ต้อยติ่งซินโดรม
เขียนโดย jundee
วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14.43 น.
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 15.54 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) มุสา...ฯ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพักนี้ต้อยมีกิจกรรมหลังเลิกงานเพิ่มขึ้นอีกอย่างคือ ไปหาสาวร้านสกรีนเสื้อหน้าปากซอย เราไม่เคยเห็นหน้า แต่ได้ข่าวมาจากพี่ทันบ้านตรงข้ามว่า "งามไม่หยอกเหมือนกัน" ก็เชื่อนะ เพราะต้อยเองไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไร ออกหล่อด้วยซ้ำ ตอนที่เค้าทำอัลบัมส่วนตัวเสร็จ น้องชายเรา(ทำงานเป็นช่างภาพให้สตูดิโอแคสติ้งแห่งหนึ่ง) ถ่ายรูปทำหน้าปกแผ่นให้ เรายังชมเลยว่า ดูเผินๆเหมือน ปอทฤษฎีเลยล่ะ เพราะต้อยไม่เที่ยวกลางคืน(หากมีคนชวนและเลี้ยงค่อยไป)ไม่สูบบุหรี่ ไม่(ซื้อ)ดื่มเหล้า ไม่(ซื้อ)ดื่มเบียร์ และออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่งทุกวัน(เพราะมัน ไม่มีอะไรทำมากกว่านี้) ทำให้สุขภาพดีมากๆ ปากแดงเองโดยธรรมชาติ ผิวที่ออกขาวผิดพ่อผิดแม่ หน้าที่มีเหลี่ยมก็ถูกบดบังด้วยทรงผมที่ทันสมัยสุดๆ(เมื่อ4-5ปีที่แล้ว) ภาพโดยรวมแล้ว ต้อยดูดีมาก ยิ่งจะดีมาก หากต้อยไม่พูดอะไรเลย รับรองสาวตรึม แต่หากคุยกันสักพักจะรู้ว่าต้อยจัดอยู่ในประเภท "ฟอร์เร้สกั๊ม" ที่ชื่อไทยเขาแปลว่า อัจฉริยะปัญญานิ่ม หนังดังที่ฉายเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา มีทอม แฮงค์เป็นพระเอกของเรื่อง
ในช่วงนั้น นอกจากจักรยานคันใหม่ที่ต้อยขอให้หม่ามี๊เรารูดปื้ดๆ(อิออน)ให้แล้ว ก็ยังมีมือถืออีกเครื่องที่ต้อยมีเอาไว้ใช้ call to สาวๆของตัวเอง ที่ใช้คำว่าสาวๆ ไม่ได้เขียนผิดนะคะ เรื่องจริงเลยที่ต้อยมีสาวคบเอาไว้ถึง3คน ที่ทำงานมีคน ที่ปากซอยมีคน แล้วก็ร้านคาราโอเกะ ที่ต้อยไปซ้อมลูกคอทุกวันศุกร์ แต่ก็จะมีเพียงคนเดียวที่ต้อยออก "อาการ"เกรงใจ คือสาวปากซอยที่ว่า ช่วงใกล้ปีใหม่ที่ทำงานต้อยมีงานเลี้ยงบ่อย ทำให้ต้อยไถลไปบ้างคือประมาณว่าติดลมค่ะ กินเลี้ยงกัน ยังไม่ได้ร้องเพลงเลยคนอื่นแย่งร้องหมด แล้วก็ถึงเวลากลับแล้ว ทำให้ต้อยเกิดอาการอยากร้องก่อนถึงจะนอนหลับได้ แถไปร้านคาราโอเกะบ่อยมากขึ้น มากขึ้น...จนเกือบเป็นทุกคืน แล้วพักหลังๆมีเพื่อนร่วมก๊วนชื่อเฮียปี้ไปด้วย เหมือนน้ำมันกับไฟค่ะ เข้ากั๊นเข้ากัน ในทางหายนะด้วย
เมื่อไปบ่อยๆ เงินก็หมดเร็วกว่าปกติสิคราวนี้ จากที่ไม่เคยโกหก ต้อยก็เริ่มเป็นคนโกหก โดยมีเฮียปี้เป็นแบ๊กกราว์ คอยเสี้ยมเขาที่มีอยู่แล้วให้มันยาวชัดเจนกว่าเดิมให้(ฮา) สาวชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดช่วงปีใหม่ ต้อยรับปากดิบดี อยากไปบ้านสาวล่ะ แต่การไปบ้านพ่อแม่เขาก็ต้องไปอย่างสมน้ำสมเนื้อ มีโน่นนี่นั่นติดไม้ติดมือไปฝากผู้ใหญ่บ้าง มีเงินแจกให้หลานตัวเล็กๆที่มักวิ่งมาขอเงินคน"กรุงเทพฯ"ไปซื้อหนมบ้างโดยไม่เสียหน้า
เมื่อวันนัดใกล้เข้ามา ต้อยใช้เงินหมดไปแล้ว ทั้งโบนัสทั้งเงินเดือนเกือบสามหมื่นบาท โดนเฮียปี้เอาคาราโอเกะมาล่อทุกคืนๆ มันจะเหลืออะไรล่ะคะ
ทำให้ต้อยตัดสินใจไม่ไปบ้านสาว แต่จะบอกว่าไม่มีเงินก็ไม่ได้ เพราะมันเสียศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย เลยต้อง มุสาฯ ไปว่า แม่โทรฯมา สั่งให้กลับบ้านที่อุบลด่วน เพราะที่บ้านไม่เห็นหน้านานแล้ว แม่คิดถึง จะเอาเงินไปให้แกใช้ด้วย ..น้าน.น. .. โกหกซะเป็นคนดีเลย ต้อย!
สาวเจ้าเชื่อค่ะ ไม่รบเร้าอะไร เห็นว่าต้อยเองก็มีพ่อแม่ให้ไปหาเหมือนกันกับตัว ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ดีนะคะ พยักหน้ารับ แต่ขอให้ต้อยสัญญาว่าต้องโทรฯหากันทุกวันนะ ต้อยรับปาก
ปีใหม่ที่กรุงเทพซอยเล็กๆนี่ก็สนุกดี เพราะรวมตัวกันจัดงาน มันตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอยเลยค่ะ ยิ่งแถวบ้านเรากับน้ายิ่งสนุกใหญ่ เพราะคนต่างจังหวัดเยอะ กินจนอาม่าอาอี๊อาซิ้ม อีงงว่าไอ้พวกนี้มันเอากระเพาะที่ใหนใส่ คนที่happyที่สุดคือเจ้ร้ายขายของ3คืนแกขายของยันเช้าทู้กวัน เพราะ7-11มีกำหนดตามกาลเวลาว่า ขายแอลกอออล์ได้ แค่11.00น-14.00น.และ17.00น.-24.00น. แต่แกไม่มี แค่เคาะลูกกรงเหล็ก ยืนเงินมาขวดเหล้าเบียร์ค่อยไป จนลังเปล่าท่วมลามมาถึงหน้าร้านเรา วันที่3มกราคม2549 เวลา16.00น.ต้อยโดนผู้สาวบอกเลิก ! ทางโทรศัพย์.!
เรื่องคือว่า วันนั้นสี่โมงเย็นตรงต้อยต้องโทรฯไปหาสาวตามปกติที่ทำทุกวัน แต่วันนั้นเครื่องเสียงบ้านเฮียอีกคนใกล้ๆกันดังมาก ต้อยกลัวไม่เนียน เลยเปลี่ยนทำเลโทรหาจากที่บ้าน ไปยืนโทรฯหน้า7-11แทน เพราะ4โมง ไม่มีขี้เมาคนใหนไปยืนเอนหน้าแอ่นหลังแน่ๆ เงียบสงบ เหมือนอยู่ทุ่งนาริมถนนที่อาจมีเสียง มอไซต์วิ่งบ้างไม่แปลก!! ต้อยหายไปสักพักใหญ่ๆ ก็เดินคอตกมาบ้าน เรานอนดูทีวีอยู่ชั้นล่างเห็นอาการเลยถาม " เป็นอะไรล่ะ.."
ช่าง เป็นคำถามที่เหมือนเป็นการปลดปล่อยต้อยมากๆ ..
"พี่จัน ...สาวที่อยู่กรุงเทพนานๆนี่ มันฉลาดเน้าะพี่.. " เรามองหน้าน้องต่างมารดา พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยแบบไม่รู้เค้าโคลงเรื่อง
"พี่รู้มั๊ย แฟนผมเค้าว่าผมสารพัดเลย ไอ้ตอแหล ไอ้ลวงโลก ไอ้ผิดคำพูด... นี่นะ มันลามไปถึงเรื่องที่ผมออกไปเที่ยวด้วยนะ มันรู้ได้ไงไม่ลุ!... พี่ จัน ผมอยากยืนยันว่าผมอยู่อุบลจริงๆ ผมบอกว่าผมกลับอุบลกับพี่ ขอผมยืมมือถือพี่หน่อยสิ จะเอาเบอร์พี่โทร มันจะได้เชื่อ"
ด้วยความสงสารน้อง "อื้มเอาสิ เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้" เราลุกจากโซฟาขึ้นไปห้องนอนชั้นบนหยิบมือถือลงมา
ยื่นให้ แต่บอกต้อยว่า "เงินมันเหลือไม่มากนะ 20บาทมั๊ง.." ต้อยบอกว่า " ไม่เป็นไรพี่เดี๋ยวผมเติมเอง ตะกี้แลกเหรียญสิบไว้หยอดตู้คุยกับ......(ชื่อแฟนต้อย).ตั้งสองร้อยเหลืออยู่50บาทแน่ะ"
" หา!!!! อะไรนะ แกบอกว่าแกหยอดเหรียญโทรหาเค้าเหรอ???...."
"ครับพี่"
"ไอ้ฟายยยเอ๊ย!!! มันก้อโชว์02สิวะ ต่อให้แกอมบริเวณวัดมาพูด ใครจะไปเชื่อแก เอามือถือชั๊นคืนมาเลย เดี๋ยวชั้นโดนแฟนแกด่าอีกคน....ไอ้ฟายยยย.."
จบ............
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ