The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  27 บท
  1 วิจารณ์
  2,932 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) -แกลดิโอลัส-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

กริ๊งงง กริ๊งงง กริ๊งงง

 

ติ๊ด

 

อีกครั้งที่ฉันกดตัดสายทิ้ง เพื่อหยุดเสียงเรียกเข้าสุดปั่นประสาท

 

ผ่านมาได้ 3 วันแล้ว นับตั้งแต่ฉันตัดสินใจเว้นระยะห่างจากทวิตซ์ หลังจากเขากระทำการอุกอาจขโมยจูบฉันต่อหน้าทุกคน

 

จูบแรกยังพอเข้าใจว่าอารมณ์พาไป ฉันผิดเองที่ไม่ระวังตัว อยู่ในสภาพล่อแหลมต่อหน้าผู้ชาย 

 

แต่จูบสองนี่สิ ไม่น่าให้อภัยอย่างแรง! หมอนั่นจงใจชัดๆ ทั้งที่ฉันเคยบอกแล้วแท้ๆ ว่าไม่อยากจูบกับคนที่ไม่ใช่แฟน!

 

ฉันรู้ดีว่าทวิตซ์เป็นคนเอาแต่ใจ ดื้อดึงและชอบเข้าควบคุมคนอื่นเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ พูดให้ตายหมอนั่นก็คงไม่ฟัง เลยได้แต่หวังว่าที่ฉันไม่

ยอมรับสายตลอด 3 วัน ตั้งการ์ด เว้นระยะห่าง เพื่อขีดเส้นความสัมพันธ์แบบนี้ จะทำให้ตาเพี้ยนนั่นเข้าใจซักที

 

ฉันพลิกตัวนอนตะแคงกอดหมอนข้าง พยายามข่มตาหลับท่ามกลางความคิดว้าวุ่น

 

อย่างที่ไอ้แว่นพูดนั่นแหละ เขาแค่ ‘ทำตามหน้าที่’ แต่พักหลังมานี้ ล้ำเส้นมากไปหน่อย

 

ถ้าอยากแสดงละครต่อหน้าคนอื่นก็ควรทำอย่างมีขอบเขต ไม่จำเป็นต้องโทรมาส่วนตัวดึก ๆ ดื่น ๆ 

 

หรือถึงขั้นจูบกัน…

 

ปลายนิ้วฉันเผลอแตะริมฝีปากเบาๆ หวนนึกถึงรสสัมผัสเย้ายวน จนเริ่มหายใจติดขัด…

 

ตึกตัก…ตึกตัก…

 

บ้าจริง…ไอ้หัวใจทรยศ! แกจะเต้นแรงทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเรื่องหมอนั่นไม่ได้นะ!

 

ตึกตัก… ตึกตัก…

 

 ไม่ยุติธรรมเลย…ทั้งที่เขาเห็นฉันเป็นแค่ ‘ของเล่น’ แท้ๆ

 

.

 

-เช้าวันต่อมา-

 

“ทำไมไม่รับสาย?” 

 

ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากหอ เสียงเอ่ยถามเย็นเยียบจากชายร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอย่างเอาเรื่องก็ลอยเข้าหูตามคาด

 

“ไม่อยากรับ” 

 

ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาราบเรียบ สายตาจ้องมองแข็งกร้าว แต่ตัวดันหลบอยู่หลังสาวน้อยผมเปีย

 

ไม่กลัวย่ะ! นายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ตราบใดที่ฉันยังมีปราการสุดแกร่งชื่อ ‘ปลาดาว’ คอยคุ้มกัน -o-

 

ไม่อยากจะโม้ 2-3 วันนี้ ฉันรอดจากการสกินชิพมือปลาหมึกของเขาได้ตลอด เพราะปลาดาวนี่แหละ

 

“เอ่อ…คือ ^^;” 

 

ปลาดาวยิ้มเหยเกลำบากใจจนร่างสูงต้องยอมถอย

 

“เฮ้อ” 

 

ทวิตซ์ถอนหายใจเอือมระอา 

 

“มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิ แค่จูบเอง ไม่ได้ฆ่าใครตายซักหน่อย T T” 

 

เขาเริ่มใช้ท่าไม้ตายส่งสายตาลูกหมาขี้อ้อน

 

ช่างกล้า! ไอ้ปีศาจขโมยจูบอย่างนาย ไม่ฆ่าก็เหมือนฆ่า ไม่ต้องมาทำตัวน่าสงสาร ฉันไม่หลงกลหรอกย่ะ!

 

“ยูแช~” 

 

ทวิตซ์อัพเลเวลเสียงออดอ้อนขึ้นอีกระดับ

 

ฟึบ!

 

ฉันรีบคว้าหูฟังในกระเป๋ามาใส่ทันที

 

เรียกไปเลยนะซักสิบล้านรอบ อยากทำอะไรเชิญ! 

 

ส่วนฉันจะฟังเพลงเพราะๆ เดินไปห้องสภานักเรียนกับเพื่อนอย่างมีความสุข

 

.

 

(ณ ตึกสภานักเรียน)

 

 15 วันก่อนถึง ‘ฮาโลวีน’ เราทำพรอพใกล้เสร็จแล้ว เหลือแค่จัดฉากกับเตรียมงานนิดหน่อย ขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันขนพรอพประกอบฉาก ไอ้แว่นก็

โพล่งขึ้นมาตามนิสัย

 

“ยังไม่คืนดีกันอีกหรอ? หลายวันละนะ - -*” 

 

ตาแว่นยังคิดว่าฉันกับอีตาทวิตซ์ทะเลาะกันตามประสาคู่รักง๊องแง๊ง ทั้งที่ความจริงแล้ว เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย ฉันแค่อยู่ห่างตานั่นเพื่อความ

ปลอดภัยต่างหาก

 

“หยวนบ้างเหอะน่าถังน้ำแข็ง เอาแต่เกาะติดปลาดาวอยู่ได้!” 

 

ไอ้แว่นหวังงาบปลาดาวน้อย เริ่มบ่นอุบอิบใส่อารมณ์ 

 

อ้าปากทีเห็นไปถึงลิ้นไก่! ทานโทษนะย๊ะ ที่ฉันเข้าไปเป็น กขค. ของนาย! นายก็รีบบอกไอ้เพื่อนหน้าสวยข้างๆ ให้ยอมแพ้ซักทีเซ่! ฉันไม่อยากอยู่ใน

สภาพหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้ไปตลอดชีวิตเหมือนกันแหละย่ะ!

 

ในขณะที่ฉันกำลังโฟกัสเจตนาแอบแฝงของไอ้แว่นจนลืมระวังตัว จู่ๆ ก็ได้กลิ่นดอกไม้หอมโชยผ่านจมูก รู้ตัวอีกทีเจ้าชายดอกไม้ก็แว้บมาเดินข้างฉัน

เมื่อไหร่ไม่รู้ O-O

 

ตุบ!

 

ฉันตกใจรีบปล่อยของทิ้งวิ่งไปแอบหลังปลาดาว

 

แต่ดูเหมือนครั้งนี้ทวิตซ์จะไม่ยอมแพ้ เตรียมพุ่งเข้าชาร์จด้วยจิตใจอันแรงกล้า 

 

เมื่อเห็นว่าหลังปลาดาวไม่ใช่จุดเซฟโซนอีกต่อไป ฉันเลยวิ่งวนหนีเขาเป็นมอญซ่อนผ้า ผลุบๆ โผล่ๆ เหมือนนางเอกหนังอินเดีย

 

“อย่าหนีนะ!!” 

 

เสียงตะโกนลั่นบ่งบอกว่าคราวนี้เค้าเอาจริง ต่อให้ตายตานั่นคงไม่ยอมปล่อยฉันแน่ >< 

 

เวรกรรมอะไรของฉันกัน! แทนที่การเว้นระยะห่างจะช่วยปราบพยศ กลับกลายเป็นปลุกปีศาจในตัวเขาให้ตื่นขึ้นซะงั้น

 

ฉันหนีจนเหนื่อยหอบแฮ่กๆ พยายามหาที่พักพิง แต่ดันมาหยุดอยู่ด้านหลังแคคตัสเมื่อไหร่ไม่รู้

 

“เฮ้ย! ถึงขั้นหนีไปหาผู้ชายคนอื่นเลยหรอ? กลับมานะยัยคนหลายใจ!” 

 

ครั้งแรกเลยที่เห็นเจ้าชายยิ้มหวานทำหน้าดุจัดขนาดนี้ จนเผลอคิดขึ้นมาวูบนึงว่า 

 

ใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มของเขา…น่ากลัวจัง

 

สองมือฉันเผลอกำชายเสื้อแคคตัสไว้ งุดหน้าหลบดวงตาสวยสังหาร

 

“เฮือก…! ใกล้ไปแล้วยัยบ้า! จะ ใจเย็นก่อนเว้ยทวิตซ์!” 

 

ความลำบากตกไปอยู่ที่ตาแว่นซึ่งเป็นคนกลางเต็มๆ เหมือนหมอนั่นจะเห็นใจฉันนิดนึง เลยยังไม่ส่งตัวให้ไอ้เจ้าชายปีศาจที่ตอนนี้โกรธจนเขี้ยวงอก

และพยายามพูดปรามเพื่อนให้เย็นลงแทน

 

“หลีกไปเค!” 

 

ทวิตซ์ตะคอกเสียงใส่จนทุกคนพากันสะดุ้งโหยง 

 

เมื่อแววตาสีครามโกธาฉายแววชัดว่า ‘สันติไม่ใช่ทางออก’ จึงไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งเขาได้อีกต่อไป

 

หมับ!

 

ทวิตซ์รุดเข้าคว้าจับข้อมือฉันไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บแปลบ ฉุดกระชากให้เดินตามเขาไป โดยไม่สนใจเสียงแมงหวี่แมงวันของปลาดาวและแคคตัสที่ตะโกน

ไล่หลังอย่างห่วงใย

 

.

 

แกร๊ก!

 

ฉันถูกพากลับห้องสภานักเรียน ซึ่งไอ้คนหยาบโลนที่ถูลู่ถูกังลากฉันมาตลอดทาง จัดการล็อคประตูลงกลอนเสร็จสรรพ

 

สายตาสีหมอกขุ่นมัวจ้องมองฉัน ริมฝีปากสวยที่เคยแย้มยิ้มอยู่เสมอราบเรียบไร้อารมณ์ ปราศจากสุ้มเสียงนุ่มนวล

 

น่ากลัว…ราวกับคนตรงหน้าไม่ใช่ทวิตซ์ที่ฉันรู้จัก

 

เท้าของฉันรักตัวกลัวตาย ค่อยๆ ถอยหนีห่างจากเขาจนถึงทางตัน และชนเข้ากับขอบโต๊ะทำงาน

 

ตึง!

 

ร่างสูงย่างสามขุมเข้าหาโดยไม่ทันตั้งตัว สองแขนแกร่งเท้าคร่อมร่างดักทางหนี

 

ฉันสะดุ้งเฮือกแทบหยุดหายใจ ใบหน้าสวยอ่อนหวานที่เคยทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำ ตอนนี้กลับทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเหลือเกิน

 

รอยแดงจ้ำบนข้อมือยังเจ็บแปลบไม่หาย ลมหายใจติดขัด อึดอัด

 

ดวงตาของฉันสั่นระริก พยายามมองหาแสงสว่างที่ซ่อนอยู่ในตาเขา

 

ความรู้สึกหนึ่งพลันผุดขึ้นในหัว… 

 

‘ฉันกลัว’

 

พอจะมีหนทางไหน ช่วยให้หลุดรอดจากสถานการณ์นี้ได้บ้างมั้ย…? 

 

 

สายตาซอกแซกเหลือบเห็นโซฟาด้านหลัง แล้วฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้…แต่ไม่รู้จะได้ผลรึเปล่า?

 

ฟึบ

 

ฉันเอื้อมมือไปลูบหัวคนตัวสูงเบาๆ…ทำเอาเขาชะงักเล็กน้อย 

 

เส้นผมสีเงินอ่อนนุ่มพอช่วยให้ใจฉันรู้สึกสงบลงบ้าง

 

“นายจะเป็นเด็กดีใช่มั้ย?”

 

สิ้นเสียงราบเรียบ ดวงตาคู่สวยฉายแววส่องประกายอีกครั้ง ทวิตซ์คลายยิ้มกว้างพึงพอใจ ก่อนเอื้อนเอ่ยเสียงหวาน

 

“อื้ม ฉันจะเป็นเด็กดี ^^ ” 

 

ถึงตรงนี้ฉันควรโล่งใจได้แล้ว ถ้าไม่มีน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ในประโยคต่อมา 

 

“…แต่ไม่ยกโทษให้หรอกนะ”

 

“ว้าย!” 

 

ฉันร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ สองมือใหญ่ยกร่างฉันขึ้นนั่งบนโต๊ะอย่างง่ายดาย 

 

เป็นอีกครั้งที่เสียสมดุลจนเผลอโอบคอเค้าไว้แน่น ส่งผลให้หน้าเราห่างกันเพียงไม่กี่เซนฯ จนได้ยินเสียงลมหายใจ 

 

ดะ ดูท่าไม่ดีแล้ว!

 

>_<

 

ฉันหลับตาปี๋หนีภาพตรงหน้า ซึ่งอาจเป็นเพียงสิ่งเดียวที่พอทำได้ในตอนนี้

 

ก๊อกแก๊ก ก๊อกแก๊ก

 

ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กบางอย่าง คล้ายกล่องขนมลูกกวาด ก่อนที่ปลายนิ้วอุ่นจะป้อนบางอย่างเข้าปากฉัน

 

“อะไรน่ะ!” 

 

ฉันตกใจเบิกตาโพล่ง รู้สึกถึงวัตถุแข็งๆ กลมๆ ในปาก รสหวานหอมสดชื่นเย็นชุ่มคอ

 

ทวิตซ์เขย่ากล่องลูกกวาดสีแดงสดในมือ เข้าสู่ช่วงไทม์อิน 

 

“เวอร์จิ้น คิส สินค้าออกใหม่จากเลิฟช็อป” 

 

เจ้าพ่อนักขายคนนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง พูดโปรโมทต่อไม่หยุด =-= 

 

“ลูกอมกลิ่นผลไม้ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับรสชาติของจูบแรก ไม่มีน้ำตาลด้วยนะ ^o^” 

 

อืม จะอะไรก็ช่างเหอะ ขอแค่ยัย ผอ. นั่นไม่ใส่ของแปลกๆ อย่างยาโป๊เข้าไปพอ 

 

“เป็นไงบ้าง” 

 

ทวิตซ์จ้องมองอย่างสงสัยใคร่รู้ เอ่ยถามหนูทดลอง แทนที่จะชิมด้วยตัวเอง

 

“หวานไป” 

 

ก็นะ ฉันไม่หวังมากหรอกกับไอ้แค่ขนมกิ๊กก๊อก 

 

โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ตอนนี้ในปากฉันเต็มไปด้วยรสหวานเลี่ยนจากลูกอม แทนที่จะเป็นรสจูบของเขา…

 

พูดยังไม่ทันขาดคำ จู่ๆ ริมฝีปากของทวิตซ์ก็รุกเข้าจูบฉันอย่างดูดดื่มฉับพลัน สัมผัสร้อนฉ่าหักลบกลบความเย็นจากลูกอมจนหมดสิ้น ความหวานหอม

ของลูกอมผลไม้ ไม่อาจเทียบเทียมกลิ่นหอมฟุ้งจากสวนดอกไม้ของเขาได้เลย 

 

“อื้อ!”

 

เมื่อฉันเริ่มส่งเสียงแข็งขืนก็ถูกมือหนาจับประคองใบหน้าไม่ยอมปล่อย แม้จะถูกเล็บจิกลึกเข้าเนื้อ อีกมือสอดประสานกดทับล็อคมือฉันทาบกับโต๊ะ

สร้างพันธนาการไร้ทางหนี

 

ฉันถูกคนเอาแต่ใจช่วงชิงลิ้มลองรสหวานในปากอยู่นาน จนมันค่อยๆ ละลายหายไป ด้วยอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนแรงแผ่ซ่าน 

 

ทวิตซ์ถอนจูบออกช้าๆ  ใช้ปลายนิ้วนุ่มนวลปาดเช็ดริมฝีปากของฉัน ก่อนเม้มเลียริมฝีปากตัวเองอย่างเซ็กซี่ขยี้ใจ  เอ่ยน้ำเสียงแหบพร่ากึ่งกระซิบ 

 

“…เธอหวานกว่าอีก”

 

ดวงตาสีฟ้าอมเทาเปล่งประกายเจิดจ้าสะท้อนภาพฉันชัดเจน ทำใจเต้นระรัวไม่หยุด

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

ไม่ ฉันจะมัวหลงระเริงไม่ได้…เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ถูกต้อง

 

“บอกแล้วไง…ว่าห้ามจูบ”

 

ฉันหลุบตาลง เพราะเขินอายเกินกว่าจะจ้องตาเค้าต่อไปได้

 

“ทำไมล่ะ?” 

 

ทวิตซ์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา

 

“เราเป็นแฟนกันแล้วนี่”

 

“ห๊าาา!!!” 

 

ฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง จ้องหน้าเขาอย่างงุนงงและถูกจ้องกลับด้วยสายตางงๆ เช่นกัน

 

อะไร? ตอนไหน? ยังไง? บ้าแล้ว!!!

 

“คิดเองเออเอง! ฉันไปตอบตกลงตอนไหนมิทราบ!? >\\\<” 

 

“ตอนฝนตกที่เธอจูบกลับ ไม่ได้แปลว่า ‘ตกลง’ หรอ? ^^;” 

 

เป็นครั้งแรกที่รอยยิ้มของเขาเผยความประหม่าออกมา

 

“ไม่ย่ะ!” 

 

ฉันรีบตอบกลับฉับไว

 

อย่าบอกนะว่านายคิดแบบนั้นจริงๆ >\\< ไม่น่าถึงทำตัวหึงหวงแปลกๆ สกินชิพบ่อยขึ้น แถมยังเข้ามาขโมยจูบกันไม่รู้จบ!

 

“ยัยคนขี้จุ๊…ไหนเธอบอกว่ายอมจูบแค่กับแฟนไง” 

 

ร่างสูงบ่นอุบอิบ ทำท่านอยจัด ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ทำเอาอยากเข้าไปโอ๋เลย ถ้าไม่ติดว่าฉันก็เป็นผู้เสียหายเหมือน

กัน! -*- 

 

แล้วไอ้ปีศาจเหิมเกริมที่กล้าขโมยจูบสาวน้อยไร้เดียงสาอย่างฉัน ยังมีหน้ามาเรียกร้องอะไร?

 

“เอาเป็นว่าเข้าใจแล้วนะ! ต่อไปห้ามทำอีก!” 

 

ฉันชี้นิ้วสั่งสอนเขามาดมั่นสวมบทครูอนุบาล แต่กลับถูกสวนกลับจนไปไม่เป็น 

 

“ทั้งที่เธอก็ชอบแท้ๆ” 

 

ดวงตาสีครามคู่สวยฉ่ำน้ำช้อนมองอย่างออดอ้อน

 

หน้าฉันแดงก่ำขึ้นมาทันที ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าทุกจูบของเขามันทำให้รู้สึกดีแทบบ้า 

 

“ไม่ได้รักนี่นา…” 

 

ฉันตอบเสียงแผ่ว ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ป๊าม๊าอุตส่าห์ปลูกฝังใส่หัวตั้งแต่เด็ก 

 

“เรื่องแบบนี้ ต้องเก็บไว้ให้คนที่รักสิ”

 

“…” 

 

ทวิตซ์ได้ยินถึงกับเงียบจ้องหน้าฉันแน่นิ่ง เดาความคิดไม่ออก

 

จ้องอะไรนักหนาล่ะย๊ะ >\\\< ฉันรู้ว่ามันฟังดูหน่อมแน้ม โลกสวย เพ้อฝัน แต่ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆนะ!

 

“ฮะ ฮ่าๆๆๆ” 

 

และแล้วเจ้าชายดอกไม้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนได้ 

 

“เธอนี่น่ารักชะมัด”

 

หัวเราะเยาะเย้ยแล้วชม - -* คิดจะตบหัวลูบหลังหรอย๊ะ!!

 

“คร้าบๆ ไม่จูบจนกว่าจะรักนะ” 

 

ทวิตซ์ยื่นมือมาเกี่ยวก้อยทำสัญญาเอาเองโดยพลการ 

 

“แต่เธอต้องรับสายฉัน ห้ามหนี ห้ามหลบหน้า แล้วก็ห้ามเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่น เด็ด-ขาด! ไม่งั้นฉันจะจูบเธอให้ขาดใจตายไปเลย ^^” 

 

ฉันสะบัดมือออกแทบไม่ทัน 

 

ไม่สัญญาแล้วได้มั้ยเนี่ย!? น่ากลั๊วว ToT

 

“แล้วพิธีจูบสาบานล่ะ?” 

 

ฉันเอ่ยถามเพราะยังอดสงสัยไม่ได้ว่าจะแก้ปัญหากันยังไง

 

“อ้อ” 

 

ทวิตซ์ส่งเสียงตอบรับเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนเผยรอยยิ้มกรีดกว้าง

 

“กว่าจะถึงตอนนั้น เธอคงตกหลุมรักฉันหัวปักหัวปำแล้วล่ะ”

 

ช่างมั่นหน้า! =[]= 

 

ฉันล่ะหมดคำพูดกะผู้ชายคนนี้จริงๆ!

 

.

 

เจ้าชายตรัสแล้วไม่คืนคำ หมอนั่นรักษาสัญญาจริง นับแต่วันนั้น ทวิตซ์ก็ไม่มีทีท่าจะขโมยจูบฉันอีก แต่กลับสกินชิพหนักขึ้นแทน จนฉันเริ่มรู้สึกว่าตัว

เองเสพติดกลิ่นดอกไม้และไออุ่นของเขาไปโดยปริยาย และเดาว่าเขาเองก็คงไม่ต่าง

 

“ยูแช~ กลิ่นเธอหวานเหมือนเบอรี่เลย…” 

 

ทวิตซ์เข้ามาออดอ้อนกอดรัดฉันแน่นแต่เช้า ก้มหน้าซุกดมฟุดฟิด 

 

พฤติกรรมคุ้นๆ คลับคล้ายลูกสุนัขติดเจ้าของงอมแงม ไม่ก็คนติดยา…

 

“ปล่อยน๊ะ!!” 

 

ฉันแผดเสียงดังกังวานใส่ แสดงท่าทีขัดขืนเหมือนทุกที 

 

แต่จมูกเจ้ากรรมก็แอบลอบดมกลิ่นกายแสนเย้ายวนของเขาเช่นกัน

 

เยี่ยมเลย…กลายเป็นว่าตอนนี้เรามีโรคจิตถึง 2 คน =-= 

 

เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า คิดถูกคิดผิดที่ห้ามจูบ

 

มะ ไม่สิ! มันจะผิดได้ยังไง!? คำสอนของป๊าม๊าน่ะถูกต้องที่สุดแล้ว! พวกเขาถึงครองรักกันมานานยันฉันโตจนหมาเลียก้นไม่ถึง! 

 

ไอ้หื่นนี่ต่างหากที่ผิด! แพร่เชื้อโรคจิตใส่ฉัน >\\\<

 

คิดถึงปลาดาวจัง T T ถ้าเธออยู่ด้วยอีตาทวิตซ์คงเกรงใจ ไม่กล้าทำถึงขั้นนี้

 

ใครที่สงสัยว่าปลาดาวไปไหน ช่วงนี้เธอติดซ้อมยิวยิตสูกับไอ้แว่น ทุกเช้าตาแว่นจะมารอรับปลาดาวไปฝึกด้วย เรียกได้ว่ามารอกันตั้งแต่ไก่โห่ ฉันเพิ่ง

ออกวิ่งจากหอก็เห็นตานั่นยืนรอแล้ว

 

จากที่คิดว่าเป็นพวกขี้เกียจเอาแต่นอน ทำตัวมึนไปวันๆ พอรู้ว่าแคคตัสต้องซ้อมหนักทุกเช้า ฉันก็เริ่มมองเขาเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย

 

แต่ไอ้เจ้าชายติดเป้งนี่สิ! นับวันยิ่งพาฉันห่างไกลความเป็นคนเข้าไปทุกที -*-

 

พอกอดจนหนำใจ มือหนาก็เชยคางฉันขึ้นมาสบสายตาหวานซึ้ง

 

“ยังไม่รักฉันอีกหรอ…จะลงแดงตายอยู่แล้ว” 

 

น้ำเสียงโหยหาอ้อนวอนจากหนุ่มหน้าสวยทำฉันหวั่นไหว แต่ยังคงใจแข็งปัดมือเขาออกอย่างไร้เยื่อใย

 

อย่ามาเว่อร์นะยะ! เพิ่งผ่านไปอาทิตย์เดียวเอง!

 

…แต่ใช่ว่าฉันจะไม่คิดถึงจูบของนายหรอกนะ ก็มันเล่นตามหลอกหลอนถึงในฝันแทบทุกคืน

 

ไม่ได้ๆ! พ่อจ๋าแม่จ๋า คิดถึงหน้าป๊าม๊าไว้นะ! เขาไม่ได้เลี้ยงฉันให้โตมาเป็นผู้หญิงใจง่ายซะหน่อย! >\\\<

 

“ยูแช~” 

 

เสียงคนขี้อ่อยลอยไล่ตามหลัง ตอกย้ำว่าฉันต้องรีบเร่งฝีเท้า เพื่อเดินหนีให้ไกลกว่าเดิม 

 

เลือดทั้งตัวสูบฉีดขึ้นหน้าจนแก้มใสแดงระเรื่อ สองมือป้องปิดหูแน่นกันเสียงซาตานเล็ดลอดล่อลวงใจ

 

หื่นนักก็ไปชู้วู่ไป๊! อย่ามายุ่งกับฉันนะย๊ะ!!! >o<*

 

พลั่ก!

 

ฉันมัวแต่เดินใจลอยไม่มองทางจนชนใครเข้าไม่รู้

 

“ขะ ขอโทษค่ะ” 

 

ฉันรีบกล่าวขอโทษตามมารยาท พอตั้งหลักได้ก็เห็นว่าคนที่เพิ่งชนคือสาวน้อยแสนน่ารัก เพื่อนร่วมห้องของทวิตซ์

 

“ไม่เป็นไรจ้ะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” 

 

เธอส่งยิ้มหวานให้ ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง 

 

อ๊ะ เหมือนจะนึกชื่อออกแล้ว =o= 

 

เดี๋ยวนะ! เธอชื่อว่า…

 

“หวาน!” 

 

ทวิตซ์ชิงพูดขึ้นมาก่อน 

 

ใช่ ชื่อนั้นแหละ 

 

เธอมีผมสีน้ำตาลคาราเมลยาวปะบ่า หน้าตาสวยใสหวานเจี๊ยบสมชื่อ ท่าทางน่ารักคิขุอาโนเนะนั่น ทำให้เธอดูมีความเป็นผู้หญิงมากกว่าฉันหลายร้อย

เท่า

 

“มีอะไร?” 

 

ทวิิตซ์เอ่ยถามเสียงเรียบเย็นชากว่าทุกครั้ง 

 

เขาแสดงท่าทีหวงก้างไม่เว้นแม้แต่กะเพศแม่ เอื้อมโอบไหล่ฉันดึงเข้าหาตัว เล่นเอาเซไปตามแรงจนเกือบล้ม

 

เมื่อเห็นทวิตซ์ หวานก็แสดงอาการเขินอายอยู่ไม่สุก นิ้วม้วนเกี่ยวผมเล่น ช้อนสายตาสีน้ำผึ้งกลมโตหวานเยิ้มจ้องมองเค้า 

 

“ฉันอยากเข้าสภานักเรียน” 

 

“ขะ…/อันตรายนะ” 

 

ยังไม่ทันขยับปากพูดจบคำ ทวิตซ์ก็เข้าแทรกอย่างฉับไว

 

หวานเอียงหัวมองตาแป๋ว ท่าทางงงงวยเช่นเดียวกับฉันที่ไม่เข้าใจว่าอะไรคือ ‘อันตราย’ 

 

“ตึกสภานักเรียนเคยมีคนฆ่าตัวตาย กระโดดลงมาจากชั้น 3 …เมื่อปีก่อนพบศพชายแขวนคอตายที่ชั้น 2” 

 

ทวิตซ์กดเสียงต่ำลง เล่าเรื่องสยองขวัญด้วยสีหน้าจริงจัง ดึงบรรยากาศหลอนจับจิต

 

 ‘ตำนานรักสามเส้าแห่งความตาย’ 

 

ฉันรู้จักเรื่องนี้ดี เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้ 

 

โศกนาฏกรรมความรักน่าขนลุก ต้นเหตุที่ทำให้ไม่มีใครกล้าเฉียดใกล้ตึกสภานักเรียน 

 

แต่พอจำได้ลางๆ ว่ามันไม่ได้จบแค่ 2 ศพนี่นา…

 

“3 เดือนที่แล้ว พบนักเรียนหญิงกรีดข้อมือตายในห้องน้ำชั้น 1” 

 

ทวิตซ์เล่าต่อจนจบและปิดท้ายอย่างสยดสยอง 

 

“ว่ากันว่าผีของหญิงสาวโดดตึก ยังคงวนเวียนตามหาตัวตายตัวแทน…ใครก็ตามที่ย่างกรายเข้ามาจะถูกสาปให้สังเวยชีวิตเพราะความรัก…”

 

น้ำเน่าสิ้นดี - -* ถึงฉันจะเชื่อในรักแท้ แต่ไม่คิดว่าจะมีใครโง่พอยอมตายเพราะความรักหรอกย่ะ ไอ้ผีนักเรียนสิ้นคิด นอนเซ้นส์ ไม่เห็นน่ากลัวเลยซัก

นิด

 

แต่ดูท่าหวานจะไม่คิดแบบฉัน เพราะตอนนี้เธอกลัวจนตัวสั่นน้ำตาคลอเบ้า

 

“ไม่จบแค่นั้นนะ ^o^” 

 

ไอ้คนเหี้ยมเกรียมใจดำยังไม่หยุดแกล้ง

 

“ห้องสภานักเรียนน่ะเฮี้ยนสุดๆ วันดีคืนดีก็มีกลิ่นเน่าของโสมมวางอยู่บนโต๊ะกาแฟ เหมือนมีคนเล่นคุณไสย” 

 

อ่า ถ้านายหมายถึงขนมหมดอายุที่ไอ้แว่นชอบซื้อมาวางทิ้งไว้อ่ะนะ =-=

 

“ของในห้องหล่นพังไร้สาเหตุ”

 

ก็ปลาดาวจอมซุ่มซ่ามที่ชอบทำของหลุดมือไง - -^ 

 

“ขนาดตอนกลางวันยังมีเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวนทุกข์ทรมานดังกังวานทั่วตึก”

 

นั่นมันเสียงฉันโดนนายลวนลามมั้ยล่ะย๊ะ! >\\\<

 

ฉันได้แต่จ้องมองเจ้าชายรูปงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการปั้นน้ำเป็นตัวโกหกคล่องปรื๋อด้วยสีหน้าเอือมระอา ส่วนสาวหวานตรงหน้าทนไม่ไหวอีกต่อไป

หลั่งน้ำตาปล่อยโฮสุดกลั้น

 

“ฮึก ฮือออ~ TTOTT” 

 

กรี๊ดดด ฉันไม่อยากเชื่อเลยทวิตซ์! ว่านายจะทำผู้หญิงร้องไห้!

 

“ไปกันเถอะ” 

 

ขณะที่ฉันกำลังง่วนงมหาทิชชู่ให้เธอซับน้ำตา ปีศาจดอกไม้แล้งน้ำใจก็ลากฉันเดินออกมาไกลจนไม่ได้ยินเสียงร้องน่าสงสารนั่นอีกแล้ว

 

แม้จะไม่เห็นสีหน้าของร่างสูงที่เดินนำ แต่ฉันสัมผัสได้ถึงแรงบีบแน่นจากฝ่ามือเหมือนเป็นห่วงและน้ำเสียงจริงจังกลั่นออกมาราวกับสั่งสอนเด็ก 

 

“อย่าใจดีนักเลย โลกไม่ได้น่ารักกับเธอเหมือนฉันหรอกนะ”

 

“ไหนว่าเรากำลังขาดคนไง?” 

 

ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องปฏิเสธหวานขนาดนั้นด้วย

 

“เอาหวานเข้ามา เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ” 

 

เจ้าชายดอกไม้ตอบกลับเสียงเรียบทิ้งปริศนา 

 

แม้จะแอบอยากรู้นิดหน่อย แต่พอเข้าใจได้ว่าคงเป็นเรื่องส่วนตัว ฉันเลยไม่ถามอะไรต่อ

 

.

 

31 ตุลาคม ‘วันฮาโลวีน’ 

 

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง! ฉันรู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจมาก เพราะนี่เป็นการจัดงานอีเว้นต์ครั้งแรกในฐานะประธานนักเรียน ใช้เวลาเตรียมงานอยู่นานกว่าทุก

อย่างจะออกมาเป๊ะเนี๊ยบสมบูรณ์แบบ 

 

พวกเราโปรโมทกันหนักมากจนกลายเป็นไวรัลที่คนทั้งโรงเรียนต่างพูดถึงตลอดทั้งสัปดาห์

 

ฉันกล้าฟันธงเลยว่างานนี้ไม่มีแป้กแน่นอน เพราะ ผอ.เชอรี่ ออกกฎบังคับให้ทุกคนเข้าร่วม ถ้าไม่อยากถูกหักคะแนนความประพฤติ อีกทั้งยังเพิ่ม

คะแนนพิเศษให้สำหรับนักเรียนที่มาเป็นคู่และชนะกิจกรรมประกวดชุดแฟนซี  

 

โดยกิจกรรมจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน ช่วงกลางวันตึกสภานักเรียนจะเปิดให้ทุกคนเข้ามาทดสอบความกล้า มีบ้านผีสิง ห้องหนังกลางแปลง

ปิดทึบฉายสไลด์เรื่องเล่า ‘ตำนานรักสามเส้าแห่งความตาย’ และตั้งซุ้มแจก ‘เวอร์จิ้น คิส’ สินค้าใหม่จากเลิฟช็อปฟรี ตอนกลางคืนทุกคนจะไปรวมตัว

กันที่เวทีตรงลานกว้าง เพื่อฟังผลประกาศรางวัลชุดแฟนซีดีเด่น ซึ่งผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล คะแนนพิเศษและบัตรกำนันร้านเลิฟช็อปฟรีตลอดชีพ 

 

อ้อ ยังมีกิจกรรมเปิดหอหญิงให้นักเรียนชายแต่งตัวเป็นผีเคาะตามห้องหลัง 6 โมงเย็น และกล่าวคำเชิญชวน ‘Trick or Love’ ถ้าฝ่ายหญิงตอบ ‘ทริค’

= แห้ว แยกย้าย แต่ถ้าเกิดตอบ ‘เลิฟ’ ทั้งคู่จะได้ไปงานด้วยกันในฐานะคู่รัก

 

.

 

-11.00 น.-

 

(ณ หอหญิง)

 

ฉันกับปลาดาวช่วยกันแต่งองค์ทรงเครื่องแบบจัดเต็ม ปลาดาวแต่งเป็นเจ้าสาวศพสวยชุดขาดวิ่น ส่วนฉันเป็นยัยแม่มดชั่วร้าย จริงอยู่ที่กว่างานจะเริ่มก็

ตอนเที่ยง แต่สภานักเรียนต้องแต่งชุดเต็มยศไปสแตนด์บายรอก่อนครึ่งชั่วโมง เพราะแบบนี้ทั้งทวิตซ์และไอ้แว่นเลยได้สิทธิ์เข้าหอหญิงก่อนเวลา

เพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยด้วย

 

ฉันหมุนตัวหน้ากระจกบานใหญ่ เช็คให้ชัวร์อีกครั้งว่าไม่มีอะไรผิดพลาด

 

ภาพสะท้อนของหญิงสาวในชุดทรงกี่เพ้าแขนยาวสีดำไร้ลวดลาย กระโปรงผ่าสูงถึงกลางขา สวมผ้าคลุมไหล่สีดำ ผมตรงยาวดำขลับปล่อยสยาย

หมวกแหลมปีกกว้างดำสนิทดูยังไงก็เป็นแม่มด

 

“สวยมากเลยจ้ะยู ^o^” 

 

ปลาดาวสายซัพพอร์ตส่งเสียงเชียร์สร้างความมั่นใจ

 

“เธอก็สวยเหมือนกัน ^-^” 

 

ฉันยิ้มรับและช่วยเธอจัดผมเผ้าให้เรียบร้อย 

 

วันนี้ปลาดาวสวยจริงๆ นะ ฉันไม่ได้ชมตามมารยาท สวยจนฉันจินตนาการออกเลยว่า ไอ้แว่นจะทำหน้าตะลึงงันแค่ไหนตอนเจอเธอ

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

สเต็ปเคาะประตูแบบนี้ จะเป็นใครไปได้นอกจากอีตาทวิตซ์ 

 

อยากรู้เหมือนกันแฮะ ว่าหมอนั่นแต่งเป็นอะไร? ถ้าให้เดาคงหนีไม่พ้นผียอดนิยมอย่างแวมไพร์ หรือถ้าให้เหมาะกับสันดานต้องเป็นผีทะเลแน่นอน

=o=

 

แอ๊ด~

 

ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพตรงหน้าทำฉันใจสั่น

 

เรือนผมเงินถูกเซตจัดทรงอย่างดี ต่างหูและสร้อยไม้กางเขนสีเดียวกับผมเปล่งประกาย ตัดกับชุดนักบุญดำด้าน เขาโค้งตัวทักทายสง่างามตามแบบ

ฉบับสุภาพบุรุษในหนังฝรั่ง ก่อนยื่นมือมาทางฉันพร้อมกล่าววลีเด็ดประจำวัน

 

“Trick or Love” 

 

น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะเสนาะหู แอคเซ้นต์ดีสมเป็นหนุ่มลูกครึ่ง

 

ดวงตากลมโตทรงอัลมอนต์สีน้ำค้างบริสุทธิ์สวมบทบาทผู้แสวงบุญจ้องมองมาทำฉันเขินหน้าแดง

 

ผิดคาด…ทวิตซ์แต่งเป็นบาทหลวงมาดเนี๊ยบแถมหล่อมาก 

 

ปกติเขาก็หล่อเว่อร์วังอยู่แล้ว แต่ลุคนี้คือหล่อฟาดไม่ยั้ง หล่อยกกำลังสอง วันนี้เขาดูมีเสน่ห์ซะจนฉันไม่กล้าสบตาด้วยซ้ำ >\\\<

 

“ละ เลิฟ” 

 

ฉันยื่นมือไปให้นายนักบุญใจบาป ไม่ลืมตอบรับคำชวน

 

“สวยจัง ^^” 

 

ทวิตซ์กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก้มประทับจูบร้อนผ่าวหลังมืออย่างแผ่วเบา

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

จะ ใจเย็นก่อน ตานั่นแค่ทักทายเอง 

 

“ต้องแต่งเป็นผีไม่ใช่หรอ?” 

 

ฉันเบือนหน้าหนีเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อสงบสติอารมณ์

 

“คืนนี้ผีเยอะแล้ว” 

 

กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งซึมเข้าปอด ถึงจะเป็นแค่ชุดแฟนซีแต่ทำฉันรู้สึกบาปยังไงไม่รู้ เมื่อถูกบาทหลวงหน้าสวยรุกเข้ามากระซิบข้างหูพร้อมคำพูดยียวน 

 

“…อยากเป็นคนปราบผีมากกว่า”

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

ถ้าผีที่ว่าหมายถึงฉัน ไม่ต้องปราบให้เสียแรง เพราะนายทำสำเร็จแล้วล่ะ…

 

ฉันไม่กล้าจ้องหน้าตรงๆ ด้วยซ้ำ และคาดว่าคงต้องใช้เวลาพักใหญ่ กว่าจะปรับตัวกับความหล่อระดับพระกาฬนี้ได้

 


 

(จบตอน)

 

แกลดิโอลัส; คำมั่นสัญญา, รักเร่าร้อนและความลุ่มหลง

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา