โชคดีฉันได้สามีสามคน

-

เขียนโดย Linwan

วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 22.19 น.

  3 บท
  0 วิจารณ์
  88 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568 22.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ความลังเล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
"เราแค่พยายามหาทางออกใหม่ๆ ให้ชีวิตคู่ของเรา ไม่ได้หมายความว่าพี่จะไม่รักรตีอีก" เสียงของปพนต์ที่ยังคงดังก้องอยู่ในหู
มารตี รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มเกิดขึ้นในชีวิตของเธอ การเปลี่ยนแปลงที่ปพนต์พยายามผลักดันมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา บางครั้งหญิงสาวก็รู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตของเธอกำลังจะเดินไปในทิศทางที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่เธอคุ้นเคย แต่คำถามสำคัญที่ค้างคาในใจคือว่า...
เธอพร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าหรือไม่?
แม้ว่ามารตีจะรู้สึกไม่มั่นใจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับปพนต์เริ่มเผชิญกับความท้าทายหลายอย่าง การที่พวกเขาต้องการเติมเต็มช่องว่างในชีวิตคู่ด้วยการเปิดใจไปสู่สิ่งใหม่ๆ คือความพยายามที่เธอไม่อาจมองข้ามได้
"ฉันก็แค่ไม่อยากให้มันกลายเป็นสิ่งที่ทำลายเราน่ะ" เธอพูดเบาๆ กับตัวเองในห้องเงียบๆ
ขณะที่มารตี นั่งคิดถึงคำพูดของปพนต์ เธอก็รู้สึกถึงความอบอุ่นจากแสงไฟที่ส่องสว่างในห้อง ซึ่งทำให้หัวใจของเธออบอุ่นขึ้น แม้ว่าความรู้สึกจะยังคงเป็นอะไรที่คลุมเครือและไม่แน่ชัด แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงการใกล้ชิดและความรักที่ยังคงแฝงอยู่ในความสัมพันธ์ของพวกเขา
ในขณะที่สาวสวย กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด ภาพของสามีก็แว่บเข้ามาในหัวของเธอ ปพนต์เป็นชายผู้ที่เธอเคยรักและยังคงรักอยู่ แม้ว่าความสัมพันธ์จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงมีความเชื่อมโยงที่ไม่สามารถหักล้างได้
"พี่รู้ว่ารตีลังเล..." เสียงของปพนต์ดังเข้ามาในหูของมารตี อีกครั้ง
"แต่พี่อยากให้เราทั้งสองคนมีความสุข ถ้ามันสามารถทำให้ชีวิตของเราแตกต่างไปในทางที่ดีขึ้น พี่ก็อยากให้รตีลอง"
คำพูดของปพนต์ยังคงวนเวียนในหัวของมารตี  เธอรู้ว่าเขากำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตคู่ของพวกเขามีสีสันมากขึ้น แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกที่ค้างคาในใจได้เช่นกัน
ในที่สุดมารตี ก็ตัดสินใจเดินไปที่ระเบียงข้างๆ ห้องนั่งเล่น เพื่อนั่งสงบจิตใจ เธอรู้ว่าเธอต้องทำการตัดสินใจ แต่ตอนนี้ เธอแค่ต้องการเวลาให้ตัวเองได้คิด
จากนั้นปพนต์เดินเข้ามาหาเธอเบาๆ และนั่งข้างๆ พร้อมกับวางมือบนไหล่ของเธออย่างอ่อนโยน "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ยังคงรักรตีเหมือนเดิมนะจ๊ะ" ปพนต์กระซิบข้างหูของภรรยาสาว  เสียงของเขาอบอุ่นและเต็มไปด้วยความจริงใจ
มารตี หันไปมองหน้าสามีและเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ ความรู้สึกที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นในหัวใจ ความรู้สึกที่แปรปรวนในจิตใจของผู้เป็นภรรยาเริ่มคลี่คลายไปบ้าง เมื่อเธอเห็นความจริงใจในแววตาของสามี
เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไปในทันที แต่รู้สึกถึงความอบอุ่นจากสัมผัสของเขา และในที่สุดก็พยักหน้าเบาๆ เพื่อยืนยันว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เธอคิด
"รตีจะลองดู ก็ได้ค่ะ" มารตี พูดเบาๆ
ปพนต์หันไปยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนและค่อยๆ โน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ "ขอบคุณที่เชื่อใจพี่นะจ๊ะ" เขากระซิบแผ่วเบา
หญิงสาว รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วร่างกาย รู้สึกว่าความรักที่เธอเคยมีให้สามีกลับมามีค่ามากขึ้นอีกครั้ง แม้จะยังไม่แน่ใจทั้งหมด แต่ตอนนี้มารตีก็รู้ว่าตัวเองพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่จะทำให้ชีวิตคู่ของเธอมีความหมายมากขึ้น
ในค่ำคืนนี้ ความรู้สึกของมารตี กับปพนต์ได้เติบโตขึ้นและเป็นไปตามเส้นทางที่ทั้งสองคนต่างหวังไว้
ในตอนนี้มารตี กำลังเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต ซึ่งเป็นการก้าวออกจากความสะดวกสบายของชีวิตคู่แบบเดิมๆ และมุ่งสู่สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน  แต่เธอก็เริ่มเห็นถึงความพยายามและความรักของปพนต์ ที่พร้อมจะเดินเคียงข้างเธอไปในทุกๆ เส้นทาง
ค่ำคืนนั้น ฝนตกพรำเบาๆ คล้ายธรรมชาติจะกระซิบเตือนว่าชีวิตกำลังเดินสู่เส้นทางใหม่ เสียงหยดฝนกระทบกระจกหน้าต่างในห้องนอนของมารตี ดังสม่ำเสมอ
ร่างามเปี่ยมเสน่ห์นั่งอยู่ตรงปลายเตียงในชุดนอนผ้าซาตินสายเดี่ยวสีงาช้างบางเบา ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงไฟจากลานหน้าบ้านสะท้อนเงาฝนพร่างพรายราวกับภาพฝัน
ผู้เป็นสามีเดินเข้ามาช้าๆ เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กลิ่นสบู่หอมสะอาดลอยมากับไอน้ำอุ่นจากตัวเขา "รตี...คิดอะไรอยู่จ๊ะ"
มารตี ไม่ตอบในทันที เพียงหันกลับมามองเขา ดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยคำถาม...คำถามที่ไม่อาจหาคำตอบได้ด้วยเหตุผลใดๆ
“พี่ปพนต์คะ…ถ้าทุกอย่างมันเปลี่ยนไป แล้ว...แล้วพวกเราจะยังเหมือนเดิมไหม”
“ถ้ารตียังเป็นรตีของพี่…ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็ยังเหมือนเดิม” เขาตอบเสียงนุ่ม มือนั้นเอื้อมมากุมมือเธอไว้ เขาไม่เร่ง ไม่ผลักดัน เพียงแค่ยื่นมือและหัวใจให้
มารตี หลับตาลง หายใจช้าๆ ลึกๆ…เธอเหนื่อยล้าเหลือเกินกับการหาคำตอบ หญิงสาวเพียงต้องการปล่อยให้ตัวเองลอยไปกับกระแสอารมณ์สักครั้ง
“คืนนี้…เรามีนัดกับพวกเขาที่บาร์ริมหาดใช่ไหมคะ”
“ครับ ถ้ารตีไม่พร้อม เราไม่ต้องไปก็ได้ พี่แค่อยากให้รตีรู้ว่า พี่พยายามเพราะ พี่ยังอยากจับมือรตีอยู่”
คำพูดนั้น ไม่ได้เพียงปลอบโยนเธอเท่านั้น แต่มันปลุกบางอย่างในตัวหญิงสาว...ความกลัวที่จะสูญเสีย ความโหยหาที่ถูกเก็บซ่อนไว้ ความปรารถนาที่แม้จะคลุมเครือแต่ก็ค่อยๆ สว่างขึ้นในใจ
เธอลุกขึ้นช้าๆ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเดรสยาวสายเดี่ยวผ่าข้างสีน้ำตาลเข้มออกมา สวมลงบนร่างกายอย่างเงียบงัน ก่อนจะหันมาหาปพนต์
“เราจะไป…เอ่อ...แค่ดูเฉยๆ ใช่ไหมคะ”
ปพนต์ยิ้มอย่างอบอุ่น “ครับ พี่จะอยู่ข้างรตีทุกวินาที”
 
ณ บาร์ริมหาด...คืนของการเปิดใจ...
เสียงคลื่นซัดฝั่งเบาๆ ท่ามกลางแสงเทียนและแสงไฟสลัวที่ตกกระทบกับผิวทราย ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความเย้ายวนและอิสระภาพ โต๊ะริมสุดติดชายหาดถูกจับจองโดยคู่รักสองสามคู่ ทั้งหมดล้วนแต่งตัวดีและยิ้มให้กันอย่างเปิดเผย
มารตี นั่งเคียงข้างปพนต์ จิบไวน์แดงช้าๆ พลางฟังเสียงหัวเราะเบาๆ ของผู้คนรอบตัว คู่หนึ่งดูจะเป็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งผมสั้น กับสามีวัยใกล้เคียงกับปพนต์ อีกคู่กลับเป็นชายหนุ่มอายุน้อยกับหญิงสาวที่มีแววตาเปล่งประกายเจ้าเล่ห์
หญิงสาว รู้สึกเหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง โลกที่เต็มไปด้วยเส้นบางๆ ระหว่างศีลธรรมกับเสรีภาพ…แต่เธอก็ยังอยู่
หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ เธอแนะนำตัวว่า “ประภาวี”
ศิลปินสาวอิสระ อายุน้อยกว่ามารตี ไม่กี่ปี ผมสีเข้มถูกมัดขึ้นหลวมๆ ในชุดแม็กซี่เดรสลายโบฮีเมียน ที่เว้าลึกและสั้นมาก...สั้นจนมองเห็นขอบบิกินี่ลายลูกไม้บนขาอวบที่ซ่อนอยู่ภายใน ทุกครั้งที่ก้าวเดิน เธอมีรอยยิ้มละมุน และสายตาที่ซ่อนความกล้าไว้อย่างชัดเจน
“คุณรตี…ดูไม่ค่อยคุ้นกับที่แบบนี้เลย นะคะ”
“ใช่ค่ะ” มารตี ยิ้มเก้อ
“ไม่ต้องกังวลไปนะค่ะ ที่นี่…ไม่มีใครตัดสินใคร”
คำพูดนั้นทำให้หญิงสาว หายใจคล่องขึ้นเล็กน้อย เธอจิบไวน์อีกอึก ดวงตาจ้องไปที่เงาที่เคลื่อนไหวข้างหน้า ในใจค่อยๆ คลายปมแน่นออกที่ละน้อย
มารตีไม่รู้ว่าคืนนี้จะจบลงแบบไหน แต่อย่างน้อยที่สุด…เธอก็ไม่ได้อยู่คนเดียวในการเดินทางครั้งนี้
เสียงดนตรีบอสซาโนวาเบาๆ จากนักดนตรีมุมบาร์คลอไปกับเสียงคลื่นและบทสนทนาเบาๆ ของผู้คนรอบตัว
โต๊ะที่มารตี และปพนต์นั่งถูกห้อมล้อมด้วยบรรยากาศอบอุ่นแต่เร้าอารมณ์จากการเปิดใจและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของแต่ละคู่
ประภาวี...หญิงสาวศิลปินเจ้าของรอยยิ้มละมุน ทอดสายตาไปยังมารตี ด้วยความสนใจระคนเอ็นดู
“คุณรตีดูเหมือนคนที่มีเรื่องมากมาย ในใจนะคะ”
“อาจจะใช่ค่ะ...ฉันแค่ยังไม่คุ้นกับการอยู่ในที่ ที่คนมองเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติน่ะค่ะ” มารตี ตอบเรียบๆ พร้อมยกแก้วไวน์จิบอีกครั้ง
“บางที…เราไม่ได้กลัวมันหรอกค่ะ แค่ยังไม่กล้ารู้สึกกับมันจริงๆ เท่านั้น”
คำพูดนั้นตกกระทบหัวใจเธอเหมือนหยดน้ำในทะเลสาบที่สงบนิ่ง มารตี เงียบไป ดวงตาเริ่มหลบ ไม่ใช่เพราะไม่พอใจ...แต่เพราะเธอเริ่ม ‘รับรู้’ มากเกินไป
ประภาวี เอื้อมมือมาสัมผัสหลังมือเธอเบาๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส มารตี ก็รู้สึกราวกับร่างกายถูกปลุกให้ตื่นอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เราไปเดินเล่นกันไหมคะ...ที่ริมหาด”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา