The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  26 บท
  1 วิจารณ์
  1,961 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) -แมรี่โกลด์-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
-Whan sides-
 
ฉันมักแอบมองแผ่นหลังกว้างของหนุ่มเรือนผมเงินอยู่เสมอ…
 
เขามีรอยยิ้มสดใสราวฤดูใบไม้ผลิที่พร้อมจะแจกจ่ายให้ทุกคนอย่างง่ายดายเหมือนลูกกวาด
 
เสียงนุ่มนวลไพเราะ ใบหน้าสวยหวานเหมือนผู้หญิง ตรงข้ามกับนิสัยดื้อด้านและเจ้าเล่ห์
 
ดวงตาสีแซฟไฟร์เปล่งประกาย ‘ช่างงดงาม’ 
 
ฉันรู้ดีอยู่แล้ว ว่าเป็นได้แค่เพียงแมลงหน้าโง่อีกตัวที่หลงทางในสวนดอกไม้ต้องสาป
 
ถึงอย่างนั้น…ก็ยังไม่อาจหักห้ามใจได้เลย
 
.
 
“ได้มาแค่นี้เองหรอ?” สายตาของฉันเหยียดมองสิ่งมีชีวิตหน้าโง่ไร้ประโยชน์ ที่ทำอะไรไม่เคยได้ดังใจ
 
…ช่างน่าหงุดหงิดเหลือเกิน
 
“โอ๊ย!”
 
ไม่ต้องถึงมือฉัน ผู้หญิงในกลุ่มคนนึงก็เข้ามาจิกกระชากหัวยัยยาจกนั่น เพื่อลากไปสั่งสอน
 
“ไม่ตั้งใจทำแบบนี้…เธออยากอยู่คนเดียว ให้ไอ้พวกป่าเถื่อนนั่นปู้ยี่ปู้ยำนักรึไง ยัยร่าน!?” 
 
เสียงหวีดตะคอกหนวกหูน่ารำคาญ 
 
ฉันนั่งเล่นมือถือต่อไม่สนใจว่าใครจะเป็นตายร้ายดียังไง ปล่อยให้พวกชั้นต่ำจัดการกันไป 
 
…แต่จู่ๆ ก็มีความคิดสนุกๆ ผุดขึ้นมาในหัว
 
“เห็นว่ายัยประธานหน้ามุ่ยนั่น ชอบเธอนี่นา” 
 
ฉันลุกออกจากที่นั่งประจำฉีกยิ้มกว้าง เดินไปกระชากคอเสื้อยัยผู้หญิงซอมซ่อหัวกระเซิงให้เข้ามาใกล้ขึ้น เพื่อจ้องมองปฏิกริยาของเหยื่อชัดๆ
 
ร่างบางหอบหายใจถี่ตัวสั่นระริก สายตาหวาดหวั่นเต็มไปด้วยความกลัวราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ ริมฝีปากบางบีบเม้มแน่นจนใบหน้าบิดเบี้ยวน่าขยะแขยง
 
อืม…แต่ฉันไม่สนหรอก
 
“น่าสนุกดีนะ…ถ้ายัยนั่นมีข่าวฉาวว่อนโรงเรียน เพราะ ‘เพื่อน’ อย่างเธอ!” 
 
พูดแค่นี้นังโสโครกที่พยายามกลั้นน้ำตามาตลอดก็ทำตัวสำออยใส่ สะอึกสะอื้นร้องไห้ใหญ่โต ทำเอาฮาจนกลั้นขำไว้ไม่ไหวเลยล่ะ 
 
“คิก ร้องไห้หรอ? ถามจริง? ทุเรศจัง”
 
-The end of Whan sides-
 
 
ฉันกลับมาที่หอในสภาพร่างไร้วิญญาณ ตั้งใจว่าจะเก็บเสื้อผ้าหนีไปนอนที่อื่นซักพัก เพราะอยู่ต่อไม่ไหวจริงๆ 
 
ฉันรู้ตัวดีว่าตัวเองเปราะบางแค่ไหน โดยเฉพาะเรื่องเพื่อน ที่ผ่านมาถึงพยายามไม่สุงสิงกับใคร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก
 
จะโทษว่าเป็นความผิดของทวิตซ์ที่ทำให้ฉันกับปลาดาวสนิทกันก็ไม่ใช่ จะโทษปลาดาวที่ตัดสินใจทำร้ายฉัน เพราะอะไรไม่รู้ คงไม่ได้เหมือนกัน 
 
ฉะนั้น โทษฉันเถอะนะ ที่เปิดใจรับคนอื่นเข้ามา
 
คิดว่าฉันจะโกรธหรอ? เปล่าเลย…จะบอกอะไรให้ฟัง ฉันน่ะโกหกเก่งที่สุดในโลกเลยล่ะ 
 
โกหกแม้กระทั่งตัวเอง…
 
ฉันมักทำเป็นไม่พอใจ หงุดหงิด โมโห เวลามีใครทำอะไรไม่ถูกใจอยู่เสมอ แต่เอาเข้าจริง ฉันมันเป็นแค่ยัยโง่ ที่ไม่เคยเกลียดใครได้ลงเลยซักครั้ง
 
ขืนยังฝืนอยู่ห้องนี้ต่อไป ฉันคงยกโทษให้เธอและทำให้ตัวเองต้องเจ็บอีกแน่
 
ฉันไม่ได้ ‘เข้มแข็ง’ แบบที่เธอคิด 
 
จึงไม่มีวิธีไหน ที่เหมาะกับคนอ่อนแออย่างฉันไปมากกว่า ‘การหนี’ อีกแล้ว
 
ทันทีที่เท้าก้าวพ้นธรณีประตู สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่เดินมาส่ง ยังคงยืนรออยู่ที่เดิม
 
“ทำไมยังอยู่อีก?” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแผ่วเบาเหมือนพึมพำกับตัวเอง
 
ดวงตาสีครามทอดมองฉันอย่างโล่งใจ ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มบางเบา ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลกว่าปกติ
 
“ฉันรู้ว่าเธอต้องกลับมา”
 
เพราะแบบนี้เขาถึงได้ไม่บอกลาสินะ…
 
แม้ไม่ได้คาดหวัง แต่พอเจอเขายืนรอท่ามกลางความมืด มันกลับทำให้รู้สึกใจฟูขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
 
แต่ประโยคที่เขาพูดต่อจากนี้นี่สิ ช่างยียวนกวนประสาทเหลือเกิน 
 
“โกหกน่า! จะไปรู้ได้ไง ไม่มีพลายกระซิบซักหน่อย” 
 
ทวิตซ์ฉีกยิ้มกว้างแจกความสดใส สองมือหนายีหัวฉันเล่นอย่างหมันเขี้ยว 
 
“ปล่อยนะ!” ฉันตะเบ็งเสียง ปัดมือออกในทันที พิสูจน์ว่าปฏิกริยาป้องกันตัวยังทำงานได้ดีอยู่
 
เจ้าชายดอกไม้เค่นเสียงหัวเราะสนุกสนานอย่างทุกที ก่อนจูงมือเดินนำไปโดยไม่ไถ่ถามจุดหมาย ราวกับอ่านใจฉันออก
 
“ไปกันเถอะ”
 
.
 
ซ่าาาา
 
ระหว่างทางฝนไล่ช้างดันตกลงมาซะได้ เทวดาท่านคงหลั่งน้ำตาให้ฉันสินะ ช่างน่ายินดีเสียจริง 
 
แต่ประทานโทษ! คราวหน้าช่วยร้องให้มันถูกเวลาหน่อยได้มั้ย? เสื้อผ้าที่เตรียมมาเปลี่ยนเปียกหมดแล้วเนี่ย!
 
เทวดาเจ้าขา อยากให้ฉันแก้ผ้านอนผึ่งลมนักรึไง! =*= 
 
ไม่รู้แหละ ตอนนี้ฉันรู้สึกหงุดหงิดสุดๆ ฉันจะด่าเทวดา ด่าโชคชะตา และจะด่าผีในตึกสภานักเรียนด้วย! ถ้ามันยังกล้าโผล่หน้ามาหลอกฉัน!
 
เดาว่าทุกคนคงทายถูกกันหมด ถึงจะยากลำบากวิ่งฝ่าฝนตกหนักจนแทบมองทางไม่เห็น แต่ทวิตซ์ก็พาฉันมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ 
 
‘ห้องสภานักเรียน’ เซฟโซนตลอดกาลของฉัน 
 
กลางคืนไฟทั้งตึกปิดมืดเหมือนหนังสยองขวัญ กว่าจะเดินถึงห้องได้ต้องพึ่งแสงไฟฉายริบหรี่จากมือถือ โชคดีที่ในห้องยังพอมีเทียนเหลืองที่ใช้จุดในงานบุญต่างๆ เหลืออยู่บ้าง คืนนี้เลยไม่ต้องนอนด้วยกันท่ามกลางความมืด
 
เดี๋ยวนะ…! นี่ฉันลืมอะไรไปรึเปล่า? นอนด้วยกันหรอ?!! ไม่เอ๊า!~ >\\\< 
 
แบบนี้ก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้เลยน่ะสิ!
 
“ฮู่ว…ซวยจริง” เสียงพ่นลมหายใจตัดพ้อดังมาจากฟากนึงของห้อง 
 
นั่นควรเป็นคำพูดฉันมากกว่าย่ะ! >o<
 
ฉันเพิ่งตระหนักได้ถึงสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าภูตผีใดๆ บนโลก หันไปมองหนุ่มหล่อหุ่นแซ่บเว่อร์ 
 
ตอนนี้เขากำลังถอดเสื้อเชิตสีขาวเปียกชุ่มออกมาบิดให้แห้ง ถึงจะไม่เคยเห็นอกเปลือยเปล่าชัดเต็มสองตา แต่พอคาดเดาได้ว่า ต้องหุ่นดีมากแน่ๆ ซึ่งไม่ผิดคาดเลยแม้แต่น้อย
 
ภาพตรงหน้าฉันคือหนุ่มหน้าสวยสูงชะลูดสุดเซ็กซี่ เส้นผมเงินเปียกชุ่มโลมไล้ตามใบหน้างาม ตั้งแต่ไหปลาร้าลามลงมาจนถึงหน้าท้องอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อลีนๆ ขาวเนียนแสนเย้ายวน มันวาวด้วยหยดฝนพร่างพรม ท่ามกลางแสงไฟสลัวยิ่งขลับให้เห็นแสงเงารูปทรงชัดเจน
 
ฉันได้แต่ตั้งคำถามในใจที่กำลังเต้นระรัวว่า ซิกแพ็คแน่นปั่กขนาดนี้ มันใช่หุ่นเด็กมัธยมแน่หรอ?
 
“…อึก” 
 
ซวยละ! ฉันเผลอกลืนน้ำลายเสียงดังไปหน่อย เขาจะได้ยินรึเปล่า? >\\\<
 
สายตาสีฟ้าระยิบแพรวพราวจ้องสวนกลับฉับพลัน ตามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แซวถากถาง 
 
“ลามก”
 
…โดนจับได้ซะแล้ว
 
ใบหน้าฉันร้อนผ่าว รู้สึกร้อนรุ่มทั่วทั้งตัวจนลืมหนาว รีบเอามือฮุบปิดปากไว้แน่น ก่อนเบือนหน้าหนีความจริงอย่างขวยเขิน 
 
“นะ นายสิลามก! มาถอดอะไรตรงนี้!!” 
 
ฉันยังมีสปริตเหลือพอให้เถียงกลับ แม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะสั่นไหวซะยิ่งกว่าเปลวเทียนดวงจ้อย
 
“ช่วยไม่ได้ ฉันไม่อยากหนาวตายนี่นา” 
 
เป็นคำตอบที่สมเหตุสมผล แต่ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน!
 
แกร่กๆ
 
“ทำอะไรน่ะ!” ฉันรีบโพล่งถามขึ้นทันที เพราะได้ยินเสียงเหมือนถอดเข็มขัด
 
“ถอดกางเกง” เสียงทุ้มตอบกลับราบเรียบ ไม่รู้สึกรู้สา ทำเอาอดด่าไม่ได้
 
“หน้าด้าน! ยังจะถอดต่ออีกหรอ…!? >\\\<” ฉันตะคอกเสียงใส่สั่นสะท้าน
 
“ก็อย่ามองสิ ยัย-หื่น” ทวิตซ์ใช้น้ำเสียงทีเล่นทีจริง พูดเน้นคำว่า ‘ยัย-หื่น’ อย่างกวนบาทา 
 
ฉันรู้สึกหงุดหงิด! เก็บกด! อัดอั้น! อยากจะกรี๊ดระบายออกมา!!! 
 
แต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเก็บมาด บีบหมัดแน่น กรีดร้องได้เพียงในใจเท่านั้น
 
อร๊ายยยยย…!!!! ทำไมฉันต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วยเนี่ย! >[]<
 

 
ฉันจ้องมองแสงเทียนดวงน้อยแสนริบหรี่ นั่งบิดชุดแต่พอหมาด ท่ามกลางเสียงหยดน้ำและผ้าโบกสะบัดดังพรึ่บพรั่บ พลางท่องบทสวดพาหุงในใจจนจบเล่ม ไม่ใช่ว่ากลัวผี แต่เป็นเพราะต้องอยู่ในห้องสองต่อสองกับผู้ชายเปลือยต่างหาก!
 
“นี่” 
 
ฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อถูกปลายนิ้วเย็นเฉียบจิ้มแก้มเล่น
 
“ฉันจะไปดูมิเตอร์ซะหน่อย ไปด้วยกันมั้ย?” 
 
เหมือนว่าเขาจะจัดการบิดน้ำออกจนพอใจแล้ว ตอนนี้เลยใส่ชุดอยู่…
 
“เฮ้อ…” 
 
ค่อยโล่งอกหน่อย หัวใจเกือบวายขิตเป็นผีเฝ้าตึก 
 
“ไปสิ” 
 
ฉันตอบกลับสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่กลับมามั่นคงอีกครั้ง ก่อนคว้ามือใหญ่ที่ยื่นมาช่วยพยุง ลุกเดินตามร่างสูงไป
 
.
 
ไม่รู้มาก่อนเลยว่า ตึกสภานักเรียนมีห้องใต้ดินด้วย ได้กลิ่นสนิมเหล็กเก่าๆ ฝุ่นคละคลุ้ง อากาศอับชื้นหายใจลำบาก ทางแคบมืดสนิท มีเพียงแสงไฟสลัวส่องนำทาง บรรยากาศตอนนี้ ยังกะหนังหวีดสยองที่อาจมีฆาตรกรถือมีดพร้อมจ้วงโผล่มาได้ทุกเมื่อ
 
ครืนน!!!
 
“กรี๊ดดด” 
 
ฉันกรีดร้องผวา พุ่งไปกอดคนใกล้ตัวอย่างไว
 
“คะ คะ แค่ฟ้าร้องเอง” น้ำเสียงทุ้มที่เคยเสถียรอยู่เสมอ กลับสั่นไหวตะกุกตะกัก
 
“นะ นะ นะ นายก็กลัวหรอ?!” 
 
เหมือนเราแข่งชิงแชมป์ติดอ่าง ขนาดทวิตซ์ยังกลัว >~< หรือว่ามันจะไม่ใช่แค่ฟ้าร้องธรรมดา!! 
 
มีอะไรน่ากลัวมากๆ อยู่ข้างหน้าใช่มั้ย?! TToTT 
 
ผีหรอ! ศพคน! หรือจะเป็นตุ๊กแกตัวใหญ่! หนูตัวเท่าบ้าน!!!
 
ฉันหลับตาปี๋ คิดไปเองต่างๆ นานา จินตนาการปรุงแต่งยิ่งทำให้หวาดกลัว ตัวสั่นระริกกอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม
 
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนร่ายเรียงคำพูดกลั่นออกมาช้าๆ อย่างหนักใจ 
 
“ยัยโง่…เพราะเธอต่างหาก”
 
“…”
 
“ปล่อยก่อนได้มั้ย…ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว…”
 
น้ำเสียงประหม่าจัดทำให้ฉันได้สติ ตื่นรู้ว่ากำลังทำตัวไม่เหมาะสม จึงรีบปล่อยมือที่รัดเอวเขาไว้ ถอนตัวออกจากแผ่นหลังกว้างทันที
 
“ข…ขอโทษ” 
 
ร่างสูงยังคงแข็งทื่อไม่ไหวติง หลังได้ฟังคำขอโทษอ้อมแอ้ม
 
“…”
 
อย่าเงียบสิ! พูดอะไรซักอย่าง แบบนี้ฉันยิ่งรู้สึกหนักใจนะ >-< 
 
นายช่วยหันมาด่าฉันว่ายัยหื่นแบบทุกทีเถอะ!
 
“…เมื่อไหร่เคจะมานะ” ทวิตซ์บ่นพึมพำในลำคอ
 
ทำไมถึงงอแงหาเพื่อนเอาตอนนี้ยะ?
 
“หมอนั่นจะมาหรอ?” ฉันถือโอกาสต่อบทสนทนาทำลายความเงียบ
 
“ถ้าฝนหยุดนะ” 
 
เหมือนบรรยากาศตึงๆ เมื่อครู่เริ่มคลายลงนิดหน่อย ร่างสูงย่างเดินต่อ คว้าจูงมือฉันไปด้วยไม่ห่างตัว
พอถึงมิเตอร์ทวิตซ์ไม่รอช้า รีบสับสวิตซ์ทวงคืนแสงสว่างให้ตึกผี
 
…แต่ทำไมมันยังไม่สว่างซักทีล่ะ? 
 
“เสียหรอ?” ฉันเอ่ยถามอย่างกังวล
 
“แค่ห้องนี้แหละ ไม่ต้องกลัว” ทวิตซ์ตอบสั้นๆ น้ำเสียงเครียดไม่ติดเล่นแบบทุกที ไม่วายพูดปลอบใจฉัน 
 
เพราะเค้ายังประหม่าค้างรึเปล่า? หรือในใจกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่…เดาไม่ออกเลย
 
พอก้าวขึ้นสู่เบื้องบนก็พบกับแสงสว่าง ไฟทั้งตึกกลับมาใช้งานได้ตามปกติ 
 
ค่อยโล่งใจหน่อย…แต่ที่ไม่ปกติคือหนุ่มหน้าสวยข้างฉัน ตานั่นหน้าแดงก่ำยืนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้
 
หวา…น่าแกล้งจัง~ ยังเขินอยู่อีกหรอ? ตั้งแต่รู้จักกัน ยังไม่เคยเห็นเขาหน้าแดงจัดเป็นลูกมะเขือเทศแบบนี้มาก่อน 
ฉันเดินไปหยุดยืนตรงหน้า เพื่อจ้องมองให้ชัดขึ้น…
 
เอ๊ะ หรือจะไม่สบายกันนะ?
 
“อะไรเล่า!” เจ้าชายดอกไม้กดเสียงเข้ม เบือนหน้าหนี สลับบทบาทกลายเป็นผู้ถูกกระทำ
 
“หน้านายแดงแจ๋เลย” ฉันติดสนุกนิดหน่อยที่ได้เห็นคนขี้แกล้งหวั่นไหวซะบ้าง 
 
แต่ประโยคถัดมากลับพลิกเกม เล่นเอาฉันเขินจนไม่กล้าสู้หน้า 
 
“แหงสิ ก็เสื้อเธอมันเปียก…เห็นหมดแล้ว”
 
ฉันก้มดูสภาพตัวเอง พบว่าเสื้อนักเรียนสีขาวบางเปียกโชกจนเผยให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าและบราสีชมพูเด่นหรา 
 
“ทะลึ่ง!!!” 
 
พอรู้ตัว ใบหน้าฉันก็ร้อนผ่าวแดงแข่งกับคนตรงหน้า สองมือพยายามป่ายปิดชุลมุนวุ่นวาย 
 
“เฮ้ยยย~ พวกนายย~” เสียงคุ้นเคยร้องทักจากด้านหลัง 
 
เมื่อมองหาต้นตอก็พบกับชายหนุ่มในเสื้อกันฝน สวมรองเท้าบู้ทยาง มือหนึ่งถือร่มพังๆ ยกโบกทักทายโหวกเหวกมาแต่ไกล
 
…ใครอ่ะ? =o= 
 
ขณะที่ฉันยืนเหม่อมองชายเปียกปอนเดินโซเซเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ร่างสูงข้างกายก็รีบรุดหน้าเอาตัวบังดันฉันหลบด้านหลัง
 
“เหมือนหมาตกน้ำเลยว่ะ” ชายหน้าคุ้นพูดไม่ดูสภาพตัวเอง 
 
“อยากมาเร็วกว่านี้อยู่หรอก แต่ฝนดันตกตอนกำลังออกหอพอดี” เขาปลดฮู้ดกันฝน พลางพูดแก้ต่างไปด้วย ใช้มือยีผมสีดำเปียกปอนเซอร์ๆ 
 
หล่อจัง ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย ผิวเนียนสีน้ำผึ้ง ตาสองชั้นดำสนิทและจมูกโด่งพอประมาณ….แต่หน้าคุ้นมาก 
 
“ใครอ่ะ?” ฉันอดสงสัยไม่ได้จนต้องหลุดถาม
 
หนุ่มหล่อปริศนาทำมือรูปโอเค นาบสวมแทนแว่นตา “ฉันเอง”
 
“อ๋อ! ไอ้แว่น” 
 
ถ้าถอดแล้วดูดีขนาดนี้ นายใส่กลับเข้าไปเหอะ! วุ้ว! เสียดาย นึกว่าเจอหนุ่มหล่อที่ไหน =_=
 
“กวนทีนรึไง? ถังน้ำแข็ง - -*” 
 
เออ! ครบ…ปากสุนัขแบบนี้แหละ ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน
 
ก่อนที่ฉันกับไอ้แว่นจะได้เปิดศึกกันต่อ ทวิตซ์ก็ชิงพูดขัดขึ้นมาก่อน
 
“พอดีเลยเค มีชุดเปลี่ยนมั้ย? ^^;”
 
“มีดิ แต่เอามาชุดเดียวนะ” ไอ้แว่นไม่มีแว่นถอดเสื้อกันฝนออก นั่งงมของในกระเป๋าเป้ 
 
ที่เค้าว่าผู้ชายตอนเปียกฝนจะหล่อขึ้น เป็นความจริงสินะ มีอาหารตาเพิ่มมันก็ดีอยู่หรอก…แต่ยิ่งมองยิ่งหงุดหงิดวุ้ย! ทำไมมันหล่อจัง -*- แบบนี้ก็เรียกไอ้แว่นไม่ได้แล้วดิ 
 
เห็นแก่ความหน้าตาดี ฉันจะกรุณาเรียกชื่อนายซักตอนละกัน ‘แคคตัส’
 
“จะเปลี่ยนหรอ? น่าจะใส่ได้อยู่มั้ง” 
 
แคคตัสส่งเสื้อผ้าแห้งสะอาดให้ทวิตซ์ 
 
เยี่ยมเลย…คราวนี้ก็เหลือฉันเปียกมอมอยู่คนเดียว 
 
“เปล่า ให้ยูแชใส่” 
 
ทวิตซ์ส่งต่อชุดมือสองให้ฉัน ซึ่งฉันก็รับไว้แบบงงๆ
 
แคคตัสชักสีหน้าเล็กน้อย ไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้ 
 
“เออ ทราบซึ้งพระคุณฉันด้วยล่ะ ยัยชาเย็น”
 
“ข…ขอบใจ” 
 
ถึงจะน่าหงุดหงิด แต่ก็ติดหนี้เค้าแล้วจริงๆ 
 
.
 
ซ่าาาา ซ่าาาา ครืนนน
 
ฝนตกหนักฟ้าร้องเปรี้ยงปร้างกว่าเดิมจนออกไปไหนไม่ได้แล้ว กลายเป็นว่าฉันต้องติดเหง็กทั้งคืนอยู่กับชายฉกรรจ์ถึง 2 คน 
 
แหม่…ถ้าบอกว่าสถานการณ์ดูดีขึ้น คงแปลกๆ =-=
 
ฉันเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ยกทรงเปียกเลยจำเป็นต้องถอดออก โชคดีที่สวรรค์ยังเมตตาให้กุงเกงลิงของฉันใส่ได้อยู่ ดีที่ชุดของแคคตัสเป็นเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์ยาวถึงเข่า ผ้าหนานุ่มอบอุ่นดูไม่ออกว่าโนบรา ลำบากหน่อยตรงคอเสื้อมันกว้างมากชอบตกไปอยู่ที่ไหล่ ต้องคอยดึงขึ้นตลอด
 
“…” 
 
ทวิตซ์ที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ เพ่งมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า 
 
สายตาอันตรายโลมเลียเหมือนหมาป่าจ้องจะงาบลูกแกะ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าไม่สบอารมณ์สุดๆ 
 
ร่างสูงเข้ามาประชิดไม่ทันตั้งตัว สองมือหนาจับหน้าเชิดขึ้น เพื่อให้ฉันตั้งใจฟัง ก่อนเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมชวนขนลุก ฉีกยิ้มกว้างอย่างน่ากลัว 
 
“ถอดแล้วห้ามคืนเคนะ…ฉันจะเอาไปเผาทิ้ง!” 
 
ถ้าแคคตัสยืนอยู่ตรงนี้ คงโอดครวญว่า ‘ไม่นะ! เสื้อตู!’ 
 
เพราะดูท่ามันจะแพงมากซะด้วย
 
.
 
-เวลา 3 ทุ่ม-
 
(ณ ห้องสภานักเรียน) 
 
แคคตัสนอนเล่นเกมอยู่บนโซฟาตัวโปรดบ่นอุบอิบทำลายความเงียบ
 
“เอาไงต่อ ต้องมานอนเป็นเพื่อนยัยนี่ทุกคืนเลยมะ =-=” 
 
ฉันที่ว่างจัดนั่งทำพรอพฮาโลวีนกับทวิตซ์ ชักสีหน้าใส่
 
 อะไรเล่า - -^ ฉันก็ไม่ได้ขอให้พวกนายมาเป็นเดือดเป็นร้อนด้วยซักหน่อย 
 
“แค่คืนนี้แหละ” 
 
ทวิตซ์ที่อยู่ในชุดกางเกงวอมขายาวสีดำและเสื้อฮู้ดกันหนาวแดงของแคคตัสตอบกลับเสียงเรียบ 
 
…แปลว่าพรุ่งนี้พวกนายไม่มาแล้วสินะ? 
 
“จะนอนคนเดียวได้เร้อออ =0=” แคคตัสพูดจาดูถูกทำเสียงเหน่อกวนทีน 
 
น่าหงุดหงิดจริงไอ้บ้านี่! -*-
 
“พรุ่งนี้ค่อยไปเคลียร์กับปลาดาว” 
 
พอทวิตซ์พูดชื่อ ‘เธอ’ ขึ้นมา บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไป
 
มือฉันหยุดชะงัก ไม่ยอมขยับทำงานต่อ… 
 
แคคตัสเงียบนอนตะแคงหันหน้าเข้าชนักโซฟา 
 
ทวิตซ์ถอนหายใจ เขยิบเข้ามาใกล้ขึ้น มืออุ่นประโลมลูบหัวฉันเบาๆ
 
“ช้าหรือเร็วก็ต้องทำอยู่ดี หนีไปตลอดไม่ได้หรอกนะ” 
 
คำพูดอ่อนโยนเสียดแทงจนใจเจ็บ 
 
“…ฉันรู้” 
 
และคงทำได้ดีที่สุดเพียงตอบกลับอย่างแผ่วเบาเท่านั้น
 
“ถ้าคิดทำร้ายกันจริงๆ คงไม่จบที่ข่าวปัญญาอ่อนแค่นั้นหรอก” 
 
คำพูดเขาจุดประกายความหวังริบหรี่ 
 
“ฉันโกรธที่ยัยนั่นมีอะไรไม่ยอมบอก จนทำเธอเจ็บปวดมากกว่า”
 
เป็นประโยคบอกเล่าที่ทำให้รับรู้ว่า ผู้ชายคนนี้แคร์ฉันมากจริงๆ 
 
“ขอบคุณนะ” 
 
เป็นครั้งแรกที่ฉันกล่าวขอบคุณ พร้อมมอบรอยยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ แม้มันจะดูเศร้าไปสักหน่อย
 
“เออใช่! ข่าวแม่งโคตรปัญญาอ่อนเลย เห็นทีแรกอย่างฮาอะ!” 
 
ไอ้แว่…เอ้ย แคคตัสโพล่งขึ้นทำลายบรรยากาศซาบซึ้ง 
 
“แต่พอคิดได้ว่ามันอาจมีผลกับนโยบายที่ทำอยู่ ฉันเลยรีบวิ่งหน้าตั้งมาบอกนี่แหละ”
 
“นายก็ฉลาดเหมือนกันหนิเค ^^” 
 
ชมอย่างไรให้เหมือนหลอกด่า อีตาทวิตซ์มันเล่นเพื่อนอีกแล้ว - - ละดูเหมือนเจ้าเพื่อนโง่ที่มัวแต่เหลิงหัวเราะแฮะๆ จะไม่รู้ตัวซะด้วย 
 
นั่นสิ…ทีแรกฉันไม่คิดว่าข่าวฉาวพวกนั้นจะเป็นปัญหาเลย เพราะคนส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบขี้หน้าฉันอยู่แล้ว แต่พอวิเคราะห์ดูดีๆ การที่ฉันเป็นถึงประธานนักเรียนและอีฟ ซึ่งเป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียน แต่ดันแหกกฎพาผู้ชายขึ้นห้อง แถมแอบเลี้ยงแมวในหอ หากถูกปลดจากตำแหน่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
 
แล้วถ้าโดนเด้งขึ้นมา นโยบายทั้งหมดจะถือเป็น ‘โมฆะ’ รึเปล่า?
 
“ไม่ต้องห่วง เรื่องนั้นฉันคิดวิธีแก้ไว้แล้วล่ะ” 
 
ใบหน้าสวยผลิยิ้มอย่างมั่นใจ ลูบหัวฉันป่อยๆ ปัดเป่าความกังวลให้หายวับในพริบตา 
 
“เธอห่วงแค่เรื่องปลาดาวก็พอ”
 
“อื้ม”
 
.
 
-เวลาเที่ยงคืน-
 
(ณ ห้องสภานักเรียน)
 
ครืนนน!!!
 
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนโซฟากลางดึก เพราะเสียงฟ้าร้อง 
 
หนาวจัง…พอฝนตกไม่มีหมอนกับผ้าห่มอุ่นๆ แถมโนบราแบบนี้ รู้สึกเหมือนจะเป็นหวัดเลย
 
“นอนไม่หลับหรอ?” เสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มที่นอนหนุนกระเป๋าล่างโซฟาเอ่ยถาม
 
 “อืม” ฉันตอบกลับสั้นๆ งัวเงียตามประสาคนเพิ่งตื่น พยุงตัวลุกนั่งปาดขี้ตา 
 
ฉันเป็นพวกตื่นแล้วหลับยากซะด้วย คืนนี้คงไม่ได้นอนง่ายๆ
 
ทวิตซ์ย้ายมานั่งข้างๆ กลิ่นสวนดอกไม้หอมหวนปนกลิ่นฝนกับกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจากเสื้อผ้าแคคตัสที่ฉันไม่คุ้นเคยไหลผ่านปอด
 
ใกล้จัง…แทบจะสิงฉันอยู่แล้วเนี่ย! 
 
ตอนนี้ในห้องมืดสนิท มีเพียงแสงสลัวจากเทียนเหลืองตรงโต๊ะทำงาน ฉันเลยสังเกตเห็นหน้าเขาไม่ชัดเท่าไหร่ แต่สัมผัสได้ชัดเจนถึงหลังมืออุ่นๆ ที่เอื้อมมาแตะหน้าผากและไล่เลียงตามแก้มซ้ายขวาเพื่อตรวจวัดอุณภูมิ 
 
“ตัวเธอเย็นจัง” 
 
เช่นเดียวกับทุกครั้ง คนเอาแต่ใจถือวิสาสะดึงตัวฉันเข้าไปกอดไว้แนบแน่น จนช็อคตื่นเต็มตา O////O 
 
ถะ ถ้านายจะทำแบบนี้! ฉันขอหนาวตายดีกว่า!!!
 
ทั้งสัมผัสอบอุ่นและกลิ่นหอมจากตัวเขา ทำให้ฉันแทบคลั่ง 
 
“…”
 
ทวิตซ์แน่นิ่งไม่พูดอะไรเลยซักคำ ได้ยินแค่เพียงเสียงฝนพรำและหัวใจเต้นระรัว ที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่
 
“…ชักโมโหจริงๆ แล้วนะ” 
 
ท่ามกลางความเงียบงัน เสียงเย็นเยียบทุ้มต่ำทำเอาขนลุกวาบ 
 
“ไม่ได้ใส่อะไรเลยหรอ…”
 
มือใหญ่ใช้นิ้วเรียวลากไล้ไล่ตามแผ่นหลังเบาๆ จนรู้สึกเสียวซ่าน
 
ไม่นะ…เค้าต้องรู้แน่ๆ ว่าฉันโนบรา!
 
“…อื้อ!”
 
สองมือเล็กพยายามผลักดันร่างกำยำออก พร้อมส่งเสียงแข็งขืนในลำคอ แต่การกระทำทุกอย่างกลับไร้ผลเหมือนกำลังต่อสู้กับหินผา ซ้ำยังถูกรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม
 
“ไม่ชอบเลย มีแต่กลิ่นผู้ชายคนอื่น…” 
 
สันจมูกโด่งคมโลมไล้ไซร้ซอกคอลามไปถึงไหปลาร้า ลมหายใจร้อนรุ่มแผ่ซ่านจนร่างกายลืมความหนาวเหน็บ หัวใจของฉันทำงานหนักมากจนเริ่มแสดงอาการหอบถี่ ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยหายใจและเผลอปล่อยเสียงครางเบาๆ ออกมา
 
“ชู่ เดี๋ยวเคตื่น…” 
 
ทวิตซ์ส่งเสียง ‘ชู่’ กระซิบข้างหูอย่างเย้ายวนซุกซน 
 
ไอ้ความรู้สึกราวกับกำลังแอบทำเรื่องไม่ดีต่อหน้าคนอื่นแบบนี้มันอะไรกัน…?
 
ปลายนิ้วโป้งกดปาดริมฝีปากอวบอิ่มของฉัน ก่อนที่ริมฝีปากร้อนฉ่าจะทาบทับลงมาอย่างนุ่มนวลหลอมละลายทุกสิ่ง ส่งผลให้ร่างกายและสมองอ่อนยวบไร้แรงต่อต้าน 
 
หัวใจฉันเต้นระรัวเป็นกองชุดเหมือนพร้อมจะกระดอนออกจากอก เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่ฉันสัมผัสได้ผ่านฝ่ามือที่ทาบอยู่บนอกแกร่ง
 
จูบของเขาช่างเย้ายวนและเจ้าเล่ห์ ทวิตซ์ถอนริมฝีปากออกอย่างเนิบนาบและกดมันลงอีกครั้ง ก่อนบีบเม้มเบาๆ เพื่อกระตุ้นให้จูบตอบ ฉันหลงอยู่ในวังวนของรสจูบแสนหวาน หลับตาปล่อยใจตอบสนองตามสัญชาตญาณ และยอมให้เขาลุกล้ำยัดเยียดรสสัมผัสอุ่นนุ่มเข้ามาได้ตามใจชอบ
 
 “…อืม” 
 
ฉันเริ่มส่งเสียงครางแปลกๆ ออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มือจิกกำเสื้อเขาไว้แน่น เอวบางถูกมือหนาบีบรัดประคองไว้ ส่วนมือข้างหนึ่งของเขาที่ลูบไล้ตามต้นขาก็เริ่มซุกซนขึ้นทุกที ลมหายใจหอบปะทะ ร่างกายที่เคยเย็นเฉียบร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ เหมือนใกล้ถึงจุดปะทุ…ก่อนอะไรจะเลยเถิดไปกว่านี้ ร่างสูงก็ค่อยๆ ถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง
 
“…มากกว่านี้ ฉันหยุดไม่ได้แน่” 
 
น้ำเสียงกระซิบยั่วยวนปนเสียงหอบกระเส่าทำให้เขาดูเซ็กซี่เป็นบ้า 
 
ปลายนิ้วเรียวช่วยปาดเช็ดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าอย่างถนุถนอมอยู่พักนึง ก่อนประทับจูบสุดท้ายของค่ำคืนกลางหน้าผาก
 
“เธอนอนเถอะ" 
 
พูดจบเขาก็ถอนตัวลงไปนอนจุมปุ๊กที่เดิมแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย 
 
ส่วนฉันน่ะหรอ? ยังใจสั่นไม่หาย ได้แต่คิดว้าวุ่นทั้งคืนจนตาค้าง และกู่ร้องตะโกนในใจใส่ไอ้โจรขโมยจูบแรกไปว่า
 
 ‘ใครมันจะไปหลับลงกันเล่าตาบ้า!!!’ 
 
__________________________________________________________________________
 
(จบตอน)
 
แมรี่โกลด์; ความริษยา, แสงสว่างนำทางสู่ความสุขและความสำเร็จ
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา