The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  26 บท
  1 วิจารณ์
  1,927 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) -แคคตัส-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

สุดท้ายฉันก็ลงเอยด้วยการเดินมาห้องสภานักเรียนพร้อมเจ้าชายดอกไม้ นี่ขนาดขึ้นไปเปลี่ยนชุดบนห้องตั้งนาน นึกว่าลงมาคงไม่เจอเค้าแล้ว แต่ไอ้คนหัวดื้อนั่นกลับไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลยแม้แต่มิลฯ เดียว
 
ยิ่งรู้จักฉันยิ่งสงสัย อะไรเป็นแรงผลักดันให้เขาทำถึงขั้นนี้กัน? 
 
ถึงฉันจะสวย แต่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทนความเย็นชาของฉันได้ พวกที่ทนได้ทนดี จากประสบการณ์แล้ว ไม่โรคจิตก็สติไม่สมประกอบ ซึ่งฉันเดาว่านายคงเป็นอย่างแรก - -+
 
“อะไรน่ะ สายตาเร่าร้อนเชียว” ไอ้หน้าสวยที่เดินข้างๆ พูดจายียวนเมื่อหันมาสบตาฉัน
 
ใช่ ร้อนดังกะไฟเยอร์เลยล่ะ ความแค้นที่มีให้นายน่ะ -_-+++
 
“จ้องขนาดนี้…เดี๋ยวท้องหรอก”
 
“ห๊าาา!?” ฉันร้องอุทานเสียงหลง รีบถอยกรูอย่างไวไกลพันลี้
 
นึกแล้วเชียว! อีตานี่มันไว้ใจไม่ได้! ไอ้โรคจิต!!!
 
“เฮ้ย ฉันแค่เปรียบเทียบกับปลากัดเฉยๆ” ทวิตซ์พยายามเอื้อมมือมาทางฉันที่ตั้งท่าหวาดผวาไปแล้วเรียบร้อย
 
“อย่ามาแตะน๊ะ! หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!!” 
 
จะปลากัด ปลาหมอสี ปลาปั๊กเป้าฉันไม่สน!!! >o< นายมันโรคจิต! ต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ!
 
“ทะเลาะอะไรกันหรอ?” เสียงสวรรค์มาโปรด พอฉันหันมองเจ้าของเสียงก็พบว่า เป็นสาวน้อยน่ารักที่เคยเจอกันที่โรงอาหาร…เอ๊ะ ว่าแต่ชื่อไรนะ? =0=
 
ทวิตซ์ถอนหายใจยาวเป็นทางรถไฟ อายุเค้าคงหายไปซัก 50 ปีได้
 
“แฟนฉันกลัวท้อง ไม่รู้ว่าเรียนเพศศึกษามายังไงถึงได้…” 
 
เฮ้ย! เดี๋ยวๆ พูดแบบนี้มันแปลกๆ ป่ะ?! =[]=
 
“พะ พวกเธอไปถึงขั้นไหนกัน?” สาวน้อยคนนั้นทำหน้าช็อค เหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง 
 
นั่นไง! ฉันไม่ได้คิดไปเองคนเดียว >\\\< นายรีบแก้ข่าวเดี๋ยวนี้เลยนะย๊ะ!!
 
ฉันจ้องทวิตซ์ตาเขม็งให้เค้ารีบทำอะไรซักอย่าง แต่สิ่งที่ตานั่นทำน่ะหรอ…
 
หมับ! 
 
ร่างสูงล็อคคอฉันอย่างไว มือนึงประคองหน้าให้หันมาสบตา ก่อนเล่นบทสัปดนต่อ
 
“บอกแล้วไง แค่นี้ไม่ท้องหรอก…”
 
ใบหน้าฉันร้อนผ่าว ตอนนี้เราอยู่ใกล้กันมากจนใจเต้นแรงโครมคราม เพลง ‘Sweet but psycho’ ลอยเข้าหัว 
ปฏิเสธให้ตายก็ยังรู้สึกกร้าวใจอยู่ดี โอ้ยยย ฉันล่ะเกลียดตัวเองจริงๆ >\\\<
 
“ฉะ ฉัน…ปะ ไปก่อนนะ!!” เจ้าหล่อนบอกลาติดอ่าง วิ่งสี่คูณร้อยแบบไม่คิดหันกลับมามอง
 
เออ! เป็นฉันก็คงวิ่ง สภาพฉันกะอีตานี่ตอนนี้ มีแต่กลิ่นเหม็นความรักโชยหึ่ง แถมเจือกลิ่นคาวโลกีจากไอ้บทละครสัปดนนั่นด้วย T T
 
"ปะ ปล่อยได้แล้ว!!” เยี่ยมเลย ฉันถูกสาปให้ติดอ่างไปอีกคน
 
“หืม…ดื้อแบบนี้จะปล่อยดีมั้ยน้า~ ^^” รอยยิ้มร้าย เล่นน้ำเสียงทะเล้น น่าโมโหที่สุดในสามโลก!
 
“เลิกเล่นได้แล้ว! ฉันไม่สนุกด้วยหรอกนะ -*-” คิ้วขมวดผูกปมมองใบหน้าสวยหล่อตาขวาง
 
“ถ้างั้น…อยากให้เอาจริงมั้ยล่ะ?” 
 
เพียงสายตาและน้ำเสียงก็สามารถแปรเปลี่ยนบรรยากาศได้ในพริบตา นั่นคือเวทมนต์ของเจ้าชายดอกไม้ ปีศาจที่ควบคุมทุกอย่างได้ดังใจ ฉันเพิ่งตระหนักเมื่อต้องมนต์สะกดอีกครั้ง
 
ทำไมดวงตาสีน้ำค้างหวานหยาดเยิ้มถึงจ้องมองฉันด้วยสายตาโหยหาขนาดนั้น? ทำไมน้ำเสียงและทุกสัมผัสของเค้าถึงหลอมละลายหัวใจของฉันได้?
 
มีแต่เรื่องไม่สมเหตุสมผล…จึงคิดได้แค่เพียงว่า มันคือ ‘เวทมนต์’ 
 
“ล้อเล่นน่า!”
 
เป็นอีกครั้งที่ถูกปั่นหัว ทวิตซ์ใช้มือใหญ่ยีหัวฉันจนฟูหยองเป็นผีบ้า 
 
“โอ๊ยยย ทำอะไรของนายเนี่ย!!! >O<” 
 
ฉันเชตผมนานมากนะย๊ะ! คิดว่าความสวยมันเสกปึ้งขึ้นมาได้เหมือนความหล่อของนายรึไงห๊ะ!!!
 
“ไม่ท้องก็ดีแล้วนี่~ เธอควรขอบคุณฉันนะ ^0^” ทวิตซ์หัวเราะร่าเหมือนชาตินี้ไม่เคยได้หัวเราะมาก่อน 
 
ฉันชอบที่ดอกไม้บาน แต่ไม่ชอบที่นายยิ้มหน้าบานตอนนี้เลยย่ะ! รู้ไว้ด้วย!! -*-
 
“เลิกล้อได้แล้ว! รู้แล้วย่ะ ว่าแค่จ้องมันไม่ท้อง!! >0<”
 
“เอ…แล้วทำไงถึงจะท้องนะ? ^^” ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มใสซื่อ! >\\\<
 
“กลับไปถามพ่อไป๊!!!”
 
ปั่ก ปั่ก ปั่ก ปั่ก 
 
ฉันระดมหมัดดาวเหนือใส่แขนเค้า
 
“คร้าบ~ ล้อเล่นครับล้อเล่น~” ทวิตซ์ทำท่าทางอารมณ์ดีไม่รู้ร้อนรู้หนาว เดินเอื่อยเฉื่อยสบายใจ
 
จบการเล่าประสบการณ์เดินไปห้องสภานักเรียนด้วยกันไว้แต่เพียงเท่านี้
 
.
 
-เวลา 7 โมงเช้า-
 
(ณ ห้องสภานักเรียน)
 
“ว้าว~ เธอดูน่ารักขึ้นร้อยเท่าเลย! ฉันนี่เก่งจริงๆ~ ^^” 
 
ตกลงชมฉันหรือชมตัวเองยะ? = =
 
แต่ดูผลงานในกระจกแล้ว สวยจริงๆ นั่นแหละ ใครจะไปคิดว่าตานี่จะถักเปียก้างปลาเป็น…มีพี่สาวจริงๆ สินะ
 
สำหรับใครที่กำลังงง ไม่มีอะไรมาก แค่หมอนี่ทำผมฉันยุ่ง เขาเลยอาสาช่วยแก้ให้ ซึ่งผลลัพธ์ออกมาดีเกินคาด
 
“เธอแต่งตัวนานเพราะมัวแต่ทำผมรึเปล่า? คราวหน้าให้ฉันช่วยนะ สนุกดี ^^” พอเห็นรอยยิ้มลำพองใจนั่นแล้ว อยากถามว่า มีเรื่องไหนที่ทำไม่ได้บ้างคะคุณเจ้าชาย? นี่มันแรร์ไอเท็มของสาวๆ ชัดๆ
 
เอาเถอะ คราวนี้ยอมยกโทษให้แล้วกัน - -
 
แอ๊ด~
 
เสียงประตูเปิดออก ปรากฏร่างไอ้แว่นเดินเข้ามา ตานั่นมองฉันแล้วพูดว่า…
 
“หือ? ใครอะ =0=” 
 
ถามจริ๊ง!? ถึงปกติฉันจะทำอยู่แค่ 3 ทรง คือ มัดรวบ มัดครึ่งหัวและปล่อยผม แต่นี่นายล้อเล่นใช่มั้ย?? 
 
…ช่างเหอะ =-=
 
“ฮาย~ เค” ทวิตซ์ยิ้มโบกมือทักทายตาแว่น
 
เคไหน? เคอะไร? เคคุคุ…ไม่เล่นดีกว่า ฉันรู้หรอกน่า ว่าย่อมาจาก ‘แคคตัส’
 
ตาแว่นไม่ตอบอะไร เดินมานั่งที่โซฟาตัวโปรด และยังคงมองหน้าฉันด้วยความสงสัย -*- 
 
เอาจริงดิ ไปตัดแว่นใหม่มั้ย? 
 
“คุยเลยนะ” ทวิตซ์พูดพลางค้นกระเป๋านักเรียนหยิบเอกสารสีชมพูขึ้นมาวางกลางโต๊ะ 
 
หะ? คุยอะไร? เหมือนมีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่รู้ว่า สองคนนี้กำลังจะคุยอะไรกัน 
“เดี๋ยว” ตาแว่นเบรคบทสนทนาไว้ ก่อนหยิบกล่องนมออกมาจากกระเป๋าโยนให้ทวิตซ์ที่นั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้าม 
 
“ฉันไม่อยากติดหนี้ใคร”
 
ถ้าให้เดา…อีตาทวิตซ์คงใช้นมซื้อใจไอ้แว่นเหมือนตอนทำกับปลาดาว 
 
ตานี่มันผู้ใหญ่บ้านตำบลหนองโพรึไง? = = แจกนมเค้าไปทั่วเชียว
 
ทวิตซ์เพ่งกล่องนมชั่วครู่ ก่อนส่งยิ้มตอบกลับ 
 
“ขอบใจ…แต่มันหมดอายุแล้วนี่นา ^^”
 
 วางยาพิษเรอะ? =0=
 
“ฉันจิ๊กของรูมเมทมา กินๆ ไปเหอะ ไม่ตายหรอก” 
 
อี๋~ ฉันก็ว่ากล่องมันดูพองๆ ดีนะตอนโยนไม่ระเบิดใส่หน้าฉัน
 
“อื้ม! จะกินให้อร่อยเลย ^^” <<โกหกชัวร์ล้านเปอร์เซ็น
 
ขณะที่ฉันกำลังเพลิดเพลินกับสงครามนมเย็น จู่ๆ ทวิตซ์ก็ดึงบรรยากาศกลับเข้าสู่โหมดจริงจัง เริ่มร่ายยาวเรื่องนโยบายโรงเรียนสีชมพู
 
“สิ่งที่ต้องทำมี 10 อย่าง แบ่งเป็นนโยบายระยะยาวและงานอีเว้นต์ ก่อนสิ้นเดือนเราต้องทำนโยบายให้เป็นรูปธรรม เพราะต้องเขียนรายงานความคืบหน้าส่ง ผอ. ส่วนอีเว้นต์ใกล้สุดคือ ‘ฮาโลวีน’ ทวิตซ์อธิบายพร้อมเขียนสรุปลงในกระดาษให้ดูอย่างง่ายๆ 
 
“อีเว้นต์ค่อยว่ากัน เดือนนี้เคลียร์นโยบายก่อน” นิ้วเรียวชี้ระบุจุดโฟกัสดึงสายตาจ้องมองลายมือน่าอ่าน 
 
โห…สวยเว่อร์ =o= ลองเป็นฉันเขียนสิ หมอยังอาย
 
[1.ม้านั่งสื่อรัก 2.ถุงคู่ชนรัก 3.หอพักฉิมพลี 4.สถานีบรรเทาทุกข์ใจ 5.เลิฟช็อป]
 
อืม…ชื่อนโยบายยังชวนอี๋เหมือนเดิม =-=
 
“1 เคเคลียร์แล้ว เหลือแค่รอติดตามผล ส่วน 5 ฉันกับยูแชเพิ่งจัดการไป…”
 
“เอ๊ะ?” ฉันอุทานด้วยความสงสัยมองใบหน้าสวยหล่ออย่างฉงน
 
ทวิตซ์หันมายิ้มตอบแว้บนึง “พิงค์ช็อคเชอรี่ ^^” 
 
ชื่อนี้จำขึ้นใจ -*- ทำเอาฉากที่ฉันต้องฝืนกินไอ้เมนูโคตรเลี่ยนนั่นจนเบาหวานขึ้นตาแว้บเข้ามาในหัวเลย นั่นอะนะ ‘เลิฟช็อป’ เดาจากชื่อแล้ว สังหรณ์ใจว่ามันคงไม่จบที่ความทรมานครั้งเดียวแน่ 
 
เหมือนทวิตซ์อ่านใจออก จึงสารยายความบรรลัยให้ฉันฟังเพิ่มพอสังเขป
 
“เลิฟช็อปเป็นนโยบายระยะยาว มีจุดประสงค์เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้าและเพิ่มจำนวนคู่รักในโรงเรียน โดยทางร้านจะออกสินค้าใหม่ทุกเดือน หน้าที่ของเราคือทดลองใช้ โปรโมท รายงานผล”
 
“สู้ๆ ละกัน~ -0-” ไอ้แว่นทำเสียงกวนยียวน เหมือนไม่ใช่ปัญหาของตัวเอง 
 
ย่ะ! ไม่ต้องบอกก็รู้ คนที่ต้องรับกรรมคือฉันกับอีตาทวิตซ์ -*-
 
ทวิตซ์บรรยายต่อ ท่าทางดูสุขุมขึ้น น้ำเสียงหนักแน่นชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็นุ่มนวล ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกกดดันมากเกินไป ถ้ามีอะไรผิดพลาดคงเป็นที่รูปลักษณ์ของเค้าที่มันสวยเนี๊ยบเตะตาซะจนดึงเอาคนฟังหลุดจากสาระสำคัญได้ไม่ยาก 
 
ยกตัวอย่างเช่น ‘ฉัน’ ที่เผลอจ้องหน้าเค้ามากไปจนหลุดโฟกัส
 
“รายละเอียดก็มีเท่านี้แหละ แยกย้ายๆ ^0^” 
 
Smile Maker ยิ้มร่าทยอยเก็บของเข้ากระเป๋า
 
  อ่าว…กรรม =O= จบซะละ
 
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกพ่ายแพ้คนไม่เอาอ่าวอย่างไอ้แว่น เพราะตอนนี้ตานั่นทำหน้าเข้าใจทะลุปรุโปร่งแบบสุดๆ ประหนึ่งเพิ่งบรรลุโสดาบัน
 
 ส่วนฉันน่ะหรอ?….โดนกิเลสครอบงำกลายเป็นบัวจมมิดใต้โคลนตม ไม่รับรู้เรื่องอะไรกะเค้าเลย =-=
 
ไม่ต้องห่วงทุกคน เอาศักดิ์ศรีท่านประธานเป็นเดิมพัน ฉันจะรักษาความสุขุมเยือกเย็นไว้ ไม่ปล่อยให้ใครรู้ว่าโง่แน่ - -b
 
“ไปกันเถอะ~” ทวิตซ์เก็บของเสร็จลากฉันออกจากห้องด้วย 
 
เดี๋ยวก๊อนน…นายจะพาฉันไปต้มยำทำแกงที่ไหนเนี่ย!? =[]=
 
.
 
“…”
 
ทวิตซ์เดินจูงมือฉันมาหยุดตรงหน้าม้านั่งโคตรเสร่อ ติดสติ๊กเกอร์หัวใจสีแดงเท่าฝาบ้าน พร้อมข้อความ ‘Sweet Refill’ อย่าบอกนะว่าไอ้สิ่งนี้คือ ‘ม้านั่งสื่อรัก’ 
 
อี๋! แค่นึกถึงชื่อมันฉันก็แทบอาเจียนออกมาเป็นสายรุ้ง >< ขอล่ะอย่าให้ฉันนั่งตรงนี้เลย พลีสส~ T T
 
ทวิตซ์ทิ้งตัวนั่งลงประเดิมไม่รู้สึกรู้สา ส่งยิ้มหวานให้ฉัน ใช้มือตบที่ว่างข้างกายเบาๆ 
 
รู้เลยทันทีว่าหมายถึงอะไร แต่…
 
(-  ) (  -) (-  ) (  -) 
 
ฉันส่ายหัวด๊อกแด่กฏิเสธ
 
วิ้งง~ 
 
หนุ่มหน้าหวานไม่ยอมแพ้ ใช้ไม้ตายส่งสายตาลูกหมาออดอ้อน สร้างดาเมจรุนแรงบีบหัวใจ
 
มะ ไม่ย่ะ! ไม่นั่ง! ฝันไปเถอะ! น่ารักให้ตายก็ไม่นั่ง!! >o<
 
ฉันสะบัดหน้าหนีเตรียมหมุนตัวหันหลังเผ่น แต่แล้วร่างกายก็เสียสมดุลโซเซ เพราะถูกมือใหญ่กระตุกรั้งข้อมือเพียงเบาๆ
 
“ว๊าย!~” ฉันอุทานเสียงหลงหลับตาปี๋ เตรียมรับแรงปะทะคิดว่าต้องล้มแน่
 
แต่เมื่อลืมตาขึ้นมากลับพบว่า ผลลัพธ์เลวร้ายกว่าล้มหน้าแหกซะอีก O///O 
 
เพราะตอนนี้ฉันดันนั่งอยู่บนตักของเจ้าชายดอกไม้ในท่าโคตรละครน้ำเน่า! o>\\\<o
 
“ค่อยสมกับเป็นม้านั่งสื่อรักหน่อย…” น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูอย่างเจ้าเล่ห์ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
 
ฉันยิ่งเขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ไหน เมื่อกลุ่มนักเรียนที่เดินผ่านทาง เริ่มหยุดมองคนแล้วคนเล่า ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาขัดแม้แต่คนเดียว
 
‘ม้านั่งสื่อรักเป็นจุด Stop Service ให้คู่รักเติมความหวาน เราติดสติ๊กเกอร์ เพื่อให้รู้ทั่วกันว่า ห้ามรบกวนเด็ดขาด’ 
 
จู่ๆ เสียงของทวิตซ์ก็แว้บขึ้นมา…ช่างมหัศจรรย์ ถึงจะหลุดโฟกัสแต่สิ่งที่เขาพูดยังเข้าหัวฉันอยู่สินะ 
 
ตอนนี้ฉันเข้าใจนโยบายนี้อย่างถ่องแท้เลยล่ะ 
 
“ป…ปล่อย” ฉันพูดเสียงอ้อมแอ้มไม่เป็นตัวเอง
 
อยากลุกอยู่หรอก แต่มืออุ่นๆ นั่นเล่นจับเอวฉันไว้แน่นมาก…
 
คิดในแง่ดีเขาอาจกลัวฉันตก แต่ถ้าคิดในแง่ร้าย คงมีเหตุผลนานัปการที่สุดจะบรรยาย
 
“ไม่เอา ฉันชอบท่านี้ ^^” 
 
นั่นเรอะเหตุผล!? =[]=
 
พูดจบคนหน้าด้านก็โอบรัดตัวฉันแน่นขึ้นกว่าเดิม เหมือนจงใจแกล้งให้หัวใจวายตายกันไปข้าง และโน้มใบหน้าคมสวยเข้ามาใกล้มาก จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนกรุ่น
 
อย่ามาปั่นหัวกันเล่นนะย๊ะ!!! > <// คิดว่าฉันจะยอมหรอ!
 
“อร๊ายย!!~”
 
ไม่ยอมก็ต้องยอม เพราะทันทีที่ดิ้น ทวิตซ์ก็ผ่อนแรงลงจนฉันเกือบหงายหลังหัวทิ่ม สัญชาตญาณเอาตัวรอดสั่งสองมือขวนขวายเกาะเกี่ยวสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไว้ให้มั่น
 
“โอ๊ะๆ อย่าดื้อสิ~ เดี๋ยวตกหรอก…” ประโยคแรกคือน้ำเสียงกะล่อนทีเล่นทีจริง ส่วนประโยคหลัง ฉันสัมผัสได้ถึงอันตรายราวกับเป็นลูกไก่ในกำมือ
 
ตอนนี้สองแขนฉันกอดคอเค้าไว้แน่น ตัวสั่นระริกไม่รู้ว่าโกรธหรือกลัว แต่ไม่วายปากดีไว้ก่อน 
 
“ห้ามปล่อยนะย๊ะ!~ ถ้าปล่อยฉันฆ่านายแน่!!!”
 
ทวิตซ์ไม่หวาดกลัวน้ำเสียงสู้ชีวิตของฉันเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังหัวเราะคิกคักชอบใจ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกลั้นขำสุดชีวิต “อื้ม…จับไว้แน่นๆ เลยนะ…ไม่ปล่อยหรอก”
 
เดี๋ยวสิ! แล้วฉันต้องอยู่ท่านี้อีกนานแค่ไหนกันนน TOT
 
.
 
- 5 นาทีต่อมา-
 
ฉันติดเหง็กอยู่ในท่าสวีตวีดวิ้วนั่นอยู่นานสองนาน กว่าอีตาทวิตซ์จะเมตตายอมปล่อยลง
 
ผ่านมาได้ซักพักแล้ว…แต่ฉันยังรู้สึกเขินจนหน้าชาและหายใจติดขัดอยู่เลย เพราะกลิ่นเหงื่อฮอร์โมนผสมดอกไม้อุ่นๆ ของเขายังติดตัว เล่นเอาสติล่องลอยไม่เป็นอันทำอะไรเหมือนโดนของ
 
ต่อจากนี้ ฉันจะจำขึ้นใจ!! ไม่เฉียดใกล้ไอ้ม้านั่งนรกแตกนี่อีกเป็นครั้งที่สองแน่!!! TToTT
 
.
 
หลังหลุดจากม้านั่งสยองมาได้ วิบากกรรมของฉันยังไม่จบเพียงเท่านี้ ทวิตซ์พาวิ่งวุ่นไปตามจุดต่างๆ ของโรงเรียน เพื่อติดใบปลิวโปรโมทซัมติงและสั่งให้ฉันโหลดแอปสีชมพูน่าสงสัยลงเครื่อง โดยอ้างว่าต้องใช้สำหรับนโยบายสุดเสี่ยวอะไรซักอย่าง 
 
สรุปคือ ฉันไม่รู้อะไรเหมือนเดิม = = 
 
เอาจริง รู้แหละว่าต้องจริงจัง ถ้าไม่อยากหมดสิทธิ์สอบ แต่ให้ทำไงได้ เมื่อสมองมันไม่อยากยอมรับสิ่งที่ขัดกับสามัญสำนึกแบบนี้ ง่ายๆ คือ ‘อคติ’ นั่นแหละ
 
ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้องสภานักเรียน ไอ้แว่นแว้บไปทำภารกิจบางอย่าง ส่วนทวิตซ์กำลังง่วนอยู่กับการทำแอปประหลาดนั่น กลายเป็นฉันที่ล่องลอยไม่รู้จะทำอะไรอยู่คนเดียว เลยงมหาหนังสือในกระเป๋าอ่านฆ่าเวลา
 
ฟุ่บ!
 
O///O
 
จู่ๆ ทวิตซ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ บนโซฟาตัวเดียวกัน ก็ล้มลงหนุนตักฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต เล่นเอาช็อคตัวแข็งทื่อชั่วขณะ
 
“ยุ่งยากจัง…” สายตาสีเงินโฟกัสจอมือถือ เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาจิ๊ปากบ่นอุบอิบ…แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ!
นายรีบลุกออกจากตักฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้บ้ากาม!!! >O< 
 
“นี่!!!” ฉันตะเบ็งเสียงแสดงความไม่พอใจ ในขณะที่ทั้งหน้าแดงก่ำ 
 
ภาวนาให้เค้าคิดว่าฉันโกรธจนหน้าแดงละกัน
 
ทวิตซ์เลื่อนสายตาออกจากจอ จ้องหน้าฉันแล้วผลิยิ้ม เพียงแค่นั้นฉันก็รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกจนต้องยกหนังสือบังหน้า…
 
เป็นเพราะยังไม่ชินหน้ามุมนี้รึเปล่า? ถึงได้โดนดาเมจไปเต็มๆ >\\\< 
 
ไม่ยุติธรรม! ทำไมถึงมีแค่ฉันที่หวั่นไหวอยู่คนเดียวตลอด!?
 
“ฉันหนัก…” ฉันพยายามพูดหาเหตุผลให้เค้ายอมลุกออกไปง่ายๆ โดยไม่ถูกจับได้ว่าแอบใจสั่นกับการกระทำบุ่มบ่ามของเขา
 
“ไม่ชอบหรอ?” แม้ตอนนี้จะมองไม่เห็นใบหน้ายียวนนั่น แต่พอเดาได้จากน้ำเสียงว่า เขากำลังปั่นหัวฉันเล่นอีกแล้ว
 
หนังสือเล่มบางที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันเดียว ถูกปลายนิ้วเรียวดึงออกง่ายดาย ทำให้เราต้องสบตากันอย่างเลี่ยงไม่ได้
 
 “…แต่ฉันชอบนะ”
 
ตึกตัก… ตึกตัก… ตึกตัก…
 
เพียงน้ำเสียงแผ่วเบาแทบกระซิบ…แค่สายตาสบประสานเพียงเสี้ยววิ และกลิ่นหอมเจือจางกับไออุ่นที่เกิดจากความใกล้ชิด ทำไมถึงทำให้ใจเต้นกันนะ…?
 
“ลูบหัวหน่อยสิ ถ้าเธอทำฉันจะยอมเป็นเด็กดี ^^”
 
กี่ครั้งแล้วที่เค้าเล่นกับใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้จักหลาบจำซะบ้างเลย…
 
ฉันค่อยๆ เอื้อมมือไปสัมผัสเส้นผมสีเงินอ่อนนุ่มอย่างแผ่วเบา 
 
…ทำแบบนี้แล้ว นายจะยอมลุกสินะ?
 
ดวงตาคู่สวยปิดลงอย่างผ่อนคลาย เวลาหลับตาเขาดูไร้เดียงสาน่าเอ็นดูขึ้นมาเชียว ทั้งอ่อนนุ่ม อบอุ่น ขี้อ้อน เหมือนลูกแมว แปลกดีที่พอได้สัมผัสเขาจิตใจฉันกลับรู้สึกสงบ 
 
เส้นผมนุ่มกว่าที่คิด…ลูบแล้วสบายมือจัง 
 
ฉันเคยคิดว่าทวิตซ์ย้อมผม แต่ดูจากแพขนตาเงินแล้ว น่าจะเป็นสีผมจริง ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงดูเข้ากับเฉดผิวขาวเนียนอมชมพูนั่นนัก จมูกโด่งสวยและริมฝีปากบางได้รูปก็รับเข้ากับทุกองค์ประกอบบนใบหน้าอย่างไร้ที่ติ แม้แต่สันกรามยังดูมีเสน่ห์
 
ธรรมชาติช่างน่าพิศวง ทำไมถึงรังสรรค์สิ่งมีชีวิตที่อันตรายขนาดนี้ขึ้นมากัน?
 
ริมฝีปากสีกุหลาบเผยอขึ้นเล็กน้อย พ่นลมหายใจบางเบา เป็นจังหวะ
 
…หลับซะแล้ว
 
มือของฉันยังคงลูบสัมผัสเส้นผมอ่อนละมุนต่อไป…
 
“…ฉันยังชอบนายอยู่นะ” 
 
เสียงกระซิบแผ่วเบาลอยหายลับตามสายลมราวกับดอกแดนดิไลออน
 
อาจเพราะบรรยากาศพาไป ปากเลยเผลอพูดสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจออกมา…
 
แต่ช่วยลืมมันซะเถอะ เพราะไอ้ความรู้สึกเอาแต่ได้แบบนั้น…จะไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำสองแน่
 

 
ฉันปล่อยให้เจ้าชายนิทราบรรทมอยู่อย่างนั้น แล้วลองเปิดแอปที่เขาโหลดทิ้งไว้ดู ถึงจะเกลียดยังไง ฉันก็หนีจากหน้าที่ประธานนักเรียนไม่พ้นอยู่ดี ศึกษาไว้หน่อยคงไม่เสียหาย
 
อืม…แอปหาคู่ชัดๆ -*- นี่คงเป็นถุงคู่ชนรัก ส่วนตรงนี้ศูนย์บรรเทาทุกข์ใจ 
 
ดูจากสภาพตึกสภานักเรียนแล้ว ฉันว่าจัดศูนย์บรรเทาทุกข์ผีเหมาะกว่า 
 
แต่เอาเถอะ แค่ต้องทำตัวเป็นพี่อ้อยพี่ฉอดตอบปัญหาความรักกับจับคู่ให้นักเรียนผ่านแอปเอง เทียบกับงานเอกสารที่เคยทำไม่คณามือฉันหรอก!! +-+
 
“อื้ม…” ทวิตซ์ส่งเสียงครางงึมงำในลำคอ ลืมไปเลยว่าตานี่ยังหนุนตักฉันอยู่
 
อย่างน้อยตอนนอนก็สงบเสงี่ยม รับมือง่ายกว่าตอนตื่นเยอะ เป็นเหตุผลที่ฉันยังไม่ปลุกเขา
 
…จริงๆนะ! >//< ไม่ใช่เพราะตอนหลับน่ารัก จนทำใจปลุกไม่ลง!
 
โอเค กลับมาโฟกัสงานดีกว่า…เลิกคิดถึงสัมผัสอุ่นๆ น้ำหนักบนตักและใบหน้าหล่อสวยนั่นซะ!
 
ฉันเคลียร์แอปเจ้าปัญหาเพลินจนกริ่งพักเที่ยงดัง ทวิตซ์ตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางอิ่มเอมใจสุดๆ เขาออกไปซื้อข้าวกลางวันมากินด้วยกันที่ห้องสภานักเรียน และช่วยเขียนรายงานส่ง ผอ. ต่อ ส่วนเวลาที่เหลือก็พาติวหนังสือจนถึงเย็น จบด้วยเดินไปส่งหอ 
 
หนึ่งวันพันเหตุการณ์ มีแต่กิจวัตรประจำวันไม่ปกติ แต่กลับรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ความรู้สึกของการได้อยู่ร่วมกับใครซักคนที่ฉันห่างเหินมานาน เป็นแบบนี้เองสินะ…
 
.
 
-19.00 น.-
 
(ณ หอพักหญิง)
 
ก๊อกๆๆๆ
 
ที่เก่าเวลาเดิม = = ยินดีต้อนรับเข้าสู่ช่วง ‘อะไรเอ่ยอยู่นอกห้อง’ 
 
ปิ๊งป่อง~ เจ้าชายดอกไม้ในชุดนอนลายตัดอ้อยกับรองเท้าแตะช้างดาวของเขายังไงล่ะ
 
โอ๊ยยย ฉันจะบ้าตาย! นายจะมาทำอะไรเอาป่านนี้ย๊ะ?
 
ครืด~
 
แน่นอนว่าต้องจำใจลุกไปเปิดอยู่แล้ว - -* ด้วยเหตุผลเดิมๆ นั่นแหละ
 
“เด็กดีๆ~ ^^” มือใหญ่ลูบหัวป่อยๆ ดูจะเป็นการเยาะเย้ยที่ชวนหงุดหงิดซะมากกว่าคำชม - -^
 
“รางวัลนะคร้าบ” ทวิตซ์ยัด ‘ขนมปังสตอเบอรี่’ ใส่มือฉัน 
 
หน็อย -*- คิดจะยั่วโมโหกันรึไงไอ้บ้า! 
 
“ฉันเกลียดสตอเบอรี่!” ต้องให้ย้ำกี่ล้านรอบ 
 
“แต่ฉันชอบนี่นา ^^” 
 
อะไรเป็นเกณฑ์ในการซื้อของฝากของนายมิทราบ? 
 
ฮึ่ย… ไม่สบอารมณ์เลยจริงๆ - -**
 
หนุ่มร่างสูงยิ้มร่าไม่สนใจไฟพิโรจน์ในตาฉัน แถมยังท้าทายอำนาจด้วยการหยิกแก้มเล่นอย่างหมันเขี้ยว
 
คอยดูเหอะ…ซักวันฉันจะเอาสตอเบอรี่ทั้งสวนยัดคอห่านนาย!
 
เล่นกับฉันเสร็จทวิตซ์ก็เดินไปแจกโดนัดกาแฟให้ปลาดาวต่อตามสัญญา พร้อมยื่นข้อเสนอชวนช็อค
 
“สนใจเข้าสภานักเรียนมั้ย?” 
 
“เอ่อ…คือ-”
 
“เรากำลังขาดคน ถ้าสมัครตอนนี้ จะได้รับสิทธิพิเศษไม่ต้องเข้าเรียน แล้วเล่นเกมเยอะแค่ไหนก็ได้ ^o^”
 
“ดีลค่ะ! >o<”
 
+1 สมาชิกสภานักเรียน คุยง่ายเคลมไวปานฟ้าแล่บ -_- อนาคตขายประกันท่าจะรุ่งนะตานี่
 
“ประธานอนุมัติมั้ยครับ? ^^" ทวิตซ์หันมาถามกวนประสาทฉัน 
 
ฉันเคยมีสิทธิ์อะไรแบบนั้นด้วยหรอ? ถึงไม่อนุญาตนายก็ใช้เส้นยัย ผอ.เอาใครเข้ามาก็ได้หนิ
 
…แต่เพราะเป็นคนนิสัยดีแบบปลาดาวหรอกนะ ฉันถึงไม่มีปัญหาอะไร 
 
“อืม” ฉันตอบกลับสั้นๆ
 
เหมือนตอนประชุมล่าสุดจะได้ยินแว่วๆ ว่าขาดคนจริง ถ้าอยากทำไอ้แผนม่านรูดนั่นให้สำเร็จ จำเป็นต้องมีเพิ่มอีกอย่างน้อย 2-3 คน แต่ไม่คิดเลยว่าอีตาทวิตซ์จะเล็งคนใกล้ตัวฉัน
 
หรือว่าที่เข้าหาปลาดาวเพราะตั้งใจทำแบบนี้แต่แรก? แล้วทำไมไม่เข้าไปทักทายตามห้องเรียนปกติล่ะ ต้องมาหาที่หอด้วยหรอ…? ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกหงุดหงิดอีกแล้วแฮะ -*-
 
เป็นอีกครั้งที่มือใหญ่ถือวิสาสะวางบนหัวฉัน ทวิตซ์โน้มตัวลงให้อยู่ในระดับสายตา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนชวนใจละลาย “อย่าหน้ามุ่ยสิ ฉันทำเพื่อเธอนะ”
 
พอได้ยินแบบนี้ หัวใจเจ้ากรรมก็พร้อมกระโจนเข้ากองไฟ ไม่ว่าอะไรที่ออกจากปากเขา ฉันคงยอมเชื่ออย่างไร้ข้อกังขา
 
 เกลียดตัวเองจริงๆ…
 
สองมือเลื่อนประคองหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ร่างสูงจ้องมองได้อย่างถนัด
 
“พอเห็นเธอทำหน้าแบบนี้แล้ว…ไม่อยากกลับเลย” 
 
ดวงตาสีฟ้าอมเทาจ้องตรงมา ทั้งคำพูดและน้ำเสียงออดอ้อนทำใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ ส่งผลให้เลือดสูบฉีดจนใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว
 
โดยไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ ริมฝีปากอบอุ่นก็ประทับลงบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา
 
O////O
 
“นะ นายๆๆ…!” ฉันผงะถอยหลังหนึ่งก้าว ถ้อยคำนับล้านค้างอยู่ในลำคอ สติเตลิดเปิดเปิง พูดติดอ่างตะกุกตะกัก
 
เจ้าชายดอกไม้เผยยิ้มหวานฉ่ำ จ้องมองฉันไม่ละสายตาก่อนกล่าวอำลา
 
“พรุ่งนี้เจอกัน อย่าลืมพาเพื่อนมาด้วยล่ะ ^^”
 
__________________________________________________________________________
 
(จบตอน)
 
แคคตัส; จงสู้ต่อไป ดังดอกแคคตัสที่เบ่งบานท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา