แผนล่ม
-
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ งานของสมศักดิ์ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่รับฝาก ถอน ที่เคาร์เตอร์ธนาคารเล็กๆสาขาย่อยนี้ มันดูน่าเบื่อหน่ายก็จริงอยู่ แต่ก็เป็นงานที่เขาต้องทำในทุกวันและทำหน้าที่เดิมๆมาไม่ต่ำกว่าสิบปีรึอาจสิบเอ็ดปีด้วยซ้ำ ในฐานะที่เป็นคนในพื้นที่และอำเภอนี้ก็แสนเล็กเท่าแมวดิ้นตาย ทำให้เขาเป็นที่เจนหน้าเจนตาของทุกคนในพื้นที่ ข่าวมีโจรปล้นเงินธนาคารมีให้เห็นไม่เว้นในแต่ละวัน ทำให้เขานึกอยากให้มีโจรมาปล้นธนาคารที่เขาทำงานบ้าง เพื่อความตื่นเต้นเหรอ?...ใช่..เพื่อความตื่นเต้น...และเพื่ออาชีพหน้าที่การงานของเขา และ อะไรอีกบางอย่าง ที่เขาหมายมั่นปั้นมือเสียเหลือเกิน ทุกวันเขาเฝ้าดูข่าวโจรปล้นธนาคารในทีวีและภาวนาให้มันเป็นที่ธนาคารแห่งนี้สักทีแต่ดูเหมือนคำพร่ำขอของเขาไม่เคยประสพผลสำเร็จเลย
ถึงอย่างนั้นสมศักดิ์ก็ไม่เคยตัดใจไปเสียทีเดียว เขาตั้งใจรออย่างจดจ่อทุกวันๆ และกระทำการต่างๆเหมือนที่ตั้งใจเสมอมาเป็นนิจ จนเมื่อวานนี้ สิ่งที่เขาอยากให้เกิดขึ้นก็ได้ปรากฎร่างชัดเจน ช่วงบ่ายของวันจันทร์ เป็นวันที่ทางธนาคารยุ่งมากที่สุด เพราะนอกจากช่วงเช้าที่มีผู้คนต่างนำเงินสดมาฝากมากมายแล้ว ยังมีเช็คเคลียร์ริ่งต่างๆที่กำหนดให้ได้ก่อนสิบโมงเช้าอีก งานที่มีผู้คนมากมายตั้งแต่ตอนเช้าได้ยืดเวลากินยาวไปนานกว่าบ่ายสอง ก็ยังดูเหมือนไม่เสร็จสิ้นเสียที
ในขณะนั้นเอง ที่มีผู้คนจอแจอยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับเบียดเสียดยัดเหยียดเหมือนช่วงเช้า ได้มีบุรุษคนหนึ่งเดินตรงแหน่วมาที่เคาร์เตอร์ช่องที่สมศักดิ์ประจำอยู่ และยื่นกระดาษเล็กๆส่งให้เขาอ่าน
"นี่คือการปล้น...อย่าส่อหรือส่งพิรุจใดๆให้ผู้อื่นรู้เด็ดขาด...ไม่งั้นแกโดนยิงทะลุอกแน่.." สมศักดิ์แอบลอบมองที่กระเป๋าเสื้อคลุมเหมือนพวกแมสเส็จเจอร์ทั่วๆไปสวมใส่ มันมีวัตถุบางอย่างชี้ตรงมาที่เขาและเดาได้ว่าเป็นปากกระบอกปืนแน่นอนอย่างไม่มีปัญหาให้สงสัย แถมไอ้โจรนั่นก็จ้องตรงมาที่เขา เหมือนเป็นการย้ำเตือนในความตั้งใจจริงของมัน จนเขารู้สึกได้ถึงความตายที่ใกล้ราวหายใจรดที่ต้นคอ อะไรบ้างนะที่คำแนะนำของวิทยากรในการอบรมหนก่อนได้ว่าไว้ สมศักดิ์คิด......
สมศักดิ์สงบสติอารมณ์ตามแบบฉบับที่ได้รับการอบรมมา ซึ่งเป็นนโยบายของทางธนาคาร ที่พนักงานทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับโจรพวกนี้อย่างสุขุมและมีสติที่สุดเพื่อรักษาชีวิตของลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และชีวิตของตัวเอง เขาพยายามจดจำรายละเอียดทุกอย่างของโจรร้ายนี้ให้ได้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย "ครับ" สมศักดิ์รับคำโจร โจรได้ยื่นแบบฟรอม์การเบิกเงินมาตรงหน้าเขา แต่ในแบบฟรอม์นั้นกลับมีลายมือขยุกขยิกเขียนว่า "เอาแต่เงินสดไม่เรียงตัวเลข เร็วๆด้วย " สมศักดิ์นึกกระหยิ่มในใจ เพราะว่าเขาเป็นคนรอบครอบ ทำให้ทุกเช้าก่อนที่เข้าประจำคอกทำงาน เขาจะแบ่งเงินออกไว้เป็นสองส่วนทุกวัน และแต่ละส่วนจะแบ่งเป็นเงินสดรับมาจากการฝากในแต่ละวันมาก็แยกไว้อีกกองในช่องเก็บ และอีกกองในช่องเดียวกันจะเป็นการเตรียมเผื่อแลก เพราะลูกค้ามักชอบนำเงินเก่ามาแลกเป็นใบใหม่ หรือแลกเพื่อเป็นธนบัตรย่อยในกรณีพ่อค้าแม่ขายหากไม่มีเหตุการณ์อะไรพอเลิกงานเขาก็จะนำเงินทั้งสองกองนั้นรวมกันเข้าเก็บและจำนวณตรวจนับก็ครบเสมอ จากการที่เขาเตรียมการณ์ไว้เป็นอย่างดีทุกวันนี้เอง ทำให้เขามีเวลาพอที่จะหย่อนธนบัตรปึกหนาที่ไม่มีตัวเลขเรียงลงถุงเล็กๆใต้เคาร์เตอร์ได้แบบไม่มีใครสงสัยหรือสังเกตุได้
ก่อนจะส่งซองสีน้ำตาลแบบที่ธนาคารใช้ทั่วไปใส่เงินที่เบิกเป็นจำนวณมากๆให้กับ"ไอ้คุณโจร"นั่นไป สมศักดิ์ได้เอ่ยกับโจรเบาๆพอได้ยินกันสองคนผ่านหน้าเคาร์เตอร์ว่า .."คุณครับ ผมว่าอย่าเดินออกทางประตูหน้าเลยนะครับ เดินออกทางด้านหลังดีกว่า" โจรมองหน้าสมศักดิ์ตรงๆ แล้วส่งเสียงกรรโชกผ่านรอดไรฟันว่า "แกคิดว่าลูกไม้ตื้นๆของแกจะใช้ได้กะข้าเหรอ แกจะส่งสัญญาณให้พวกแกรู้สิวะ?ว่าข้ามาปล้นแก" ว่าแล้วเจ้าโจรก็เดินออกไปทางประตูหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอโจรพ้นประตูออกไป สมศักดิ์ได้กดสัญญาณขึ้น แต่กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไอ้โจรนั่นก็เผ่นแน่บขึ้นมอเตอร์ไซต์หนีไปแล้ว งานนี้ตำรวจต่างสะกัดโจรไม่ได้แม้แต่เฉียด...
... มีผู้คนหลายหลากอาชีพวนเวียนมาสอบถามสมศักดิ์ในบ่ายวันนั้นทั้งเจ้านายระดับสูงของทางธนาคาร ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายของธนาคาร นี่ยังไม่รวมถึงเพื่อนๆร่วมงานกว่าสิบชีวิต ที่ต่างถูกนำตัวเข้าสอบถามแบบ"ปิดห้อง"ทีละคนทุกคน และแต่ละคนต่างก็รู้สึกตกอกตกใจไปกันหมด กว่าจะโดนปล่อยตัวกลับบ้านได้ก็เกือบสามทุ่มเศษๆ
สมศักดิ์นอนเอามือจับซองเงินจำนวณเกือบล้านไว้ ตามองเพดานห้องนอน คราวนี้ล่ะที่เขาจะไม่เบื่อ เงินจำนวณนี้ควรเป็นของเขา เพราะเขานับมันทุกวัน คนที่นับเงินแบบนี้คือเจ้าเงินสิ เขาคิดอย่างกระหยิ่มใจ เราเองก็เก่งนะ ทำงานแค่สิบกว่าปีมีเงินเก็บเกือบล้าน......ถือว่าเป็นของขวัญละกัน
ชีวิตที่อยู่กับแม่เพียงลำพังในบ้านหลังขนาดย่อมๆทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่มีเงินนอนถุงไว้ใช้ตั้งเกือบล้าน ....ความสุขส่งอายหอมระบายไปทั่งห้องนอนเล็กๆที่เขาอยู่คนเดียวมานาน เห็นทีเขาต้องหาใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว สมศักดิ์คิด พลางนึกถึงหน้าน้องบางคนในที่ทำงานที่เขาแอบพึงพอใจเธอเงียบๆมาแรมปี แต่ไม่เคยกล้าจะทักทายเพียงแค่คำง่ายๆ
เช้าถัดมาอีกวัน สมศักดิ์มาทำงานตามปกติเพราะทางธนาคารไม่ได้ปิด เรื่องต่างๆเคลียร์ไปทำงานไปตามแบบฉบับของรูปแบบงานที่มีมาตรฐาน พอเวลาเก้าโมงครึ่ง สมศักดิ์ถูกเรียกตัวเข้าไปพบผู้จัดการสาขาด่วน เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็คิดว่า คงไม่เป็นไร เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเอาผิดเขาได้
.."คุณสมศักดิ์.." ผู้จัดการเอ่ยเสียงเรียบ
"ครับ" สมศักดิ์เอ่ยรับคำ ยืนตรงนิ่งไม่มีอาการอะไร ผู้จัดการเพ่งมองสมศักดิ์อย่างพึ่งพอใจ แย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยปากบอกว่า
"คุณเป็นคนทำงานที่ทางเรามุ่งหวังจริงๆ คุณแก้ปัญหาได้ดี แถมมีสติรอบครอบ สมแล้วที่คุณจะได้รับตำแหน่งที่ดีกว่าเดิม ให้สมกับที่ทำงานมานาน ผลงานของคุณเมื่อวาน กำลังตอบแทนคุณแล้ว ผมเสนอให้คุณเป็นผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อ คุณจะว่าอย่างไร คุณสมศักดิ์"
สิ่งที่ผู้จัดการพูดทำเอาหัวของเขาหมุนติ้ว....อะไรนะ เขากำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการเชียวนะ ไม่ใช่ตำแหน่งกระจอกๆหน้าเคาร์เตอร์อีกแล้ว มีห้องทำงานส่วนตัว เงินเดือนเพิ่มขึ้น มีรถยนต์ประจำตำแหน่ง เขาแทบอดแสดงสีหน้าปลาบปลื้มออกมาไม่ได้
ขณะนั้นเอง ประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายและบรุษแปลกหน้าเดินก้าวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ แต่ไม่สิผู้ชายคนนี้หน้าเหมือน ... เหมือนโจรคนเมื่อวานมาก จนสมศักดิ์หน้าซีดเผือด! ก่อนที่สมศักดิ์จะหน้ามืดและวูบไปเพราะอาการกลัวความผิดอย่างสุดขีด หนึ่งในสามก็กล่าวว่า
"ผมคงต้องเรียนให้คุณทราบว่า...แผนการซ้อมปล้นเมื่อวานได้ผลดีครับ" ผู้ชายคนนั้นกล่าวกับผู้จัดการสีหน้าเรียบเฉย
"อ้าว..ที่เกิดการปล้นเมื่อวานเป็นการซ้อมหรอกหรือครับ" ผู้จัดการธนาคารเอ่ยถาม "ครับถูกต้องครับ แต่มีเงินจำนวนหนึ่งหายไป...คุณคงต้องตรวจสอบเจ้าหน้าที่ธนาคารอีกครั้ง." นายตำรวจมียศร้อยเอกกล่าวกับผู้จัดการธนาคาร พลางเลือบตามองสมศักดิ์ดังค้นหาคำตอบ. แล้วสมศักดิ์ก็เป็นลมหมดสติไป.
ถึงอย่างนั้นสมศักดิ์ก็ไม่เคยตัดใจไปเสียทีเดียว เขาตั้งใจรออย่างจดจ่อทุกวันๆ และกระทำการต่างๆเหมือนที่ตั้งใจเสมอมาเป็นนิจ จนเมื่อวานนี้ สิ่งที่เขาอยากให้เกิดขึ้นก็ได้ปรากฎร่างชัดเจน ช่วงบ่ายของวันจันทร์ เป็นวันที่ทางธนาคารยุ่งมากที่สุด เพราะนอกจากช่วงเช้าที่มีผู้คนต่างนำเงินสดมาฝากมากมายแล้ว ยังมีเช็คเคลียร์ริ่งต่างๆที่กำหนดให้ได้ก่อนสิบโมงเช้าอีก งานที่มีผู้คนมากมายตั้งแต่ตอนเช้าได้ยืดเวลากินยาวไปนานกว่าบ่ายสอง ก็ยังดูเหมือนไม่เสร็จสิ้นเสียที
ในขณะนั้นเอง ที่มีผู้คนจอแจอยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับเบียดเสียดยัดเหยียดเหมือนช่วงเช้า ได้มีบุรุษคนหนึ่งเดินตรงแหน่วมาที่เคาร์เตอร์ช่องที่สมศักดิ์ประจำอยู่ และยื่นกระดาษเล็กๆส่งให้เขาอ่าน
"นี่คือการปล้น...อย่าส่อหรือส่งพิรุจใดๆให้ผู้อื่นรู้เด็ดขาด...ไม่งั้นแกโดนยิงทะลุอกแน่.." สมศักดิ์แอบลอบมองที่กระเป๋าเสื้อคลุมเหมือนพวกแมสเส็จเจอร์ทั่วๆไปสวมใส่ มันมีวัตถุบางอย่างชี้ตรงมาที่เขาและเดาได้ว่าเป็นปากกระบอกปืนแน่นอนอย่างไม่มีปัญหาให้สงสัย แถมไอ้โจรนั่นก็จ้องตรงมาที่เขา เหมือนเป็นการย้ำเตือนในความตั้งใจจริงของมัน จนเขารู้สึกได้ถึงความตายที่ใกล้ราวหายใจรดที่ต้นคอ อะไรบ้างนะที่คำแนะนำของวิทยากรในการอบรมหนก่อนได้ว่าไว้ สมศักดิ์คิด......
สมศักดิ์สงบสติอารมณ์ตามแบบฉบับที่ได้รับการอบรมมา ซึ่งเป็นนโยบายของทางธนาคาร ที่พนักงานทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับโจรพวกนี้อย่างสุขุมและมีสติที่สุดเพื่อรักษาชีวิตของลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และชีวิตของตัวเอง เขาพยายามจดจำรายละเอียดทุกอย่างของโจรร้ายนี้ให้ได้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย "ครับ" สมศักดิ์รับคำโจร โจรได้ยื่นแบบฟรอม์การเบิกเงินมาตรงหน้าเขา แต่ในแบบฟรอม์นั้นกลับมีลายมือขยุกขยิกเขียนว่า "เอาแต่เงินสดไม่เรียงตัวเลข เร็วๆด้วย " สมศักดิ์นึกกระหยิ่มในใจ เพราะว่าเขาเป็นคนรอบครอบ ทำให้ทุกเช้าก่อนที่เข้าประจำคอกทำงาน เขาจะแบ่งเงินออกไว้เป็นสองส่วนทุกวัน และแต่ละส่วนจะแบ่งเป็นเงินสดรับมาจากการฝากในแต่ละวันมาก็แยกไว้อีกกองในช่องเก็บ และอีกกองในช่องเดียวกันจะเป็นการเตรียมเผื่อแลก เพราะลูกค้ามักชอบนำเงินเก่ามาแลกเป็นใบใหม่ หรือแลกเพื่อเป็นธนบัตรย่อยในกรณีพ่อค้าแม่ขายหากไม่มีเหตุการณ์อะไรพอเลิกงานเขาก็จะนำเงินทั้งสองกองนั้นรวมกันเข้าเก็บและจำนวณตรวจนับก็ครบเสมอ จากการที่เขาเตรียมการณ์ไว้เป็นอย่างดีทุกวันนี้เอง ทำให้เขามีเวลาพอที่จะหย่อนธนบัตรปึกหนาที่ไม่มีตัวเลขเรียงลงถุงเล็กๆใต้เคาร์เตอร์ได้แบบไม่มีใครสงสัยหรือสังเกตุได้
ก่อนจะส่งซองสีน้ำตาลแบบที่ธนาคารใช้ทั่วไปใส่เงินที่เบิกเป็นจำนวณมากๆให้กับ"ไอ้คุณโจร"นั่นไป สมศักดิ์ได้เอ่ยกับโจรเบาๆพอได้ยินกันสองคนผ่านหน้าเคาร์เตอร์ว่า .."คุณครับ ผมว่าอย่าเดินออกทางประตูหน้าเลยนะครับ เดินออกทางด้านหลังดีกว่า" โจรมองหน้าสมศักดิ์ตรงๆ แล้วส่งเสียงกรรโชกผ่านรอดไรฟันว่า "แกคิดว่าลูกไม้ตื้นๆของแกจะใช้ได้กะข้าเหรอ แกจะส่งสัญญาณให้พวกแกรู้สิวะ?ว่าข้ามาปล้นแก" ว่าแล้วเจ้าโจรก็เดินออกไปทางประตูหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอโจรพ้นประตูออกไป สมศักดิ์ได้กดสัญญาณขึ้น แต่กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไอ้โจรนั่นก็เผ่นแน่บขึ้นมอเตอร์ไซต์หนีไปแล้ว งานนี้ตำรวจต่างสะกัดโจรไม่ได้แม้แต่เฉียด...
... มีผู้คนหลายหลากอาชีพวนเวียนมาสอบถามสมศักดิ์ในบ่ายวันนั้นทั้งเจ้านายระดับสูงของทางธนาคาร ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายของธนาคาร นี่ยังไม่รวมถึงเพื่อนๆร่วมงานกว่าสิบชีวิต ที่ต่างถูกนำตัวเข้าสอบถามแบบ"ปิดห้อง"ทีละคนทุกคน และแต่ละคนต่างก็รู้สึกตกอกตกใจไปกันหมด กว่าจะโดนปล่อยตัวกลับบ้านได้ก็เกือบสามทุ่มเศษๆ
สมศักดิ์นอนเอามือจับซองเงินจำนวณเกือบล้านไว้ ตามองเพดานห้องนอน คราวนี้ล่ะที่เขาจะไม่เบื่อ เงินจำนวณนี้ควรเป็นของเขา เพราะเขานับมันทุกวัน คนที่นับเงินแบบนี้คือเจ้าเงินสิ เขาคิดอย่างกระหยิ่มใจ เราเองก็เก่งนะ ทำงานแค่สิบกว่าปีมีเงินเก็บเกือบล้าน......ถือว่าเป็นของขวัญละกัน
ชีวิตที่อยู่กับแม่เพียงลำพังในบ้านหลังขนาดย่อมๆทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่มีเงินนอนถุงไว้ใช้ตั้งเกือบล้าน ....ความสุขส่งอายหอมระบายไปทั่งห้องนอนเล็กๆที่เขาอยู่คนเดียวมานาน เห็นทีเขาต้องหาใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว สมศักดิ์คิด พลางนึกถึงหน้าน้องบางคนในที่ทำงานที่เขาแอบพึงพอใจเธอเงียบๆมาแรมปี แต่ไม่เคยกล้าจะทักทายเพียงแค่คำง่ายๆ
เช้าถัดมาอีกวัน สมศักดิ์มาทำงานตามปกติเพราะทางธนาคารไม่ได้ปิด เรื่องต่างๆเคลียร์ไปทำงานไปตามแบบฉบับของรูปแบบงานที่มีมาตรฐาน พอเวลาเก้าโมงครึ่ง สมศักดิ์ถูกเรียกตัวเข้าไปพบผู้จัดการสาขาด่วน เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็คิดว่า คงไม่เป็นไร เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเอาผิดเขาได้
.."คุณสมศักดิ์.." ผู้จัดการเอ่ยเสียงเรียบ
"ครับ" สมศักดิ์เอ่ยรับคำ ยืนตรงนิ่งไม่มีอาการอะไร ผู้จัดการเพ่งมองสมศักดิ์อย่างพึ่งพอใจ แย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนเอ่ยปากบอกว่า
"คุณเป็นคนทำงานที่ทางเรามุ่งหวังจริงๆ คุณแก้ปัญหาได้ดี แถมมีสติรอบครอบ สมแล้วที่คุณจะได้รับตำแหน่งที่ดีกว่าเดิม ให้สมกับที่ทำงานมานาน ผลงานของคุณเมื่อวาน กำลังตอบแทนคุณแล้ว ผมเสนอให้คุณเป็นผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อ คุณจะว่าอย่างไร คุณสมศักดิ์"
สิ่งที่ผู้จัดการพูดทำเอาหัวของเขาหมุนติ้ว....อะไรนะ เขากำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการเชียวนะ ไม่ใช่ตำแหน่งกระจอกๆหน้าเคาร์เตอร์อีกแล้ว มีห้องทำงานส่วนตัว เงินเดือนเพิ่มขึ้น มีรถยนต์ประจำตำแหน่ง เขาแทบอดแสดงสีหน้าปลาบปลื้มออกมาไม่ได้
ขณะนั้นเอง ประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายและบรุษแปลกหน้าเดินก้าวเข้ามาอย่างถือวิสาสะ แต่ไม่สิผู้ชายคนนี้หน้าเหมือน ... เหมือนโจรคนเมื่อวานมาก จนสมศักดิ์หน้าซีดเผือด! ก่อนที่สมศักดิ์จะหน้ามืดและวูบไปเพราะอาการกลัวความผิดอย่างสุดขีด หนึ่งในสามก็กล่าวว่า
"ผมคงต้องเรียนให้คุณทราบว่า...แผนการซ้อมปล้นเมื่อวานได้ผลดีครับ" ผู้ชายคนนั้นกล่าวกับผู้จัดการสีหน้าเรียบเฉย
"อ้าว..ที่เกิดการปล้นเมื่อวานเป็นการซ้อมหรอกหรือครับ" ผู้จัดการธนาคารเอ่ยถาม "ครับถูกต้องครับ แต่มีเงินจำนวนหนึ่งหายไป...คุณคงต้องตรวจสอบเจ้าหน้าที่ธนาคารอีกครั้ง." นายตำรวจมียศร้อยเอกกล่าวกับผู้จัดการธนาคาร พลางเลือบตามองสมศักดิ์ดังค้นหาคำตอบ. แล้วสมศักดิ์ก็เป็นลมหมดสติไป.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ