CHESS:พลิกกระดานเทพ

10.0

เขียนโดย TKFD

วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 01.14 น.

  54 ตอน
  4 วิจารณ์
  18.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2567 01.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

54) ตอนที่ 17.1 เพื่อนเก่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
    "โจเซฟ:เอาล่ะ ฉันว่าเรามาล้างเลือดออกจากตัวเขากันเถอะ ปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดี"
 
    "คริส:งั้นเราคงต้องปลุกลีน่า เพราะลีน่าเป็นคนเก็บถังน้ำ"
 
    "เมิ่งซิน:ฉันจัดการเอง"
 
    เมิ่งซินเดินเข้าไปหาลีน่าที่กำลังนอนอยู่ ก่อนจะสะกิดเธอเบาๆ
 
    "เมิ่งซิน:ลีน่า ตื่นอยู่ไหม"
 
    ลีน่าค่อยๆลืมตาขึ้นมามอง แต่ไม่ได้พูดอะไร
 
    "เมิ่งซิน:เอาถังน้ำออกมาให้พี่ได้ไหม พี่จะเอาไปล้างเลือดให้อากิ"
 
    ลีน่าพยายามจะลุกขึ้น แต่เมิ่งซินรีบห้ามทันที
 
    "เมิ่งซิน:อะๆไม่ต้องเลย วางไว้ข้างๆนี่แหละ พี่จะเอาไปเอง"
 
    "ลีน่า:..."
 
    "เมิ่งซิน:นี่ อย่าดื้อนะ"
 
    ลีน่าที่ได้ยินก็ยอมนอนลง ก่อนจะเปิดช่องเก็บของและวางถังน้ำไว้ข้างๆตัว
 
    "เมิ่งซิน:ขอบใจจ้ะ"
 
    ลีน่าพยักหน้ารับเบาๆแล้วหันกลับไปนอนต่อ ส่วนเมิ่งซินก็ยกถังน้ำขึ้นมา คริสที่เห็นจึงเดินเข้ามาหาทันที
 
    "คริส:พี่มีผ้าไหม ผ้าผมหมดตอนทำแผลลีน่าไปหมดแล้ว"
 
    เมิ่งซินเปิดช่องเก็บของของตัวเองดู ก่อนจะเห็นว่ามีผ้าเหลืออยู่เพียงสองผืน
 
    "เมิ่งซิน:เหลือแค่สองผืนเอง... ทำไงดีล่ะ"
 
    ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังครุ่นคิด โจเซฟก็เดินเข้ามา
 
    "โจเซฟ:ไม่มีผ้าใช่ไหม เอานี่"
 
    เขายื่นผ้าอีก 5-6 ผืนมาให้ คริสที่เห็นก็รับไว้ทันที
 
    "คริส:ขอบคุณครับ กำลังขาดพอดีเลย"
 
    คริสยกถังน้ำเข้าไปใกล้ร่างของอากิ ก่อนจะค่อยๆชุบน้ำและเช็ดเลือดออกจากร่างของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงหยดน้ำจากการบิดผ้า
 
    "เมิ่งซิน:แล้วเราจะเอาไงต่อ"
 
    "โจเซฟ:ก็คงจะกลับห้องพักกันก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากัน"
 
    "เมิ่งซิน:ก็ดี... แต่เราคงต้องเก็บของพวกนี้ก่อน"
 
    เมิ่งซินกับโจเซฟหันไปมองสิ่งของและอาวุธจำนวนมากที่กองอยู่กลางซากศพ รอยเลือดและเศษเนื้อยังติดอยู่ตามพื้นหิน ก่อนที่สายลมอ่อนๆจะพัดผ่าน จนกลิ่นอับคละคลุ้งไปทั่ว
 
    "โจเซฟ:ฟู่... รีบเก็บรีบไปกันเถอะ"
 
    ทั้งคู่จึงรีบก้มเก็บของต่างๆลงในช่องเก็บของอย่างรวดเร็ว ส่วนคริสก็ยังคงตั้งใจเช็ดเลือดออกจากตัวอากิอย่างไม่หยุดมือ
 
    แต่แล้ว ระหว่างที่กำลังล้างอยู่ เขาก็ชะงักไปเมื่อสังเกตเห็นบางสิ่งบนร่างของอากิ
 
    "คริส:รอยพวกนี้มัน..."
 
    ทั่วร่างของอากิเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นใหม่ๆ บางรอยเป็นรอยแทงลึก บางรอยคือรอยฟันที่ดูเหมือนจะเคยเฉียดกระดูก แผลที่แขนยิ่งเห็นได้ชัดทั้งรอยไหม้และรอยลูกศรที่เป็นรอยรูขนาดใหญ่
 
    คริสมองแผลเหล่านั้นด้วยความรู้สึกหนักแน่นในอก เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าความเจ็บปวดเหล่านี้มันรุนแรงแค่ไหน
 
    "คริส:ฮูล~ แผลแต่ละรอยดูแล้วไม่ใช่เล่นๆเลย... มันเจ็บขนาดไหนกัน..."
 
    สายตาเขาเต็มไปด้วยความสงสารและชื่นชมในเวลาเดียวกัน
 
    ระวังนั้นอีก 2 คนที่กำลังเก็บของอยู่นั้นก็คัดเอาแต่สิ่งจำเป็นและเก็บมา
 
    "โจเซฟ:เมิ่งซิน มาช่วยฉันดูไอ้ตัวนี้หน่อย"
 
    โจเซฟกำลังพยายามผ่าอกของการ์เดี้ยนโคลโบลเพื่อนำคริสตัลมานาออก แต่ระหว่างผ่ากลับพบสิ่งแปลกประหลาดจนต้องเรียกเมิ่งซินมาช่วยดู
 
    "เมิ่งซิน:มีอะไร"
 
    "โจเซฟ:ดูนี่สิ"
 
    เมิ่งซินก้มลงมอง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นกล้ามเนื้อสีแดงสดที่มีลวดลายสวยงามราวกับลายหินอ่อนแทรกอยู่ในนั้น
 
    "เมิ่งซิน:นี่มัน... อะไรเนี่ย"
 
    "โจเซฟ:ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนแรกว่าจะผ่าเอาคริสตัลมานาของมัน แต่พอผ่าออกมากลับเจอก้อนเนื้อนี่แทน ดูสิ... ปอดกับหัวใจมันหายไปหมด เหมือนเนื้อที่ดีที่สุดของร่างมันมากองรวมอยู่ตรงนี้เลย"
 
    "เมิ่งซิน:ฉะ-ฉันไม่เข้าใจเลย... มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย"
 
    "โจเซฟ:...ช่างเรื่องนั้นก่อน มาช่วยฉันเอาก้อนเนื้อนี้ออกที"
 
    "เมิ่งซิน:ได้"
 
    ทั้งคู่ช่วยกันเลาะซี่โครงของการ์เดี้ยนออกอย่างระมัดระวัง เสียงกระดูกแตกร้าวดังเบาๆในความเงียบ พวกเขาใช้เวลาพอสมควรกว่าจะดึงก้อนเนื้อนั้นออกมาได้สำเร็จ
 
    "โจเซฟ:โห... หนักเหมือนกันนะ"
 
    "เมิ่งซิน:สาม-สี่กิโลได้เลยทั้งหมดนี้"
 
    "โจเซฟ:ก็คงประมาณนั้น"
 
    "เมิ่งซิน:แล้วเอาไงต่อ"
 
    "โจเซฟ:ก็คงรอให้เจ้าตัวตื่นมาประเมินว่ามันคืออะไร"
 
    "เมิ่งซิน:ประเมิน? ประเมินอะไร"
 
    'โจเซฟ:ตอนที่เราคุยกันเธอคงหลับอยู่... งั้นฉันคงต้องอธิบายให้ฟัง'
 
    แล้วโจเซฟก็เล่าให้เมิ่งซินฟังถึงความสามารถพิเศษของอากิ ที่สามารถ ประเมินสิ่งต่างๆ ได้ด้วยสายตาเพียงครั้งเดียว
 
    "เมิ่งซิน:โอเค ฉันเข้าใจแล้วล่ะ... งั้นก็เก็บไว้ก่อนเถอะ"
 
    "โจเซฟ:อืม"
 
    ทั้งคู่แยกย้ายกันไปเก็บทุกสิ่งที่ยังพอเก็บได้ ท่ามกลางซากศพและกลิ่นเลือดที่ยังอบอวลอยู่ในอากาศ
 
    ทางด้านเมิ่งซินที่เดินแยกออกมา เธอสังเกตเห็นดาบคู่หนึ่งวางอยู่ไม่ไกล ดาบคู่นั้นเองที่การ์เดี้ยนโคลโบลเคยใช้ก่อนจะเปลี่ยนร่าง
 
    "เมิ่งซิน:ดาบคู่ที่ตัวนั้นมันใช่นี่"
 
    เธอก้มลงหยิบดาบขึ้นมาทีละเล่ม แต่ทันทีที่จับมันทั้งสองพร้อมกัน ความรู้สึกประหลาดบางอย่างก็แล่นวาบเข้ามาในร่าง ราวกับมีบางสิ่งดูดพลังบางส่วนออกไปจากตัวเธอ
 
    "เกร็ง!"
 
    ร่างของเมิ่งซินกระตุกวูบ ก่อนจะรีบปล่อยดาบทั้งสองเล่มลงกับพื้นในทันที
 
    "เมิ่งซิน:...ดาบนี้มันอะไรกัน..."
 
    เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อยๆก้มลงหยิบดาบขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้หยิบเพียงเล่มเดียวแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
    'เมิ่งซิน:ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย...'
 
    เธอจึงลองหยิบอีกเล่มขึ้นมาในมืออีกข้าง แต่ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสด้ามจับ ความรู้สึกเย็นเฉียบและเหมือนถูกสูบพลังอีกครั้งก็แล่นขึ้นจากฝ่ามือ เธอสะดุ้งและปล่อยมันทันที
 
    "เมิ่งซิน:...ฉันไม่ได้รู้สึกไปเอง ไอ้ความรู้สึกแปลกๆนี้มัน...คืออะไรกัน"
 
    เธอมองดาบคู่นั้นด้วยแววตาไม่เข้าใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจหยิบมันทีละเล่มและเก็บเข้าช่องเก็บของอย่างระมัดระวัง
 
    อีกด้านหนึ่ง โจเซฟที่กำลังเก็บของอยู่อีกฝั่ง สายตาเขาไปสะดุดกับหน้าไม้อันใหญ่สองอันที่ถูกศพโคลโบลทับอยู่ เขารีบเดินเข้าไปดูทันที แต่เมื่อเห็นสภาพใกล้ๆก็สบถออกมาอย่างเสียดาย
 
    "โจเซฟ:จิ! แม่งเอ้ย น่าเสียดายว่ะ"
 
    หน้าไม้อันแรกถูกตัดขาดเป็นสองท่อน แต่โชคยังดีที่อีกอันยังอยู่ในสภาพดีพอใช้ เขาหยิบมันขึ้นมาพลิกดู พบกลไกดึงสายที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง เขาจึงลองดึงดูโดยเอาด้ามยันไว้ที่หน้าท้องแล้วออกแรงดึงเข้าหาตัวเอง แต่ก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
 
    เขาขมวดคิ้วก่อนจะสังเกตเห็นด้านหน้ามีเหล็กรูปตัวยูสำหรับล็อคสาย เขาจึงวางหน้าไม้นั้นตั้งกับพื้น เอาเท้าเหยียบไว้แล้วออกแรงดึงสุดกำลัง
 
    "โจเซฟ:อึบ!"
 
    "ยึด! ...ตึก!"
 
    เสียงสายยืดก่อนเข้าล็อกดังขึ้นพร้อมแรงต้านที่สะท้อนกลับมาในมือ
 
    "โจเซฟ:โห... ต้องใช้แรงพอสมควรเลยแฮะ"
 
    เขายกหน้าไม้มาทาบบ่าแล้วลองเล็ง ก่อนจะกดลั่นไก
 
    "ฟุบ!!!"
 
    เสียงดีดของสายสะท้อนดังในห้อง โจเซฟเบิกตากว้างทันที
 
    "โจเซฟ:ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงยิงทะลุโล่ได้... แม่งโคตรแรงเลย"
 
    เขามองหน้าไม้นั้นด้วยแววตาพึงพอใจ ก่อนจะเริ่มเก็บมันอย่างระมัดระวัง
 
    หลังจากได้ของสำคัญและคริสตัลมานาทั้งหมด พวกเขาก็กลับมาหาคริส ซึ่งตอนนี้กำลังก่อกองไฟและดูแลอากิกับลีน่าที่นอนหลับอยู่เงียบๆแสงไฟกระพริบสะท้อนบนใบหน้าของทั้งสาม ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่แฝงด้วยความอ่อนล้า
 
    "คริส:เสร็จแล้วเหรอครับ"
 
    "เมิ่งซิน:อืม"
 
    "คริส:แล้วจะเอายังไงกันต่อครับ"
 
    "โจเซฟ:ก็คงกลับไปที่ห้องพักก่อน เดินทางโดยมีคนบาดเจ็บคงไม่ดีเท่าไหร่... แถมฉันอยากออกจากตรงนี้เต็มทนแล้ว"
 
    ทั้งสามมองไปที่กองซากศพซึ่งส่งกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนแทบอยากอาเจียน
 
    "คริส:งั้นผมจะแบกลีน่า ส่วนพี่อากิฝากลุงด้วยนะครับ"
 
    "เมิ่งซิน:ลีน่าฉันแบกเอง"
 
    "โจเซฟ:ไม่ต้องเลย เป็นประจำเดือนไม่ใช่หรือไง ไปเดินนำทางเลยไป"
 
    "เมิ่งซิน:!!!"
 
    เมิ่งซินทำสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร เธอเพียงหันหลังแล้วเดินนำทางผ่านกองเลือดและซากศพออกไปเงียบๆ
 
    ระหว่างการเดินทางกลับ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนน่าประหลาด ไม่มีมอนสเตอร์หรือเสียงผิดปกติใดๆให้ได้ยินเลย จนพวกเขาเดินทางถึงห้องพักโดยปลอดภัย
 
    "โจเซฟ:โคตรโชคดีเลยวะ เดินมาไม่เจออะไรสักตัว"
 
    "เมิ่งซิน:นั่นปากหรืออะไร พูดถามหาอยู่ได้"
 
    "โจเซฟ:พูดหาอะไรล่ะ ฉันแค่พูดตามจริง ระหว่างเดินมามันเจออะไรไหมล่ะ"
 
    "เมิ่งซิน:มันจะเจอก็เพราะแกพูดถามหานี่ไง!"
 
    ทั้งคู่เริ่มจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง ทันใดนั้น คริสที่กำลังแบกลีน่าอยู่ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า
 
    "คริส:เอ่อ... ทั้งสองคนครับ อย่าพึ่งทะเลาะกันได้ไหม ผมเริ่มจะเมื่อยแล้ว"
 
    ทั้งเมิ่งซินและโจเซฟยังคงมองหน้ากันอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่เมิ่งซินจะถอนหายใจหันหน้าหนี แล้วเดินไปเปิดประตูห้อง
 
    "แอด~~~"
 
    เสียงประตูดังขึ้นช้าๆ กลิ่นอับในห้องลอยออกมาปะทะจมูก เธอก้าวเข้าไปเพียงก้าวเดียว ก่อนสายตาจะเบิกกว้างกับภาพตรงหน้า
 
    ภายในห้องมีคนอยู่ห้าคน โดยที่ผู้ชายสี่คนกำลังล้อมหญิงสาวคนหนึ่งที่นอนหลับอยู่กลางห้อง... โดยที่ร่างนั้นไม่ได้ใส่เสื้อมีแต่เสื้อในและกางเกงในที่ใส่อยู่
 
    เมิ่งซินชะงักไปครู่ ก่อนจะคว้าอาวุธขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ เสียงโลหะกระทบกันเบาๆดังขึ้น ฝั่งตรงข้ามเองก็รีบลุกพรวดขึ้นตั้งท่าพร้อมเช่นกัน
 
    บรรยากาศในห้องเปลี่ยนเป็นตึงเครียดในพริบตา ทั้งสองฝ่ายต่างจับตามองกันไม่กะพริบ
 
    คริสและโจเซฟที่อยู่ด้านหลังเห็นท่าทีผิดปกติของเมิ่งซิน คริสจึงรีบชะโงกหน้าเข้าไปดูโดยยังแบกลีน่าไว้บนหลัง
 
    "คริส:เกิดอะไรขึ้นครับ?"
 
    ทันทีที่เขามองเข้าไปเห็นชายสี่คนที่ตั้งท่าถืออาวุธอยู่ เขารีบถอยออกมาทันที ก่อนที่จะหันไปบอกโจเซฟ
 
    "คริส:มีคนอยู่ข้างในครับ! แถมตั้งท่าพร้อมสู้ด้วย!"
 
    "โจเซฟ:ซิบหายแล้วไง..."
 
    โจเซฟสบถออกมา ก่อนรีบวางอากิลงกับพื้นอย่างระมัดระวัง สายตาเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
 
    ทางด้านเมิ่งซินยังคงยืนประจันหน้าอยู่ ดวงตาเย็นเฉียบมองชายทั้งสี่ราวกับจะอ่านใจพวกเขาออก จนกระทั่งชายหุ่นหมีที่สวมหมวกเหล็กเต็มใบพร้อมหนวดเหลาที่ยาวเฟือยออกมาจะเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ
 
    "???:ฉันว่าเรามีความเข้าใจผิดกันแน่ๆคุยกันก่อนได้ไหม"
 
    "เมิ่งซิน:ฉันต้องคุยอะไรกับชายโรคจิตสี่คน ที่กำลังล้อมผู้หญิงคนเดียวเอาไว้... แถมผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ใส่อะไรเลยด้วย!"
 
    เสียงของเมิ่งซินดังก้องไปทั่วห้อง ราวกับคมมีดที่ปะทะกันกลางอากาศ ความตึงเครียดปกคลุมบรรยากาศจนแทบไม่มีใครกล้าขยับตัว
 
    "???:เอาล่ะๆ ฉันพอเข้าใจแล้ว ตอนนี้เรามาลดความกังวลของเราทั้งสองฝ่ายกันดีกว่า ทุกคน…วางอาวุธลง"
 
    "เปล้ง!!!"
 
    เสียงเหล็กกระทบพื้นดังขึ้นต่อเนื่อง เมื่อคนอื่นๆ จากฝั่งตรงข้ามทยอยโยนอาวุธทิ้ง เมิ่งซินที่เห็นดังนั้นก็ลดท่าทีระวังตัวลงเล็กน้อย ความตึงเครียดในดวงตาค่อยๆจางหายไป จังหวะนั้นเองโจเซฟก็เดินเข้ามาพร้อมโล่ขนาดใหญ่ในมือ
 
    ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นเขา หนึ่งในพวกนั้นก็ร้องขึ้นอย่างตกใจปนดีใจ
 
     "???:เห้ย! โจเซฟนั่นนายใช่ไหม?"
 
    โจเซฟชะงักไปเล็กน้อยก่อนโผล่หน้าออกมาจากหลังโล่ มองอีกฝ่ายอย่างงงๆ
 
     "โจเซฟ:ใคร?"
 
    "???:อ้อ โทษที ฉันลืมไป"
 
    ชายวัยกลางคนรีบถอดหมวกเหล็กออกทันที พอเห็นใบหน้าเขาอย่างชัดเจน โจเซฟก็ตาโตขึ้นและยิ้มกว้าง
 
    "โจเซฟ:อ้าว! ฟลังโก้นิ เป็นไงบ้าง"
 
    "ฟลังโก้:ฉันก็สบายดี...แต่คามีญไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
 
    ฟลังโก้พูดพลางหันไปมองหญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้น ใบหน้าซีดเผือด ร่างเปลือยเปล่าใส่แค่กางเกงในและเสื้อใน
 
    "โจเซฟ:แล้วเธอเป็นอะไร?"
 
    "ฟลังโก้:ฉันก็ไม่รู้ พวกเรา 4 คนไม่มีใครมีความรู้ด้านการแพทย์เลย ก็ได้แต่นั่งเฝ้าเธออยู่นี่แหละ"
 
    "โจเซฟ:ฉันพอมีคนที่รู้เรื่องการรักษาอยู่บ้าง"
 
    "ฟลังโก้:โอ้! นี่แหละข่าวดีที่ฉันอยากได้ยินจริงๆ"
 
    เมิ่งซินที่เริ่มเข้าใจสถานการณ์ก็ค่อยๆเก็บอาวุธกลับเข้าที่ ขณะที่โจเซฟก็วางโล่ลง ก่อนทั้งคู่จะเดินเข้ามาจับมือและกอดทักทายกันด้วยความยินดีหลังไม่ได้เจอกันมานาน
 
    "ฟลังโก้:เอาล่ะ ทุกคน คนนี้ชื่อโจเซฟ เป็นคนรู้จักของฉันเอง แนะนำตัวกันหน่อยสิ"
 
    ชายผิวสีน้ำตาลร่างกำยำเดินเข้ามาก่อน เขายื่นมือมาจับมือโจเซฟแน่นพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ
 
    "???:ยินดีที่ได้รู้จัก ผมโยเซฟ"
 
    ต่อมาชายร่างเล็กผิวเหลือง เดินเข้ามาพร้อมยกมือแตะหน้าอกตนเองแล้วโค้งศีรษะเล็กน้อย
 
    "???:อัสสลามูอะลัยกุม ยินดีที่ได้รู้จัก กระผมอาซิม"
 
    และคนสุดท้ายเป็นชายร่างใหญ่ ผิวเข้ม แขนขาเต็มไปด้วยมัดกล้าม เขาเดินมาจับมือโจเซฟแน่นเช่นกัน
 
     "???:ยินดีที่ได้รู้จัก ผมจาบารี"
 
     หลังจากทุกคนแนะนำตัวเสร็จ โจเซฟก็ผายมือไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
 
    "โจเซฟ:นี่เมิ่งซิน เป็นคนที่ฉันบอกว่าเธอมีความรู้เรื่องการรักษา"
 
     เมิ่งซินเดินเข้ามาอย่างสงบ ยื่นมือจับมือกับแต่ละคนก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
 
     "เมิ่งซิน:ขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่พวกคุณก่อนหน้านี้ ฉันรีบตัดสินไปหน่อย"
 
    ฟลังโก้หัวเราะร่วน เสียงของเขาทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงทันที
 
    "ฟลังโก้:ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องเก็บไว้ในใจหรอก ใครเห็นภาพแบบนั้นก็ต้องเข้าใจเหมือนเธอทั้งนั้นแหละ"
 
    เมิ่งซินยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้า
 
    "เมิ่งซิน:ถ้าอย่างนั้น…ก็ขอให้เราลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไว้ แล้วมารู้จักกันใหม่อีกครั้งเถอะ"
 
    บรรยากาศที่ตึงเครียดเมื่อครู่ค่อยๆคลายลง เหมือนพายุที่เพิ่งสงบ ทิ้งไว้เพียงความโล่งใจและความร่วมมือที่เริ่มก่อตัวในห้องแห่งนั้น
 
    "ฟลังโก้:ยินดีๆแต่ก่อนหน้านั้นช่วยดูคามีญให้หน่อยได้ไหม ถ้าไม่ติดอะไร"
 
    โจเซฟที่ได้ยินก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาตบหน้าผากเบาๆแล้วพูดขึ้น
 
    "โจเซฟ:แป๊บนึงนะ ฉันต้องพาคนที่เหลือเข้ามาก่อน"
 
    "ฟลังโก้:เอ้า แล้วทำไมนายไม่พาพวกเขาเข้ามาแต่แรกล่ะ?"
 
    "โจเซฟ:พวกเขาได้รับบาดเจ็บน่ะ ฉันเลยต้องให้พักอยู่ข้างนอกก่อน"
 
    โจเซฟพูดพลางยกมือเกาหลังคอด้วยสีหน้าไม่สบายใจ ฟลังโก้ที่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว
 
    "ฟลังโก้:เกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
 
    "โจเซฟ:เฮ้อ~ เรื่องมันยาว ไว้พาพวกเขาเข้ามาก่อน เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง"
 
    "ฟลังโก้:ได้ เดี๋ยวพวกฉันช่วย"
 
    จากนั้นทุกคนก็รีบออกไปช่วยกันพาอากิและลีน่าเข้ามาในห้อง ส่วนเมิ่งซินตรงไปหาคามีญทันที เธอคุกเข่าลงข้างตัวหญิงสาวและเริ่มตรวจดูอาการอย่างละเอียด สีหน้าเธอค่อยๆเคร่งเครียดขึ้น
 
    ริมฝีปากของคามีญคล้ำ ปลายนิ้วซีด ผิวซีดจนออกเทา เย็นจัดราวกับน้ำแข็ง ลมหายใจเบาและช้า ชีพจรแทบไม่รับรู้ มือเท้าเริ่มแข็งเกร็งเล็กน้อย
 
    ‘เมิ่งซิน:นี่มัน...อาการของ Hypothermia ชัดๆพวกเขาไปที่ไหนมาถึงได้เย็นขนาดนี้กัน...ไว้ถามทีหลัง ตอนนี้ต้องรีบจัดการตรงนี้ก่อน’
 
    เธอรีบหยิบผ้าที่พอเหลืออยู่ออกมาปูไว้ใกล้กองไฟ จากนั้นค่อยๆอุ้มคามีญไปวางลงบนผืนผ้า ก่อนจะคลี่ผ้าห่มออกมาคลุมให้จนมิดชิด เพื่อช่วยให้ความร้อนกลับเข้าสู่ร่างกาย
 
    ด้านโจเซฟ เมื่อพาอากิเข้ามาได้ คริสก็รีบเอาเตียงสองชั้นที่เก็บไว้ในช่องเก็บของออกมา วางให้ลีน่านอนข้างล่าง ส่วนอากิถูกยกขึ้นนอนไว้ด้านบนอย่างระมัดระวัง หลังจากทุกอย่างเข้าที่ เมิ่งซินก็เดินเข้ามาหาฟลังโก้
 
    "เมิ่งซิน:คุณฟลังโก้ ฉันมีเรื่องอยากถามหน่อย"
 
     "ฟลังโก้:ได้เลย ถามได้ตามสบาย แล้วก็ไม่ต้องพูดสุภาพขนาดนั้นหรอก คุยกันธรรมดาเถอะ"
 
    "เมิ่งซิน:งั้นฉันจะไม่เกรงใจละนะ"
 
     "ฟลังโก้:ฮ่าฮ่าฮ่า แบบนี้แหละดี ฉันชอบคนคุยรู้เรื่อง แล้วมีอะไรจะถามล่ะ?"
 
    "เมิ่งซิน:พวกคุณผ่านที่ที่มีอากาศหนาวจัดมารึเปล่า?"
 
    พอได้ยินคำถามนั้น สีหน้ายิ้มแย้มของฟลังโก้ก็หายไปทันที เขาขมวดคิ้วก่อนตอบเสียงหนักแน่น
 
    "ฟลังโก้:ใช่ เราเพิ่งผ่านที่โคตรหนาวมา...แต่เธอรู้ได้ยังไง?"
 
    "เมิ่งซิน:เรื่องนั้นไม่ยากจะเดาเลย เพราะอาการของคา..."
 
    เธอพูดพลางทำท่าคิด พยายามนึกชื่อของหญิงสาวขึ้นมา แต่ฟลังโก้พูดแทรกขึ้น
 
    "ฟลังโก้:คามีญ"
 
    "เมิ่งซิน:ใช่ คามีญ อาการของเธอบอกหมดแล้วว่าเธอเป็น Hypothermia หรือภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำเกินไป เกิดจากการอยู่ในสภาพอากาศหนาวโดยไม่ได้เตรียมตัวหรือไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนอย่างรวดเร็ว"
 
    "ฟลังโก้:แล้วเธอจะเป็นอะไรมากไหม?"
 
     "เมิ่งซิน:โชคดีที่ยังไม่ถึงขั้นร้ายแรง ความเย็นยังไม่กัดกินปลายนิ้วมือหรือนิ้วเท้า แต่หลังจากนี้เธออาจมีไข้ขึ้นได้ ต้องดูแลใกล้ชิดสักพัก"
 
     ทั้งสี่คนที่ได้ยินต่างพ่นลมหายใจออกพร้อมกันด้วยความโล่งใจ สีหน้าที่เคร่งเครียดเมื่อครู่เริ่มผ่อนคลายลง
 
    หลังจากได้รับข่าวดี พวกเขาทั้งหมดก็เดินไปนั่งรวมกันรอบกองไฟ เปลวไฟอุ่นๆลุกไหวท่ามกลางความมืด เสียงไม้แตกดังแผ่วเบา ทุกคนต่างผ่อนคลายลงและเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน
 
    "โยเซฟ:ถ้าเป็นการไม่เสียมารยาท ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณเป็นหมอหรือเปล่า ทำไมถึงมีความรู้ทางการแพทย์มากขนาดนี้"
 
    "เมิ่งซิน:ฉันไม่ได้เป็นหมอหรอกนะ แต่ก็ศึกษาไว้บ้าง ถึงแม้จะไม่ได้เรียนจริงจังจนทำแทนหมอได้ แต่ก็พอรักษาอาการเบื้องต้นได้ ถ้าอันไหนร้ายแรงเกินไปฉันก็ช่วยไม่ได้"
 
     "อาซิม:ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมถึงไปศึกษาเรื่องการแพทย์ล่ะ"
 
    "เมิ่งซิน:ฉันเป็นพวกแบกเป้เที่ยวน่ะ เลยศึกษาพวกการแพทย์ไว้บ้าง เพราะเวลาออกเดินทางแล้วบาดเจ็บ ฉันจะได้รักษาตัวเองได้"
 
    "ฟลังโก้:โห่ แบกเป้เที่ยวเหรอ ไปกับใครล่ะ แฟน? หรือเพื่อนสนิทที่มากกว่าเพื่อน?"
 
    "เมิ่งซิน:ไม่มีหรอกของแบบนั้น ฉันลุยเดี่ยวมาตลอด 6–7 ปีแล้ว"
 
    "ฟลังโก้:โจเซฟ นายมีสาวแกร่งอยู่ในทีมด้วยนี่ ยินดีด้วยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า!"
 
    โจเซฟที่ได้ยินแบบนั้นก็ยกมือขึ้นตบหน้าผากเบาๆก่อนจะตอบเสียงกลั้วหัวเราะ
 
    "โจเซฟ:ฮ่ะ บางทีมันก็แกร่งไปหน่อยนะสิ"
 
    ฟลังโก้หัวเราะเสียงดังยิ่งกว่าเดิม บรรยากาศรอบกองไฟอบอุ่นขึ้นด้วยเสียงหัวเราะของพวกเขา ก่อนที่กลุ่มจะย้ายวงเข้ามาใกล้เปลวไฟอีกนิด และเริ่มคุยกันต่อด้วยท่าทีสบายๆ
 
    "โจเซฟ:ขอฟังเรื่องของทางนายหน่อยได้ไหม ฉันอยากรู้ว่าพวกนายมาที่นี่ได้ยังไง"
 
    "ฟลังโก้:ได้แน่นอน จาบารี นายเล่าเลย"
 
    จาบารีที่ได้ยินแบบนั้นก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ทำหน้าสงสัยเหมือนจะถามว่า ให้ฉันเล่าเหรอ?
 
    "ฟลังโก้:เออ เอ็งนั่นแหละเล่า เพราะความจำเอ็งดีที่สุดแล้ว"
 
    "จาบารี:ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็ขอเล่าตั้งแต่หลายวันก่อนเลย พวกเราสำรวจเส้นทางตามปกติ... จนกระทั่งมาเจอทางแปลกๆเข้า"
 
    "เมิ่งซิน:ทางเดินแปลกๆ?"
 
    "จาบารี:ใช่ ทางเดินแปลกๆ จากปกติที่มันจะเป็นเหมือนดินแห้งๆ แต่ทางที่เราเจอ ผนังมันกลับเปียก พอเดินตามไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีน้ำสีขุ่นนิดหน่อยขังอยู่เต็มพื้น แถมยังมีพืชขึ้นเกาะกำแพงเต็มไปหมด ยิ่งเข้าไปลึก ระดับน้ำก็ยิ่งเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยจะอยู่แถวๆ หน้าแข้ง แต่จุดที่ลึกที่สุดเคยไปถึงหน้าอกเลย"
 
    โจเซฟ เมิ่งซิน และคริสที่ฟังอยู่ต่างทำสีหน้าจริงจัง ตั้งใจฟังทุกคำอย่างไม่ละสายตา
 
    "โจเซฟ:แล้วที่นั่นมีมอนสเตอร์ไหม?"
 
    "จาบารี:มีแน่นอน แถมเก่งด้วย โดยเฉพาะพวกปลา ถ้าน้ำน้อยก็ยังพอสู้ได้ แต่เมื่อไหร่ที่น้ำสูงถึงระดับเอวขึ้นไป เราแทบจะกลายเป็นเป้านิ่งเลย"
 
    "คริส:ปลาเหรอ มีให้ดูไหมครับ?"
 
    "ฟลังโก้:มีสิ แถมเยอะด้วย เพราะมันคือเสบียงหลักตอนอยู่ที่นั่นเลย ล่าง่าย แค่ล่อขึ้นน้ำตื้นๆ ก็จบ"
 
    ฟลังโก้พูดพลางเปิดช่องเก็บของแล้วหยิบปลาตัวหนึ่งออกมาให้ดู มันมีลักษณะกลมเหมือนปลาทอง แต่ตัวใหญ่เท่าลูกฟุตบอล ดวงตากลมโต มีฟันแหลมเรียงเป็นแถว ครีบหลังขนาดใหญ่ เกล็ดเรียงซ้อนกันแน่นราวกับเกราะโลหะ แถมดูคมจนแสงไฟสะท้อนเป็นประกาย
 
    คริสที่เห็นก็ยื่นมือไปจับอย่างสนใจ มันแข็งจริงๆ แถมเกล็ดก็แหลมเหมือนคมมีด
 
    "ฟลังโก้:เห็นแบบนี้แต่มันกินง่ายมากนะ แค่ลอกเกล็ดออกก็จะเหลือแต่เนื้อ แถมไม่มีก้างเลย ถึงจะมีกลิ่นนิดหน่อย แต่รสชาติดีกว่าอาหารส่วนใหญ่ในที่นี้แน่นอน"
 
    "โจเซฟ:น่าสนใจจริงๆ ถึงหน้าตามันจะอัปลักษณ์ แต่รสชาติมันก็คงอีกเรื่องสินะ"
 
   ระหว่างที่พวกเขากำลังดูปลาประหลาดกันอยู่นั้น เมิ่งซินก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย
 
    "เมิ่งซิน:แล้วมีแต่พวกนี้เหรอ"
 
    "จาบารี:เอ่อ... เรื่องนั้นคงบอกว่าไม่ เพราะมันยังมีพวกที่เก่งมากๆอยู่ที่นั่นด้วย"
 
    ทั้งสามโจเซฟ เมิ่งซิน และคริสหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้างงงวยทันที
 
    "เมิ่งซิน:มันที่ว่านี่คืออะไร"
 
    "จาบารี:มันคือลิซาร์ดแมน ลักษณะมันเป็นกิ้งก่ายืนสองขา มีหางยาวมาก มีเกล็ดแข็งทั่วตัว ถึงพวกมันจะดูเหมือนเดินลำบาก แต่ความจริงไม่ใช่เลย... พวกมันเร็วมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีน้ำ"
 
    "อาซิม:ไม่ใช่แค่นั้นนะ การสู้กับพวกมันยังยากมากด้วย ถ้าเจอตัวที่ถือดาบกับโล่ พวกมันสู้เก่งมาก รู้จังหวะป้องกันดี ถ้าโจมตีไม่เร็วพอ มันจะยกโล่ขึ้นรับได้ทันที แถมยังต้องระวังหางของมันด้วย เพราะถ้าโดนฟาดเข้าเต็มๆ มันเหมือนโดนท่อนเหล็กหนักๆ ฟาดเลย"
 
    "คริส:ฟังดูเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือยากนะครับ"
 
    "โยเซฟ:มียากกว่านี้อีกนะ ถ้าเจอแล้วไม่มีคามีญ พวกเราคงได้แต่หนี"
 
    คริสที่ได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันได้ถาม โยเซฟก็พูดต่อ
 
    "โยเซฟ:พวกนั้นมีอาวุธหลักคือ หอก มีทั้งหอกสองมือที่ยาวมาก หรือหอกที่ใช้คู่กับโล่ แล้วยังมีพวกที่ขว้างหอกได้ด้วย... พวกนั้นอันตรายที่สุด ถ้าหลบไม่ทันหรือไม่มีโล่ก็คือจบ พร้อมโดนเสียบได้เลย"
 
    เมื่อได้ฟังถึงตรงนั้น สีหน้าทั้งสามก็เริ่มเปลี่ยนเป็นกังวลขึ้นทันที พวกเขายังไม่เคยเจอมอนสเตอร์ที่ใช้อาวุธหอกมาก่อน ยิ่งฟังจากคำบอกเล่า มันยิ่งดูเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากอย่างแท้จริง
 
    "โจเซฟ:พวกนายได้เก็บหอกของพวกมันมาด้วยไหม ฉันอยากดู"
 
    "ฟลังโก้:แน่นอน เราเก็บมาอยู่แล้ว"
 
    ฟลังโก้พูดพลางเปิดช่องเก็บของ ก่อนจะหยิบหอกเล่มหนึ่งออกมา มันยาวเกือบสองเมตร ปลายหอกเป็นโลหะแหลมคมสะท้อนแสงไฟ ส่วนด้ามทำจากไม้สีเข้มที่ถูกขัดจนเรียบลื่น ปลายอีกด้านมีการแกะสลักเป็นรูปงูพันอยู่รอบด้ามอย่างประณีต เขายื่นมันให้โจเซฟรับไป
 
    โจเซฟยกมันขึ้นลองถือ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่มากกว่าหอกทั่วไป
 
    "โจเซฟ:หนักอยู่นะเนี่ย"
 
    "ฟลังโก้:ฉันว่ามันหนักเพราะไม้นะ ลองกระแทกกับพื้นดูสิ"
 
    โจเซฟที่ได้ยินก็ลองทำตาม เขายกด้ามหอกขึ้นก่อนจะกระแทกกับพื้นสองครั้ง
 
    "ปึง!! ปึง!!"
 
    "โจเซฟ:!!! เสียงไม่เหมือนไม้เลยนะ มันเหมือน..."
 
    "ฟลังโก้:เหมือนโลหะใช่ไหมล่ะ"
 
    "โจเซฟ:ใช่ เหมือนโลหะเลย"
 
    "ฟลังโก้:เท่าที่ลองคิดดู ไม้นี้น่าจะเป็นพันธุ์พิเศษที่เกิดเฉพาะในพื้นที่นั้น เพราะเราไม่เคยเห็นที่อื่นมาก่อนเลย"
 
    "โจเซฟ:ก็จริง ฉันเองก็ไม่เคยเจอมาก่อน"
 
    ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน คริสก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
 
    "คริส:อันนี้มันคือหอกยาวใช่ไหมครับ"
 
    ฟลังโก้หันมามองก่อนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แผ่วเบา
 
    "ฟลังโก้:เออ... ว่ายังไงดีล่ะ อันนี้มันคือหอกที่ใช้คู่กับโล่ ส่วนหอกยาวพวกเราไม่ได้มันมาเลย... เพราะเราฆ่าพวกนั้นไม่ได้"
 
    เมื่อได้ยินคำตอบนั้น คริสก็เงียบลงทันที เขาเข้าใจในทันทีว่าพวกศัตรูที่ใช้หอกยาวนั่น คงแข็งแกร่งเกินกว่าที่แม้แต่พวกเขาทั้งห้าจะต่อกรได้...
 
 
 
 
 
 
 
                 จากผู้แต่ง
    ตอนหน้าก็ยังคุยกันนะครับ ซึ่งอาจจะยาวมากจนกินตอนที่ 17 ทั้ง 3 ส่วนไปเลย ดังนั้นใครไม่ชอบส่วนนี้ก็อยากลองให้เปิดใจนิดหนึ่ง เพราะการคุยนี้จะเป็นการประกอบที่นี้ให้สมบูรณ์ขึ้น ดังนั้นอ่านให้ครบจะเป็นการดีนะคัฟ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา