The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  26 บท
  1 วิจารณ์
  1,932 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) -คัตเตอร์-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

แสงสีทองทอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของห้องสภานักเรียน ตกกระทบลงบนเปลือกตา ช่วยปลุกฉันตื่นต้อนรับเช้าวันใหม่

 

ร่างกายคนเราช่างน่าพิศวง ทั้งที่เมื่อคืนจิตใจว้าวุ่นจนแทบคลั่ง แต่กลับเผลอหลับสนิทไปตอนไหนไม่รู้

 

พอหายสลึมสะลือ ฉันก็สัมผัสได้ถึงเสื้อเชิตนักเรียนสีขาวตัวใหญ่ที่คลุมร่างอยู่ กลิ่นดอกไม้เจือจางปนกลิ่นฝน ทำให้พอเดาได้ไม่ยากว่า ‘ใครคือเจ้าของ’

 

นึกว่าเขาหลับไปก่อนซะอีก…แอบตื่นมาทำแบบนี้เมื่อไหร่กัน?

 

ตึกตัก…ตึกตัก…

 

ช้าก่อน…! อย่าเพิ่งใจเต้นไป! เขาอาจคิดว่าตรงที่ฉันนอนมันอุ่นดี เลยแค่เอาเสื้อมาตากไว้เฉยๆ >\\\< จะเขินบ้าบออะไร!

 

แต่พอคิดถึงเรื่องเค้า….ภาพฉากเร่าร้อนเมื่อคืนก็ดันพุ่งเข้ามาปั่นป่วนหัวใจ

 

อ๊ายยย!!! ฉันล่ะอยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝันจริงๆ! 

 

ไม่สิ! มันอาจเป็นแค่ความฝันก็ได้! 

 

ความจริงคือฉันไม่ได้ตื่นขึ้นมากลางดึก เราไม่เคยจูบกัน!

 

ตึกตัก…ตึกตัก…

 

ตั้งใจเชื่อแบบนั้นแท้ๆ แต่ทำไมหัวใจเจ้ากรรมมันถึงเต้นระรัวไม่หยุดซะที…

 

“มอนิ่ง~”

 

จุ๊บ

 

“นะ นะ นายๆๆๆ!!”

 

ขณะที่ฉันมัวแต่เหม่อ ไอ้ปีศาจขโมยจูบก็แอบจุ๊บแก้มฉันไม่ทันตั้งตัว ทำเอาติดอ่างแต่เช้า

 

“เขินอะไรของเธอ มากกว่านี้ก็ทำมาแล้ว” 

 

ริมฝีปากสีกุหลาบคลายยิ้ม จ้องมองฉันด้วยสายตามีเลศนัย

 

พอได้ยินแบบนั้น หน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิม…

 

ไหงพูดยังกะฉันเสียตัวให้นายแล้วย๊ะ! ฉันล่ะเกลียดไอ้รอยยิ้มเจิดจ้านั่นซะจริง!

 

“…พูดเพ้อเจ้ออะไรของนาย!” 

 

ฉันเบือนหน้าหนีเจ้าของสายตาสีครามแสนเจ้าเล่ห์ แสร้งทำเหมือนว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา แต่กลับไม่สามารถเก็บซ่อนน้ำเสียงสั่นไหวและท่าทางกระมิดกระเมี้ยนไว้ได้เลย

 

“หืม…” ทวิตซ์ลากเสียงยาวในลำคออย่างสนอกสนใจ

 

ตาคู่สวยหรี่ลงเล็กน้อยแต่กลับเปล่งประกายกว่าเดิม ฉีกยิ้มกว้างขึ้นอย่างชั่วร้าย 

 

วงแขนกว้างคร่อมตัว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจครุกรุ่น 

 

ทั้งเสื้อเชิตสีขาว ชุดที่เขาสวมใส่หรือแม้แต่ตัวฉันเอง ในตอนนี้มีแต่กลิ่นกายชวนเคลิบเคลิ้มของเขาติดอยู่เต็มไปหมด

 

แทนที่จะรู้สึกถึงภัยคุกคาม ฉันกลับต้องมนต์สะกดของดวงตาสีครามงดงาม ที่เปล่งประกายระยิบจนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าใสแพรวพราวดุจอัญมณี

 

น้ำหนักของปลายนิ้วโป้งอุ่นๆ กดทับบนริมฝีปากอีกครั้ง ย้ำเตือนว่า ฉันไม่มีวันหลอกตัวเองได้สำเร็จ

 

“ไม่อยากให้เคตื่นเพราะเสียงครางเธอซะด้วยสิ…” น้ำเสียงหยอกเย้ากระซิบข้างหูชวนใจสั่น ตามด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ “รอดตัวไปนะ”

 

ขอบคุณพระเจ้า…ที่ครั้งนี้เขาแค่แกล้งแหย่ แล้วยอมถอยกลับไปแต่โดยดี 

 

มือหนาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู…

 

ในขณะที่หัวใจของฉันยังคงเต้นดังโครมคราม เจ้าชายดอกไม้ก็ผลิยิ้มสวยสดใสเหมือนทุกที

 

“รีบเปลี่ยนชุดเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง ^^” 

 

ราวกับว่ามีเพียงฉันที่หวั่นไหวอยู่คนเดียว…

 

.

 

-Pladao Sides-

 

ฉันเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่มีทั้งพรสวรรค์และความฝัน ไม่มีแม้กระทั่งสิ่งที่ชอบหรือเกลียด มีแค่เรื่องเรียนเท่านั้นที่ใครๆ ต่างพากัน

ชมว่า ‘ทำได้ดี’ ฉันจึงตั้งใจทุ่มเทเป็นพิเศษ ถึงอย่างนั้น การสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังอย่าง ‘เซนต์อคาเดมี’ ได้ ก็ถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์สำหรับฉันเลยค่ะ

 

ในแวดวงการศึกษา ‘เซนต์อคาเดมี’ เป็นโรงเรียนมหาอำนาจที่ขึ้นชื่อเรื่องเส้นสาย ขอเพียงจบจากที่นี่ก็เป็นเครื่องการันตีแล้วว่า สามารถเข้ามหาลัยได้

ทุกแห่งและมีงานรองรับแน่นอน

 

ฉันยังจำครั้งแรกที่เจอ ‘ยู’ ได้ดี ผมสีดำขลับเงางามยาวสลวยถึงกลางหลัง เช่นเดียวกับดวงตาสีนิลกาฬฉายแววแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ผิวขาวเนียนละเอียด

ดุจเกล็ดหิมะ ทั้งริมฝีปากและแก้มแดงสดเป็นสีเลือดฝาดธรรมชาติ เหมือนเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ในมาดราชินีน้ำแข็ง ดูเท่สุดๆ ไปเลย

 

เธอสวยซะจนผู้หญิงด้วยกันยังประหม่า ฉันไม่กล้าคุยกับเธอด้วยซ้ำ และดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่ชอบสุงสิงกับใคร เราเลยจบลงด้วยการคุยกันผ่านโพ

สอิทเมื่อจำเป็นเท่านั้น

 

[ฉันชื่อ ‘ปลาดาว’ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ]

 

[ฉันชื่อ ‘ยู’]

 

[ให้ฉันช่วยทำความสะอาดห้องเถอะค่ะ]

 

[แบ่งกันทำอาทิตย์ละวันนะ]

 

[ขอบคุณสำหรับขนมค่ะ]

 

[แพ้ขนแมวมั้ย?]

 

[ไม่ค่ะ]

 

[ห้ามพาผู้ชายเข้าห้อง]

 

[ขอโทษนะ]

 

ฉันจำความรู้สึกที่เราคุยกันผ่านโพสอิทได้ดี ถึงจะจำเนื้อความได้ไม่หมด 

 

ยูนิสัยดี มีน้ำใจและกล้าหาญ แม้คนทั้งโรงเรียนจะพูดว่า เธอเย็นชาไร้หัวใจ เป็นเด็กบ้านรวย ชอบประจบพวกอาจารย์ และไม่เคยแคร์ใครนอกจากตัว

เอง แต่ฉันที่เฝ้ามองเธอมาตลอด 2 ปี รู้ดีที่สุดว่า มันไม่จริงเลยซักนิด

 

เธอเย็นชาใส่คนอื่น แต่ชอบทำตัวน่ารักเวลาเล่นกับแมว เป็นคนขยันและมีความรับผิดชอบ มักแอบช่วยเหลือคนรอบข้างอยู่เสมอ และยังเป็นคนที่

ร้องไห้ได้น่าสงสารที่สุดด้วย… 

 

ทั้งหมดนั้นคือ ‘ยู’ ที่ฉันรู้จัก

 

ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอมาตลอด เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ดีกับฉัน ตั้งแต่ย่างเท้าเข้าสู่ขุมนรกแห่งนี้

 

 

 

เซนต์อคาเดมีไม่ได้โรยดัวยกลีบกุหลาบ ฉันอยู่คลาส C ห้องรองบ๊วย ศูนย์รวมพวกเด็กเกเรบ้านรวย ทุกวันที่โรงเรียนเต็มไปด้วยคำดูถูกเหยียดหยาม

และการกลั่นแกล้งสารพัด หนักสุดคือเกือบโดนพวกนักเลงลวนลาม

 

คนที่ช่วยฉุดฉันขึ้นมาคือ ‘หวาน’ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ผลักฉันลงนรกขุมใหม่ เธอไม่เคยใช้กำลังและจะคอยห้ามปรามเสมอเวลาคนในกลุ่มทำเกิน

ขอบเขต

 

…มือของเธอช่างขาวสะอาด เพราะสิ่งโสมมทั้งหมดถูกโยนมาที่ฉัน 

 

รู้ตัวอีกที ฉันก็กลายเป็นคนบาป ที่ไม่อาจคลานขึ้นจากขุมนรกได้อีกแล้ว

 

‘น่าสนุกดีนะ…ถ้ายัยนั่นมีข่าวฉาวว่อนโรงเรียน เพราะ ‘เพื่อน’ อย่างเธอ!’ 

 

คำพูดนั้นราวกับเสียงสาปแช่งของปีศาจตามหลอกหลอน วนซ้ำซากในสมองไม่รู้จบ ตอกย้ำให้รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งเมื่ออยู่ใกล้ยู 

 

ยิ่งทุกคนเข้ามาสนิทสนมและทำดีกับฉันมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้หัวใจของฉันทรมาณขึ้นเท่านั้น 

 

…แต่ในขณะเดียวกัน ฉันกลับมีความสุขมากเหลือเกิน

 

 

 

พระผู้เป็นเจ้าคะ ฉันรู้ว่า ฉันมันสกปรก ไม่คู่ควรจะเป็นเพื่อนกับยู…

 

แต่ได้โปรด ขอเวลาให้ฉันได้หลับตาอยู่ในความฝันลมๆ แร้งๆ อีกสักนิดได้มั้ย?

 

‘มีเรื่องแล้วโว้ยย!!’

 

‘ใจเย็นเค…เป็นอะไร?’

 

ขอแค่ได้แกล้งเป็นเพื่อนกันต่ออีกหน่อย…

 

‘ดูนี่ดิ! ยัยถังน้ำแข็งดังใหญ่แล้ว!’

 

‘ห๊า…!?’

 

ฉันยังอยากมีความสุขกับทุกคน…

 

อยากยิ้ม หัวเราะ พูดคุย กินขนมอร่อยๆ ด้วยกัน 

 

…ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว 

 

แกร่บ

 

สัมผัสบางเบาของก้อนกระดาษหยาบโลนที่ถูกเคว้งกระทบใบหน้า ปลุกฉันขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริง

 

‘…พูดอะไรซักอย่างสิ’

 

 

มันจบแล้ว…

 

หัวใจของฉันเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ ราวกับมีบางสิ่งแตกสลาย…

 

ประสาทสัมผัสไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งรอบข้างได้อีก 

 

ตอนนี้ฉันไม่อยากจดจำอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าความฝันหรือความจริง…

 

‘…ฮึกๆ’ 

 

น้ำตามากมายหลั่งไหลพรั่งพรู สองเท้าทำได้เพียงวิ่งหนีจากแสงสว่างที่ฉันไม่คู่ควร 

 

ทั้งหัวใจกู่ร้องตะโกนคำว่า ‘ขอโทษ’ ออกมาเป็นร้อยครั้ง 

 

อยากอธิบายทุกอย่างให้เข้าใจเหลือเกิน… 

 

แต่ตอนนี้ ฉันไม่มีค่าพอจะมองหน้าใครด้วยซ้ำ

 

.

 

ช่างเป็นเช้าที่ว่างเปล่าเหลือเกิน…

 

ยูหายไปจากห้องทั้งคืน เพราะคนไร้ค่าอย่างฉัน

 

ห้องที่เคยมีชีวิตชีวาดูโล่งตากว่าทุกที เนื่องจากของส่วนหนึ่งถูกยัดใส่กระเป๋าเดินทาง หลังจากตัดสินใจแล้วว่า จะลาออกจากโรงเรียน 

 

[ขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ]

 

ฉันติดโพสอิทแผ่นสุดท้ายแปะทิ้งไว้หน้าประตูบานเดิม 

 

น่าเสียดายจัง อย่างน้อยก่อนไปก็อยากเห็นว่ายูกลับมาอย่างปลอดภัย 

 

ขนมในห้องสภานักเรียนที่ทุกคนซื้อไว้ให้ ฉันก็ยังกินไม่หมดเลย 

 

งานฮาโลวีนต้องสนุกมากแน่ๆ ยังมีอีกตั้งหลายอย่างที่อยากทำกับทุกคน 

 

…ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่สนุกมากจริงๆ 

 

“ฮึก…” 

 

ฉันพยายามกลั้นเสียงสะอื้น ไม่ให้รบกวนคนในหอ แต่ไม่อาจกลั้นน้ำตาที่ไหลทะลักออกมาได้เลย

 

“ปลาดาว!”

 

ไม่บ่อยนักที่เสียงนี้จะเอ่ยเรียกชื่อฉัน แต่ฉันกลับจดจำมันได้ดี

 

“…ยู”

 

ฉันเรียกชื่อเธอแผ่วเบา เพราะไม่แน่ใจว่านี่เป็นภาพลวงตารึเปล่า? 

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นความฝันหรือความจริง ฉันก็ดีใจเหลือเกินและรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งเช่นกัน

 

“ฉันขอโทษ…ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ…ฮึก” 

 

คำขอโทษปนสะอื้นไม่น่าฟังเลยซักนิด โปรดยกโทษให้ความเอาแต่ใจของฉันด้วย เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็อยากพูดมันออกไป ก่อนที่เราจะไม่ได้เจอกัน

อีก

 

“ฮึก…”

 

แย่แล้ว! ฉันทำยูร้องไห้ ทวิตซ์เห็นต้องฆ่าฉันแน่!

 

ฉันที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนหูตาพร่ามัวพยายามรื้อค้นกระเป๋าใบใหญ่ หาทิชชู่มาให้สาวสวยตรงหน้าที่ร้องไห้แหลกลานไม่แพ้กัน

 

“ฉัน…ก็ขอโทษ” 

 

ฉันนิ่งชะงักไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำขอโทษที่ไม่คู่ควรออกจากปากของยู

 

“ฮึก ฉันเอาแต่สนใจตัวเอง…ปิดกั้นจนไม่สังเกตเลยว่า เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง” 

 

ดวงตาคู่สวยแดงช้ำเอ่อนองด้วยคราบน้ำตาแวววาว เสียงสั่นเครือไม่เหลือมาดเจ้าหญิงน้ำแข็ง 

 

เธอยังคงดึงดันพูดสิ่งที่ต้องการต่อจนจบประโยค 

 

“ถ้าฉันเข้มแข็งกว่านี้ ฮึก…เธอคงไม่ทำแบบนั้นใช่มั้ย…”

 

“ฮืออออ” 

 

ฉันปล่อยเสียงร้องโฮออกมาอย่างสุดกลั้น ราวกับถูกคำพูดของยูโอบกอดและเสียดแทงหัวใจในเวลาเดียวกัน 

 

ยูจะเป็นคนดีไปถึงไหน แบบนี้ฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่สิ คงไม่มีวันลืมเรื่องนี้ไปชั่วชีวิตแน่ค่ะ!

 

ใครเดินผ่านไปมาตอนนี้คงงงแน่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้หญิงสองคนถึงกอดกันร้องไห้หน้าห้องเป็นผีบ้าแต่เช้า

 

“ฉันต่างหากที่ผิด! ฉันต่างหากที่อ่อนแอ…ฮึก! ขอโทษค่ะ ขอโทษ…” 

 

คำขอโทษมากมายไหลทะลักออกมาไม่แพ้น้ำตา

 

“อย่าไปเลยนะปลาดาว! ฮึก! ถ้าเธอไปฉันจะอยู่กับใคร…ฮืออออ” 

 

ถึงจะร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก แต่สำหรับฉัน ยูยังคงแข็งแกร่งที่สุดเสมอ 

 

และเธออาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ…ว่าตอนนี้ได้แบ่งปันความแข็งแกร่งให้ฉันแล้ว

 

“ฉันจะอยู่ค่ะ! ฮืออออ….จะอยู่กับยู! จะอยู่กับทุกคน!!!” 

 

ขอบคุณค่ะ ที่สอนให้ฉันรู้ว่า…แม้แต่น้ำตาก็ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้ 

 

ขอบคุณจริงๆ ที่ยังเชื่อในตัวฉัน

 

 

 

-3 วันต่อมา-

 

ตั้งแต่วันนั้น ไม่ใช่แค่ตัวฉันที่เข้มแข็งขึ้น แต่มีหลายสิ่งรอบตัวเปลี่ยนไป พวกคนที่เคยรังแกฉันกลับไม่กล้าแม้แต่สบตา กลุ่มของหวานก็ทำเมินเหมือน

ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ราวกับความทุกข์ทรมาณทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้าย

 

ทุกอย่างค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ถึงฉันจะยังรู้สึกเข้าหน้าคนที่สภานักเรียนไม่ติด แต่ถ้ายังอยากช่วยงานสภานักเรียนต่อก็ต้องเผชิญหน้ากันอยู่ดี

 

เช้านี้ฉันตัดสินใจเดินไปตึกสภานักเรียนพร้อมยู แน่นอนว่าต้องเจอเจ้าชายดอกไม้ที่มารอรับเจ้าหญิงน้ำแข็งทุกวัน

 

“มอนิ่ง~ ^^” ทวิตซ์ยิ้มทักทายอย่างแจ่มใส สายตาสีครามจ้องมองเพียงยูเท่านั้น

 

จุ๊บ

 

“อ๊ายย!” ยูที่โดนจุ๊บแก้มไม่ทันตั้งตัวร้องตกใจเสียงหลง ใบหน้าแดงจัดถึงหู

 

“คิดถึงจัง” ทวิตซ์ยังแกล้งหยอกเอินต่อ

 

>////<  เห็นกี่รอบฉันก็ไม่ชินซักที วัฒนธรรมทักทายแบบฝรั่งเนี่ย…

 

“มอนิ่งปลาดาว” เจ้าของฉายาเจ้าชายดอกไม้หันมาผลิยิ้มให้ฉันราวกับดอกไม้

 

“…มอนิ่งจ้ะ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว ไม่กล้าสบตา เพราะยังรู้สึกผิดในใจ 

 

แต่ร่างสูงกลับทำในสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงได้ตลอด

 

“สนใจฝึกยิวยิตสูกับเคมั้ย?” เขาตั้งท่าประกอบปล่อยหมัดชกลม ชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมรอยยิ้มสดใส

 

…ราวกับที่ผ่านมาฉันคิดมากไปเอง 

 

“เอ่อ…คือ” ฉันยังงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เขาอยากสื่อเท่าไหร่

 

“ยิวยิตสูเป็นศิลปะป้องกันตัวที่เท่มาก เห็นอย่างนี้แต่เคเป็นถึงหัวหน้าชมรมเลยนะ กล้ามงี้แน่นปึ่ก! ถ้าได้ฝึกให้เธอหมอนั่นต้องดีใจแน่ ^o^” ทวิตซ์

ยังคงขายเก่งเหมือนเคย

 

“ทั้งชมรมมีคนเดียวหรอ? =O=” ยูพูดแทรกขึ้นมาจิกกัดเคเล็กๆ ทำเอาฉันอดยิ้มไม่ได้ 

 

ส่วนทวิตซ์ไม่ตอบอะไร หัวเราะร่าแทนคำว่า ‘ใช่’

 

“เคตั้งใจมากจริงๆ ถึงขั้นขาดเรียนไปแข่ง เป็นเหตุผลที่หมอนั่นเข้าสภานักเรียนไง” พอได้ฟังทวิตซ์เล่า ตาของฉันเริ่มเป็นประกาย มองเคเท่ขึ้นมาเลย

*O*

 

“ฉันอยากฝึกค่ะ!” 

 

ทวิตซ์หัวเราะในลำคอพึงพอใจ ท่าทางเจ้าเล่ห์นิดๆ ทำใจไม่ดี…

 

แต่เบื้องหลังรอยยิ้มขี้เล่นและประโยคสนทนาครั้งนี้ ฉันสัมผัสได้ว่าทวิตซ์และเคเองก็เป็นห่วงฉันเหมือนกัน เขาคงอยากให้ฉันดูแลตัวเองได้ จะได้ไม่

โดนใครรังแกอีก

 

เผลอๆ ที่ทุกอย่างกลับจากร้ายเป็นดีแบบนี้ อาจเป็นเพราะเขาด้วยซ้ำ…

 

ชายหนุ่มยิ้มหวานเจ้าแผนการ มักอ่อนโยนกับคนรอบข้างเสมอ โดยเฉพาะกับเจ้าหญิงน้ำแข็งของเขา

 

“ฉันฝึกด้วย!”<-ยู

 

“ได้สิ…เดี๋ยวฉันเป็นคู่ซ้อมให้จนหนำใจเลย ^^+ ”<-ทวิตซ์

 

“…^^;”<-ฉัน

 

ถึงยังไม่ค่อยแน่ใจว่าทวิตซ์เข้ามาด้วยจุดประสงค์อะไร แต่ฉันเชื่อในตัวเขาค่ะ 

 

ถ้ามีอะไรซักอย่างที่อยากบอกกับเขา คงไม่ใช่คำว่า ‘ขอโทษ’ หรือ ‘รู้สึกผิด’ 

 

แต่เป็นคำว่า ‘ขอบคุณ’

 

ขอบคุณที่ทำให้เส้นขนานกลับมาบรรจบกันอีกครั้ง

 

ขอบคุณที่ทำให้ฉันได้เข้ามาอยู่ในโลกของยู

 

-The end of Pladao sides- 

 

 

 

ผ่านมาได้ 3 วันแล้ว นับตั้งแต่ฉันคืนดีกับปลาดาว ช่วงนี้อีตาทวิตซ์มีพฤติกรรมแปลกๆ ผลุบๆ โผล่ๆ เป็นดอกเห็ด 

 

แม้เขายังช่างตื้อเหมือนเดิม ขยันเดินจับมือกันตลอด มีจุ๊บทักทาย รับส่งถึงหอ พักเที่ยงชวนกินข้าว ทุ่มนึงโทรตามเวลา แต่ช่วงอื่นของวัน มักแอบ

หายไปโดยไม่บอกกล่าวตลอด…ไอ้แว่นเคยสะเออะถามครั้งนึง ก็ได้คำตอบว่า ‘มีธุระ’

 

ฉันไม่อยากตามจี้ขี้สงสัยเหมือนพวกเมียหลวงควงปืนในละครน้ำเน่าหรอกนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันและเข้าใจว่าหมอนั่นคงมีเรื่องส่วนตัวต้องสะสาง

 

…แต่ไอ้แว่นนี่ดิ! น่าหงุดหงิดเป็นบ้าเลยโว้ย!

 

“ฉันว่าหมอนั่นแอบมีกิ๊กชัวร์”

 

แคคตัสเปิดวงนินทาซึ่งปกติมีแค่หมอนี่กับฉันที่ถูกบังคับให้ร่วมแจม เพราะถูกทิ้งให้ทำงานกันสองคน 

 

“ไม่หรอกมั้ง…^^;” 

 

ปลาดาวสมาชิกร่วมวงคนใหม่ที่เพิ่งกลับจากการรักษาแผลใจได้ไม่นาน พูดเข้าข้างทวิตซ์เสียงแผ่ว ยิ้มแห้งไม่มั่นใจ

 

“ปกติทวิตซ์ตัวติดกับยัยถังน้ำแข็งจะตาย สิงได้สิงไปแล้ว แต่ 2-3 วันนี้ หมอนั่นแว้บหายตลอด”

 

“จริงหรอจ้ะ? O-O” ปลาดาวทำท่าตกใจดูอินสุดๆ 

 

อย่าไหลไปตามไอ้งั่งนี่สิ! =-= เธอก็รู้ว่ามันชอบเพ้อเจ้อ

 

ทีนี้ไอ้แว่นยิ่งได้ใจพล่ามต่อไม่หยุด 

 

“พอส่งยัยนี่เสร็จ หมอนั่นก็หายต๋อมไปเลย เหมือนแค่ทำตามหน้าที่”

 

จึก!

 

‘ทำตามหน้าที่’ ทำไมคำนี้ ถึงทำให้รู้สึกเจ็บแปล๊บในอกกันล่ะ? 

 

“พอเถอะเค…” ปลาดาวกระตุกแขนเสื้อปรามแคคตัส เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าฉันเปลี่ยนไป

 

ไม่หรอก…ไม่ได้หึงซะหน่อย ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วย ฉันแค่กลัวว่าจะถูกจับได้เรื่องที่เราเป็นแค่ ‘คู่รักปลอมๆ’ มากกว่า

 

จึก! 

 

บ้าจริง…แม้แต่คำพูดในสมองยังทำฉันรู้สึกเจ็บได้ด้วย? มีใครเล่นของเขมรใส่ฉันรึเปล่า -*-

 

“แค่ไม่อยากเห็นเธอต้องมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งเฉยๆ เอาเหอะ…ไม่พูดแล้ว” วาจากวนบาทาแอบแฝงความห่วงใยอยู่ลึกๆ

 

…ลึกมากซะจนฉันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเลยไอ้บ้าแว่น!

 

แอ๊ดด~

 

เสียงประตูสนิมเกรอะของห้องสภานักเรียนถูกเปิดออก เผยให้เห็นหนุ่มหน้าสวย เรือนผมเงินเล่นแสงระยิบตา

 

“กลับมาแล้วยูแช~” ร่างกำยำพุ่งเข้ากอดฉันแนบแน่นเหมือนทุกครั้งที่หายไปนาน

 

“ปล่อยนะ!!!” ฉันแผดเสียงไม่พอใจ พยายามดิ้นให้หลุดก่อนขาดอากาศหายใจตาย

 

“ยังรักกันดีนี่คะ ^^;” ปลาดาวหันไปพูดกับแคคตัสที่ทำหน้าโคตรเหม็นความรัก

 

หลังจากปู้ยี่ปู้ยำฉันจนหนำใจหายหมันเขี้ยว เจ้าชายดอกไม้ก็วางหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ล่าสุดไว้กลางโต๊ะ ยืดอกยิ้มย่องอย่างภาคภูมิ อวดผลงาน 

 

“ทาด๊าา~”

 

-พาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง-

 

[ข่าวลวง! วงในเผยเจ้าชายดอกไม้ไม่เคยแอบขึ้นหอ แมวส้มเร่ร่อนป่วนบุกทุกห้อง ไม่เว้นแม้แต่หอชาย!]

 

หัวข่าวปัญญาอ่อนอีกแล้ว - -* นี่นายหายไปเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ?

 

“วะฮ่าๆๆๆ หัวข่าวโคตรจี้เลยว่ะ!” ไอ้แว่นตัวงอแผดเสียงหัวเราะเต็มที่ไม่กั๊ก

 

ส่วนปลาดาวตาลุกวาวเป็นประกายแสนซาบซึ้ง “สุดยอดไปเลยค่ะ!”

 

“ฉันจัดการเก็บกวาดหมดแล้ว ^o^ มีความสุขให้เต็มที่ไปเลย!”

 

“จ้ะ!” ปลาดาวตอบรับอย่างเริงร่า 

 

สาวผมเปียเผยรอยยิ้มสุขใจ…จนฉันเผลอยิ้มตามไปด้วย

 

และแน่นอน ทุกปฏิกริยาของฉันไม่เคยรอดพ้นจากสายตาสีคราม

 

ร่างสูงย่างสามขุมเข้ามาหาโน้มตัวลงจนหน้าผากแปะกัน 

 

“เหนื่อยจัง…” น้ำเสียงทุ้มนุ่มลอบกระซิบอย่างออดอ้อน “ขอรางวัลแบบจัดหนักจัดเต็มเลยนะ”

 

สิ้นเสียงทรงเสน่ห์ มือใหญ่ช้อนประคองใบหน้า ริมฝีปากหอมกรุ่นประกบเข้ากับริมฝีปากของฉันอย่างไม่เกรงใจใคร ลมหายใจระอุผสมกลิ่นดอกไม้นิ่ม

นวลไหลผ่านปอดฟุ้งกระจาย ทำลายทุกโสทประสาทให้หลงระทวย ก่อนถอดถอนจูบออกเชื่องช้าราวกับยังติดใจ

 

เพี๊ยะ!

 

เมื่อมนต์สะกดแห่งรสจูบแสนหวานเสื่อมลง ฉันจัดการตบหน้าสวยไปฉาดใหญ่ ถลึงตาจ้องเขม็ง

 

แก้มเนียนมีรอยประทับตราห้านิ้ว แม้จะหันไปตามแรงตบ แต่เจ้าตัวกลับยิ้มรับไม่สะทกสะท้าน ดวงตาคู่งามยังคงเฝ้ามองทุกการกระทำอย่างสนอก

สนใจ

 

ไอ้ปีศาจ! โรคจิต! มาโซคิสม์! 

 

“นายนี่มัน…!”

 

 ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าให้คู่ควร เมื่อคนตรงหน้ายิ้มรับพร้อมตาย ไม่มีเศษเสี้ยวของความสำนึกผิดเลยซักนิด 

 

จึงทำได้เพียงขู่ตักเตือนด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นสั่นเครือ

 

“ทะ ทำอีกนายตายแน่!” 

 

“^^” ทวิตซ์ไม่ตอบกลับซักคำ คลายยิ้มใจเย็น เหมือนที่ฉันเพิ่งตบไปหมาดๆเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่ต่างอะไรกับโดนลูกแมวข่วน

 

แต่สองหน่อแคคตัสและปลาดาวที่เห็นเหตุการณ์นี่สิ พากันช็อคตาค้างไปแล้ว

 

 

 

-Whan sides-

 

ตึง!

 

มือหนาตบโต๊ะรุนแรงปานฟ้าฟาด แสกผ่านหน้าฉันเพียงไม่กี่เซนฯ ดึงสายตาให้ผละจากหนังสือ เหงยขึ้นสบนัยตาแซฟไฟร์แสนร้อนแรง

 

“…ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนทำ” ร่างสูงโน้มกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงอำมหิตเยือกเย็นชวนขนลุก ทำให้ทั้งหัวใจสั่นระรัว

 

“ไฟล์ที่ส่งให้รีบอ่านซะ…” ฉันตั้งใจสดับฟัง อยากจารึกทุกอนูสัมผัสและเส้นเสียงอันไพเราะของเขาไว้

 

“ฉันจะไม่หยุด…จนกว่าจะทำสำเร็จ” 

 

“ถ้าเธอกล้าเข้ามาขวาง…ฉันไม่มีวันยกโทษให้แน่!”

 

ร่างสูงถอนตัวออกหลังจบเรื่องคุย ส่งยิ้มหวานให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

แม้ไออุ่นจะจางหายตามกาลเวลา แต่กลิ่นกายของเขายังคงหอมติดจมูกน่าหลงใหล 

 

ทั่วทั้งใบหูยังรู้สึกถึงสัมผัสร้อนผ่าวจนผิวชา…

 

ฉันใช้ปลายนิ้วเรียวเกี่ยวทัดผม ก่อนเผยยิ้มสดใสตอบกลับไป 

 

“เข้าใจแล้วจ้ะ ^^”

 

เหมือนเช่นทุกวัน ฉันยังคงหลงรักเจ้าชายดอกไม้หัวปักหัวปำและยอมทำทุกอย่างได้เพื่อเขา

 

สวนดอกไม้ต้องสาป ที่มีแมลงหน้าโง่เพิ่มอีกตัว… 

 

นายแค่เห่อสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อย

 

รู้แต่แรกแล้วล่ะ แค่รู้สึกเหม็นขี้หน้าเป็นพิเศษ เพราะแมลงหน้าโง่ตัวนี้ช่างโง่งม หลงระเริงซะจนไม่รู้ตัวเลยว่า ต้องเผชิญกับอะไร

 

เธอมันแค่ ‘สัตว์เลี้ยงตัวโปรด’ ไม่มีค่ามากกว่านั้น

 

และตอนนี้ฉันรู้สึกขอบคุณพระเจ้าเหลือเกิน…ที่พระองค์ทรงยุติธรรมมากพอ สร้างข้อบกพร่องให้ผลงานชิ้นโบว์แดงอย่างนาย 

 

แล้วอย่าลืมโทษพระเจ้าด้วยล่ะ ที่ทำให้ฉันหลงรักทุกรอยตำหนินั่นจนถอนตัวไม่ขึ้น

 

‘นายรักใครไม่ได้’

 

ฉันเข้าใจ… 

 

จะไปยากอะไร ที่ต้องทำก็แค่รอ…เฝ้ามองความสัมพันธ์ของนายพังทลาย

 

เรื่องแค่นั้น เพื่อนายฉันทำได้อยู่แล้ว

 

                                                                                                       -The end of Whan sides-

 


 

(จบตอน)

 

คัตเตอร์; ฉันยังอยู่ตรงนี้

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา