้อมเสร็จ หลังจากที่พระฉันเสร้จรับพร แม่มณีแก้วก็สนทนาธรรมกับหลวงพ่อ

"กราบนมัสการเจ้าค่ะหลวงพ่อ"

"เจริญพระโยมมณีแก้ว วันนี้จะเอาข้อธรรมกลับไปกี่บทดีล่ะ"

"แล้วแต่หลวงพ่อเจ่าค่ะ มณีแก้วปัญญาน้อย เลยต้องมาขอฟังธรรมอันประเสริฐ เจ่าค่ะ"

" โยมมณีแก้วนี้ มีสติปัญญามากน่ะ อย่าว่าตนอย่างนั้นเลย"

"จำไว้น่ะโยมมณีแก้ว ความรักนั้นก็เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ มันก็จะหวาน เมื่อเราดืมกินแรกๆ หากวันใดน้ำผึงนั้น มันเจอปนไปด้วยสิ่งเป็นพิษ ของ ผึ้งแล้ว เราอาจจะข่มขื่นกับมันก็ได้"

หลังจาก ได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อเสร้จแม่มณีแก้วและ นังบัวได้นมัสการลากลับเรือน โดยที่แม่มณีแก้วยืนรอนังบัวเอาอาหารที่เหลือไปให้ ปลาหลังวัด นางได้ยืนรออยู่ที่ ใต้ต้นพิกุล กลิ่นดอกพิกุลหอมเย็นชื้นใจยิ่งนัก

" หอมเหลือเกิน กลิ่นดอกพิกุล"

นางมองขึ้นไปดูต้นพิกุลที่นางได้ยืนรออยู่ใต้ต้นของมัน มีดอกพิกุลล่วงลงมาหนึ่งดอก นางได้ยื่นมือไปรับ พร้อมกับ ชายผู้หนึ่ง มือของนางนั้นได้อยู่บนมือของชายผู้นั้น ลมเย็นพัดโชยมาอีกครั้ง กลิ่นดอกพิกุลได้พัดมาหอมฟุ้งไปทั้วบริเวณ สายตาทั้งสองได้จับจ่องกันอยู่นาน

"น้องมณีแก้ว"

ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเพราะ เค้าได้เป็นลูกชายของ กรมหลวงวังใน เช่นเดียวกับพ่อของมณีแก้ว

"เจ้าค่ะ"

มณีแก้วตอบพลางกลมหน้า ดึงมือออกมาช้าๆ

" พี่ชื่อชัยภพ เจ่าจำได้รึไม่ ที่พี่เคยพาเจ่าเข้าไปเที้ยวในวังในบ่อยๆ"

" พี่ชายภพ"

นางยิ้มแล้วมองหน้าชัยภพ ผู้ที่เคยเป็นเพื่อนเล่น เป็นทั้งพี่ชาย คอยดูแลนางตอนเด็กๆ

"จำได้เจ้าค่ะ พี่ชายมาเมื่อใดเจ้าค่ะ"

"เพิ่งมาวันนี้จ้ะ พอดีพี่เอาของจากหัวเมืองเหนือฝากเจ้า เลยรู้ว่าเจ้ามาวัด "

"แม่หญิงงงงงงงงงง"

เสียงนังบัวตะโกนโวยวายมา จากหลังวัด

"อุ้ย ประทานอภัยเจ้าค่ะ บ่าวไม่รู้มีคนอยู่"

"นึกว่าข้าเป้นผีรึนังบัว ตะโกนเสียงดังในวัด ระวัง ผีหักคอน่ะเอง"

"อู้ยยยย จริงรึเจ้าค่ะ แม่หญิงบ่าวกลัว"

นังบัวกระโดดไปกอดที่เอวมณีแก้วแน่น

"นี้นังบัว ตอนทำเจ้าไม่กลัว พอทำแล้วก็มานึกกัวเจ้านี้ไม่ไหวเลยน่ะ"

แบบนี้ให้คุณอาเขียนดีมัยเองนังบัว

"ว้ายอย่าเจ้าค่ะ บ่าวกลัวแล้ว ไม้หวายเจ้าคุณหลวงน่ากลัวกว่าผีอีก"

" ดี ไปเก็บของจะได้กลับเรื่อนนะเอง"

บัวเข้าไปกระซิ๊บถามมณีแก้วผู้เป็นนาย

"ผุ้ใดเจ้าค่ะแม่หญิงงามนัก"

"อะไรเจ้าจำไม่ได้รึ พี่ชายภพไงล่ะ"

" อ้าาา ลูกขุนหลวงวังในนั้นเอง บ่าวจำได้แล้ว"

"ชิชะนังบัว เองน่ะเอง สู้นายเจ้าก็ไม่ได้ จำข้าได้ เองจำข้าไม่ได้ เอ แบบนี้สงสัยต้องลงโทษ บอกคุณอา ให้ลงโทษเองล่ะมั้ง"

" อย่าเจ้าค่ะบ่าวกลัวแล้ววว"

นังบัวพูดจบพลางวิงไปเก็บตะกร้า แล้วเดินตามนาย อย่างว่าง่าย พอถึงเรือนไม้สักทรงไทยดูสวย สะอาดตา ข้าทาสบริวารก็เต็มเรือนไปหมด

"มาแล้วรึ "

เสียงของคุณหลวงวังในพ่อของ มณีแก้ว

ที่มีตำแหนงเหมือนกันกับพ่อของ ชัยภพ ทั้งสองกราบ อย่างสวยงาม

" ชายภาพ เห็นว่า เอาของมาฝากน้องไม่ใช่รึ"

เสียงคุณหญิงนวลแม่ของมณีแก้วเอ่ยถามขึ้น

"ขอรับ พอดีว่า กะผมได้ตามท่านพ่อไปว่าราชการที่หัวเมืองเหนือ เห็นของสวยๆมากมาย และไม่ได้เจอ น้องหญิงมานานหลายปี จึงนำมาฝากขอรับ"

" เอาล่ะดีเลย น่ะตามสบายล่ะพากันไปนั่งเล่น ที่สวนก็ได้น่ะ นังบัวเองไปนำขนมฝอยทองในครัวมาให้ พ่อชัยภพด้วยล่ะ "

"เจ้าค่ะ"

บัวรับปากวิ่งไปอย่างรวดเร้ว

" อาต้องขอตัวไป สั่งบ่าวสักหน่อย นานๆ จะเจอกันที ก็คุยกันไปน่ะ ประเดี่ยวอามา"

ชายภพกราบอีกครั้ง แล้วก็พากันลงเรือนมานั่งที่ สวน

"นี้จ่ะ ของจากหัวเมืองเหนือ"

ชายภพได้หยิบห่อผ้าแพรสี ทองออกมา ยื่นให้แม่มณีแก้ว

" กำไล สวยจริงเจ้าค่ะขอบพระคุณเจ้าค่ะ "

" มาพี่ใส่ให้น่ะ"

ชัยภพจับมือมณีแก้วอย่างทะนุทะนอมแล้ว ส่วมใส่ให้อย่างอ่อนโยน

" พี่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน เจ้าล่ะคิดถึงพี่รึไม่ "

ชายภพจ่องมองที่ตาของมณีแก้ว มณีแก้วหลบหน้าอย่างเขินอาย แล้วดึงมือออก

ลมพัดมาอีกครั้งลมหนาวทำให้มณีแก้วรู้สึกเย้นๆขึ้นมา ชัยภพได้นำผ้าที่ตกไหล่ของมณีแล้วคลุมที่ไหลและโอบไว้

"เจ้ายังไม่ตอบพี่เลย เจ้าคิดถึงพี่บ้างรึไม่ มณีแก้วของพี่"

" มณีแก้วเป็นของพี่ชายตั้งแต่เมื่อใดรึค่ะ "

นางยิ้มเขิลๆ

"เจ้าจำไม่ได้รึว่าเจ้าบอกกับพี่ว่า เจ้าจะเป็นเจ้าสาวพี่"

" ตอนนั้นเด็กนี้เจ้าค่ะ น้องไม่รู้ด้วย"

นางเขิลเดินออกมา ชัยภพจับคางนางขึ้นแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า

" พี่จักมาขอเจ้าแม่มณีแก้ว วันนี้พี่ก็คุยกับพ่อและแม่พี่แล้ว เจ้าจักว่าเยี่ยงใด"

" ขนมมาแล้วเจ้าคร่าาาาา แม่หญิง "

เสียงนังบัวแหล่มมาอีกครั้ง ทำให้ทั้งสองต้องออกห่างกันชัยภพ เอามือไคว้ที่หลังแล้ว มอง นังบัว

" เองนี้น่ะ เอ รึว่า จะให้ แม่อาท่านลงโทษดี"

" ว้ายๆ บ่าว จะไม่ทำแล้ว งั้นบ่าวไปเอาน้ำลอยดอกมะลิมา ล่ะกันน่ะเจ้าค่ะ"

นังบัววิ่ง ไปในเรือนอีกครั้ง

" พี่จักต้องไปราชการกับพ่อพี่อีก คราวนี้ก็คงจะไปหลายเดือนน่ะ เจ้าจักรอพี่ได้รึไม่ พี่อยากให้ พ่อและแม่มาสู่ขอเจ้าไว้ก่อน พี่กลัว ใคร จะมา ชิงตัดหน้าพี่สะก่อน"

"น้องไม่รู้ดอกค่ะ พี่ชายไปถามแม่ท่านดูเอาล่ะกันค่ะ"

มณีแก้วเขิลอายเดินขึ้นเรือนไป หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีขบวนสู่ขออย่างใหญ่โตมาสู่ขอ แม่มณีแก้ว และอีก3 วัน ชัยภพก็ไปว่าราชการกับพ่อที่หัวเมืองเหนือ

หลายเดือนต่อมาได้มีม้าเร็วมาที่บ้านแม่หญิงมณีแก้ว ข่าวม้าเร็วบอกว่า ชัยภพได้ป่วยเป้นไข้ป่า อาการหนัก และกำลังลงจะมารักษาตัวที่อยุธยา

พอถึงวันชัยภพได้มารักษาตัวที่บ้าน มณีแก้วได้เข้าไปเยี่ยมและดูแลไข้ว่าที่สามีอย่างครบถ่วน นับวันอาการก็หนักขึ้นๆ จนหมอหลวงได้บอกว่า ไม่มีทางรอด

" ร้องไห้ทำไมรึ น้องมณีแก้วของพี่"

"เปล่าเจ้าค่ะน้องไม่ได้ร้อง"

นางเช็ดน้ำตา พลางเอาผ้าชุ๊บน้ำเช็ดตัวชัยภพเบาๆ

" พรุ้งนี้พี่จักบอกให้แม่อา และพ่อพี่หาวันแต่งงานของเรา"

"แต่พี่ชายป่วยน่ะเจ้าค่ะ "

" พี่ไม่เป็นไร พี่แข็งแรงดี แล้ว พี่อยากแต่งงานกับเจ้า "

ชัยภพพยามลุกขึ้น มณีแก้วเข้าไปพยุงตัวเค้าไว้ เค้า จูบที่หน้าภากมณีแก้วเบาๆ ปากที่ซีด เพราะอาการไข้ ตาที่โลย และเสียงที่แหบแห้ง มือที่เย็นเฉียบได้ จับที่แก้มมณีแก้วและ เช็ดน้ำตาที่แก้มของมณีแก้ว

"อย่าร้องน่ะคนดีของพี่ พี่ไม่เป้นไร พี่จักอยู่กับเจ้า พี่อยากได้กวดเจ้าไว้ในอ้วมกอดของพี่"

ชัยภพกอดมณีแก้วไว้ อย่างแนบแน้น หลังจากนั้น ก็ได้มีงานมงคลขึ้น แขกบ้านใกล้ไกล คนรู้จัก ได้มาร่วมงานมงคลมามากมายถึงเวลาเข้าหอ คู้บ่าวสาวก็ ได้มาอยุ่ในห้องหอ มณีแก้วผู้เป้นภรรยาได้ดูแลเอาใจใสผู้เป็นสามีอย่างครบทุกประการ

" วันนี้น้องดีใจ ที่เห็นพี่ชายดูชดชื่นกว่าทุกครั้ง และทุกวันเจ้าค่ะ"

ชัยภพหันมาแล้วยิ้มอย่างออนโยนแล้วพูดว่า

" เจ้ารู้มั้ยพี่ได้ยาดี"

"ยาดี คุณพ่อท่านหายามารักษาเจ้าพี่ได้แล้วรึเจ้าค่ะ"

ชัยภพยิ้มแล้วโอบไหล่ทั้งสองข้างของมณีแก้วมานั่งที่เตียงและหอมที่หน้าภาก ที่แก้มเบาๆ

"นี้ไงล่ะ ยาดีของพี่"

แล้วชัยภพก็นอนกอกมณีแก้วไว้ หลับไปในคืนวินมงคล ของคู้บ่าวสาว

ยิ่งนับวันอาการป่วยก็เริ่มหนักขึ้น อาการไอได้รุนแรงจนถึงขั้นเป็นเลือด มณีแก้วผู้เป็นเมียได้แต่นั้งร้องไห้ ดูความเจ็บปวดทรมานของสามี ทุกวันนางจะตื่นแต่เช้าไปใส่บาตรที่วัด และรีบกลับมาดูแลสามีอันเป็นที่รักยิ่ง ปรนนิบัติอย่าดีเสมอ

Embarassed มีต่อค่ะขอนอนก่อน แฮะๆ



 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา