Love Wayo รักสุดใจเจ้าชายสายลม
เขียนโดย Killolat
วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 01.24 น.
แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2567 01.41 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) <ความ รัก>
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความWAYO(talk)
((ท่านที่จะไปเที่ยวบิน k309 กรุณารอเช็คตั๋ว แล้วขึ้นเครื่องได้แล้วค่ะ))
ตึ่ง ตึ้ง ตึง ตึ๊ง…!
“ไปกันเถอะ ^_^”
“อือ”
หลังจบคำประกาศผมก็เดินตามเบอร์รี่ไป ร่างระหงที่ดูจะดี๊ด๊าผิดจากผมวิ่งเข้าไปต่อคิวเช็คตั๋วก่อน
ติ๊ก…ติ๊ก…ติ๊ก…ติ๊ก
ผมก้มดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง…เวลาที่ผมจะอยู่ที่นี่ลดลงเรื่อยๆ…
สุดท้าย ผมก็ไม่ได้บอกความรู้สึกจริงๆกับยัยนั่น ไม่กล้าบอกจริงๆจังๆ ผมมันเป็นคนที่แย่จริงๆ เหมือนจะด้านชาไปทั้งหมด แต่กลับกลัวแค่การบอกลา ผมกลัวว่า…ถ้าบอกความจริงกับเธอ ผมก็อาจจะตัดใจไม่ได้และเป็นฝ่ายที่เจ็บเสียเอง…ขอโทษนะเอวา…ที่ฉันมันขี้ขลาด
((เวลาประมาณ 21.50น.ได้เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกชนเด็กสาวที่หาดxxxขึ้น))
“…”จู่ๆตาขวาของผมก็กระตุก รู้สึกใจหายวูบโดยไร้สาเหตุเหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
“โยรีบไปเถอะ”
((สภาพสาหัสมีกระดูกหักหลายซี่ปางตาย ตรวจสอบจากการสันนิษฐานพบว่า น่าจะเป็นเด็กสาวอายุ 17-18 ปี))
ภาพตรงจอทีวีใหญ่เริ่มจับภาพไปที่รถบรรทุกและภาพของผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกหามขึ้นแปล
((เด็กสาวผมสีน้ำตาล ในมือถือของบางอย่างอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นกล้องถ่ายรูปสีดำเทาขนาดจิ๋ว…))
“นี่?โยมัวทำอะไรอยู่…”
“เอวา…” ผมพูดด้วยเสียงที่เบามาก…ผมรู้ทันทีว่าเป็นยัยนั่น ผมจำผมสีน้ำตาลและร่างบางนั่นได้ แล้วก็กล้องถ่ายรูปนั่น…
โธ่เว้ยยยย!!!...ทำไมต้องเป็นยัยนั่นด้วย…!
ผมวิ่งออกไปด้วยความเร่งรีบเหมือนคนขาดสติ ผมรีบโบกรถไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดของหาดนั่นด้วยหัวใจที่ร้อนรนจนแทบบ้า…!
พอมาถึงโรงพยาบาลก็เห็นพวกครูกับเพื่อนๆรวมทั้งลุงโทนัสและพ่อแม่ของยัยนั่นยืนๆนั่งๆอยู่หน้าห้อง ICU
ผมหอบถี่แล้วถามถึงเธอแต่ทุกคนกลับเงียบ…ขอร้องล่ะ ตอบทีสิว่ายัยนั่นไม่เป็นอะไร! เธอแค่สลบไปเท่านั้น!
“ทำไมถึงไม่ตอบอะไรกันเลยล่ะ!!!” ผมตะโกนไปด้วยความร้อนใจ การกระทำของผมทำให้หลายคนในที่นี้สะอื้นออกมาหนักกว่าเก่า
“…”
มือของผมกำแน่นและสั่นระริก พระเจ้า…อย่าพรากคนที่ผมรักไปอีกเลย ผมยังไม่พร้อมจะเสียเธอไป…จะแลกอะไรผมก็ยอม
ผมเห็นพ่อแม่ของยัยนั่นร้องไห้ ทุกคนทำหน้าซึมน้ำตาคลอพอกัน ผมทรุดตัวนั่งลงพิงกำแพงเพราะรู้ว่าไม่ควรทำอะไรเอิกเกริก ทั้งที่ไม่ได้มีแต่ผมที่เศร้าคนเดียว
“คุณน้าครับ…”ผมพูดกับพ่อแม่ของเอวาที่สะอึกสะอื้นอยู่
“ผมขอโทษ…ที่ไม่ดูแลเธอให้ดี ถ้าผมไม่ทิ้งเธอไว้ล่ะก็…” ผมพยายามควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นเครือแต่คงทำได้แค่นี้ ความรู้สึกในใจมันเจ็บไปหมด มันทั้งกังวล ทั้งกลัว จนหยุดสติให้สงบไม่ได้
“ไม่เป็นไร…ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก…”
“…”
“น้าเชื่อว่าเอวาต้องไม่เป็นไร” แม่ของเธอพูดขึ้นเศร้าๆแล้วทุกคนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
“คนไข้ได้ถูกรถชนได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นแท่งเหล็กที่เป็นชิ้นส่วนของรถได้แทงทะลุเข้ากลางหัวใจ…หมอเกรงว่าจะต้องทำใจ” คุณหมอชุดขาวออกมาพูดกับพ่อแม่ของเอวา ทุกคนเองก็ได้ยินเหมือนกัน แม่ของเอวาหลังฟังจบก็ถึงกับลมจับ
“ไม่มีวิธีช่วยเหรอครับหมอ!” ผมเผลอตะคอกไปโดยไม่รู้ตัว
“ใจเย็นสิครับ…ที่สำคัญตอนนี้เราต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอย่างด่วน ไม่เช่นนั้นคนไข้อาจจะไม่รอด…”
“…”
“ตอนนี้ไม่มีผู้บริจาคหัวใจ หมอจึงอยากถามว่าจะมีใครยินยอมยกหัวใจให้ผู้ป่วยบ้าง…?”
ทุกอย่างนิ่งเงียบเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด
“งั้นก็เอาหัวใจผมไปสิ! เอาหัวใจผมไปเลย!”
“…”
“ถ้ามันช่วยเอวาได้…ผมก็ยอม…”
ผมรู้ว่าไม่มีใครอยากตายเพราะคนแค่คนเดียว…
ผมรู้ว่าถึงจะรักอะไรซักอย่างมากแค่ไหน แต่คนเราก็รักตัวเองยิ่งกว่าอะไร…
แต่ผมคงไม่ใช่คนล่ะมั้ง…เพราะผมรักเธอมากกว่าหัวใจของผมเองซะอีก…
‘ฉันจะไม่ทิ้งเธอ ฉันสัญญา’
ได้เวลาที่ต้องทำตามสัญญาจริงๆซักที…หัวใจด้านๆของผม ถ้ามันช่วยคนที่ผมรักได้ ผมก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว…
ฉันจะไม่เสียใจเลยที่ทำแบบนี้…ขอโทษนะ ‘อีฟ’ ที่สุดท้ายแล้ว ฉันรักยัยนั่นมากกว่าเธอ…
…เมื่อ 4 เดือนก่อน…
วันนี้ผมออกมานอกเขตโรงเรียนเพราะมีธุระบางอย่างที่ลุงฝากมาทำ ระหว่างนั้นผมก็นั่งเล่นโน๊ตบุ๊คราคาแพงหูฉี่ที่แม่เคยซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
ผมลุกไปเข้าห้องน้ำพอกลับมาโน๊ตบุ๊คก็หายไป พนักงานบอกว่ามีผู้หญิงใส่แว่นเอามาวางทิ้งไว้หน้าร้าน…ยัยโรคจิตนี่อีกแล้ว
ผมเดินไปดูหน้าร้านก็เห็นใครบางคนซุ่มซ่ามสะดุดโน้ตบุ๊คผมเข้า…ผมสีน้ำตาล ดวงตากลมโตสีดำ ใบหน้าเล็กๆแลดูกลม ปากเล็กๆสีกุหลาบ แก้มแดงอมชมพูเป็นธรรมชาติกับผิวสีไข่นั่น…เหมือนเหลือเกิน…
นั่นมัน‘อีฟ’ชัดๆ ผมอึ้งกับผู้หญิงคนนั้นไปซักพักด้วยความที่เธอคล้ายอีฟมากจริงๆ
แต่แล้ว…
ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตั๊บ! ตั๊บ!
เท้าเล็กๆนั่นกลับใช้กริยาถ่อยๆกระทืบโน้ตบุ๊คผมจนเละ
-*- ยัยซาดิสม์…เธอไม่เหมือนอีฟเลยซักนิด! ฉันมันบ้าเองแหละ พอเข้าไปคุยก็ยิ่งรู้ว่าไม่เหมือนเข้าไปใหญ่ ม้าดีดกะโหลกอย่างเธอจะไปเหมือนอีฟได้ยังไงฟะ! ตาถั่วจริงๆเลยเรา(_ _)
“จะชดใช้ยังไง?”
“ไม่ชดใช้! นายมีหลักฐานรึไง? เห็นตอนไหนว่าฉันทำ จะมาปรับปรำกันแบบนี้มันมั่วเกินไปมั้ง?!”เธอกระฟัดกระเฟียดตะโกนใส่ผมฉอดๆ
“ตั้งแต่ตอนเธอล้ม -_-” ผมบอกความจริงไป
“นายเห็นตั้งแต่ฉันล้มเลยเหรอ?!O_O” ตาโตๆเบิกกว้างกว่าเก่า
“อัดวิดิโอไว้ด้วย -_-[]” ผมโกหกหน้าตายไปทั้งๆที่ไม่ได้อัดซักหน่อย
ยัยนั่นเถียงกับผมต่อแล้วทำหน้าพิลึกๆทุกประโยคที่พูด ผู้หญิงอะไรประหลาดชะมัด…ฮะ แค่เห็นก็แทบหลุดหัวเราะแล้ว สุดท้ายยัยนั่นก็วิ่งหนีไปเพราะกลัวต้องจ่ายเงิน ผมรัวกล้องถ่ายแบบเต็มลิมิตใส่ยัยนั่นที่วิ่งเหมือนหนีผีไปไกล
“หึ…ซื่อบื้อชะมัด” เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ผมเผลอหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ถึงโน้ตบุ๊คของรักของหวงที่แม่ซื้อให้จะพัง แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกเบิกบานใจขนาดนี้นะ…ยัยนั่นต้องเล่นของใส่ผมแหงเลย…
ผมรับของของลุงโทนัสเสร็จก็รีบกลับโรงเรียนทันที วันนี้เป็นวันอาทิตย์ผมเลยไปนั่งเล่นในที่ประจำก็คือหอนาฬิกา ผมหยิบกล้องจิ๋วขึ้นมาเปิดดูภาพของผู้หญิงคนนั้นแล้วอมยิ้ม…เพราะคล้ายอีฟสินะ ผมถึงไม่รู้สึกเกลียด…
พอตอนเย็นผมก็เดินกลับบ้าน แต่ก็เจอยัยตัวแสบนั่นในห้องของผมในสภาพ…ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก ผมแอบดีใจนิดๆที่เจอเธอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่สุดท้ายผมก็ไล่ยัยนั่นออกจากห้อง
ผมมารู้ทีหลังว่าสาเหตุเพราะลุงโทนัสนั่นเอง ลุงเข้ามาคุยกับผมหลังทานอาหารเสร็จ
“ได้ยินเรื่องของแม่หลานรึเปล่า?”
“ทำไมครับ?” ผมถามไปด้วยความกังวลในใจ
แม่กับพ่อผมเลิกกันแล้ว แต่หลังจากที่แม่ประสบอุบัติเหตุรถชนจนสมองกระทบกระเทือนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา พ่อก็เลยกลับมาดูแลแม่…ซึ่งผมเองก็อยู่ที่นี่กับลุงเพราะไม่อยากเป็นภาระให้พวกท่าน…ยิ่งไม่ได้อยู่ใกล้แบบนี้ทำให้ผมยิ่งห่วงแม่มาก
“หมอที่เป็นเพื่อนของลุงที่อเมริกาบอกว่า สามารถรักษาแม่หลานได้แต่ค่ารักษาต้องใช้เงินจำนวนมาก…”
“…”
“ลุงเองก็อยากจะช่วยแต่ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น เลยคิดจะรวมธุรกิจกับเพื่อนสนิทลุง เพื่อหาเงินมาช่วยแม่หลาน แต่ทางนั้นเค้ามีข้อแม้…”
“ข้อแม้อะไรครับ?”
ต้องแต่งงานตามประเพณีสืบทอดของบริษัทเท่านั้น จึงจะยอมร่วมธุรกิจด้วย”
“คลุมถุงชนสินะ” ผมพูดแบบเก็บอาการเหมือนทุกที
“ใช่ถ้าภายใน 4เดือนนี้หลานทำให้ลูกของเพื่อนสนิทลุง ยอมแต่งงานหรืออาจจะแค่รักก็ได้ แม่ของหลานก็จะหายดี”
“ก็ได้”
“ลุงไม่ได้บังคับหรอกนะ แต่…”
“บอกว่า‘ก็ได้’ไง!” ผมตวัดสายตาไปมองเค้า
มันไม่มีทางอื่นแล้วนี่ ถ้ามันทำให้แม่ของผมหายดี…ถึงผมจะรู้สึกเหมือนโดนใช้เป็นเครื่องต่อรองธุรกิจของลุง หรือต้องหลอกใครอีกกี่คนก็จะทำ! หรือแม้กระทั่งหลอกคนทั้งโลกก็ตาม…
จู่ๆความคิดนึงก็แว๊บเข้ามาในหัวผม…หรือว่าคนๆนั้นจะเป็นยัยพิลึกนั่น!…พับผ่าสิ ผมอยากจะถอนคำพูดชะมัด! เวรกรรมจริงๆผมจะซวยได้โล่เลยรึไงนะ?
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ