The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
25) -คามิเลีย-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
-Twitz sides-
สายัณห์สวัสดิ์ เรากลับมาเจอกันเร็วกว่าที่คิด…แต่สถานการณ์ตอนนี้ ไม่สู้ดีเท่าไหร่
หยุดเลย ผมไม่มีทางนอกใจยูแช ต่อให้คำว่า ‘เจ้าชู้ประตูดิน’ จะจ่าหน้าตั้งแต่เกิดพร้อมความหล่อ
เรียนศาลที่เคารพ จำเลยรักคนนี้ขอแก้ต่าง ‘ผีผลัก’ เป็นเพียงเหตุสุดวิสัย อันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 มิใช่โดยเจตนา อีกทั้งยัง
ไม่มีส่วนใดในร่างกายสัมผัสกันนอกเสียจากหัวโหม่ง จึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานนอกใจ ขอศาลโปรดพิจารณาพิพากษายกฟ้อง จำเลยทั้งสอง
ด้วย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
สรุปข้อเท็จจริงแบบนี้ พอเก็ทมั้ย?
โอเค มือใหม่หัดร่าง อาจบกพร่องไปบ้าง ขอโอกาสวอนนาบีหน่อยเถอะ
ผมอยากเป็นทนายเพื่อยูแชเชียวนะ เพราะเธอมักสะเพร่าอ่านเอกสารลวกๆ จนอดห่วงไม่ได้
…
‘Swiss Cheese Model’ พระเจ้าจงใจกลั่นแกล้งชัดๆ
ผมมัวแต่คลั่งรักจนลืมของ คู่รักเคปลาดาวแอบหนีไปจู๋จี๋กัน เหลือแต่หวานช่วยผมหามือถือเจ้ากรรมจนเจอ
เกือบรอด ถ้าเธอไม่สะดุดฝุ่นแล้วดึงผมล้มลงโซฟา
อาการกลัวผู้ชายกำเริบ เจ้าหล่อนช็อควิญญาณหลุด โป๊ะเช๊ะ ยูแชขึ้นมาตามพอดี
…พับผ่าสิ! หนังชีวิต
Every cloud has a silver lining (ไม่แปลครับ กำลังหงุดหงิด)
ความทรงจำกลับมาตอนหัวเราชนกัน มวลข้อมูลมหาศาลไหลทะลักเข้าสมองแทบระเบิด ถ้าไม่ใช่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ป่านนี้คงน็อคไปแล้ว
ขออภัย ที่ผมใช้เวลารีโหลดอยู่นาน กว่าจะลุกออกจากท่าล่อแหลมได้
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตลกร้าย
ผมอุตส่าห์หน้าด้านรุกหนัก อยากเร่งจีบเธอให้ติดก่อน 14 กุมภา
เพราะมันคงโรแมนติกมากทีเดียว ถ้าทุกวาเลนไทน์กลายเป็นวันครบรอบของเรา
…เหลืออีกแค่ 5 วันเองแท้ๆ
เฮอะ! เลิก Loser ใครมันจะไปบ้ารอปีหน้า!
คืนนี้แหละเจ้าหญิง เตรียมหัวใจของเธอไว้ให้พร้อม เป้าหมายใหม่สูงกว่ายอดหอคอยเยอะ
ฉันจะพาเธอไปทัวร์ดวงจันทร์!
.
โถ่เอ้ย ท่าดีทีเหลว…
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แป้กสนิท เคาะให้ตายเธอก็ไม่แยแส
แหม่ แม่คุณแกล้งคลุมโปงอย่างเฟค เห็นฉันโง่นักรึไง?
ยัยเจ้าหญิงน้ำแข็งขี้หนาว เคยรู้ตัวบ้างมั้ยว่าพอหลับสนิททีไร เธอน่ะชอบนอนดิ้น จนฉันต้องตื่นมาห่มผ้าให้ทุกที
เมี๊ยว~
อนาถจัง มีแค่น้องแมวส้มนั่งเป็นเพื่อนย้อมใจ
น่ารักดี แต่โทษทีสวีทพี บนจรวดไม่มีที่สำหรับแมว
อืม…เกาะไหล่ฉันแทนละกัน
เอาล่ะ พับเก็บโครงการอะพอลโล่ไว้ก่อน
กึก
คราวนี้ล็อคประตูซะด้วย…
หึ ถึงไม่มีกุญแจสำรองหอหญิง แต่ผมมี นี่ ‘แพลน B’
ป๊อก
ผมใช้ปากเปิดฝาปากกาเมจิก เริ่มมือบอนขีดเขียนกระจก…
ภัยสังคมชัดๆ คิดแบบนั้นอยู่ล่ะสิ
ใครสน เดิมทีการแบ่งแยกหอ ชาย-หญิง และกฎเกณฑ์น่าเบื่อฝืนธรรมชาติของโรงเรียนไทย มันก็ขัดใจผมอยู่แล้ว
หัวขบถแต่จิตใจผมสะอาด เหมือนปากกาด้ามนี้นี่แหละ หมึกฟ้าปลอดสารพิษ ลบออกง่ายหายห่วง
ประโยคแรกหวังว่าเธอคงจำได้…
[ฉันมีแค่เธอคนเดียว]
แล้วก็นะ ยูแช…ฉันไม่เคยชอบความเจ็บปวด แต่ชอบเธอ
[Why don't you trust me?]
ท้อตลอด แต่ไม่ถอย
เข้าใจด้วย เพราะฉันเองก็ยังหึง…
นอนจำศีลแค่ 6 วัน ตื่นขึ้นมาเธอดันมองกันเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แล้วเอาแต่คิดถึงไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้!
ซ่อนดีๆ ล่ะยูแช อย่าให้ฉันหามันเจอเชียว ไอ้คนที่มันกล้าขโมยหัวใจของเธอตอนฉันไม่อยู่!
ถึงอย่างนั้น…
[I believe in you]
เพลงที่อยากมอบให้จากใจ
เพราะแม่มดน่ารักมักเลือกทางที่ถูกต้องเสมอ…
แล้วครั้งนี้ เธอมองเห็นอะไรผ่านลูกแก้วทำนายดวงสีดำสนิทนั่นอีกล่ะ?
[You know me too well]
อนาคตที่ผมทำผิดพลาดเหมือนพ่อสินะ
…
ช่างหัวแม่ง
สิ่งเดียวที่ฉันกลัวคือ ‘ขาดเธอ’ ต่างหาก!
[Nevertheless]
ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต เรื่องดราม่าเชิญดาหน้าเข้ามาเลย
ต่อจากนี้ ฉันจะดับเครื่องชน
และรักเธอสุดขั้วหัวใจ
[I love you to the moon and back]
เอี๊ยดด
ไม่ใช่เสียงเบรกรถ แต่เป็นเสียงเบรกรัก
เวรกรรม…หมึกหมด!
ขัดตาชะมัด ขาดแค่จุด Full Stop (.) ปิดท้าย -*-
เอี๊ยดๆๆๆ
เฮ้อ เปลี่ยนท่ากดมุมไหนก็วืด อย่างว่าแหละ สินค้าลดราคาล้างสต็อกจากเลิฟช๊อป
รู้งี้ผมน่าจะเผื่อ ‘แพลน C’ เตรียมปากกากันเหนียวอีกแท่ง
ติ๊ดๆๆๆ
เสียงเรียกเข้าจากผู้ร่วมอุดมการณ์ ดึงมุมปากยกสูง
รู้เหตุผลที่พระเจ้ารีบตัดจบแล้วล่ะ
My Honeybee คืนนี้เธอต้องนอนหลับฝันดีแน่…
รอรับแรงปะทะจากแพลน C ได้เลย!
-The end of Twitz sides-
.
[ฉันมีแค่เธอคนเดียว
Why don't you trust me?
I believe in you.
You know me too well.
Nevertheless, I love you to the moon and back]
คนบ้าอะไร เขียนหนังสือกลับด้านยังสวยเป๊ะ
“ฮึกๆ…”
ฉันยืนร้องไห้หน้าประตูบานเลื่อน อ่านข้อความสีฟ้าบนกระจกซ้ำๆ
ทวิตซ์กลับไปแล้ว เหลือแค่เพียงสวีทพีน้อยติดกลิ่นสวนดอกไม้ไว้ให้กอดคลายเศร้า…
โชคดีเหลือเกิน ที่ปลาดาวยังจดจ่ออยู่ในโลกของตัวเอง นั่งเล่นเกมสวมหูฟังเฮดโฟนสีชมพู เลยไม่ต้องเป็นกังวลเพราะฉัน
รู้สึกเจ็บในอกจัง…ตอนนี้ในหัวมีแต่คำถามโง่ๆ ผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน
ภาพที่เห็นมันชัดเจนมากนะ ถ้าไม่ได้จูบกัน แล้วมันคืออะไร?
…ฉันเชื่อใจนายได้จริงหรอ?
ก๊อกๆๆๆ!
คราวนี้เสียงเคาะห้องดังรัวๆ มาจากทางประตูหน้า
งามไส้ O_O ผู้คุมหอรึเปล่า?!
แย่แล้ว! ต้องรีบลบข้อความ…!
แกร๊ก
ประตูถูกปลดล็อคด้วยกุญแจสำรองอย่างง่ายดาย
ไม่ทันแล้ว… TTOTT
“…”
“…”
เอ่อ ฉันควรดีใจมั้ย? ที่แขกผู้มาเยือนคือ ‘หวาน’
…
แย่ที่สุด…พอเห็นหน้าเธอตอนนี้ ภาพที่ทั้งสองคนกำลังจูบคร่อมกันก็วกกลับเข้ามาทำร้ายหัวใจอีกครั้ง จนรู้สึกเจ็บชา
“ขอคุยด้วยหน่อยจ้ะ ^^”
รอยยิ้มพริมใจใสกิ๊งของสาวน้อยเดรสขาวน่ารัก เล่นเอาฉันทำตัวไม่ถูก
โดยไม่รอคำตอบ เธอเดินอาดรุกกล้า ถือวิสาสะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง…
‘เผด็จการ มั่นหน้า ไร้้สามัญสำนึก’ นี่คงเป็นสโลแกนของพวกเด็กห้องคิงสินะ
ฉันเบือนหน้าหนีรักษาฟอร์มแกล้งคันตา ทั้งที่จริงกำลังแอบปาดเช็ดคราบน้ำตา
“ขี้แยซะไม่มี”
นั่นสิ ดูโง่จัง…เด็กอนุบาลยังมองออกเลยมั้ง ว่าฉันกำลังร้องไห้
“แม่คนฉลาด เธอคิดว่าฉันกำลังทำอะไรกับทวิตซ์อยู่หรอ?”
น้ำเสียงหวานเย้ยหยัน ช่างขัดกับรอยยิ้มกรีดกว้าง
เธอคงอยากประกาศชัยชนะมากเลยสินะ
ยินดีด้วยแล้วกัน…เชิญรักกันในนรกให้พอใจ
“ออกไป”
เสียงเรียบเปล่งขับไล่ เพื่อปกป้องหัวใจ
“โง่”
คำด่าเหยียดสั้นๆ ดึงสายตาเกรี้ยวกราด ความโกรธพุ่งปรี๊ดทะลุปรอท เข้าแทนที่ทุกอารมณ์
วินาทีนั้น ยอมรับเลยว่า อยากจิกกระชากหัวยัยแบ๊วนี่มาตบๆๆ ให้หนำใจ!
…แต่ไม่!
ฉันกำหมัดแน่นเล็บจิกเนื้อ ขบฟันกรอด กดกลั้นโทสะ
ยุบหนอ… พองหนอ…
แค่ผู้ชายคนเดียว…อย่าลดตัวไปตบหล่อนเด็ดขาด
ในขณะที่ฉันพยามยามปรับลมปราณและเกลี้ยกล่อมตัวเองให้ปล่อยวาง ศัตรูกลับปล่อยหมัดน็อคอารมณ์
คิ้วผูกโบว์ชักสีหน้าขัดใจ ก่อนเปิดผมหน้าม้าสีคาราเมลโชว์หน้าผาก ชี้ให้เห็นหัวโนแดงปูด
“เจ็บจะตาย! ใครมันจะไปมีอารมณ์!”
“…ห้ะ”
ฉันอุทานเสียงหลงงุนงง เพราะเรียบเรียงข้อมูลไม่ทัน
“แค่อุบัติเหตุสะดุดฝุ่น! เลิกมโนเถอะย่ะ…เธออย่ามาดูถูก ‘ทวิตซ์ของฉัน’ น๊ะ!!!”
สาวเจ้าถลึงตา ตะเบ็งเสียงสูงปรี๊ด
ช่างกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำ! เค้าไปเป็นของเธอเมื่อไหร่ย๊ะ!?
หรือว่า…คู่นี้ยังมีซัมติงที่ฉันไม่รู้อีก
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ? ผีผลักหรอ???
“เฮ่อ…!”
หวานถอดถอนใจอย่างหงุดหงิดเหลือทนกับท่าทางเอ๋อเร๋อของฉัน
ยังดีที่อารมณ์ร้ายผ่อนปรนลง เมื่อสายตาสีอำพันคู่สวยเหลือบมองเห็นตัวอักษรสีฟ้าด้านหลังที่ยังลบออกไม่หมด
…
เธอนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนเผยสีหน้าหงิกบิดเบี้ยวไม่เหลือคราบสาวใส เค่นหัวเราะสมเพสกระตุกต่อมโกรธ
“เฮ๊อะ น่าสงสารทวิตซ์…”
ปรมาจารย์ด้านคำสบประมาทใส่ต่อไม่ยั้ง
“ทื่อมะลื่ออย่างเธอ คบกันได้ไม่นานเดี๋ยวก็เลิก!”
อารมณ์หล่อนช่างแปรปรวนพอเหยียดเสร็จ น้ำตาใสก็ไหลอาบนองสองแก้ม ริมฝีปากสวยบีบเม้มเจ็บปวดราวกับเป็นฝ่ายแพ้ ก่อนแร็พยาวร่ายข้อมูล
ซัมติงช๊อตฟีลฉันอ๊องแดรก
“ใน 1 วัน หัวใจสามารถผลิตพลังงานเทียบเท่าขับรถบรรทุก 20 ไมล์ 1 ปี ได้ 7,300 ไมล์ เมื่ออายุเฉลี่ยของมนุษย์อยู่ที่ 70 ปี จึงผลิตพลังงานรวมทั้ง
สิ้น 511,000 ไมล์…”
“อะ… =[]=”
ไอ้ส่วนนี้ก็โคตรเหมือนอีตาทวิตซ์ ยัยซูเปอร์คอมพิวเตอร์เนิร์ดหลุดโลก หล่อนกำลังยัดอะไรเข้าหัวฉันเนี่ย!?
หวานพูดต่อไม่สนใจคนเอ๋อรับประทาน
“ระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์ 238,855 ไมล์ รวม ไป-กลับ 474,470 ไมล์”
กู๊ดบายเวิลด์…วิญญาณฉันหลุดออกจากร่างเรียบร้อย เหลือแค่เพียงกายหยาบยืนสวยงงๆ
แป๊ะ
มือเล็กตบแก้มเบาๆ เรียกสติ
“I love you to the moon and back จึงแปลว่า?!”
“ห๊ะ”
นี่ถามฉันหรอ?
“เขาจะรักเธอจนกว่า…หัวใจสูบฉีดพลังงานหมดตาย”
“…”
จู่ๆ น้ำตาเราก็ไหลออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ต่างคนต่างรีบปาดเช็ด พยายามซ่อนความอ่อนแออย่างน่าอนาถ…
เพี้ยนจริง ใครมันจะไปเก็ท…!
ทำไมถึงไม่พูดแค่คำง่ายๆ ล่ะว่า
‘นายจะรักตลอดไป’
“ฮึกๆ”
โถ่เอ้ย…แล้วจะแข่งกันสะอื้นทำมะเขืออะไร!
…เธอเองก็เพี้ยนไม่แพ้หมอนั่นเลย
แต่ยังไงก็…
“ขอบคุณนะ”
ที่ช่วยนำรอยยิ้มและความหวานละมุนกลับมาอีกครั้ง
สมชื่อ ‘หวาน’
“จิ๊”
ดูจากกริยากุ๊ยจิ๊ปาก เธอคงไม่ยินดีรับไมตรีจิตจากฉัน -_-
พักหายใจได้แป๊บเดียว ดราม่าควีนก็เริ่มแผลงฤทธิ์ หวานลุกพรูดพราดพาลกระชากดึงหูฟังปลาดาว =[]=
“น่าหงุดหงิด! พิการทางสมองรึไง? เพื่อนเธอร้องไห้อยู่ไม่ใช่หรอ!”
อะ โอเค เจตนาดีเป็นห่วงสินะ =o=;;
“T-T”
ปลาดาวน้อยมองหวานน้ำตาคลอ
นี่ ห้ามแกล้งเพื่อนฉันนะ!!!
“หยุด…/ เพราะฉันเชื่อต่างหาก!”
สาวผมเปียพูดแทรกเสียงสั่นเครือใกล้สะอื้น
“คิดว่าฉันไม่รู้หรอคะว่ายูร้องไห้! ยูไม่ชอบให้ใครเห็นตอนอ่อนแอ…แล้วฉันก็เชื่อว่าทั้งคู่น่ะเข้มแข็ง! ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องผ่านไปได้อยู่แล้ว!!!”
น้ำเสียงเล็กตะโกนกร้าว ช่างซาบซึ้งจนฉันต้องเอามือฮุบปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นก้อนใหญ่
ตรงข้ามกับแม่นางหวานที่กำลังครุกรุ่นพร้อมระเบิดเพราะถูกหยาม
“ดีแต่ปาก! ทั้งที่เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง คนอย่างเธอมันก็เป็นได้แค่นังโสโครกที่ยอมให้คนอื่นเยียบย่ำจนวันตาย!”
เหมือนว่าคำหยามนี้ จะไปแตะเรื่องอื่นที่อยู่นอกเหนือจากความเข้าใจของฉัน
วาจาลั่นเปลี่ยนปลาดาวแสนดี กลายเป็นปีศาจโทสะอีกตัว
…ฉันไม่เคยเห็นเธอโกรธขนาดนี้มาก่อน
ผู้หญิงปากร้ายยังไม่วายปั้นยิ้มเยาะ
“ใส่หน้ากากตัวตลก…จะให้ฉันกลั้นขำยังไงไหว”
ชิ้งงงง
สองสายตาเชือดเฉือนน่ากลัวเว่อร์~ >_<
จะฆ่ากันแล้ว! นึกแล้วเชียว คู่คนนี้ต้องมีประเด็น
“อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยร้องไห้เพราะกลัวผี!”
ปลาดาวหยามดุดัน โค่นบัลลังก์มั่นหน้าล้มครืน
“กรี๊ดดด!!!”
หวานยั้งไม่อยู่อีกต่อไป บุกขย้ำหัวใส่เดี่ยว สู้ฟัดนัวเนียเป็นสก๊อยใต้สะพานลอย
=[]=
ฉันตะลึงงันทำตัวไม่ถูก เพราะเพิ่งเคยตกอยู่ในเหตุการณ์เล่นจริงตบจริงแบบ Full HD
กร๊อบ
กรี๊ดด!!! ปลาดาวใช้ยิวยิตสู
หยุดก๊อนหวาน! เดี๋ยวเธอได้ตายจริงแน่~ >[]<
ใช่แล้ว! น้ำๆ น้ำอยู่ไหน๊?!
ม๊าเคยบอกว่าหมากัดกันต้องสาดน้ำ…
ปัง!
ซ่า!
ผู้คุมหอเปิดเข้ามาในจังหวะที่ฉันสาดน้ำใส่พวกเธอพอดี สภาพทุกคนเลยเปียกปอนไม่ต้องรอเดือนเมษา
สถานการณ์ตอนนี้ นิยามได้ 3 คำสั้นๆ
บรร-ลัย-แล้ว T^T
…
“เด็กสมัยนี้นี่มันยังไง พ่อแม่ส่งมาเรียนหนังสือดีๆ ไม่ชอบ ทำตัวถ่อยสถุนกุลีตบกันแย่งผู้ชาย ครูเสียดายอนาคตพวกเธอจริงๆ ดูเอาเถอะ สภานักเรียน
ยังเป็นแบบนี้ ต่อไปเซนต์อคาเดมี่คงมีแต่สก๊อย บลาๆๆๆ”
ครูระเบียบปากจัดมาด Mrs.CrumpleBottom บ่นอืดอาดร่ายยาวครึ่งชั่วโมงจนเกือบหลับ ก่อนสรุปบทลงโทษสั่งให้ไปใช้แรงงานบำเพ็ญประโยชน์ล้าง
ห้องน้ำรวมทั้งหอ
ระหว่างก้มหน้ารับกรรม หวานคุยโวว่าเธอรักการทำความสะอาดมาก จริงๆ จะใช้เส้นยัดเงินอุดปากอีป้านั่นก็ได้ แต่ไม่ทำเพราะอยากหาเรื่องระบาย
อารมณ์อยู่พอดี
พิลึกคน -_- ทีแรกฉันก็คิดว่า แค่โม้กลัวเสียฟอร์มเฉยๆ แต่หลักฐานพิสูจน์คาตา โดยเฉพาะตอนขัดส้วม หวานดูมีความสุขมากฮัมเพลงจบ 10 อัลบั้ม
ได้
อย่างไรก็ตาม ส่วนดีที่สุดของวิบากกรรมในครั้งนี้คือ ปลาดาวไม่กลัวหวานแล้ว บรรยากาศอึดอัดมาคุหายวับ
แม้แอบมีเขม่นชักสีหน้า ทะเลาะกันบ้างประปราย
.
-เช้าวันต่อมา-
“ฮ้าวว~” ฉันอ้าปากหาวบิดขี้เกียจ ร่างกายล้าอ่อนปวกเปียก สภาพโทรมไม่ไหว =-=
เมื่อคืนปาไปตี 1 กว่า นับถือใจปลาดาวจริงๆ ที่เธอนั่งเล่นเกมส์ต่อยันหว่าง แล้วยังเหลือเรี่ยวแรงพอซ้อมยิวยิตสูกะไอ้แว่น
“วิ้ว~”
เสียงผิวปากกะล่อนแซว ดึงสายตาให้หันมองเจ้าของเรือนผมเงินหน้าสวยแจ่มใสเปล่งออร่า
หน็อย หมันไส้! คิดแล้วแค้น!!! >o<
ในขณะที่ฉันขัดส้วมมือเปื่อย ไอ้ตัวต้นเหตุอย่างนายคงนอนหลับฝันหวานอยู่สินะ!
ฉันจงใจเดินสวน ใช้ไหล่ชนกระแทกแขนเขา
พลั่ก!
อูย เจ็บอะ TOT นี่แขนคนหรือเสาหิน ไม่น่าห้าวเลยฉัน
หมับ
แขนแกร่งรั้งคอไว้ โอบกอดแน่นจากด้านหลัง กระซิบเสียงอ้อน
“…มอนิ่ง”
เชื้อคลั่งรักเริ่มระบาด…
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
คนบ้า! แค่ทักทายตอนเช้า ทำไมต้องเล่นกับใจฉันด้วย
“มอนิ่ง”
เสียงแสร้งเย็นชาตอบกลับ
“โกรธหรอ?”
สายลมรุ่มเผาใบหูผสมรวมกลิ่นสวนดอกไม้กระซิบถาม
“…เปล่า”
น้ำเสียงเล็กเริ่มสั่นคลอนออกอาการ
“หึงล่ะสิ”
จอมเจ้าเล่ห์รู้ทัน สรรหาคำไล่ต้อนเหยื่อจนมุม
สภาพฉันตอนนี้ไม่ต่างจากแมวถอดเล็บ
สติขอบายยกธงขาว ปากสั่น หน้าแดง ใจเต้นแรงโครมคราม
งั่ม
“กรี๊ดด~”
ใบหูฉันกลายเป็นของเล่นลับเขี้ยวฮาจิโกะไปแล้ว >\\<
“ฉันจำได้หมดแล้วนะ ยัยขี้จุ๊!”
“อะ…อะไร?”
“เราไม่เคยเป็นแค่เพื่อนกันซะหน่อย!”
ถ้อยคำบอกเล่าบ่นระบายอุบอิบ เร่งสมองขี้เลื่อยรีบปะติดปะต่อชิ้นจิ๊กซอว์ในหัว
เอ๊ะ? หรือว่า…ความจำเค้ากลับมาแล้ว!?
ถ้าอย่างนั้น…โรคหวาดกลัวความรักก็คงกลับมาด้วยสินะ
“…”
ทวิตซ์ซุกสูดกลิ่นแถวซอกคอหอมฟอดใหญ่
แต่ตัวฉันตอนนี้ กลับรู้สึกว่าทุกสัมผัสช่างขมขื่นเหลือเกิน
หัวใจเจ็บเหน็บหนาว สวนทางกับร่างกายรุ่มร้อน ยาพิษหวานอมขมกลืนยังลุกล้ำต่อไม่เลิก
“ปลดบล็อคเบอร์ด้วยล่ะ ถ้าไม่อยากให้ฉัน…”
น้ำเสียงเซ็กซี่ยั่วเว้นวรรคชวนคิดลึก
“…บุกไปบอกรักถึงเตียง”
ตึกตักๆๆๆ!
หัวใจฮึบสูบเฉียดเลือดพลุ่งพล่านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
น้ำตารื้นตื้นตันจ่อคิวรอฉากดราม่า
ฉันไม่ได้หูแว่วไปเองใช่มั้ย?
เขายังกล้า ‘บอกรัก’ อยู่!
“ฉันรักนาย”
ปากกล้าชิงยิงตรงเพื่อพิสูจน์
“…”
อ่าว ไหงอีตาผีเจาะปากดันเงียบกริบเป็นเป่าสาก…
ไม่น๊าา นายยังกลัวความรักอยู่อีกหรอ~ TTOTT
ฉันแกะท่อนแขนแข็งทื่อออก แล้วหมุนกลับไปมองเพื่อเผชิญหน้ากับความจริง
ขวับ
…
ภาพตรงหน้าราวกับฝัน มาร์ชเมลโล่ดริปฟงดูว์สตอเบอรี่ หน้าทวิตซ์แดงจัดไม่ไหว
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
รักเจ้าเสียงหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ตอนนี้จัง
แล้วก็รักนายมากด้วย
“ฉันรัก…”
ปลายนิ้วชี้แตะปิดปากกันซีน
อ่าว ทำไมล่ะ? นึกว่านายชอบฟังซะอีก
“…วาเลนไทน์”
“???”
ฉันทำหน้าอ๊องใส่ไม่เข้าใจ
“ฉันก็รักเธอ…ไว้เราค่อยคบกันวันนั้นได้มั้ย?”
“คิก”
ท่าทีขี้เขินของพ่อหนุ่มไร้เดียงสาตรงหน้าทำฉันอดขำไม่ได้
แหม~ พ่อคนโรแมนติก No.1
น่ารักจัง พอโดนแกล้งซะเอง ตานั่นหน้าแดงบูดมุ่ยเป็นตูดลิงเชียว
ช่วยเลือกซักอารมณ์เถอะเจ้าชาย โกรธ เขิน งอน หรือรัก
“อุ๊บ! อื้อ~”
โอเค…หื่น
ปั่กๆๆ
จูบนายมันก็ดี แทบทำฉันละลายเชียวแหละ…
แต่ช่วยหักห้ามใจหน่อยได้มั้ย!? นี่มันที่สาธารณะนะย๊าาาา >\\\\<
.
-14 กุมภาพันธ์-
Happy Valentine's Day วันนี้ที่รอคอย ก่อนอัพเดทสถานภาพ ฉันขอรายงานภาพบรรยากาศอีเว้นต์ที่พวกเราทุกคนตั้งใจจัดเตรียมก่อนแล้วกัน
งานนี้มาในธีมชมพูคละเฉด จัดใกล้ลานน้ำพุใจกลางโรงเรียน ซึ่งเต็มไปด้วยรูปปั้นฝูงนกฟามิงโก้ ตัดประดับด้วยดอกคามิเลียสีขาวตัวแทนแห่งความ
รักสมบูรณ์แบบ ไร้เดียงสา บริสุทธิ์ และยังสื่อความหมายแสนโรแมนติกว่า ‘ชะตากรรมของฉัน อยู่ในมือเธอแล้ว’ เข้ากับกิมมิคหลักของงานอย่าง เวที
จัดประกวดความสามารถพิเศษ+สารภาพรักปิดท้าย
จุดชมการแสดงติดตั้งเครื่องวัดระดับเสียงเดซิเบลไว้ ผู้ท้าชิงคนใดได้รับเสียงปรบมือมากที่สุด จะได้กิ๊ฟวอชเชอร์ดินเนอร์หรูในห้องวีไอพีของหอพัก
ฉิมพลีฟรีตลอดจนจบการศึกษา
เฮอะ แน่ล่ะ ใครมันจะไปกล้าเข้าร่วม เพื่อแลกกับไอ้ตั๋ว VIP ม่านรูดสุดเสี่ยว ถ้าไม่ใช่พวกเพี้ยน
อ้อ พูดถึงความสัมพันธ์ช่วงนี้…ไฟราคะในตัวเจ้าชายดอกไม้เริ่มมอดแล้ว
อะไรนะ ฟังดูเหมือนลางร้ายหรอ? งั้นฉันขอแก้ตัวใหม่
เขาเปลี่ยนจากยาพิษอันตรายร้อนท้อง กลายเป็นโกโก้อุ่นท๊อปปิ้งมาร์ชเมลโล่หนุบหนับ
ระหว่างเราตอนนี้ หวานกลมลงตัวมากเลยล่ะ >///<
แม้เค้ายังไม่ปริปาก ขอคบกันอย่างเป็นทางการ…
พักเวิ่นเว้อกลับมาโฟกัสงานกันต่อ เนื่องจากแถวเวทีวังเวงเป็นป่าช้า สองนักเรียนห้องคิง หวาน-ทวิตซ์ จึงขออาสาแท็กทีมเล่นดนตรีคั่นเวลา
โชคดีที่ทั้งคู่ชิงเสนอตัวทัน ก่อนไอ้แว่นขึ้นโชว์เถื่อนใช้หัวโหม่งไม้กระดานเลือดอาบ =-=;
อ๊ะ เดี๋ยวนะ นี่ฉันลืมอะไรไปรึเปล่า?
ที่หมอนั่นบอกว่า รอคบกันวาเลนไทน์ หรือว่า…!
ไม่หรอกมั้ง…เขาก็น่าจะรู้ ว่าฉันเกลียดเซอร์ไพรส์เอิกเกริก
…
ร่างสูงนั่งประจำตำแหน่ง ดีดเปียโนเพลงรักในห้วงทำนองแห่งความทรงจำ ซึ่งถูกขับร้องโดยสาวน้อยหน้าหวาน
[Maybe it's the way you say my name]
อาจเป็นวิธีที่เธอเรียกชื่อฉัน
[Maybe it's the way you play your game]
อาจเป็นวิธีเดินเกมของเธอ
[But it's so good, I've never known anybody like you]
แต่ดีนะ ฉันไม่เคยเจอใครเหมือนเธอมาก่อน
[But it's so good, I've never dreamed of nobody like you]
มันก็ดีนะ ไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะได้พบคนอย่างเธอ
…
เสียงใสก้องกระจ่างดั่งไซเรนขับขาน ดึงดูดฝูงชนรายล้อม
ทั้งเนื้อหา แววตา และความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดออกมา เหมือนว่าเธอกำลังสารภาพรักเขา
อะไรกัน…นี่ฉันหึงอยู่หรอ?
…
[And I've heard of a love that comes once in a lifetime]
ฉันเคยได้ยินว่า รักแท้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต
[And I'm pretty sure that you are that love of mine]
และมั่นใจว่า เธอคือความรักของฉัน
…
เสียงทุ้มนุ่มขับร้องท่อนที่เคยข้าม
เมื่อสายตาสบประสาน…ยิ่งทำให้แน่ใจว่า เขากำลังร้องเพลงนี้ให้ฉัน
…
หวานสลับกลับมาร้องอีกครั้ง
[Cause I'm in a field of dandelions]
เพราะฉันอยู่ในทุ่งแดนดิไลออน
[Wishing on every one that you'd be mine, mine]
ภาวนาให้สักวันเธอเป็นของฉัน
[And I see forever in your eyes]
และเห็นคำว่า ‘ตลอดไป’ ในแววตาของเธอ
[I feel okay when I see you smile, smile]
ฉันรู้สึกโอเคแล้วล่ะ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอ
…
ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายทอดมองลึกซึ้ง ก่อนที่เจ้าของเสียงนุ่มนวลจะครอบครองการแสดงทั้งหมดต่อจนจบ
[I think that you are the one for me]
ฉันคิดว่า เธอเป็นคนเดียวสำหรับฉัน
[Cause it gets so hard to breathe]
เพราะมันรู้สึกหายใจลำบาก
[When you're looking at me, I've never felt so alive and free]
เมื่อเธอจ้องมองกัน ฉันไม่เคยรู้สึกมีชีวิตชีวาและเป็นอิสระขนาดนี้มาก่อน
[When you're looking at me, I've never felt so happy]
เวลาที่เธอมองกัน ฉันไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อน
…
น้ำตาฉันไหลออกมาไม่รู้ตัว
“เฮ้ย! ถังน้ำแข็ง ฝุ่นเข้าตาหรอวะ!?”
ช่างหัวไอ้แว่นลูกช่างขัด ตอนนี้มันโดนปลาดาวลากไปไกลแล้ว
อย่าห่วงเลย ความรู้สึกซาบซึ้งไม่มีทางขาดตอน
เพราะนัยน์ตาสีฟ้าสวยคู่นั้น มีพลังดึงดูดฉันให้กลับไปจ้องมองได้เสมอ
…
[I'm in a field of dandelions]
ฉันอยู่ท่ามกลางทุ่งแดนดิไลออน
[Wishing on every one that you'd be mine, mine]
เฝ้าอธิษฐานทุกวัน ให้เธอเป็นของฉัน
…
ตามกฎเมื่อการแสดงจบลง ทุกคนต้องเก็บเสียงปรบมือไว้ก่อน เพื่อรอฟังคำสารภาพรัก…
“ฉันรักนาย! รักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงเปียโน…และจะรักตลอดไป!”
“…”
คำสารภาพรักทรงพลังของหวาน ทำเอาคนทั้งงานอึ้ง รวมถึงฉันด้วย
เจ้าชายดอกไม้คลายยิ้มบาง จ้องมองหญิงสาวบนเวทีด้วยสายตาอ่อนโยน ส่งสัญญาณปางห้ามญาติเบรกเสียงปรบมือไว้ก่อน
“ฉันก็รักเธอนะหวาน”
คำตอบนั้นเกือบทำหัวใจฉันแตกสลาย ถ้าไม่มีประโยคต่อมา
“เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย”
น้ำตาอุ่นไหลอาบแก้มร่างบาง ขัดแย้งกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง
คำสารภาพยังไม่จบเพียงเท่านี้
หนุ่มผมเงินกระแอ้มเสียงใส่ไมค์ สายตาครามเจิดจ้าจ้องมองล็อคเป้าหมาย ส่งมวลสารแห่งรักอัดแน่นกระแทกใจสั่นระรัว
ตึกตักๆๆๆ!
สองเท้าอยากวิ่งหนี…เพราะคาดการณ์ได้ว่าอีกเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา หมอนี่ต้องระดมสาดกระสุนคำเสี่ยวใส่ฉันแน่
แต่ไอ้หัวใจทรยศนี่สิ ดันไม่ยอมปล่อยฉันไปง่ายๆ
“ถึงเจ้าหญิงน้ำแข็ง ผู้มีรอยยิ้มงดงามที่สุดในโลก เธอเป็นทั้งยัยแม่มดลิลิธและอีฟที่ผมตกหลุมรักหัวปักหัวปำ หัวใจของผมคงผุพังแน่ ถ้าไม่มีคุณช่วย
ประคอง”
อร๊ายยย!!!~ เสี่ยวจริงๆ ด้วย! ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไว้ไหนแล้ว >///<
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจเต้นตึกตักฟ้องว่า ฉันยังไม่ถึงขั้นช็อคตาย…
ถึงแม้จะรู้สึกร้อนผ่าวทั่วทั้งตัวเหมือนใกล้ละลาย
ฝูงชนพร้อมใจแหวกทางให้ร่างสูงเดินผ่าน
เจ้าชายดอกไม้ทรงเสน่ห์หยุดยืนจ้องประจัญหน้า
มืออุ่นเอื้อมสัมผัสแก้มแดงก่ำ เชิดใบหน้าให้สายตา
ดวงตาสีฟ้ามีเวทมนต์สะกดหยุดเวลา ลบสิ่งเร้ารอบข้างเหลือเพียงเรา
หนุ่มหน้าสวยเผยรอยยิ้มที่ฉันรักที่สุดในโลก เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มหนักแน่นติดประหม่า
“อยู่ด้วยกัน…ตลอดไปเลยได้มั้ย?”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
แค่มองตานายก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วนี่นา…ฉันจะหนีไปไหนได้อีกล่ะ
“To the moon and never back”
(จบตอน)
คามิเลีย; โชคชะตาของฉันอยู่ในมือเธอแล้ว
cr.dandelions-ruth b.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ