The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) -แกลดิโอลัส-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
กริ๊งงง กริ๊งงง กริ๊งงง
ติ๊ด
อีกครั้งที่ฉันกดตัดสายทิ้ง เพื่อหยุดเสียงเรียกเข้าสุดปั่นประสาท
ผ่านมาได้ 3 วันแล้ว นับตั้งแต่ฉันตัดสินใจเว้นระยะห่างจากทวิตซ์ หลังจากเขากระทำการอุกอาจขโมยจูบฉันต่อหน้าทุกคน
จูบแรกยังพอเข้าใจว่าอารมณ์พาไป ฉันผิดเองที่ไม่ระวังตัว อยู่ในสภาพล่อแหลมต่อหน้าผู้ชาย
แต่จูบสองนี่สิ ไม่น่าให้อภัยอย่างแรง! หมอนั่นจงใจชัดๆ ทั้งที่ฉันเคยบอกแล้วแท้ๆ ว่าไม่อยากจูบกับคนที่ไม่ใช่แฟน!
ฉันรู้ดีว่าทวิตซ์เป็นคนเอาแต่ใจ ดื้อดึงและชอบเข้าควบคุมคนอื่นเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ พูดให้ตายหมอนั่นก็คงไม่ฟัง เลยได้แต่หวังว่าที่ฉันไม่
ยอมรับสายตลอด 3 วัน ตั้งการ์ด เว้นระยะห่าง เพื่อขีดเส้นความสัมพันธ์แบบนี้ จะทำให้ตาเพี้ยนนั่นเข้าใจซักที
ฉันพลิกตัวนอนตะแคงกอดหมอนข้าง พยายามข่มตาหลับท่ามกลางความคิดว้าวุ่น
อย่างที่ไอ้แว่นพูดนั่นแหละ เขาแค่ ‘ทำตามหน้าที่’ แต่พักหลังมานี้ ล้ำเส้นมากไปหน่อย
ถ้าอยากแสดงละครต่อหน้าคนอื่นก็ควรทำอย่างมีขอบเขต ไม่จำเป็นต้องโทรมาส่วนตัวดึก ๆ ดื่น ๆ
หรือถึงขั้นจูบกัน…
ปลายนิ้วฉันเผลอแตะริมฝีปากเบาๆ หวนนึกถึงรสสัมผัสเย้ายวน จนเริ่มหายใจติดขัด…
ตึกตัก…ตึกตัก…
บ้าจริง…ไอ้หัวใจทรยศ! แกจะเต้นแรงทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเรื่องหมอนั่นไม่ได้นะ!
ตึกตัก… ตึกตัก…
ไม่ยุติธรรมเลย…ทั้งที่เขาเห็นฉันเป็นแค่ ‘ของเล่น’ แท้ๆ
.
-เช้าวันต่อมา-
“ทำไมไม่รับสาย?”
ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากหอ เสียงเอ่ยถามเย็นเยียบจากชายร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอย่างเอาเรื่องก็ลอยเข้าหูตามคาด
“ไม่อยากรับ”
ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาราบเรียบ สายตาจ้องมองแข็งกร้าว แต่ตัวดันหลบอยู่หลังสาวน้อยผมเปีย
ไม่กลัวย่ะ! นายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ตราบใดที่ฉันยังมีปราการสุดแกร่งชื่อ ‘ปลาดาว’ คอยคุ้มกัน -o-
ไม่อยากจะโม้ 2-3 วันนี้ ฉันรอดจากการสกินชิพมือปลาหมึกของเขาได้ตลอด เพราะปลาดาวนี่แหละ
“เอ่อ…คือ ^^;”
ปลาดาวยิ้มเหยเกลำบากใจจนร่างสูงต้องยอมถอย
“เฮ้อ”
ทวิตซ์ถอนหายใจเอือมระอา
“มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิ แค่จูบเอง ไม่ได้ฆ่าใครตายซักหน่อย T T”
เขาเริ่มใช้ท่าไม้ตายส่งสายตาลูกหมาขี้อ้อน
ช่างกล้า! ไอ้ปีศาจขโมยจูบอย่างนาย ไม่ฆ่าก็เหมือนฆ่า ไม่ต้องมาทำตัวน่าสงสาร ฉันไม่หลงกลหรอกย่ะ!
“ยูแช~”
ทวิตซ์อัพเลเวลเสียงออดอ้อนขึ้นอีกระดับ
ฟึบ!
ฉันรีบคว้าหูฟังในกระเป๋ามาใส่ทันที
เรียกไปเลยนะซักสิบล้านรอบ อยากทำอะไรเชิญ!
ส่วนฉันจะฟังเพลงเพราะๆ เดินไปห้องสภานักเรียนกับเพื่อนอย่างมีความสุข
.
(ณ ตึกสภานักเรียน)
15 วันก่อนถึง ‘ฮาโลวีน’ เราทำพรอพใกล้เสร็จแล้ว เหลือแค่จัดฉากกับเตรียมงานนิดหน่อย ขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันขนพรอพประกอบฉาก ไอ้แว่นก็
โพล่งขึ้นมาตามนิสัย
“ยังไม่คืนดีกันอีกหรอ? หลายวันละนะ - -*”
ตาแว่นยังคิดว่าฉันกับอีตาทวิตซ์ทะเลาะกันตามประสาคู่รักง๊องแง๊ง ทั้งที่ความจริงแล้ว เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย ฉันแค่อยู่ห่างตานั่นเพื่อความ
ปลอดภัยต่างหาก
“หยวนบ้างเหอะน่าถังน้ำแข็ง เอาแต่เกาะติดปลาดาวอยู่ได้!”
ไอ้แว่นหวังงาบปลาดาวน้อย เริ่มบ่นอุบอิบใส่อารมณ์
อ้าปากทีเห็นไปถึงลิ้นไก่! ทานโทษนะย๊ะ ที่ฉันเข้าไปเป็น กขค. ของนาย! นายก็รีบบอกไอ้เพื่อนหน้าสวยข้างๆ ให้ยอมแพ้ซักทีเซ่! ฉันไม่อยากอยู่ใน
สภาพหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้ไปตลอดชีวิตเหมือนกันแหละย่ะ!
ในขณะที่ฉันกำลังโฟกัสเจตนาแอบแฝงของไอ้แว่นจนลืมระวังตัว จู่ๆ ก็ได้กลิ่นดอกไม้หอมโชยผ่านจมูก รู้ตัวอีกทีเจ้าชายดอกไม้ก็แว้บมาเดินข้างฉัน
เมื่อไหร่ไม่รู้ O-O
ตุบ!
ฉันตกใจรีบปล่อยของทิ้งวิ่งไปแอบหลังปลาดาว
แต่ดูเหมือนครั้งนี้ทวิตซ์จะไม่ยอมแพ้ เตรียมพุ่งเข้าชาร์จด้วยจิตใจอันแรงกล้า
เมื่อเห็นว่าหลังปลาดาวไม่ใช่จุดเซฟโซนอีกต่อไป ฉันเลยวิ่งวนหนีเขาเป็นมอญซ่อนผ้า ผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนนางเอกหนังอินเดีย
“อย่าหนีนะ!!”
เสียงตะโกนลั่นบ่งบอกว่าคราวนี้เค้าเอาจริง ต่อให้ตายตานั่นคงไม่ยอมปล่อยฉันแน่ ><
เวรกรรมอะไรของฉันกัน! แทนที่การเว้นระยะห่างจะช่วยปราบพยศ กลับกลายเป็นปลุกปีศาจในตัวเขาให้ตื่นขึ้นซะงั้น
ฉันหนีจนเหนื่อยหอบแฮ่กๆ พยายามหาที่พักพิง แต่ดันมาหยุดอยู่ด้านหลังแคคตัสเมื่อไหร่ไม่รู้
“เฮ้ย! ถึงขั้นหนีไปหาผู้ชายคนอื่นเลยหรอ? กลับมานะยัยคนหลายใจ!”
ครั้งแรกเลยที่เห็นเจ้าชายยิ้มหวานทำหน้าดุจัดขนาดนี้ จนเผลอคิดขึ้นมาวูบนึงว่า
ใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มของเขา…น่ากลัวจัง
สองมือฉันเผลอกำชายเสื้อแคคตัสไว้ งุดหน้าหลบดวงตาสวยสังหาร
“เฮือก…! ใกล้ไปแล้วยัยบ้า! จะ ใจเย็นก่อนเว้ยทวิตซ์!”
ความลำบากตกไปอยู่ที่ตาแว่นซึ่งเป็นคนกลางเต็มๆ เหมือนหมอนั่นจะเห็นใจฉันนิดนึง เลยยังไม่ส่งตัวให้ไอ้เจ้าชายปีศาจที่ตอนนี้โกรธจนเขี้ยวงอก
และพยายามพูดปรามเพื่อนให้เย็นลงแทน
“หลีกไปเค!”
ทวิตซ์ตะคอกเสียงใส่จนทุกคนพากันสะดุ้งโหยง
เมื่อแววตาสีครามโกธาฉายแววชัดว่า ‘สันติไม่ใช่ทางออก’ จึงไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งเขาได้อีกต่อไป
หมับ!
ทวิตซ์รุดเข้าคว้าจับข้อมือฉันไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บแปลบ ฉุดกระชากให้เดินตามเขาไป โดยไม่สนใจเสียงแมงหวี่แมงวันของปลาดาวและแคคตัสที่ตะโกน
ไล่หลังอย่างห่วงใย
.
แกร๊ก!
ฉันถูกพากลับห้องสภานักเรียน ซึ่งไอ้คนหยาบโลนที่ถูลู่ถูกังลากฉันมาตลอดทาง จัดการล็อคประตูลงกลอนเสร็จสรรพ
สายตาสีหมอกขุ่นมัวจ้องมองฉัน ริมฝีปากสวยที่เคยแย้มยิ้มอยู่เสมอราบเรียบไร้อารมณ์ ปราศจากสุ้มเสียงนุ่มนวล
น่ากลัว…ราวกับคนตรงหน้าไม่ใช่ทวิตซ์ที่ฉันรู้จัก
เท้าของฉันรักตัวกลัวตาย ค่อยๆ ถอยหนีห่างจากเขาจนถึงทางตัน และชนเข้ากับขอบโต๊ะทำงาน
ตึง!
ร่างสูงย่างสามขุมเข้าหาโดยไม่ทันตั้งตัว สองแขนแกร่งเท้าคร่อมร่างดักทางหนี
ฉันสะดุ้งเฮือกแทบหยุดหายใจ ใบหน้าสวยอ่อนหวานที่เคยทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำ ตอนนี้กลับทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเหลือเกิน
รอยแดงจ้ำบนข้อมือยังเจ็บแปลบไม่หาย ลมหายใจติดขัด อึดอัด
ดวงตาของฉันสั่นระริก พยายามมองหาแสงสว่างที่ซ่อนอยู่ในตาเขา
ความรู้สึกหนึ่งพลันผุดขึ้นในหัว…
‘ฉันกลัว’
พอจะมีหนทางไหน ช่วยให้หลุดรอดจากสถานการณ์นี้ได้บ้างมั้ย…?
…
สายตาซอกแซกเหลือบเห็นโซฟาด้านหลัง แล้วฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้…แต่ไม่รู้จะได้ผลรึเปล่า?
ฟึบ
ฉันเอื้อมมือไปลูบหัวคนตัวสูงเบาๆ…ทำเอาเขาชะงักเล็กน้อย
เส้นผมสีเงินอ่อนนุ่มพอช่วยให้ใจฉันรู้สึกสงบลงบ้าง
“นายจะเป็นเด็กดีใช่มั้ย?”
สิ้นเสียงราบเรียบ ดวงตาคู่สวยฉายแววส่องประกายอีกครั้ง ทวิตซ์คลายยิ้มกว้างพึงพอใจ ก่อนเอื้อนเอ่ยเสียงหวาน
“อื้ม ฉันจะเป็นเด็กดี ^^ ”
ถึงตรงนี้ฉันควรโล่งใจได้แล้ว ถ้าไม่มีน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ในประโยคต่อมา
“…แต่ไม่ยกโทษให้หรอกนะ”
“ว้าย!”
ฉันร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ สองมือใหญ่ยกร่างฉันขึ้นนั่งบนโต๊ะอย่างง่ายดาย
เป็นอีกครั้งที่เสียสมดุลจนเผลอโอบคอเค้าไว้แน่น ส่งผลให้หน้าเราห่างกันเพียงไม่กี่เซนฯ จนได้ยินเสียงลมหายใจ
ดะ ดูท่าไม่ดีแล้ว!
>_<
ฉันหลับตาปี๋หนีภาพตรงหน้า ซึ่งอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่พอทำได้ในตอนนี้
ก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก
ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กบางอย่าง คล้ายกล่องขนมลูกกวาด ก่อนที่ปลายนิ้วอุ่นจะป้อนบางอย่างเข้าปากฉัน
“อะไรน่ะ!”
ฉันตกใจเบิกตาโพล่ง รู้สึกถึงวัตถุแข็งๆ กลมๆ ในปาก รสหวานหอมสดชื่นเย็นชุ่มคอ
ทวิตซ์เขย่ากล่องลูกกวาดสีแดงสดในมือ เข้าสู่ช่วงไทม์อิน
“เวอร์จิ้น คิส สินค้าออกใหม่จากเลิฟช็อป”
เจ้าพ่อนักขายคนนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง พูดโปรโมทต่อไม่หยุด =-=
“ลูกอมกลิ่นผลไม้ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับรสชาติของจูบแรก ไม่มีน้ำตาลด้วยนะ ^o^”
อืม จะอะไรก็ช่างเหอะ ขอแค่ยัย ผอ. นั่นไม่ใส่ของแปลกๆ อย่างยาโป๊เข้าไปพอ
“เป็นไงบ้าง”
ทวิตซ์จ้องมองอย่างสงสัยใคร่รู้ เอ่ยถามหนูทดลอง แทนที่จะชิมด้วยตัวเอง
“หวานไป”
ก็นะ ฉันไม่หวังมากหรอกกับไอ้แค่ขนมกิ๊กก๊อก
โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ตอนนี้ในปากฉันเต็มไปด้วยรสหวานเลี่ยนจากลูกอม แทนที่จะเป็นรสจูบของเขา…
พูดยังไม่ทันขาดคำ จู่ๆ ริมฝีปากของทวิตซ์ก็รุกเข้าจูบฉันอย่างดูดดื่มฉับพลัน สัมผัสร้อนฉ่าหักลบกลบความเย็นจากลูกอมจนหมดสิ้น ความหวานหอม
ของลูกอมผลไม้ ไม่อาจเทียบเทียมกลิ่นหอมฟุ้งจากสวนดอกไม้ของเขาได้เลย
“อื้อ!”
เมื่อฉันเริ่มส่งเสียงแข็งขืนก็ถูกมือหนาจับประคองใบหน้าไม่ยอมปล่อย แม้จะถูกเล็บจิกลึกเข้าเนื้อ อีกมือสอดประสานกดทับล็อคมือฉันทาบกับโต๊ะ
สร้างพันธนาการไร้ทางหนี
ฉันถูกคนเอาแต่ใจช่วงชิงลิ้มลองรสหวานในปากอยู่นาน จนมันค่อยๆ ละลายหายไป ด้วยอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนแรงแผ่ซ่าน
ทวิตซ์ถอนจูบออกช้าๆ ใช้ปลายนิ้วนุ่มนวลปาดเช็ดริมฝีปากของฉัน ก่อนเม้มเลียริมฝีปากตัวเองอย่างเซ็กซี่ขยี้ใจ เอ่ยน้ำเสียงแหบพร่ากึ่งกระซิบ
“…เธอหวานกว่าอีก”
ดวงตาสีฟ้าอมเทาเปล่งประกายเจิดจ้าสะท้อนภาพฉันชัดเจน ทำใจเต้นระรัวไม่หยุด
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ไม่ ฉันจะมัวหลงระเริงไม่ได้…เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ถูกต้อง
“บอกแล้วไง…ว่าห้ามจูบ”
ฉันหลุบตาลง เพราะเขินอายเกินกว่าจะจ้องตาเค้าต่อไปได้
“ทำไมล่ะ?”
ทวิตซ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
“เราเป็นแฟนกันแล้วนี่”
“ห๊าาา!!!”
ฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง จ้องหน้าเขาอย่างงุนงงและถูกจ้องกลับด้วยสายตางงๆ เช่นกัน
อะไร? ตอนไหน? ยังไง? บ้าแล้ว!!!
“คิดเองเออเอง! ฉันไปตอบตกลงตอนไหนมิทราบ!? >\\\<”
“ตอนฝนตกที่เธอจูบกลับ ไม่ได้แปลว่า ‘ตกลง’ หรอ? ^^;”
เป็นครั้งแรกที่รอยยิ้มของเขาเผยความประหม่าออกมา
“ไม่ย่ะ!”
ฉันรีบตอบกลับฉับไว
อย่าบอกนะว่านายคิดแบบนั้นจริงๆ >\\< ไม่น่าถึงทำตัวหึงหวงแปลกๆ สกินชิพบ่อยขึ้น แถมยังเข้ามาขโมยจูบกันไม่รู้จบ!
“ยัยคนขี้จุ๊…ไหนเธอบอกว่ายอมจูบแค่กับแฟนไง”
ร่างสูงบ่นอุบอิบ ทำท่านอยจัด ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ทำเอาอยากเข้าไปโอ๋เลย ถ้าไม่ติดว่าฉันก็เป็นผู้เสียหายเหมือน
กัน! -*-
แล้วไอ้ปีศาจเหิมเกริมที่กล้าขโมยจูบสาวน้อยไร้เดียงสาอย่างฉัน ยังมีหน้ามาเรียกร้องอะไร?
“เอาเป็นว่าเข้าใจแล้วนะ! ต่อไปห้ามทำอีก!”
ฉันชี้นิ้วสั่งสอนเขามาดมั่นสวมบทครูอนุบาล แต่กลับถูกสวนกลับจนไปไม่เป็น
“ทั้งที่เธอก็ชอบแท้ๆ”
ดวงตาสีครามคู่สวยฉ่ำน้ำช้อนมองอย่างออดอ้อน
หน้าฉันแดงก่ำขึ้นมาทันที ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าทุกจูบของเขามันทำให้รู้สึกดีแทบบ้า
“ไม่ได้รักนี่นา…”
ฉันตอบเสียงแผ่ว ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ป๊าม๊าอุตส่าห์ปลูกฝังใส่หัวตั้งแต่เด็ก
“เรื่องแบบนี้ ต้องเก็บไว้ให้คนที่รักสิ”
“…”
ทวิตซ์ได้ยินถึงกับเงียบจ้องหน้าฉันแน่นิ่ง เดาความคิดไม่ออก
จ้องอะไรนักหนาล่ะย๊ะ >\\\< ฉันรู้ว่ามันฟังดูหน่อมแน้ม โลกสวย เพ้อฝัน แต่ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆนะ!
“ฮะ ฮ่าๆๆๆ”
และแล้วเจ้าชายดอกไม้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนได้
“เธอนี่น่ารักชะมัด”
หัวเราะเยาะเย้ยแล้วชม - -* คิดจะตบหัวลูบหลังหรอย๊ะ!!
“คร้าบๆ ไม่จูบจนกว่าจะรักนะ”
ทวิตซ์ยื่นมือมาเกี่ยวก้อยทำสัญญาเอาเองโดยพลการ
“แต่เธอต้องรับสายฉัน ห้ามหนี ห้ามหลบหน้า แล้วก็ห้ามเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่น เด็ด-ขาด! ไม่งั้นฉันจะจูบเธอให้ขาดใจตายไปเลย ^^”
ฉันสะบัดมือออกแทบไม่ทัน
ไม่สัญญาแล้วได้มั้ยเนี่ย!? น่ากลั๊วว ToT
“แล้วพิธีจูบสาบานล่ะ?”
ฉันเอ่ยถามเพราะยังอดสงสัยไม่ได้ว่าจะแก้ปัญหากันยังไง
“อ้อ”
ทวิตซ์ส่งเสียงตอบรับเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนเผยรอยยิ้มกรีดกว้าง
“กว่าจะถึงตอนนั้น เธอคงตกหลุมรักฉันหัวปักหัวปำแล้วล่ะ”
ช่างมั่นหน้า! =[]=
ฉันล่ะหมดคำพูดกะผู้ชายคนนี้จริงๆ!
.
เจ้าชายตรัสแล้วไม่คืนคำ หมอนั่นรักษาสัญญาจริง นับแต่วันนั้น ทวิตซ์ก็ไม่มีทีท่าจะขโมยจูบฉันอีก แต่กลับสกินชิพหนักขึ้นแทน จนฉันเริ่มรู้สึกว่าตัว
เองเสพติดกลิ่นดอกไม้และไออุ่นของเขาไปโดยปริยาย และเดาว่าเขาเองก็คงไม่ต่าง
“ยูแช~ กลิ่นเธอหวานเหมือนเบอรี่เลย…”
ทวิตซ์เข้ามาออดอ้อนกอดรัดฉันแน่นแต่เช้า ก้มหน้าซุกดมฟุดฟิด
พฤติกรรมคุ้นๆ คลับคล้ายลูกสุนัขติดเจ้าของงอมแงม ไม่ก็คนติดยา…
“ปล่อยน๊ะ!!”
ฉันแผดเสียงดังกังวานใส่ แสดงท่าทีขัดขืนเหมือนทุกที
แต่จมูกเจ้ากรรมก็แอบลอบดมกลิ่นกายแสนเย้ายวนของเขาเช่นกัน
เยี่ยมเลย…กลายเป็นว่าตอนนี้เรามีโรคจิตถึง 2 คน =-=
เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า คิดถูกคิดผิดที่ห้ามจูบ
มะ ไม่สิ! มันจะผิดได้ยังไง!? คำสอนของป๊าม๊าน่ะถูกต้องที่สุดแล้ว! พวกเขาถึงครองรักกันมานานยันฉันโตจนหมาเลียก้นไม่ถึง!
ไอ้หื่นนี่ต่างหากที่ผิด! แพร่เชื้อโรคจิตใส่ฉัน >\\\<
คิดถึงปลาดาวจัง T T ถ้าเธออยู่ด้วยอีตาทวิตซ์คงเกรงใจ ไม่กล้าทำถึงขั้นนี้
ใครที่สงสัยว่าปลาดาวไปไหน ช่วงนี้เธอติดซ้อมยิวยิตสูกับไอ้แว่น ทุกเช้าตาแว่นจะมารอรับปลาดาวไปฝึกด้วย เรียกได้ว่ามารอกันตั้งแต่ไก่โห่ ฉันเพิ่ง
ออกวิ่งจากหอก็เห็นตานั่นยืนรอแล้ว
จากที่คิดว่าเป็นพวกขี้เกียจเอาแต่นอน ทำตัวมึนไปวันๆ พอรู้ว่าแคคตัสต้องซ้อมหนักทุกเช้า ฉันก็เริ่มมองเขาเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย
แต่ไอ้เจ้าชายติดเป้งนี่สิ! นับวันยิ่งพาฉันห่างไกลความเป็นคนเข้าไปทุกที -*-
พอกอดจนหนำใจ มือหนาก็เชยคางฉันขึ้นมาสบสายตาหวานซึ้ง
“ยังไม่รักฉันอีกหรอ…จะลงแดงตายอยู่แล้ว”
น้ำเสียงโหยหาอ้อนวอนจากหนุ่มหน้าสวยทำฉันหวั่นไหว แต่ยังคงใจแข็งปัดมือเขาออกอย่างไร้เยื่อใย
อย่ามาเว่อร์นะยะ! เพิ่งผ่านไปอาทิตย์เดียวเอง!
…แต่ใช่ว่าฉันจะไม่คิดถึงจูบของนายหรอกนะ ก็มันเล่นตามหลอกหลอนถึงในฝันแทบทุกคืน
ไม่ได้ๆ! พ่อจ๋าแม่จ๋า คิดถึงหน้าป๊าม๊าไว้นะ! เขาไม่ได้เลี้ยงฉันให้โตมาเป็นผู้หญิงใจง่ายซะหน่อย! >\\\<
“ยูแช~”
เสียงคนขี้อ่อยลอยไล่ตามหลัง ตอกย้ำว่าฉันต้องรีบเร่งฝีเท้า เพื่อเดินหนีให้ไกลกว่าเดิม
เลือดทั้งตัวสูบฉีดขึ้นหน้าจนแก้มใสแดงระเรื่อ สองมือป้องปิดหูแน่นกันเสียงซาตานเล็ดลอดล่อลวงใจ
หื่นนักก็ไปชู้วู่ไป๊! อย่ามายุ่งกับฉันนะย๊ะ!!! >o<*
พลั่ก!
ฉันมัวแต่เดินใจลอยไม่มองทางจนชนใครเข้าไม่รู้
“ขะ ขอโทษค่ะ”
ฉันรีบกล่าวขอโทษตามมารยาท พอตั้งหลักได้ก็เห็นว่าคนที่เพิ่งชนคือสาวน้อยแสนน่ารัก เพื่อนร่วมห้องของทวิตซ์
“ไม่เป็นไรจ้ะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
เธอส่งยิ้มหวานให้ ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
อ๊ะ เหมือนจะนึกชื่อออกแล้ว =o=
เดี๋ยวนะ! เธอชื่อว่า…
“หวาน!”
ทวิตซ์ชิงพูดขึ้นมาก่อน
ใช่ ชื่อนั้นแหละ
เธอมีผมสีน้ำตาลคาราเมลยาวปะบ่า หน้าตาสวยใสหวานเจี๊ยบสมชื่อ ท่าทางน่ารักคิขุอาโนเนะนั่น ทำให้เธอดูมีความเป็นผู้หญิงมากกว่าฉันหลายร้อย
เท่า
“มีอะไร?”
ทวิิตซ์เอ่ยถามเสียงเรียบเย็นชากว่าทุกครั้ง
เขาแสดงท่าทีหวงก้างไม่เว้นแม้แต่กะเพศแม่ เอื้อมโอบไหล่ฉันดึงเข้าหาตัว เล่นเอาเซไปตามแรงจนเกือบล้ม
เมื่อเห็นทวิตซ์ หวานก็แสดงอาการเขินอายอยู่ไม่สุก นิ้วม้วนเกี่ยวผมเล่น ช้อนสายตาสีน้ำผึ้งกลมโตหวานเยิ้มจ้องมองเค้า
“ฉันอยากเข้าสภานักเรียน”
“ขะ…/อันตรายนะ”
ยังไม่ทันขยับปากพูดจบคำ ทวิตซ์ก็เข้าแทรกอย่างฉับไว
หวานเอียงหัวมองตาแป๋ว ท่าทางงงงวยเช่นเดียวกับฉันที่ไม่เข้าใจว่าอะไรคือ ‘อันตราย’
“ตึกสภานักเรียนเคยมีคนฆ่าตัวตาย กระโดดลงมาจากชั้น 3 …เมื่อปีก่อนพบศพชายแขวนคอตายที่ชั้น 2”
ทวิตซ์กดเสียงต่ำลง เล่าเรื่องสยองขวัญด้วยสีหน้าจริงจัง ดึงบรรยากาศหลอนจับจิต
‘ตำนานรักสามเส้าแห่งความตาย’
ฉันรู้จักเรื่องนี้ดี เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้
โศกนาฏกรรมความรักน่าขนลุก ต้นเหตุที่ทำให้ไม่มีใครกล้าเฉียดใกล้ตึกสภานักเรียน
แต่พอจำได้ลางๆ ว่ามันไม่ได้จบแค่ 2 ศพนี่นา…
“3 เดือนที่แล้ว พบนักเรียนหญิงกรีดข้อมือตายในห้องน้ำชั้น 1”
ทวิตซ์เล่าต่อจนจบและปิดท้ายอย่างสยดสยอง
“ว่ากันว่าผีของหญิงสาวโดดตึก ยังคงวนเวียนตามหาตัวตายตัวแทน…ใครก็ตามที่ย่างกรายเข้ามาจะถูกสาปให้สังเวยชีวิตเพราะความรัก…”
น้ำเน่าสิ้นดี - -* ถึงฉันจะเชื่อในรักแท้ แต่ไม่คิดว่าจะมีใครโง่พอยอมตายเพราะความรักหรอกย่ะ ไอ้ผีนักเรียนสิ้นคิด นอนเซ้นส์ ไม่เห็นน่ากลัวเลยซัก
นิด
แต่ดูท่าหวานจะไม่คิดแบบฉัน เพราะตอนนี้เธอกลัวจนตัวสั่นน้ำตาคลอเบ้า
“ไม่จบแค่นั้นนะ ^o^”
ไอ้คนเหี้ยมเกรียมใจดำยังไม่หยุดแกล้ง
“ห้องสภานักเรียนน่ะเฮี้ยนสุดๆ วันดีคืนดีก็มีกลิ่นเน่าของโสมมวางอยู่บนโต๊ะกาแฟ เหมือนมีคนเล่นคุณไสย”
อ่า ถ้านายหมายถึงขนมหมดอายุที่ไอ้แว่นชอบซื้อมาวางทิ้งไว้อ่ะนะ =-=
“ของในห้องหล่นพังไร้สาเหตุ”
ก็ปลาดาวจอมซุ่มซ่ามที่ชอบทำของหลุดมือไง - -^
“ขนาดตอนกลางวันยังมีเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวนทุกข์ทรมานดังกังวานทั่วตึก”
นั่นมันเสียงฉันโดนนายลวนลามมั้ยล่ะย๊ะ! >\\\<
ฉันได้แต่จ้องมองเจ้าชายรูปงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการปั้นน้ำเป็นตัวโกหกคล่องปรื๋อด้วยสีหน้าเอือมระอา ส่วนสาวหวานตรงหน้าทนไม่ไหวอีกต่อไป
หลั่งน้ำตาปล่อยโฮสุดกลั้น
“ฮึก ฮือออ~ TTOTT”
กรี๊ดดด ฉันไม่อยากเชื่อเลยทวิตซ์! ว่านายจะทำผู้หญิงร้องไห้!
“ไปกันเถอะ”
ขณะที่ฉันกำลังง่วนงมหาทิชชู่ให้เธอซับน้ำตา ปีศาจดอกไม้แล้งน้ำใจก็ลากฉันเดินออกมาไกลจนไม่ได้ยินเสียงร้องน่าสงสารนั่นอีกแล้ว
แม้จะไม่เห็นสีหน้าของร่างสูงที่เดินนำ แต่ฉันสัมผัสได้ถึงแรงบีบแน่นจากฝ่ามือเหมือนเป็นห่วงและน้ำเสียงจริงจังกลั่นออกมาราวกับสั่งสอนเด็ก
“อย่าใจดีนักเลย โลกไม่ได้น่ารักกับเธอเหมือนฉันหรอกนะ”
“ไหนว่าเรากำลังขาดคนไง?”
ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องปฏิเสธหวานขนาดนั้นด้วย
“เอาหวานเข้ามา เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ”
เจ้าชายดอกไม้ตอบกลับเสียงเรียบทิ้งปริศนา
แม้จะแอบอยากรู้นิดหน่อย แต่พอเข้าใจได้ว่าคงเป็นเรื่องส่วนตัว ฉันเลยไม่ถามอะไรต่อ
.
31 ตุลาคม ‘วันฮาโลวีน’
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง! ฉันรู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจมาก เพราะนี่เป็นการจัดงานอีเว้นต์ครั้งแรกในฐานะประธานนักเรียน ใช้เวลาเตรียมงานอยู่นานกว่าทุก
อย่างจะออกมาเป๊ะเนี๊ยบสมบูรณ์แบบ
พวกเราโปรโมทกันหนักมากจนกลายเป็นไวรัลที่คนทั้งโรงเรียนต่างพูดถึงตลอดทั้งสัปดาห์
ฉันกล้าฟันธงเลยว่างานนี้ไม่มีแป้กแน่นอน เพราะ ผอ.เชอรี่ ออกกฎบังคับให้ทุกคนเข้าร่วม ถ้าไม่อยากถูกหักคะแนนความประพฤติ อีกทั้งยังเพิ่ม
คะแนนพิเศษให้สำหรับนักเรียนที่มาเป็นคู่และชนะกิจกรรมประกวดชุดแฟนซี
โดยกิจกรรมจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน ช่วงกลางวันตึกสภานักเรียนจะเปิดให้ทุกคนเข้ามาทดสอบความกล้า มีบ้านผีสิง ห้องหนังกลางแปลง
ปิดทึบฉายสไลด์เรื่องเล่า ‘ตำนานรักสามเส้าแห่งความตาย’ และตั้งซุ้มแจก ‘เวอร์จิ้น คิส’ สินค้าใหม่จากเลิฟช็อปฟรี ตอนกลางคืนทุกคนจะไปรวมตัว
กันที่เวทีตรงลานกว้าง เพื่อฟังผลประกาศรางวัลชุดแฟนซีดีเด่น ซึ่งผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล คะแนนพิเศษและบัตรกำนันร้านเลิฟช็อปฟรีตลอดชีพ
อ้อ ยังมีกิจกรรมเปิดหอหญิงให้นักเรียนชายแต่งตัวเป็นผีเคาะตามห้องหลัง 6 โมงเย็น และกล่าวคำเชิญชวน ‘Trick or Love’ ถ้าฝ่ายหญิงตอบ ‘ทริค’
= แห้ว แยกย้าย แต่ถ้าเกิดตอบ ‘เลิฟ’ ทั้งคู่จะได้ไปงานด้วยกันในฐานะคู่รัก
.
-11.00 น.-
(ณ หอหญิง)
ฉันกับปลาดาวช่วยกันแต่งองค์ทรงเครื่องแบบจัดเต็ม ปลาดาวแต่งเป็นเจ้าสาวศพสวยชุดขาดวิ่น ส่วนฉันเป็นยัยแม่มดชั่วร้าย จริงอยู่ที่กว่างานจะเริ่มก็
ตอนเที่ยง แต่สภานักเรียนต้องแต่งชุดเต็มยศไปสแตนด์บายรอก่อนครึ่งชั่วโมง เพราะแบบนี้ทั้งทวิตซ์และไอ้แว่นเลยได้สิทธิ์เข้าหอหญิงก่อนเวลา
เพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยด้วย
ฉันหมุนตัวหน้ากระจกบานใหญ่ เช็คให้ชัวร์อีกครั้งว่าไม่มีอะไรผิดพลาด
ภาพสะท้อนของหญิงสาวในชุดทรงกี่เพ้าแขนยาวสีดำไร้ลวดลาย กระโปรงผ่าสูงถึงกลางขา สวมผ้าคลุมไหล่สีดำ ผมตรงยาวดำขลับปล่อยสยาย
หมวกแหลมปีกกว้างดำสนิทดูยังไงก็เป็นแม่มด
“สวยมากเลยจ้ะยู ^o^”
ปลาดาวสายซัพพอร์ตส่งเสียงเชียร์สร้างความมั่นใจ
“เธอก็สวยเหมือนกัน ^-^”
ฉันยิ้มรับและช่วยเธอจัดผมเผ้าให้เรียบร้อย
วันนี้ปลาดาวสวยจริงๆ นะ ฉันไม่ได้ชมตามมารยาท สวยจนฉันจินตนาการออกเลยว่า ไอ้แว่นจะทำหน้าตะลึงงันแค่ไหนตอนเจอเธอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
สเต็ปเคาะประตูแบบนี้ จะเป็นใครไปได้นอกจากอีตาทวิตซ์
อยากรู้เหมือนกันแฮะ ว่าหมอนั่นแต่งเป็นอะไร? ถ้าให้เดาคงหนีไม่พ้นผียอดนิยมอย่างแวมไพร์ หรือถ้าให้เหมาะกับสันดานต้องเป็นผีทะเลแน่นอน
=o=
แอ๊ด~
ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพตรงหน้าทำฉันใจสั่น
เรือนผมเงินถูกเซตจัดทรงอย่างดี ต่างหูและสร้อยไม้กางเขนสีเดียวกับผมเปล่งประกาย ตัดกับชุดนักบุญดำด้าน เขาโค้งตัวทักทายสง่างามตามแบบ
ฉบับสุภาพบุรุษในหนังฝรั่ง ก่อนยื่นมือมาทางฉันพร้อมกล่าววลีเด็ดประจำวัน
“Trick or Love”
น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะเสนาะหู แอคเซ้นต์ดีสมเป็นหนุ่มลูกครึ่ง
ดวงตากลมโตทรงอัลมอนต์สีน้ำค้างบริสุทธิ์สวมบทบาทผู้แสวงบุญจ้องมองมาทำฉันเขินหน้าแดง
ผิดคาด…ทวิตซ์แต่งเป็นบาทหลวงมาดเนี๊ยบแถมหล่อมาก
ปกติเขาก็หล่อเว่อร์วังอยู่แล้ว แต่ลุคนี้คือหล่อฟาดไม่ยั้ง หล่อยกกำลังสอง วันนี้เขาดูมีเสน่ห์ซะจนฉันไม่กล้าสบตาด้วยซ้ำ >\\\<
“ละ เลิฟ”
ฉันยื่นมือไปให้นายนักบุญใจบาป ไม่ลืมตอบรับคำชวน
“สวยจัง ^^”
ทวิตซ์กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก้มประทับจูบร้อนผ่าวหลังมืออย่างแผ่วเบา
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
จะ ใจเย็นก่อน ตานั่นแค่ทักทายเอง
“ต้องแต่งเป็นผีไม่ใช่หรอ?”
ฉันเบือนหน้าหนีเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อสงบสติอารมณ์
“คืนนี้ผีเยอะแล้ว”
กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งซึมเข้าปอด ถึงจะเป็นแค่ชุดแฟนซีแต่ทำฉันรู้สึกบาปยังไงไม่รู้ เมื่อถูกบาทหลวงหน้าสวยรุกเข้ามากระซิบข้างหูพร้อมคำพูดยียวน
“…อยากเป็นคนปราบผีมากกว่า”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ถ้าผีที่ว่าหมายถึงฉัน ไม่ต้องปราบให้เสียแรง เพราะนายทำสำเร็จแล้วล่ะ…
ฉันไม่กล้าจ้องหน้าตรงๆ ด้วยซ้ำ และคาดว่าคงต้องใช้เวลาพักใหญ่ กว่าจะปรับตัวกับความหล่อระดับพระกาฬนี้ได้
(จบตอน)
แกลดิโอลัส; คำมั่นสัญญา, รักเร่าร้อนและความลุ่มหลง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ