The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  27 บท
  1 วิจารณ์
  4,489 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) -แมรี่โกลด์-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

-Whan sides-

 

ฉันมักแอบมองแผ่นหลังกว้างของหนุ่มเรือนผมเงินอยู่เสมอ…

 

เขามีรอยยิ้มสดใสราวฤดูใบไม้ผลิที่พร้อมจะแจกจ่ายให้ทุกคนอย่างง่ายดายเหมือนลูกกวาด

 

เสียงนุ่มนวลไพเราะ ใบหน้าสวยหวานเหมือนผู้หญิง ตรงข้ามกับนิสัยดื้อด้านและเจ้าเล่ห์

 

ดวงตาแซฟไฟร์เปล่งประกาย ‘ช่างงดงาม’ 

 

ฉันรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นได้เพียงแมลงหน้าโง่ที่หลงทางในสวนดอกไม้ต้องสาป

 

ถึงอย่างนั้น…ก็ไม่อาจหักห้ามใจได้เลย

 

.

 

“ได้มาแค่นี้เองหรอ?” 

 

ฉันเหยียดมองสิ่งมีชีวิตหน้าโง่ไร้ประโยชน์ที่ไม่เคยทำอะไรได้ดั่งใจ

 

…น่าหงุดหงิด

 

“โอ๊ย!”

 

ไม่ต้องถึงมือฉัน ผู้หญิงในกลุ่มก็จิกหัวลากยัยยาจกนั่นไปสั่งสอน

 

“ไม่ตั้งใจทำแบบนี้ เธออยากให้ไอ้พวกป่าเถื่อนนั่นปู้ยี่ปู้ยำนักรึไงยัยร่าน!?” 

 

เสียงหวีดตะคอกหนวกหูน่ารำคาญ 

 

ฉันนั่งเล่นมือถือต่อไม่สนใจว่าใครจะเป็นตายร้ายดียังไง ปล่อยให้พวกชั้นต่ำจัดการกันเอง

 

แต่จู่ๆ ก็มีเรื่องน่าสนุกผุดขึ้นมาในหัว

 

“เห็นว่ายัยประธานหน้ามุ่ยนั่นชอบเธอนี่นา” 

 

ฉันลุกออกจากที่นั่งประจำฉีกยิ้มกว้าง เดินไปกระชากคอเสื้อยัยผู้หญิงซอมซ่อให้เข้ามาใกล้ขึ้น เพื่อจ้องมองปฏิกริยาของเหยื่อ

 

ร่างบางหายใจถี่สั่นระริก สายตาหวาดผวาเต็มไปด้วยความกลัวราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ ริมฝีปากบางบีบเม้มแน่นจนใบหน้าบิดเบี้ยวน่าขยะแขยง

 

อืม…แต่ฉันไม่สนหรอก

 

“น่าสนุกดีนะ ถ้ายัยนั่นมีข่าวฉาวว่อนโรงเรียน เพราะ ‘เพื่อน’ อย่างเธอ!” 

 

พูดแค่นี้นังโสโครกที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดก็ทำตัวสำออย 

 

ทำเอาฮาจนกลั้นขำไว้ไม่ไหวเลยล่ะ 

 

“คิก ร้องไห้หรอ? ถามจริง? ทุเรศจัง”

 

-The end of Whan sides-

 

 

 

ฉันกลับมาที่หอในสภาพร่างไร้วิญญาณ ตั้งใจว่าจะเก็บเสื้อผ้าหนีไปนอนที่อื่นซักพัก เพราะอยู่ต่อไม่ไหวจริงๆ 

 

ฉันรู้ดีว่าตัวเองเปราะบางแค่ไหน โดยเฉพาะเรื่องเพื่อน ที่ผ่านมาถึงพยายามไม่สุงสิงกับใคร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

 

แต่จะโทษว่าเป็นความผิดของทวิตซ์ที่ทำให้ฉันกับปลาดาวสนิทกันก็ไม่ใช่ จะโทษปลาดาวที่ตัดสินใจทำร้ายฉัน เพราะอะไรไม่รู้ คงไม่ได้อีกเหมือน

กัน 

 

ฉะนั้น โทษฉันเถอะนะ ที่เปิดใจรับคนอื่นเข้ามา

 

คิดว่าฉันจะโกรธหรอ? เปล่าเลย…

 

จะบอกความลับให้ฟัง ฉันน่ะโกหกเก่งที่สุดในโลกเลยล่ะ 

 

โกหกแม้กระทั่งตัวเอง…

 

ฉันมักทำเป็นไม่พอใจ หงุดหงิด โมโห เวลามีใครทำอะไรไม่ถูกใจอยู่เสมอ 

 

แต่เอาเข้าจริงก็เป็นแค่ยัยโง่ ที่ไม่เคยเกลียดใครได้ลงเลยซักครั้ง

 

ขืนยังฝืนอยู่ห้องนี้ต่อไป ฉันต้องยกโทษให้เธอและทำให้ตัวเองเจ็บอีกแน่

 

ฉันไม่ได้ ‘เข้มแข็ง’ แบบที่เธอคิด 

 

จึงไม่มีวิธีไหน เหมาะกับคนอ่อนแออย่างฉันไปมากกว่า ‘การหนี’ อีกแล้ว

 

ทันทีที่เท้าก้าวพ้นธรณีประตู สายตาก็เหลือบเห็นร่างสูงที่เดินมาส่งยืนรออยู่ที่เดิม

 

“ทำไมยังอยู่อีก?” 

 

ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแผ่วเบาเหมือนพึมพำกับตัวเอง

 

ดวงตาสีครามทอดมองอย่างโล่งใจ ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มบางเบา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลกว่าปกติ

 

“ฉันรู้ว่าเธอต้องกลับมา”

 

เพราะแบบนี้เขาถึงได้ไม่บอกลาสินะ…

 

แม้ไม่ได้คาดหวัง แต่พอเจอเขายืนรอท่ามกลางความมืด มันกลับทำให้รู้สึกใจฟูขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

แต่ประโยคที่ตานั่นพูดต่อจากนี้นี่สิ ช่างยียวนกวนประสาทซะจริง

 

“โกหกน่า! จะไปรู้ได้ไง ไม่มีพลายกระซิบซะหน่อย” 

 

ทวิตซ์ฉีกยิ้มกว้างแจกความสดใส สองมือหนายีหัวฉันเล่นอย่างหมันเขี้ยว 

 

“ปล่อยนะ!” 

 

ฉันตะเบ็งเสียงใส่ปัดมือเค้าออกทันที พิสูจน์ว่าปฏิกริยาป้องกันตัวยังทำงานได้ดีอยู่

 

เจ้าชายดอกไม้เค่นเสียงหัวเราะสนุกสนาน ก่อนจูงมือเดินนำไปโดยไม่ไถ่ถามจุดหมาย ราวกับอ่านใจฉันออก

 

“ไปกันเถอะ”

 

.

 

ซ่าาาา

 

ระหว่างทางฝนไล่ช้างตกลงมา เทวดาท่านคงหลั่งน้ำตาให้ฉันสินะ น่ายินดีเสียจริง…

 

แต่ประทานโทษ! คราวหน้าช่วยร้องให้มันถูกเวลาหน่อยเถอะ เสื้อผ้าที่เตรียมมาเปียกหมดแล้ว!

 

เทวดาโรคจิตอยากให้ฉันนอนแก้ผ้านักรึไง? =*= 

 

ไม่รู้แหละ ตอนนี้หงุดหงิดสุดๆ ฉันจะด่าเทวดา ด่าโชคชะตา และจะด่าผีในตึกสภานักเรียนด้วย! ถ้ามันกล้าโผล่หน้ามาหลอกฉัน!

 

เดาว่าทุกคนคงทายถูก ถึงจะยากลำบากวิ่งฝ่าฝนตกหนักจนแทบมองทางไม่เห็น แต่ทวิตซ์ก็พาฉันมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ 

 

‘ห้องสภานักเรียน’ เซฟโซนตลอดกาลของฉัน 

 

ไฟทั้งตึกปิดมืดเหมือนหนังสยองขวัญ กว่าจะเดินถึงห้องได้ต้องพึ่งแสงไฟฉายริบหรี่จากมือถือ โชคดีที่ในห้องยังพอมีเทียนเหลืองที่ใช้จุดในงานบุญ

ต่างๆ เหลืออยู่บ้าง คืนนี้เลยไม่ต้องนอนด้วยกันท่ามกลางความมืด

 

เดี๋ยวนะ…! นี่ฉันลืมอะไรไปรึเปล่า? นอนด้วยกันงั้นเหรอ?! 

 

ไม่เอ๊า!~ >\\\< 

 

แบบนี้ก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้เลยน่ะสิ!

 

“ฮู่ว…ซวยจริง” 

 

เสียงพ่นลมหายใจตัดพ้อดังมาจากฟากนึงของห้อง 

 

นั่นควรเป็นคำพูดฉันมากกว่าย่ะ! >o<

 

ฉันเพิ่งตระหนักได้ถึงสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าภูตผีใดๆ บนโลก หันไปมองหนุ่มหล่อหุ่นแซ่บเว่อร์ ซึ่งกำลังถอดเสื้อเชิตสีขาวออกมาบิดให้แห้ง ถึงจะไม่เคย

เห็นอกเปลือยเปล่าชัดเต็มสองตา แต่พอเดาได้ว่าเค้าต้องหุ่นดีมากแน่ๆ 

 

ไม่ผิดคาดเลยซักนิด ภาพตรงหน้าคือหนุ่มหน้าสวยสูงชะลูดสุดเซ็กซี่ เส้นผมเงินเปียกชุ่มโลมไล้ตามใบหน้างาม ตั้งแต่ไหปลาร้าลามจนถึงหน้าท้อง

อัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อลีนขาวเนียนแสนเย้ายวน มันวาวด้วยหยดฝนพร่างพรม ท่ามกลางไฟสลัวยิ่งขลับให้เห็นแสงเงารูปทรงชัดเจน

 

ฉันได้แต่ตั้งคำถามในใจที่กำลังเต้นระรัวว่าซิกแพ็คแน่นปั่กขนาดนี้ มันใช่หุ่นเด็กมัธยมแน่หรอ?

 

“…อึก” 

 

ซวยละ! เผลอกลืนน้ำลายเสียงดังไปหน่อย เขาจะได้ยินรึเปล่า? >\\\<

 

สายตาสีฟ้าระยิบแพรวพราวจ้องสวนกลับฉับพลัน ตามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แซวถากถาง 

 

“ลามก”

 

…โดนจับได้ซะแล้ว

 

ใบหน้าฉันแดงจัด รู้สึกร้อนรุ่มทั้งตัวจนลืมหนาว รีบเอามือฮุบปิดปากไว้แน่น ก่อนเบือนหน้าหนีความจริงอย่างขวยเขิน 

 

“นะ นายสิลามก! มาถอดอะไรตรงนี้!!” 

 

ฉันยังเหลือสปริตพอให้เถียงกลับ แม้น้ำเสียงจะสั่นไหวซะยิ่งกว่าเปลวเทียนดวงจ้อย

 

“ช่วยไม่ได้ ฉันไม่อยากหนาวตายนี่นา” 

 

เป็นคำตอบที่สมเหตุสมผล แต่ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน!

 

แกร่กๆ

 

“ทำอะไรน่ะ!” 

 

ฉันรีบโพล่งถาม เพราะได้ยินเสียงเหมือนถอดเข็มขัด

 

“ถอดกางเกง” 

 

เสียงทุ้มตอบกลับราบเรียบ ทำเอาอดด่าไม่ได้

 

“หน้าด้าน! ยังจะถอดต่ออีกหรอ…!? >\\\<” 

 

ฉันตะคอกเสียงใส่สั่นสะท้าน

 

“ก็อย่ามองสิ ยัย-หื่น” 

 

ทวิตซ์ใช้น้ำเสียงทีเล่นทีจริง พูดเน้นคำว่า ‘ยัย-หื่น’ อย่างกวนบาทา 

 

ฉันรู้สึกหงุดหงิด! เก็บกด! อัดอั้น! อยากจะกรี๊ดระบายออกมา!!! 

 

แต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเก็บมาด กำหมัดแน่น กรีดร้องได้เพียงในใจ

 

อร๊ายยยยย…!!!! ทำไมฉันต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วย! >[]<

 

 

ฉันจ้องมองแสงเทียนดวงน้อยแสนริบหรี่ นั่งบิดชุดให้หมาด ท่ามกลางเสียงหยดน้ำและผ้าโบกสะบัดดังพรึ่บพรั่บ พลางท่องบทสวดพาหุงในใจ ไม่ใช่

ว่ากลัวผี แต่เป็นเพราะต้องอยู่ในห้องสองต่อสองกับผู้ชายเปลือยต่างหาก!

 

“นี่” 

 

ฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อถูกปลายนิ้วเย็นเฉียบจิ้มแก้มเล่น

 

“ฉันจะไปดูมิเตอร์ซะหน่อย ไปด้วยกันมั้ย?” 

 

เหมือนว่าเขาจะจัดการบิดน้ำออกจนพอใจแล้ว ตอนนี้เลยใส่ชุดอยู่

 

ค่อยโล่งอก…เกือบหัวใจวายขิตเป็นผีเฝ้าตึกแล้วมั้ยล่ะ

 

“เฮ้อ…ไปสิ” 

 

ฉันตอบกลับสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่กลับมามั่นคงอีกครั้ง ก่อนคว้ามือใหญ่ที่ยื่นมาช่วยพยุง ลุกเดินตามร่างสูงไป

 

.

 

ไม่เคยรู้เลยว่าตึกสภานักเรียนมีชั้นใต้ดินด้วย ได้กลิ่นสนิมเหล็ก ฝุ่นคละคลุ้ง อากาศอับชื้นหายใจลำบาก ทางแคบมืดสนิท มีเพียงแสงไฟสลัวส่อง

นำทาง บรรยากาศตอนนี้อย่างกับหนังหวีดสยองที่อาจมีฆาตรกรถือมีดพร้อมจ้วงโผล่มาได้ทุกเมื่อ

 

ครืนน!!!

 

“กรี๊ดดด” 

 

ฉันผวาพุ่งไปกอดคนใกล้ตัวอย่างไว

 

“คะ คะ แค่ฟ้าร้องเอง” 

 

น้ำเสียงทุ้มที่เคยเสถียรอยู่เสมอกลับสั่นไหวตะกุกตะกัก

 

“นะ นะ นะ นายก็กลัวหรอ?!” 

 

เหมือนเราแข่งชิงแชมป์ติดอ่าง 

 

ขนาดทวิตซ์ยังกลัว >~< หรือว่ามันจะไม่ใช่แค่ฟ้าร้องธรรมดา!! 

 

มีบางสิ่งน่ากลัวมากๆ อยู่ข้างหน้านายใช่มั้ย?! TToTT 

 

ฉันหลับตาปี๋ คิดไปเองต่างๆ นานา จินตนาการปรุงแต่งยิ่งทำให้หวาดกลัวตัวสั่นระริกกระชับกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม

 

ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนกลั่นกรองคำพูดออกมาช้าๆ อย่างหนักใจ 

 

“ยัยโง่…เพราะเธอต่างหาก”

 

“…”

 

“ปล่อยก่อนได้มั้ย…ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว…”

 

น้ำเสียงประหม่าจัดทำให้ฉันได้สติ ตื่นรู้ว่ากำลังทำตัวไม่เหมาะสม จึงรีบปล่อยมือที่รัดเอวเขาไว้ ถอนตัวออกจากแผ่นหลังกว้างทันที

 

“ข…ขอโทษ” 

 

ร่างสูงยังคงแข็งทื่อไม่ไหวติง หลังได้ฟังคำขอโทษอ้อมแอ้ม

 

“…”

 

อย่าเงียบสิ! พูดอะไรซักอย่าง แบบนี้ฉันยิ่งหนักใจ >-< 

 

นายช่วยหันมาด่าว่ายัยหื่นแบบทุกทีเถอะ!

 

“…เมื่อไหร่เคจะมานะ” 

 

ทวิตซ์บ่นพึมพำในลำคอ

 

ไหงนายมางอแงหาเพื่อนเอาตอนนี้?

 

“หมอนั่นจะมาหรอ?” 

 

ฉันถือโอกาสต่อบทสนทนาทำลายความเงียบ

 

“ถ้าฝนหยุดนะ” 

 

เหมือนบรรยากาศตึงๆ เมื่อครู่เริ่มคลายลง ร่างสูงย่างเดินต่อ คว้าจูงมือฉันไปด้วยไม่ห่างกาย

 

พอถึงมิเตอร์ทวิตซ์ไม่รอช้า รีบสับสวิตซ์คืนแสงสว่างให้ตึกผี

 

…แต่ทำไมมันยังมืดอยู่ล่ะ? 

 

“เสียหรอ?” 

 

ฉันเอ่ยถามอย่างกังวล

 

“แค่ห้องนี้แหละ ไม่ต้องกลัว” 

 

ทวิตซ์ตอบสั้นๆ ช่วยปลอบใจ ด้วยเสียงเครียดไม่ติดเล่นแบบทุกที 

 

เพราะเขายังประหม่าค้างรึเปล่า? หรือในใจกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่…เดาไม่ออกเลย

 

 

ก้าวขึ้นสู่เบื้องบนก็พบกับแสงสว่าง ไฟทั้งตึกกลับมาใช้งานได้ตามปกติ 

 

แต่ที่ผิดปกติคือหนุ่มหน้าสวยข้างฉัน กำลังยืนหน้าแดงแข็งทื่อเป็นตอไม้

 

หว๋า น่าแกล้งจัง~ 

 

หมอนั่นยังเขินอยู่อีกหรอ? 

 

ตั้งแต่รู้จักกัน ฉันไม่เคยเห็นเขาหน้าแดงจัดเป็นมะเขือเทศแบบนี้มาก่อน 

 

ฉันเดินไปยืนตรงหน้า เพื่อจ้องมองภาพนั้นให้ชัดขึ้น

 

เอ๊ะ หรือจะไม่สบาย?

 

“อะไรเล่า!” 

 

เจ้าชายดอกไม้กดเสียงเข้มเบือนหน้าหนี สลับบทกลายเป็นผู้ถูกกระทำ

 

“หน้านายแดงแจ๋เลย” 

 

ฉันติดสนุกนิดหน่อยที่ได้เห็นคนขี้แกล้งหวั่นไหวเองซะบ้าง 

 

แต่ประโยคถัดมากลับพลิกเกม เล่นเอาเขินจนไม่กล้าสู้หน้า 

 

“แหงสิ ก็เสื้อเธอมันเปียก…เห็นหมดแล้ว”

 

ฉันก้มดูสภาพตัวเอง พบว่าเสื้อนักเรียนสีขาวบางเปียกโชก เผยให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าและบราสีชมพูเด่นหรา 

 

“ทะลึ่ง!!!” 

 

พอรู้ตัวใบหน้าก็ร้อนผ่าวแดงแข่งกับคนตรงหน้า สองมือพยายามป่ายปิดชุลมุนวุ่นวาย 

 

“เฮ้ยยย~ พวกนายย~” 

 

เสียงคุ้นเคยร้องทักจากด้านหลัง 

 

เมื่อมองหาต้นตอก็พบกับชายหนุ่มในชุดกันฝน สวมรองเท้าบู้ทยาง มือหนึ่งถือร่มพังๆ ยกโบกทักทายโหวกเหวกมาแต่ไกล

 

…ใครอ่ะ? =o= 

 

ขณะที่ฉันยืนเหม่อมองชายเปียกปอนเดินโซเซเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หนุ่มร่างสูงข้างกายก็รีบรุดหน้าเอาตัวบังดันให้หลบด้านหลัง

 

“สภาพเหมือนหมาตกน้ำเลยว่ะ” 

 

ชายหน้าคุ้นพูดไม่ดูตัวเอง 

 

“อยากมาเร็วกว่านี้อยู่หรอก แต่ฝนดันตกตอนกำลังออกหอพอดี” 

 

เขาปลดฮู้ดกันฝนลง มือยีผมสีดำเปียกปอนเซอร์ๆ พลางพูดแก้ต่างไปด้วย

 

ผิวเนียนสีน้ำผึ้ง ตาสองชั้นดำสนิทและจมูกโด่งพอประมาณ

 

หล่อจัง...แต่หน้าดูคุ้นมาก 

 

“ใครอ่ะ?” 

 

ฉันอดสงสัยไม่ได้ต้องหลุดถาม

 

“ฉันเอง”

 

หนุ่มหล่อปริศนาทำมือรูปโอเค นาบสวมแทนแว่นตา 

 

“อ๋อ! ไอ้แว่น” 

 

ถ้าถอดแล้วดูดีขนาดนี้ นายใส่เหอะ! 

 

วุ้ว! เสียดาย นึกว่าเจอหนุ่มหล่อที่ไหน =_=

 

“กวนทีนรึไง? ถังน้ำแข็ง - -*” 

 

เออ! ครบ ปากสุนัขแบบนี้แหละ ตัวจริงเสียงจริง

 

ก่อนที่ฉันกับไอ้แว่นจะได้เปิดศึกกันต่อ ทวิตซ์ก็พูดขัดขึ้นมา

 

“พอดีเลยเค มีชุดเปลี่ยนมั้ย? ^^;”

 

“มีดิ แต่เอามาชุดเดียวนะ” 

 

ไอ้แว่นไร้แว่นถอดเสื้อกันฝนออก นั่งงมของในกระเป๋าเป้ 

 

ที่เค้าว่าผู้ชายตอนเปียกฝนจะหล่อขึ้น เป็นความจริงสินะ 

 

มีอาหารตาเพิ่มมันก็ดีอยู่หรอก…แต่ยิ่งมองยิ่งหงุดหงิดวุ้ย! 

 

ทำไมมันหล่อจัง -*- แบบนี้ก็เรียกไอ้แว่นไม่ได้แล้วดิ 

 

งั้นเห็นแก่ความหน้าตาดี ฉันจะกรุณาเรียกชื่อนายซักตอนละกัน ‘แคคตัส’

 

“จะเปลี่ยนหรอ? ใส่ได้อยู่มั้ง” 

 

แคคตัสส่งเสื้อผ้าแห้งสะอาดให้ทวิตซ์ 

 

เยี่ยมเลย แบบนี้ก็เหลือฉันเปียกมอมอยู่คนเดียว 

 

“เปล่า ให้ยูแชใส่” 

 

ทวิตซ์ส่งต่อชุดมือสองให้ ซึ่งฉันก็รับไว้แบบงงๆ

 

แคคตัสชักสีหน้าเล็กน้อย ไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้ 

 

“เออ ทราบซึ้งพระคุณฉันด้วยล่ะ ยัยชาเย็น”

 

“ข…ขอบใจ” 

 

ถึงจะน่าหงุดหงิด แต่ก็ติดหนี้เค้าแล้วจริงๆ 

 

.

 

ซ่าาาา ซ่าาาา ครืนนน

 

ฝนตกหนักกว่าเดิมจนออกไปไหนไม่ได้แล้ว กลายเป็นว่าฉันต้องติดเหง็กอยู่ที่นี่ทั้งคืนกับชายฉกรรจ์ถึง 2 คน 

 

แหม่…ถ้าบอกว่าสถานการณ์ดูดีขึ้น คงแปลกๆ =-=

 

ฉันเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ยกทรงเปียกเลยจำเป็นต้องถอดออก โชคดีที่สวรรค์ยังเมตตาให้กุงเกงลิงของฉันพอใส่ได้และชุดของแคคตัสเป็นเสื้อยืด

โอเวอร์ไซส์ยาวถึงเข่า เนื้อผ้าหนาดูไม่ออกว่าโนบรา ลำบากหน่อยตรงคอเสื้อมันกว้างมากชอบตกไปอยู่ที่ไหล่จนต้องคอยดึงขึ้นตลอด

 

“…” 

 

ทวิตซ์ที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำเพ่งมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า 

 

สายตาอันตรายโลมเลียเหมือนหมาป่าจ้องจะงาบลูกแกะ แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าไม่สบอารมณ์สุดๆ 

 

ร่างสูงเข้ามาประชิด สองมือหนาจับหน้าฉันเชิดขึ้น เพื่อให้ตั้งใจฟังในสิ่งที่เค้าจะพูด ก่อนเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมชวนขนลุก ฉีกยิ้มกว้าง

อย่างน่ากลัว 

 

“ถอดแล้วห้ามคืนเคนะ…ฉันจะเอาไปเผาทิ้ง!” 

 

ถ้าแคคตัสอยู่ตรงนี้ คงบอกว่า 

 

‘ไม่นะ! เสื้อตู!’ 

 

เพราะดูท่ามันจะแพงมากซะด้วย

 

.

 

-เวลา 3 ทุ่ม-

 

(ณ ห้องสภานักเรียน) 

 

แคคตัสนอนเล่นเกมบนโซฟาตัวโปรดบ่นอุบอิบทำลายความเงียบ 

 

“เอาไงต่อ ต้องมานอนเป็นเพื่อนยัยนี่ทุกคืนเลยมะ =-=” 

 

ฉันที่ว่างจัดนั่งทำพรอพฮาโลวีนกับทวิตซ์ ชักสีหน้าใส่แทนคำตอบ

 

 อะไรเล่า - -^ ไม่ได้ขอให้พวกนายมาเป็นเดือดเป็นร้อนด้วยซักหน่อย 

 

“แค่คืนนี้แหละ” 

 

ทวิตซ์ในชุดกางเกงวอมขายาวสีดำ เสื้อฮู้ดกันหนาวแดงของแคคตัสตอบกลับเสียงเรียบ 

 

…แปลว่าพรุ่งนี้พวกนายไม่มาแล้วสินะ? 

 

“จะนอนคนเดียวได้เร้อออ =0=” 

 

แคคตัสพูดจาถากถางด้วยเสียงเหน่อกวนทีน 

 

น่าหงุดหงิดจริงไอ้บ้านี่! -*-

 

“พรุ่งนี้ค่อยไปเคลียร์กับปลาดาว” 

 

พอทวิตซ์เอ่ยชื่อ ‘เธอ’ ขึ้นมา บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไป

 

มือฉันหยุดชะงัก ไม่ยอมขยับทำงานต่อ… 

 

แคคตัสเงียบ นอนตะแคงหันหน้าเข้าชนักโซฟา 

 

ทวิตซ์ถอนหายใจ เขยิบเข้ามานั่งใกล้ขึ้น มืออุ่นประโลมลูบหัวฉันเบาๆ

 

“ช้าหรือเร็วก็ต้องทำอยู่ดี หนีไปตลอดไม่ได้หรอกนะ” 

 

น้ำเสียงอ่อนโยนเสียดแทงใจ 

 

“…ฉันรู้” 

 

และคงทำได้ดีที่สุดเพียงตอบกลับอย่างแผ่วเบาเท่านั้น

 

“ถ้าคิดทำร้ายกันจริงๆ คงไม่จบที่ข่าวปัญญาอ่อนแค่นั้นหรอก” 

 

คำพูดเขาจุดประกายความหวังริบหรี่ 

 

“ฉันโกรธที่ยัยนั่นมีอะไรไม่ยอมบอก จนทำเธอเจ็บมากกว่า”

 

เป็นประโยคบอกเล่าที่ทำให้รับรู้ว่าผู้ชายคนนี้แคร์ฉันมากจริงๆ 

 

“ขอบคุณนะ” 

 

เป็นครั้งแรกที่ฉันกล่าวขอบคุณ พร้อมมอบรอยยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ แม้มันจะดูเศร้าไปสักหน่อย

 

“เออใช่! ข่าวแม่งโคตรปัญญาอ่อนเลย เห็นทีแรกอย่างฮาอะ!” 

 

ไอ้แว่…เอ้ย แคคตัสโพล่งทำลายบรรยากาศซาบซึ้ง 

 

“แต่พอคิดได้ว่ามันอาจส่งผลกับนโยบายที่ทำอยู่ ฉันเลยรีบวิ่งหน้าตั้งมาบอกนี่แหละ”

 

“นายก็ฉลาดเหมือนกันหนิเค ^^” 

 

ชมอย่างไรให้เหมือนหลอกด่า อีตาทวิตซ์มันเล่นเพื่อนอีกแล้ว - - ละดูเหมือนเจ้าเพื่อนโง่ที่มัวแต่เหลิงหัวเราะแฮะๆ จะไม่รู้ตัวซะด้วย 

 

นั่นสิ…ทีแรกฉันไม่คิดว่าข่าวฉาวพวกนั้นจะเป็นปัญหา เพราะคนส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบขี้หน้าฉันอยู่แล้ว 

 

แต่มาคิดดูดีๆ เป็นถึงประธานนักเรียนและอีฟ ดันแหกกฎพาผู้ชายขึ้นห้อง แถมแอบเลี้ยงแมวส้ม หากถูกปลดจากตำแหน่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก 

 

และถ้าโดนเด้งขึ้นมา ข้อตกลงทั้งหมดจะถือเป็น ‘โมฆะ’ รึเปล่า?

 

“ไม่ต้องห่วง เรื่องนั้นฉันคิดวิธีแก้ไว้แล้วล่ะ” 

 

ใบหน้าสวยผลิยิ้มอย่างมั่นใจ ลูบหัวฉันป่อยๆ ปัดเป่าความกังวลให้หายวับ 

 

“เธอห่วงแค่เรื่องปลาดาวก็พอ”

 

“อื้ม”

 

.

 

-เที่ยงคืน-

 

(ณ ห้องสภานักเรียน)

 

ครืนนน!!!

 

ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นบนโซฟากลางดึกเพราะเสียงฟ้าร้อง 

 

หนาวจัง…พอฝนตกไม่มีหมอนกับผ้าห่มอุ่นๆ แถมโนบราแบบนี้ รู้สึกเหมือนจะเป็นหวัดเลย

 

“นอนไม่หลับหรอ?” 

 

เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มที่นอนหนุนกระเป๋าล่างโซฟาเอ่ยถาม

 

 “อืม” 

 

ฉันตอบกลับสั้นๆ งัวเงียตามประสาคนเพิ่งตื่น พยุงตัวนั่งปาดขี้ตา 

 

ฉันเป็นพวกตื่นแล้วหลับยากด้วย คืนนี้คงไม่ได้นอนง่ายๆ

 

ทวิตซ์ย้ายมานั่งข้างๆ กลิ่นสวนดอกไม้หอมหวนปนกลิ่นฝนกับกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจากเสื้อผ้าแคคตัสที่ฉันไม่คุ้นเคยไหลผ่านปอด

 

ใกล้จัง…แทบจะสิงฉันแล้วเนี่ย! 

 

ในห้องมืดสนิท มีเพียงแสงสลัวจากเทียนเหลืองบนโต๊ะทำงาน ฉันเลยสังเกตเห็นหน้าเขาไม่ชัดเท่าไหร่ แต่สัมผัสได้ชัดเจนถึงหลังมืออุ่นๆ ที่เอื้อมมา

แตะหน้าผากและไล่เลียงตามแก้มซ้ายขวาเพื่อตรวจวัดอุณภูมิ 

 

“ตัวเธอเย็นจัง” 

 

เช่นเดียวกับทุกครั้ง คนเอาแต่ใจถือวิสาสะดึงตัวฉันเข้าไปกอดไว้แนบแน่นจนช็อคตื่นเต็มตา O////O 

 

ทั้งสัมผัสอบอุ่นและกลิ่นหอมจากตัวเขาทำให้ฉันแทบคลั่ง 

 

ถะ ถ้านายจะทำแบบนี้! ฉันขอหนาวตายดีกว่า!!!

 

“…”

 

ทวิตซ์แน่นิ่งไป ได้ยินเพียงเสียงฝนพรำและหัวใจเต้นระรัวที่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร

 

“…ชักโมโหจริงๆ แล้วนะ” 

 

ท่ามกลางความเงียบงัน เสียงเย็นเยียบทุ้มต่ำทำเอาขนลุกวาบ 

 

“ไม่ได้ใส่อะไรเลยหรอ…”

 

นิ้วเรียวลากไล้ไล่ตามแผ่นหลังเบาๆ จนรู้สึกเสียวซ่าน

 

ไม่นะ…เค้าต้องรู้แน่ๆ ว่าฉันโนบรา!

 

“…อื้อ!” 

 

สองมือเล็กพยายามผลักร่างกำยำออก พร้อมส่งเสียงแข็งขืนในลำคอ แต่การกระทำทุกอย่างกลับไร้ผลเหมือนกำลังต่อสู้กับหินผา ซ้ำยังถูกกอดรัด

แน่นกว่าเดิม

 

“ไม่ชอบเลย มีแต่กลิ่นผู้ชายคนอื่น…” 

 

สันจมูกโด่งคมโลมไล้ไซร้ซอกคอลามไปถึงไหปลาร้า ลมหายใจร้อนรุ่มแผ่ซ่านจนร่างกายลืมความหนาวเหน็บ หัวใจของฉันทำงานหนักมากจนเริ่ม

แสดงอาการหอบถี่ ริมฝีปากจึงเผยอขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยหายใจและเผลอปล่อยเสียงครางเบาๆ ออกมา

 

“ชู่ เดี๋ยวเคตื่น…” 

 

ทวิตซ์ส่งเสียง ‘ชู่’ กระซิบข้างหูอย่างเย้ายวนซุกซน 

 

ไอ้ความรู้สึกราวกับกำลังแอบทำเรื่องไม่ดีต่อหน้าคนอื่นแบบนี้มันอะไร…?

 

ปลายนิ้วโป้งอุ่นกดปาดริมฝีปากอวบอิ่มของฉัน ก่อนที่ริมฝีปากร้อนฉ่าจะทาบทับลงมาอย่างนุ่มนวลหลอมละลายทุกสิ่ง ส่งผลให้ร่างกายและสมอง

อ่อนยวบไร้แรงต้าน 

 

หัวใจฉันเต้นระรัวเป็นกองชุดเหมือนพร้อมจะกระดอนออกจากอก เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่ฉันสัมผัสได้ผ่านฝ่ามือที่วางทาบบนอกแกร่ง

 

จูบของเขาช่างเย้ายวนและเจ้าเล่ห์ ทวิตซ์ถอนริมฝีปากออกอย่างเนิบนาบและกดมันลงอีกครั้ง ก่อนบีบเม้มเบาๆ เพื่อกระตุ้นให้จูบตอบ 

 

ฉันหลงอยู่ในวังวนของรสจูบแสนหวาน หลับตาปล่อยใจตอบสนองตามสัญชาตญาณ ยอมให้เขาลุกล้ำยัดเยียดรสสัมผัสอ่อนนุ่มเข้ามาได้ตามใจชอบ

 

 “…อืม” 

 

ฉันเริ่มส่งเสียงครางแปลกๆ ออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มือจิกกำเสื้อเขาไว้แน่น เอวบางถูกมือหนาบีบรัดประคองไว้ ส่วนมือข้างนึงของเขาที่ลูบไล้ตามต้น

ขาก็เริ่มซุกซนขึ้นทุกที 

 

ลมหายใจหอบปะทะ ร่างกายที่เคยเย็นเฉียบร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ เหมือนใกล้ถึงจุดปะทุ…ก่อนอะไรจะเลยเถิดไปกว่านี้ ร่างสูงก็ค่อยๆ ถอนจูบออกอย่าง

อ้อยอิ่ง

 

“…มากกว่านี้ ฉันหยุดไม่ได้แน่” 

 

น้ำเสียงกระซิบยั่วยวนปนหอบกระเส่าทำให้เขาดูเซ็กซี่เป็นบ้า 

 

ปลายนิ้วเรียวทะนุถนอมช่วยปาดเช็ดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าอยู่พักนึง  ก่อนประทับจูบสุดท้ายของค่ำคืนกลางหน้าผาก

 

“เธอนอนเถอะ" 

 

พูดจบเขาก็ถอนตัวลงไปนอนจุมปุ๊กที่เดิมแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย 

 

ส่วนฉันยังว้าวุ่นและกู่ร้องตะโกนในใจใส่ไอ้โจรขโมยจูบแรกว่า

 

 ‘ใครมันจะไปหลับลงกันเล่าตาบ้า!!!’ 

 


 

(จบตอน)

 

แมรี่โกลด์; ความริษยา, แสงสว่างนำทางสู่ความสุขและความสำเร็จ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา