กาเบรียล ไนต์ ภาค แหวนแห่งมิติ

-

เขียนโดย GUEST1759244270

วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 22.02 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  124 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2568 22.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ความทรงจำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“รับไปสิ” มือหนึ่งยื่นแหวนวงหนึ่งมาตรงหน้า

            “พ่อแม่สอนไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้า” เด็กชายวัยสิบขวบที่ดูแก่แดดเกินวัยตอบชายชราท่าท่างใจดีที่อยู่ตรงหน้า

            “ผมไม่รู้จักคุณตา” ดวงตามองขึ้นสบชายชรา แม้จะรู้สึกสนใจสิ่งที่ผู้สูงวัยยื่นให้ แต่เขายังยืนยันคำเดิม

            “ความจริงเราเป็นญาติกัน แต่พ่อของเจ้าดันทำเรื่องให้มันยุ่งยาก เราเลยไม่ได้เจอกัน” ชายชรากล่าว

            “ทำไมผมต้องเชื่อคุณตา” เด็กชายกอดอกถาม

            “พ่อเจ้าไม่เล่าอะไรให้ฟังบ้างเลยรึ”

            “ตาพูดอะไร ความจริงตาเป็นสายลับ  มาลักพาตัวผมใช่ไหม”

            “หา !”

            ชายชราอุทาน ตามด้วยเสียงหัวเราะก่อนที่จะยอมเก็บแหวนใส่ลงในกระเป๋าเสื้อคลุมสีดำ

            “ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

            “เพราะตาสามารถมายืนคุยกับผมได้โดยที่บอดี้การ์ดของผมไม่โผล่มาเลยสักคนเดียว ฝีมือน่าจะไม่ธรรมดา” เด็กชายที่ฉลาดเกินวัยตอบผู้อาวุโสตรงหน้า

            ใบหน้าที่มีริ้วรอยตามวัยมองเพ่งพินิจไปที่ใบหน้าของเด็กน้อยตรงหน้ามากขึ้นก่อนจะเอ่ย

            “สรุปจะเอาไหม แหวนวงนี้”

            “ไม่อ่ะ ผมไม่รับของจากคนไม่รู้จัก” เด็กน้อยยังยืนยัน

            “รู้ไหมว่ามันมีค่ามากแค่ไหน”

            “พ่อแม่ของผมรวยมาก ถ้าอยากได้ให้พวกท่านซื้อให้ก็ได้ อีกอย่างผมแค่เด็กสิบขวบ จะใส่แหวนหน้าตาโบราณแบบนี้ไปทำไมล่ะตา เชยจะตาย”

            “ตามใจ แต่ไม่มีใครหลีกหนีโชคชะตาพ้นหรอกนะเจ้าหนู”

            “ตายังจะลักพาตัวผมอีกเหรอ”

            “คงไม่ล่ะ เพราะสักวัน  เจ้าจะเป็นฝ่ายมาหาฉันเอง” กล่าวจบชายชราในชุดคลุม  สีดำก็หายวับไปกับตา เด็กน้อยตรงหน้าผู้มีไอคิวเข้าขั้นอัจฉริยะได้แต่ยืนตะลึง และกำลังเค้นสมองหาคำตอบที่วิทยาศาสตร์จะสามารถอธิบายได้ ก่อนที่ดวงตาจะพร่าเลือนและสติสัมปชัญญะของเขาจะดับวูบไป

           

            บนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียง ผมสีน้ำตาลเข้มของเขาแลดูยุ่งเหยิง และนัยน์ตาสีเทาก็ยังทอประกายแห่งความสับสน  ฝันอีกแล้ว เขาฝันแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งเหตุการณ์ในความฝันก็จบแบบเดิม มันคือความฝัน?  ใช่สิ  มันต้องเป็นความฝัน เพราะเขาจำไม่ได้ว่าในชีวิตเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริง ย่อมแปลว่ามันคือความฝัน เพราะเขาคือ กาเบรียล วิคเตอร์  ไนต์ อัจฉริยะที่มี  ไอคิวสูงถึง 160 ความจำย่อมไม่ต้องพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ข้อความ หรืออะไรก็ตามที่ผ่านตาเขาแค่รอบเดียว เขาสามารถจดจำเนื้อหาได้ทั้งหมด และไม่ลืม

            เสียงเคาะประตูดังสามครั้ง  ก่อนที่ประตูจะเปิดออกแล้วมีร่างกำยำที่เข้าสู่วัยกลางคนของชายคนหนึ่งก้าวเข้ามา

            “อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนู”

            “เมื่อไหร่จะเลิกเรียกคุณหนูสักทีนะลุงเจค  ผมโตจนจะเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว” เสียงบ่นอย่างเหม็นเบื่อที่มีให้กับพ่อบ้าน ควบตำแหน่งหัวหน้าบอดี้การ์ด  และตำแหน่งพี่เลี้ยงกิตติมศักดิ์ตั้งแต่เกิดของเขา

            “ผมเรียกแบบนี้มาตั้งแต่คุณหนูเกิด”

            “แล้วเปลี่ยนใหม่ได้ไหมเล่า” กาเบรียลพูดพร้อมย่นคิ้ว

            “ไม่ครับ” เจคอบตอบหน้าตาย

            “ฮึ่ม ! ไปเรียนมหาวิทยาลัย  ผมจะไปอยู่หอพัก เบื่อขี้หน้าทั้งลุงทั้งตาแก่คลั่งรักภรรยาตลอดเวลาคนนั้น”

            “คุณท่านกับคุณผู้หญิงไปล่องเรือเที่ยวรอบโลกแล้วครับ”

            “อะไรนะ! พวกเขากล้าทิ้งลูกชายคนเดียวไว้แบบนี้เรอะ” กาเบรียลร้องอย่างหัวเสีย แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็เป็นเหมือนหมาหัวเน่าสำหรับคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ ที่พยายามยึดเอาเวลาของผู้เป็นแม่ไปจากเขา ตั้งแต่เขาอายุสามขวบที่มีแววจะเห็นถึงความเป็นอัจฉริยะ ตาแก่นั่นก็เริ่มส่งเขาไปเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ทั้ง ภาษาที่ สี่ ห้า หก  เรียนศิลปะการสู้แทบจะทุกรูปแบบ ค่ายเสริมทักษะความสามารถที่เขาต้องไปในทุกปิดเทอม ตั้งแต่อยู่เกรด 1 ด้วยข้ออ้างว่า   เห็นถึงความสามารถ ไหนจะส่งเลขาส่วนตัวมาสอนงานและสอนให้เขาเรียนรู้ธุรกิจครอบครัวที่เป็นธุรกิจสายการบินทั่วโลก ตั้งแต่เขาอายุ 10 ขวบ ด้วยเหตุผลว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียว ต่อไปทุกอย่างต้องเป็นของเขา เขาต้องรีบเรียนรู้ไว้แต่เนิ่น ๆ เพียงเพื่อจะได้รีบโยนงานมาให้เขาไว ๆ และไปใช้เวลาอยู่กับภรรยาสุดที่รักของตัวเองสองต่อสองน่ะสิ

            “คุณท่านว่าเดี๋ยวคุณหนูเองก็จะมีเรื่องให้ทำ ยุ่งจนไม่มีเวลาว่างมานั่งเหงาหรือบ่นให้คุณท่านครับ” อดีตนาวิกโยธินที่ผันตัวมาเป็นพ่อบ้านกล่าว

            “ฮึ! ก็คงอย่างนั้น อีกเดือนเดียวผมก็ต้องเข้าเรียนแล้ว  ไหนจะต้องศึกษางานที่ตาแก่นั่นทิ้งไว้ให้อีก คงจะมีเวลาว่างหรอก”

            กาเบรียลกำลังจะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก โดยเรียนในสาขาการบริหารธุรกิจควบคู่กับวิศวกรรมเครื่องกล  ซึ่งโดยทั่วไป  ไม่มีเด็กคนไหนที่สามารถเข้าเรียนพร้อมกันสองสาขาวิชาแบบนี้ได้  แต่เนื่องจากความสามารถในการสอบเข้าที่เป็นอันดับหนึ่ง  สามารถทำคะแนนได้เต็มทั้งสองสาขาวิชา  แบบที่ไม่เคยมีนักเรียนคนใดทำได้มาก่อน  บวกกับอิทธิพลของตาแก่นั่น  จึงทำให้มหาวิทยาลัยร่างโครงการพิเศษขึ้นมาเพื่อส่งเสริมความสามารถเด็กที่มีพรสวรรค์เป็นเลิศ  ซึ่งก็คือเขานั่นแหละ  ส่วนเหตุผลที่ทำไมเขาต้องเลือกเรียนพร้อมกันแบบนี้ เพราะตาแก่บ้าอำนาจนั่นบังคับให้เขาเรียนการบริหารเพื่อมาสานต่อธุรกิจครอบครัว  แต่ตัวเขากลับชอบเครื่องยนต์กลไกมาตั้งแต่จำความได้  จึงเกิดความขัดแย้งกันขึ้นระหว่างพ่อลูก  จนคุณแม่สุดสวยผู้เป็นอดีตนักแสดงชื่อดังท่านหนึ่งต้องมาสงบศึกและเสนอทางออกให้  คฤหาส์นตระกูลไนท์จึงเข้าสู่ความสงบ

            “วันนี้คุณหนูจะให้เลขาเอาเอกสารมาให้ศึกษาไหมครับ”

            “เอาไว้ก่อนฮะลุง  วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนช่วงสาย ๆ อีกอย่างผมควรจะทำตัวขยันให้น้อยลงหน่อย  เสเพลให้มากขึ้น  ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่ผู้แสนดีของผมก็กำลังทำตัวเป็นขบถ   ทิ้งงานแล้วหนีเที่ยวเหมือนกัน” กาเบรียลพูดเสียงรอดไรฟัน

           

            รถสปอร์ตสุดหรูราคาแพงระยับแล่นเข้ามาจอดด้านหน้าตรงจุดบริการสำหรับสมาชิกระดับวีไอพี ในสนามยิงปืน ก่อนที่ร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรของเด็กหนุ่มคนหนึ่งจะก้าวลงมา แล้วส่งกุญแจรถให้กับพนักงานที่ยืนรออยู่  เควิน พอล เดม่อน ก้าวเดินไปยังสถานที่ประจำของตนกับเพื่อนสนิทที่เขาคิดว่ามันคงมารอเขาอยู่ก่อนแล้ว ขณะเดินผ่านเด็กสาวกลุ่มหนึ่งเขาก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มพิมพ์ใจไปให้ ส่งผลให้สาวน้อยกลุ่มนั้นแทบจะสลบจากอาการตื่นตะลึงในความหล่อของคนตรงหน้า เฮ้อ ! เกิดมาหล่อนี่ก็ลำบากใจเหมือนกันนะ เควินได้แต่รำพึง

            “นายมาสาย” เสียงหนึ่งร้องทัก

            “ฉันไม่ได้สาย นายมาก่อนเวลาเอง” เควินตอบ

            “นายสายไปสองนาที มัวแต่ไปยิ้มโปรยเสน่ห์ที่ไหนมาล่ะสิ” กาเบรียลเอ่ย

            “บ๊ะ ! ฉันมันคนหล่อเว้ย รอยยิ้มของฉันสร้างความสุขให้สาว ๆ ทุกคน ใครจะเป็นเหมือนแก ทำหน้าบูดหน้าบึ้งทั้งวัน เหมือนหงุดหงิดให้ใครอยู่ตลอดเวลา กะแค่จะฉีกยิ้มบ้างนี่กล้ามเนื้อหน้ามันจะพิการรึยังนะฮึ  ความนิยมที่โรงเรียนของแกเลยลดฮวบ ๆ ลงทุกปี แล้วนี่แกหงุดหงิดอะไรวะ” เควินเลิกคิ้วสงสัย สรรพนามที่ใช้เรียกเพื่อนสนิทเริ่มเปลี่ยนไปเมื่ออีกฝ่ายยังคงหาเรื่องเขาไม่เลิก

            “พ่อแม่นายเคยปล่อยนายทิ้งไว้บ้านคนเดียวนาน ๆ บ้างไหน” กาเบรียลตั้งคำถาม

            “บ่อยไป เดี๋ยวก็โผล่ไปตรวจงานที่โรงแรมประเทศนั้นบ้าง  ประเทศนี้บ้างอยู่ตลอด ฉันกับน้องชายอยู่กันสองคนจนชินแล้ว  และอีกอย่างต่อให้ชวนไปด้วยฉันก็ไม่ไปหรอก  น่าเบื่อจะตาย  นี่นายอย่าบอกนะ  ว่าอยากจะตามพ่อแม่ไปไหนมาไหนด้วยน่ะ” เควินถามอย่างตกใจ

            “ใช่ซะที่ไหนกันล่ะ  ฉันแค่เบื่อที่ต้องถูกโยนงานมาให้ทำแทน  ช่วงที่คู่นั้นแอบหนีไปเที่ยวกันเฉย ๆ ” กาเบรียลเริ่มโวยวาย

            “ช่วยไม่ได้  ใครใช้ให้นายตกหลุมพรางท่านประธานวิคเตอร์  ถูกหลอกสอนงานสืบทอดทายาทอสูร  มาตั้งแต่สิบขวบล่ะ  แล้วดันเป็นอัจฉริยะ  สานต่อแล้วพัฒนาธุรกิจจนสายการบินของนายเติบโตเพิ่มเป็นหลายหมื่นล้าน  คราวนี้นายน่าจะซวยยาวแล้วล่ะเพื่อนเอ๋ย  สงสัยคุณลุงคงจะโยนตำแหน่งประธานกรรมการบริหารมาให้นายเร็ว ๆ นี้แน่ ” เควินเริ่มคาดเดา

            “ฉันยังเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุสิบแปดปี ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พวกเขากะให้ฉันเปลี่ยนสภาพจากวัยเด็กเข้าสู่วัยกลางคนเลยรึยังไง  ฉันยังไม่ได้ใช้ชีวิตวันรุ่น  ที่โลดโผนตื่นเต้นเหมือนเพื่อนวัยเดียวกันเลยนะเฮ้ย” กาเบรียลโอด

            “ใครใช้ให้เอ็งเก่ง   ฉลาด  แสนรู้เกินไปล่ะเพื่อน ต้องอย่างฉันเว้ย ทำตัวลอยไป ลอยมา  ไปวัน ๆ พ่อกับแม่เลยไม่คาดหวังอะไร ไปลุ้นเอากับเจ้าคริสน้องชายฉันแทน” เควินอวดสรรพคุณตัวเอง ซึ่งส่งผลให้เพื่อนสนิทมองมาอย่างสังเวช

            “ระวังคุณลุงคุณป้าจะยกสมบัติให้น้องชายแกหมดละกัน” กาเบรียลกล่าวอย่างหมั่นไส้

            “ไม่มีทางเว้ย ฉันมันหลานรักคุณย่า หลานชายสุดหล่อ อ่อนโยนที่เข้าไปออดอ้อนอยู่บ่อย ๆ เมื่อวานยังพึ่งซื้อรถสปอร์ตรุ่นล่าสุดให้ฉันเลยเพื่อนรัก ขอโทษที่ต้องทำให้ไสเจียนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะที่จงใจดังขึ้นเพื่อกวนประสานคนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตรงหน้า

            “บางทีฉันก็สงสัยนะ ว่าฉันทนคบกับนายมาได้ยังไง”

            “เฮอะ! ฉันต่างหากไหม ที่ต้องทนคบกับแก เพราะสงสารที่เห็นเด็กใหม่หน้าขาวต้องนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวตอนเที่ยงแทบทุกวัน เพื่อนในห้องไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นาย  ก็พ่อเล่นแผ่รังสีความไม่เป็นมิตรจากใบหน้าออกมาขนาดนั้น  ถามจริงแกจะเก๊กทำไมตั้งแต่เด็กวะ ตอนนั้นเราอายุเท่าไหร่กันเชียว  มิน่าคุณลุงวิคเตอร์ถึงรีบจะให้นายเรียนรู้งานมาสืบทอดตำแหน่งท่านไว ๆ เพราะนายมันชอบทำตัวแก่เกินวัย”

เควินเริ่มบ่นยืดยาวถึงเรื่องสมัยประถมที่เขาได้เจอกับกาเบรียลเป็นครั้งแรก ตอนที่อีกฝ่ายย้ายโรงเรียนมาตอนที่พวกเขาเรียนอยู่เกรดสี่ เขารู้สึกทึ่งเมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมห้องที่ย้ายมาใหม่สามารถพูดได้ถึงหกภาษา ทั้งที่อีกฝ่ายอายุสิบขวบเท่ากันกับเขา  ไหนจะความสามารถด้านอื่น ๆ ที่เขาค่อย ๆ ได้รู้เพิ่มอีก จะเสียก็อย่างเดียว หมอนี้ชอบชักสีหน้าหงุดหงิดใส่คนรอบข้างบ่อย ๆ กับทำหน้าบึ้งตึงเฉยชาเป็นเอกลักษณ์ คนเลยคิดว่าเจ้านี่เป็นคนเงียบ มีโลกส่วนตัวสูง คงมีแต่เพื่อนสนิทอย่างเขากับคนในครอบครัวมันเท่านั้นล่ะที่รู้ว่า หมอนี่ขี้บ่นมากแค่ไหน เพราะแบบนี้แม้จะหน้าตาดีเท่า ๆ กับเขา แต่กับได้รับความนิยมจากสาว ๆ ในโรงเรียนน้อยกว่าเขามาก

“ฉันเปล่า  แค่บางครั้งขี้เกียจยิ้ม  เพราะมันดูเสแสร้งและมารยายังไงไม่รู้”

“นี่แกหลอกด่าฉันเหรอ” เควินโวย

“เปล่านี่ คำไหนที่ฉันด่านาย” กาเบรียลตอบหน้าตาเฉย

คนที่มีเอกลักษณ์คือรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอยู่เสมอเริ่มแยกเขี้ยวใส่เพื่อน

“หนอยแหนะ! วันนี้มาดวลกันเลย”

“นายจะแข่งยิงปืนกับฉัน?” กาเบรียลเลิกคิ้ว

“เออ !”

“หลังจากที่แพ้มาแล้วเก้าสิบหกครั้ง ตลอดหกปีนี่นะ” กาเบรียลเอ่ยถาม

“มันจะไม่มีครั้งที่เก้าสิบเจ็ด ” เควินก้าวเดินนำไปยังสนามยิงปืน ขณะที่คนข้างหลังเดินตามมาก่อนที่ใบหน้าจะยกมุมปากขึ้นจนเห็นลักยิ้มที่แก้มข้างซ้าย ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้เห็น แล้วกล่าว

“นายพูดแบบนี้ตั้งแต่ที่แพ้ให้ฉันครั้งที่ห้าแล้วเพื่อนรัก”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา