The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  27 บท
  1 วิจารณ์
  3,709 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) -บลูเบล-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

“ยูแช~”

 

“มอ…”

 

หมับ

 

ฮาจิโกะยักษ์เห็นหน้าปุ๊บตะครุบปั๊บ ไม่ปล่อยให้ฉันได้ทักทายก่อน

 

“มอนิ่ง คิดถึงจัง…” 

 

เจ้าชายดอกไม้ป้อนกระซิบออดอ้อน จัดบุฟเฟ่ต์หอมหัวฟอดใหญ่ 

 

ความจำเสื่อมอัพเลเวลเป็นอัลไซเมอร์รึไงยะ? เพิ่งเจอกันเมื่อ 3 วันก่อน โทรหยอดทุก 3 เวลา แวะกดออดบ้านฉันถี่ยิบยิ่งกว่าคนขายประกัน โอเว่อร์

แอ็คติ้ง ทำยังกะตายจากกันไปชาติเศษ

 

ฟุดฟิด… ฟุดฟิด…

 

น้ำหอมสวนดอกไม้ส่งผลให้ต่อมรับกลิ่นขยันทำงานผิดปกติ…

 

หอบหื่นระบาดอีกแล้ว =\\\=

 

“รักนะ” 

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

อายุน้อยร้อยโรค หัวใจกำเลิฟบุกจู่โจม ต่อด้วยเบาหวาน…

 

จุ๊บ

 

“หะ หะ หะ” 

 

สัมผัสอุ่นตกค้างริมฝีปากสร้างอาการติดอ่าง ร่างกระตุกสั่นหงิกๆ เป็นพาร์กินสัน 

 

ฉันตะคอกเสียงหลงชี้หน้าตัวพาหะ

 

“ห้ามจูบในที่สาธารณ๊ะ!!!”

 

“โกรธหรอ?” 

 

อีตาทวิตซ์กลั้วหัวเราะ ยียวนยืดอกผายพร้อมให้ทุบ 

 

“ดุอีกสิ ตีเลยๆ” 

 

หน็อย! มันน่านัก…!!!

 

“ยังไงเธอก็หนีไม่พ้นคำว่า ‘น่า-รัก’ ^^”

 

กึก

 

O///O

 

มุกเสี่ยวหยุดกำปั้น ฟังแล้วแทบหูดับ ตัวแข็งทื่อเป็นอัมพาตชั่วขณะ หน้าแดงก่ำฮีทสโตรกไม่ง้อแดด พ่วงท้ายด้วยอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและ

ตาบอดสี… 

 

“มาโซคิสม์!” 

 

พอภูมิฟื้นเจ้าปากกล้าจึงสวนกลับ จัดโรคจิตเภทไปอีกหนึ่ง

 

“แถวบ้านเรียกคลั่งรัก” 

 

ทวิตซ์หน้าด้านแย้ง วินิจฉัยสรุปอาการใหม่

 

คนขี้อ่อยเก็บทุกเม็ด ดวงตาฟ้าพราวเสน่ห์ช้อนมองยั่วบิ้วอารมณ์ กรีดยิ้มร้ายเซ็กซี่น่าจับกด 

 

“…แต่ถ้าเธอเป็น S ฉันจะยอมเป็น M ให้ก็ได้”

 

ฉึก!

 

ศรรักปักอก ทำระบบหายใจขัดข้อง

 

“เพ้อเจ้อ!”

 

ว่าแล้วกะไป เผ่นดีกว่า! ขืนสู้ต่อมีหวังตายแหงแก๋ >\\\<

 

 

มัวแต่ใส่นัวกับปีศาจหัวเงินจนลืมบอก ทุกคนน่าจะพอเดากันได้ ตอนนี้เปิดเทอมแล้วและฉันอยู่ที่โรงเรียน 

 

แต่เซอร์ไพรส์หน้าตึกสภานักเรียนตอนนี้ คงไม่มีใครเดาถูกแน่นอน

 

สาวร่างเล็กผมสีคาราเมลสั้นปะบ่า ยืนเหม่อลอยจ้องทางเข้าไม่ไหวติง อาการเหมือนคนกลัวจนตัวชา

 

ฉันพยายามสะบัดมือปลาหมึกของอีตาทวิตซ์ออกให้เรียบร้อยก่อนเข้าไปทักเธอ 

 

แต่ไอ้หมอนี่สิ -*- นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วยังดื้อจับกระชับแน่นกว่าเดิม จนสาวเจ้ารู้ตัว หันมามองสงครามชักกะเย่อง้องแง้ง

 

 

เออ! จำไว้ ถ้าฉันโดนดักตบเมื่อไหร่ นายเจอดีแน่! >0<

 

ชิ้งง

 

สายตาสีน้ำผึ้งพยาบาทของหวานเสียดแทงอีกครั้ง

 

คราวนี้ทวิตซ์ไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะกล่าวทักทาย ต้องเรียกว่าเขามองเธอเป็นอากาศธาตุเลยมากกว่า 

 

ฉันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามตามหน้าที่ ก่อนไอ้คนเก็กขรึมจะจูงเดินผ่านเธอไปเฉยๆ

 

“มีธุระอะไรรึเปล่า?”

 

“…” 

 

หวานเมินใส่ เธอคงเกลียดขี้หน้าฉันจริงจัง =-=;

 

“นึกว่าคุยกันแล้ว ยัยนั่นยังไม่บอกอีกหรอ?”

 

ทวิตซ์เข้าแทรกแซงความเงียบ สบตาฉัน ใช้สรรพนามบุคคลที่ 3 เมื่อเอ่ยถึงหวานราวกับเป็นคนนอก

 

(-   ) (   -) (-   ) (   -)

 

ฉันส่ายหัวด๊อกแด๊กสองทีแทนคำตอบ 

 

“ก็ที่โรงบาล ยัยนั่นบอกว่าอยากเข้าสภานักเรียน ขอช่วยงานชั่วคราวจนจบอีเว้นต์วาเลนไทน์ ฉันเลยโบ้ยให้ไปคุยกับเธอแทน…อ๊ะ ลืมเล่าสินะ”

 

แหงล่ะ! เก่งนักนะคั้นน้ำไม่เอาเนื้อ 

 

จำได้เลย…ตอนนั้นนายน่ะ พูดแต่เรื่อง ‘เซฟโซน’ กะหึงหวงบ้าบออะไรไม่รู้ จนฉันจับต้นชนปลายไม่ถูก =*=

 

“เอาไงครับท่านประธาน?” 

 

คนใจร้ายค่อนแซะเคลือบยิ้มเหลือบมองหวาน ส่งสายตายุแยงตะแคงรั่วว่า ถึงตาฉันเมินคืนบ้าง

 

‘เอาหวานเข้ามา เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ’

 

คำเตือนของทวิต์คนเก่าสร้างความลังเล…แต่ฉันก็เหมือนนาย ความสงสัยฆ่าเราได้

 

“ขาดคนอยู่พอดี”

 

 คำตอบราบเรียบช่างขัดใจจนร่างสูงลอบชักสีหน้า ตรงข้ามกับสาวน้อยสวยหวานที่เริ่มคลายยิ้มให้

 

ฉันไม่ได้ให้เธอเข้ามา เพราะแค่อยากรู้เรื่องความสัมพันธ์แปลกๆ อะไรนั่นหรอก สภานักเรียนกำลังขาดคนจริงๆ 

 

เหลือเวลาเพียง 2 สัปดาห์ก่อนถึงอีเว้นต์ใหญ่ครั้งสุดท้าย ไหนจะต้องจัดการกับนโยบายอื่นๆ อีก ไอ้แว่นกับปลาดาวติดแข่งยิวยิตสู และช่วงนี้ลำพัง

แค่อ่านหนังสือนายก็เหนื่อยพอแล้ว…

 

“เฮ้ออ”

 

จ้าๆ เชิญถอนหายใจยาวให้ถึงสวิตเซอร์แลนด์เลย รับไม่ได้คราวหน้าก็อย่าสะเออะถามฉันสิยะ - -* 

 

ชอบเผด็จการนัก ทำไมไม่ตัดสินใจเองเล่า!

 

ร่างสูงยีหัวสีเงินเซ็งๆ ยอมปลงเดินจูงฉันเข้าตึก 

 

แต่กลับต้องหยุดชะงัก เมื่อชายเสื้อถูกคว้าหมับด้วยมือเล็กของสาวน้อยขี้กลัว

 

“…”

 

เจ้าชายดอกไม้ยิ้มอ่อน มองใบหน้าน่าสงสาร ก้มต่ำทำมุม คว่ำปาก ช้อนสายตาอ้อนวอนวิ้งๆ 

 

จริงสิ…หวานกลัวผีนี่นา ล่าสุดที่จำได้คือเธอร้องไห้ เพราะถูกอีตาทวิตซ์แกล้งด้วย - -;

 

“ปล่อย เสื้อฉันยานหมดแล้ว” 

 

น้ำเสียงราบเรียบโมโนโทนเย็นเยียบช่างตรงข้ามกับรอยยิ้ม จนอีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงอารมณ์ขุ่นมัว

 

หวานค่อยๆ คลายมือออกตัวสั่นเทา

 

“ใจดำ” 

 

ฉันโพล่งขึ้นเพราะหมันไส้ 

 

ทั้งที่ปกตินายออกจะอ่อนโยนแท้ๆ…

 

“มีน้ำใจหน่อยสิ”

 

ปากกล้าทำงานอัตโนมัติแซะเพิ่มอีกหนึ่งดอก ทำตานั่นช็อตฟีล งงเต็กเป็นไก่ตาแตก สีหน้าบ่งบอกชัดเจนถึงความพยายามครุ่นคิดหาคำตอบอย่าง

หนักว่า ‘ทำไรผิด??’

 

ฉันอาศัยจังหวะทีเผลอสะบัดมือเค้าออก กลายเป็นอีตาทวิตซ์เล่นบทน่าสงสารทำหน้าหงอยหงิงๆ แทน

 

“ยูแช…/ไปด้วยกันก็ได้” 

 

ว่าแล้วฉันก็จูงมือหวานนำร่องเดินเข้าตึกกันสองคน ฟีลเพื่อนหญิงพลังหญิง ไม่แยแสพ่อหนุ่มหน้าสวย จนหมอนั่นต้องยอมวิ่งตามมาง้อขอร่วมตี้

 

ไม่ใช่การยื่นไมตรีเพื่อหวังผลหรือโลกสวย…

 

แม้ลุคหวานจะดูแอ๊บแบ๊ว เป็นประเภทที่ผู้หญิงด้วยกันมักเกลียดขี้หน้า แต่ช่วงแรกที่เรารู้จักกัน เธอเฟรนลี่ทักทายก่อนเสมอ เจอฉากจูบโจ๋งครึ่มสอง

รอบ แต่กลับไม่เคยปล่อยข่าวฉาว ตอนทวิตซ์นอนเป็นผัก หวานยังช่วยเอเดลติดต่อฉัน คอยเฝ้ามองและจากไปเงียบๆ…

 

ไว้ใจได้รึเปล่า?

 

เก็บคำถามนั้นเข้ากรุไปเลย ฉันไม่อยากตั้งแง่ระแวงเธอให้ปวดหัว 

 

ในเมื่อเจตนาและความคิดคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ การกระทำและผลลัพธ์ต่างหาก ที่ส่อถึงธาตุแท้

 

.

 

-ณ ห้องสภานักเรียน-

 

อ่า ฉันเริ่มเข้าใจความคิดทวิตซ์คนเก่าแล้วล่ะ =-=; แก๊งสภานักเรียนเมื่อมีหวานร่วมแจมยังกะศรีธัญญา ทำงานยากขึ้นคูณสิบ

 

ขอนิยามความสัมพันธ์ตรงหน้าว่า ‘สามเหลี่ยมแห่งความหวาดกลัว’ 

 

หวานกลัวไอ้แว่น→ไอ้แว่นกลัวปลาดาว→ และปลาดาวก็กลัวหวานอีกที 

 

วนเป็นห่วงโซ่อาหาร ถ่วงดุลย์กันพิลึกกึกกือ

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ปลาดาวเกิดแพนิคหวาดระแวงทันทีเมื่อเจอหวาน ส่วนไอ้แว่นที่ปกติขี้โวยวาย เคลื่อนไหวสะเปะสะปะ อารมณ์พุ่งอ่อนไหว

 

ง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเห็นปฏิกริยาแฟนแปลกไปเลยแหกปากลุกลี้ลุกลนเสียใหญ่โต ทำหวานตกใจหนีเตลิดหลบหลังทวิตซ์ ปลาดาวแสนใจดี

ประหนึ่งนางฟ้ากลัวก็กลัว แต่ยังพอตั้งสติปรามแฟนได้ สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวาย มีแต่คนกลัวกันเองไม่เป็นอันทำงาน

 

“พวกเธอรู้จักกันหรอ?” 

 

ไอ้แว่นซักถามด้วยน้ำเสียงปกติ ซึ่งสำหรับสาวน้อยขวัญอ่อนอย่างหวานคงทั้งดัง แข็งกระด้าง น่ากลัว เธอเลยรีบหนีหลบภัยซ่อนอยู่หลังเจ้าชายนุ่ม

นวล มือสั่นยิกกำชายเสื้อเค้าไม่ปล่อย

 

“ชู่ว~” 

 

ทวิตซ์ส่งเสียงชู่ เตือนเพื่อนลดวอลุ่ม

 

“…โทษๆ …เบาละๆ” 

 

ไอ้แว่นนี่…นายกระซิบประชดหรือจริงจัง…? 

 

อ๊ะ แล้วฉันดันหัวอ่อนคิดกระซิบตามเพื่อ? 

 

เมื่อสถานการณ์สงบลง เจ้าชายดอกไม้จึงหันไปบอกหวานหน้าซีเรียสว่า

 

“…ปล่อย เดี๋ยวยูแชหึง” 

 

ตาบ้านี่ก็…! ใครมันจะไปหึงชายเสื้อนายย๊ะ!? >\\<

 

แล้วจะทำเสียงกระซิบหาพระแสงง้าวหักอะไร? 

 

ถามจริง นี่เอาฮาหรือเป็นโรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ในสภานักเรียน ภาคต่อของเชื้อแจกขนม

 

“คะ เค…ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” 

 

ปลาดาวน้อยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่หลังไอ้แว่นสะกิดแฟนให้หยุดจ้อจี้ 

 

เฮ้ออออ ฉันล่ะอยากถอนหายใจยาวถึงเกาหลี 

 

กว่าจะเริ่มประชุม ไมเกรนงี้พุ่งปรี๊ด -*-

 

.

 

“ห้องคิงมีแต่พวกพิลึก” 

 

ทวิตซ์บ่นอุบอิบให้ฟังระหว่างพักเที่ยง หลังจากเริ่มทดลองเข้าคลาสเรียนคาบนึง เพื่อตามล่าความทรงจำ

 

หายากที่หมอนี่จะยอมปริปากเล่าถึงความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง 

 

ก่อนความจำเสื่อมยิ่งแล้วใหญ่…เค้าแทบไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวเลยเถอะ 

 

ไม่เชิงว่าจงใจปกปิด เหมือนสัญชาตญาณป้องกันตัวตามธรรมชาติ สั่งให้สร้างกำแพงขึ้นมาจนเป็นนิสัย หรือแค่อยากหลีกเลี่ยงการซุบซิบนินทาตาม

มารยาทซะมากกว่า

 

คอยดูนะ เดี๋ยวตานั่นก็เปลี่ยนเรื่อง

 

“อะ ฉันซื้อนมสตอเบอรี่มาฝาก ^^”

 

ฮอลลี่ชิท! ผีสตอเบอรี่ตามจองเวรฉันอีกแล้ว -*-

 

“อ่าว ไม่ชอบหรอ? เห็นปุ๊บนึกถึงเธอปั๊บเลยน้า”

 

“หน้าฉันเหมือนสตอเบอรี่รึไง? -o-”

 

ฉันถามกึ่งประชด ตักอาหารเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับ 

 

ช่างโชคดีเหลือเกิน ที่โลกเราไม่อุตริเอาสตอเบอรี่ผสมลงทุกอย่าง ฉันถึงยังมีของอร่อยให้กินอยู่แบบนี้

 

“ครับ” 

 

หนุ่มหน้าสวยเท้าคางมองยิ้มกรุ้มกริ่ม ริมฝีปากสีกุหลาบคายคำตอบหวานเนิบนาบ 

 

“น่ากินเหมือนสตอเบอรี่…”

 

“แค่กๆ”

 

บ้าเอ๊ย! หยอดอะไรตอนนี้ ข้าวไม่พุ่งใส่หน้านายก็บุญโข!

 

ละดูมอง…เหมือนหิวโหย

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

นะ นี่ไง! นมสตอเบอรี่ของนายน่ะ แดร๊กโลด! 

 

ขอเถอะอย่าเพิ่งงาบช้านน >\\\<

 

.

 

- 1 สัปดาห์ต่อมา-

 

มนุษย์ปรับตัวเพื่อความอยู่รอด สามเหลี่ยมแห่งความกลัว เริ่มเปลี่ยนผันเป็นวงล้อความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ พวกเขาเรียนรู้ที่จะรักษาระยะห่างและ

ทำงานร่วมกันอย่างสันติ แม้ว่าบรรยากาศยังชวนอึดอัดชอบกล

 

“…หวาน …หยิบกรรไกรให้หน่อย” 

 

ไอ้แว่นติดกระซิบทุกครั้งที่เจอหวาน 

 

ความจริงปลาดาวอยู่ใกล้กว่านะ แต่หมอนั่นมันไม่กล้าใช้แฟน -_- 

 

ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไรเพราะยังไงซะ หวานก็ใช้ปลาดาวต่ออยู่ดี

 

“ปลาดาว ขอกรรไกรหน่อยจ้ะ ^^” 

 

หวานส่งยิ้มน่ารักวานสาวผมเปียตัวเล็ก

 

“นะ นี่ค่ะ” 

 

ปลาดาวเกร็งไม่กล้าสบตา แสดงท่าทีเหมือนเบ๊โดนไถตังค์ ยื่นกรรไกรกล้าๆ กลัวๆ

 

พอได้ของหวานสไลด์พื้นส่งให้ไอ้แว่น เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง 

 

ตาบ๊องนั่นไม่ได้ใส่ใจอะไร คว้าหมับนั่งตัดเปเปอร์มาเช่ต่อเงียบๆ

 

จากการเฝ้าสังเกตการณ์ หวานเป็นโรคกลัวผู้ชาย กลัวผี กลัวแมลง กลัวสัตว์เลื้อยคลาน 

 

เมื่ออาการกำเริบถึงขีดสุด ตาจะจ้องสิ่งเร้านั้น ตัวแข็งทื่อไม่ไหวติงและร้องไห้ออกมาในที่สุด

 

‘เซฟโซน’ ทวิตซ์เลือกนิยามคำได้เหมาะสม

 

เพราะปกติแล้ว หวานไม่เฉียดใกล้ผู้ชายด้วยซ้ำ แต่กับเขาถือเป็นข้อยกเว้น ถึงแม้เธอจะแตะได้แค่ชายเสื้อก็เถอะ =-=

 

ต่อไปนี้ เป็นเพียงการคาดเดาของฉัน…

 

สำหรับทวิตซ์ที่เป็นโรคกลัวความรัก พยายามตีตัวออกห่างเพศตรงข้าม เพื่อนสาวร่วมห้องซึ่งมีอุดมการณ์ไปในทิศทางเดียวกันอย่างหวาน จึงกลาย

เป็น ‘เซฟโซน’ ของเค้าเช่นกัน

 

คำถามคือมีโอกาสผีผลักเกินเพื่อนมั้ย?

 

ถ้ามองตามความเป็นจริง ไม่อิงนิยายก็ ‘อาจจะ’ แต่น้อยมาก 

 

สายตาหวานมองทวิตซ์แบบเชิดชูบูชาเหมือน ‘พระเครื่อง’ กันผีมากกว่า ‘ผู้ชาย’ 

 

เผลอๆ จับจิ้นกะไอ้แว่นยังมีลุ้นกว่าอีก

 

ส่วนอีตาทวิตซ์ ถึงไม่รู้ว่าก่อนความจำเสื่อมเค้าคิดยังไง แต่หมอนี่เป็นพวกชอบทำตามอารมณ์ เน้นสัญชาตญาณมากกว่าสมอง คงไม่ต่างจากตอนนี้

เท่าไหร่

 

สายตาสีฟ้าอมเทายามทอดมองหวาน ชัดเจนว่าเห็นเธอเป็นแค่ ‘เพื่อน’ มากสุดคือ ‘น้องสาว’ ไม่ใช่ ‘ผู้หญิง’ 

 

มีเอ็นดูบ้างนิดหน่อยตามประสา แต่ไม่ได้แคร์กันเท่าไหร่ ดูจากการกระทำที่พูดจาตรงแรงเสียดแทงไม่เฟค ตั้งกำแพงสูงลิบแบ่งเขตความสัมพันธ์

เลี่ยงสกินชิพ 100% กับปลาดาวเขายังใจดีกว่าด้วยซ้ำ 

 

 จุ๊บ

 

“อร๊ายย!~” 

 

ไอ้หื่นนี่ ขโมยจุ๊บแก้มฉันอีกแล้ว!!! >o</// 

 

ตอนอยู่ตามลำพังฉันยังเขินม้วนต้วนเป็นเกลียวสปริง ยิ่งต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ ไม่เห็นใจกันบ้างรึไง?! 

 

=_= <-- ดูหน้าแต่ละคนดิ…อย่างเอือม 

 

ขนาดปลาดาวที่แรกๆ ช่วยเขิน ยังพะอืดพะอมเหม็นความรัก 

 

ฉันเข้าใจ หมอนี่มันคลั่งเว่อร์เกินเบอร์จริง เหมือนลูกหมาติดสกินชิพขั้นสุด บอกรักถี่ยังกะส่งรหัสมอร์ส สบสายตาเก่งยิ่งกว่าจักษุแพทย์ หยอดหวาน

เจี๊ยบจนมดแทบอยากย้ายมาทำรังในปาก 

 

เพลาๆ ลงหน่อยเถอะเจ้าชาย เดี๋ยวคนเค้าจะหาว่าฉันแอบเล่นของเขมรใส่นายนะ T//T

 

“คิดไรอยู่ คิดถึงฉันรึเปล่า?” 

 

หนุ่มหน้าสวยอ้อนวางคางเกยตักฉันที่นั่งอยู่บนโซฟา ใช้เสียงสอง ช้อนมองหวานจ๋อย เหมือนโลกนี้มีแค่เรา

 

“สวีทพีต่างหาก!” 

 

ฉันตะคอกเสียงสะบัดหน้าหนีความเขิน

 

“อะ ให้ตอบใหม่ พิจารณาดูดีๆ แมวส้ม 10 ตัว หรือจะสู้ฉัน” 

 

โอ้โห…กำเม็ดมั่นมาเกิด =[]= 

 

ประทานโทษนะย๊ะ ห้ามดูถูกสวีทพี แค่ตัวเดียวก็ชนะนายขาดลอย!

 

“โถ่…สมการน่าสงสาร”

 

มือหนาดันประคองแก้มฉันกลับมาสบนัยน์ตาฟ้าละห้อย ตรงข้ามกับยิ้มสวยชวนใจสั่น

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก  

 

“ต่อให้มีฉันเป็น 100 ก็คงต้องยอมพ่ายแพ้ให้ 1 เธอ”

 

O///O

 

“แหว๊ะ! เหม็นความรัก!!! ชะอุ่ย…โทษๆ -o-;;” 

 

ไอ้แว่นหลุดโพล่งตะโกนเสียงดังปานฟ้าลั่น ก่อนรู้ตัวรีบกระซิบขอโทษหวาน ซึ่งตอนนี้หน้าซีดคลานใส่เกียร์หมาหนีหัวซุกหัวซุกไปหาจุดเซฟโซนใกล้

ที่สุดคือ ‘หลังปลาดาว’

 

“คิก…ฮ่าๆๆๆ” 

 

ไม่รู้ว่าสถานการณ์มันจี้จุดหรืออะไร สาวน้อยผมเปียจิ้มลิ้มที่เคยสั่นกลัวมาตลอดถึงหลุดหัวเราะ

 

"…ตลกจัง”

 

เสียงหัวเราะน่ารักของปลาดาวน้อยเส้นตื้นทำไอ้แว่นหลุดขำ สร้างแรงกระเพื่อมแพร่เชื้อขำขันติดต่อหวาน รู้ตัวอีกทีทั้งทวิตซ์และฉันก็ไม่รอด

 

ฮ่าๆๆ สถานการณ์บ้าบออะไรกันเนี่ย? 

 

ที่นี่คงไม่ต่างจากโรงบาลบ้าจริงๆ

 

 

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ราวกับลมทะเลเงียบสงบ…

 

ภาพที่ทำให้หัวใจของฉันแตกสลายก็ปรากฏสู่สายตา 

 

เย็นวันนั้น ทวิตซ์บอกว่าลืมมือถือไว้ที่ห้องสภานักเรียน สั่งให้ยืนฉันรอก่อน 

 

เพราะเขายังไม่ลงมาซักที…ฉันเลยตัดสินใจขึ้นไปตาม 

 

ภาพที่เห็นตรงหน้า ผ่านสายตาพร่ามัวด้วยหยดน้ำตา 

 

คือนายกับหวานกำลังคร่อมจูบกันอยู่บนโซฟา…

 

 

บอกฉันที นี่มันเรื่องบ้าอะไร?

 

“…ฮึก!”

 

เสียงสะอื้นไม่อาจอั้น ทำใบหน้าหวานเหงยมองสะดุ้งเฮือก

 

ฝีเท้าพาวิ่งหนีจากความเจ็บช้ำ

 

ไม่จำเป็นต้องอธิบาย…ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าประเมินเขาสูงไป

 

นายมันก็เป็นแค่ 'ผู้ชาย' ที่ไม่ต่างจาก ‘สัตว์เดรัจฉาน’ 

 

ฉันคงโง่มากสินะ…ที่ผ่านมาเป็นแค่การมโนเพ้อพก คิดเข้าข้างนายไปเองคนเดียวใช่มั้ย?

 

…ฉันไม่น่าหลงเชื่อใจไอ้ปีศาจหื่นกระหายตั้งแต่แรก

 

 .

 

-Whan sides-

 

ชีวิตฉันน่ะขมปี๋…

 

‘หวาน’ ฉันเกลียดชื่อที่ผู้ชายคนนั้นตั้งให้ 

 

สัตว์ประหลาดน่ารังเกียจตัวเหม็นหึ่งคลุ้งกลิ่นคาวอบายมุข เสเพลติดสัตว์ไปวันๆ และทำร้ายฉันกับแม่

 

‘พ่อ’ คำนี้ไม่เคยคู่ควรกับแก ผู้ชายที่เป็นจุดเริ่มต้นของความหวาดกลัว

 

เคยได้ยินเรื่อง ‘กล่องแพนโดร่่า’ มั้ย? ห้องใต้ดินที่ฉันเคยถูกจับขังเป็นแบบนั้น 

 

แหล่งรวมความชั่วร้ายน่าหวาดกลัว ทั้งความมืด สัตว์เลื้อยคลาน วิญญาณ กลิ่นเหม็นสาบ ถูกหล่อเลี้ยงด้วยความหวังแสนริบหรี่ ว่าซักวันจะได้ออกไป

จากคุกนรกที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง

 

กระทั่งวันหนึ่ง กล่องแพนโดร่าถูกเปิดออก 

 

แม่พาฉันหนีสำเร็จ พวกเราเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพ่อเลี้ยงแสนใจดีและร่ำรวย 

 

ผู้ชายเพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบ ที่มีเมียอยู่แล้ว…

 

เฮอะ ช่างปะไร แค่ไอ้หมาตัวผู้อัพเกรดขึ้นนิดหน่อย ฉันไม่แคร์มันหรอก

 

 

นี่ ทุกคน ไว้อาลัยให้เด็กสาวใสซื่อที่เคยถูกทรมานด้วยล่ะ เธอตายไปซะแล้ว 

 

ใช้เวลาไม่นานกว่าจะเริ่มรู้ตัวว่า สิ่งชั่วร้ายที่หลุดออกมาจากกล่องแพนโดร่าคือ ‘ฉันเอง’

 

โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ ชีวิตใหม่ ฉันไม่เคยกลัวอะไรเพิ่ม นอกจากสิ่งที่กลัวอยู่แล้ว 

 

อย่าห่วงเลย ‘เอาตัวรอด’ ถือเป็นพรสวรรค์อย่างนึงของฉันรองจากเรื่องดนตรี 

 

สังคมเสแสร้งไม่จำเป็นต้องแคร์ใครยิ่งเข้าทาง มิตรภาพใช้ไม่ได้ก็แค่เอาเงินฟาดหัว 

 

แบล็คเมลล์ ล่อลวง ซื้อขายแลกเปลี่ยนงานถนัด 

 

ความรัก? เซ็กส์? สายสัมพันธ์? ฉันไม่ต้องการมันทัั้งนั้น 

 

หญิงหรือชาย สิ่งของหรือสัตว์ ล้วนไม่ต่างจากกระโถนระบายของเสีย

 

สาวน้อยห้องคิงผู้รายล้อมด้วยความรัก เธอเป็นดั่งราชินีผึ้งในสวนดอกไม้ นั่นคือหนึ่งใน ‘หน้ากาก’ ที่ฉันสวมอยู่ตอนนี้ 

 

รู้ตอนจบของตำนานเรื่องนี้รึเปล่า? 

 

แพนโดร่าปิดกล่องรวมความชั่วร้ายได้ทัน ขังปีศาจตัวสุดท้ายที่ชื่อว่า ‘ความคาดหวัง’ เอาไว้ ถือเป็นชัยชนะอันน้อยนิดของมวลมนุษย์

 

ทั้งชีวิตฉันไม่เคยคิดฝัน ว่ากล่องโง่นั่นจะถูกเปิดออกอีกครั้ง…

 

จนกระทั่งเจอ ‘ทวิตซ์’

 

ตึง ตึง ตึง ตึง

 

เสียงนิ้วดีดเปียโนเพลง Rush E ปริศนาดังขึ้น ณ ห้องดนตรียามเย็น 

 

เพียงผิวเผินไม่กี่คีย์ แต่หนักแน่นกระทุ้งอก ดั่งคาถาเพรียกสองเท้าเดินเข้าหา

 

ท่อนฮุกทรงพลังทำหัวใจตายด้านสั่นพ้อง ท่วงทำนองเปี่ยมเสน่ห์บ่งบอกถึงตัวตนผู้เล่น 

 

ปราดเปรียว สนุกสนาน กล้าหาญ นุ่มนวลและมั่นคง 

 

ช่างงดงามน่าหลงใหลคู่ควรกับรูปลักษณ์สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

 

หนุ่มร่างสูงสง่า ผมสีเงินเปล่งประกายเหมือนทองคำขาว นัยน์ตางามพริ้งเพราดุจอัญมณีเลอค่า ใบหน้าสวยคมชัดกรีดยิ้มเจิดจรัสภายใต้แสงอัสดง

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

ไม่อยากเชื่อ…ฉันกำลังตกหลุมรัก ‘ผู้ชาย’

 

 

นี่ไม่ใช่รักแรกพบ ฉันเคยเจอเขาแล้ว 

 

หนุ่มลูกครึ่งฮอตไฟลุกหอมกลิ่นสวนดอกไม้ ผู้เปิดตัวพร้อมเสียงกรีดร้องแทบขาดใจของสาวๆ 

 

‘ทวิตซ์’ เป็นเพื่อนร่วมห้องฉันเอง 

 

จำได้ดีเชียวล่ะ เพราะหมอนี่น่ะ ‘น่ากลัว’ 

 

ภายใต้หน้ากากเจ้าชายคือ ‘Manipulator’ นักสะกดจิตคนเก่ง ที่ต่อให้ฆ่าใครตาย สังคมก็พร้อมให้อภัยเสมอ

 

.

 

โชคชะตาช่างเล่นตลก…กลั่นแกล้งกันอย่างไร้ความปราณี 

 

เมื่อฟ้าดลบรรดาลให้คู่เต้นลีลาศปีนี้ดันเป็นเขา 

 

ปกติฉันจะยัดเงินอาจารย์ ไม่ก็แกล้งป่วยออดแอด 

 

แต่พอรู้ว่าจะได้สัมผัสมือนั่น ฉันก็ติดกับดักหนามเข้าอย่างจัง

 

“โทษนะครับ” 

 

สุภาพบุรุษผมเงิน แบมือขออนุญาตแตะตัว

 

“…”

 

หน้าซีดเผือด เพราะโรคแพนิคกลัวผู้ชายกำเริบ ออกอาการสั่นเทิ้ม หายใจฝืดขมติดขัด 

 

ฉันคงวิ่งหนีไปแล้ว หากไม่มีเสียงอ่อนโยนช่วยผ่อนคลาย

 

“รู้มั้ยว่าสีตาฉันหายากเป็นอันดับ 2 ของโลก” 

 

คนตรงหน้าเกริ่นเรื่องชวนฉงน สะกดจิตให้จดจ้องดวงตาฟ้าอมเทา

 

“แรกเกิดมันเคยเป็นสีเงินสุดเท่ แต่พอโตดันกลายเป็นสีฟ้าน่าเบื่อซะได้” 

 

เจ้าชายขี้เล่นกระตุกยิ้มพูดจิกกัดตัวเอง กว้านซื้อเสียงหัวเราะสำเร็จ

 

“คิก ฉันชอบตาสีฟ้าของนายนะ ^^”

 

ดวงตาแซฟไฟร์ช่างงดงาม สะกดใจหลงระเริง 

 

ความกลัวหายไปไหนนะ? ฉันกำลังเต้นรำอย่างสนุกสนานตั้งแต่เมื่อไหร่? 

 

“อ๊ะอา~ ขิงกันหรอ? แม่เสือสาว” 

 

วาทะศิลป์ล่อลวงชวนให้ขำ 

 

“สีอำพันน่ะ แรร์ไอเท็มของจริง”

 

และทำให้ใจเต้นแรงผิดจังหวะ…

 

ฉันยอมสิโรราบ กลายเป็นเพียงแมลงหน้าโง่ที่หลงทางอย่างมีความสุขในทุ่งดอกบลูเบล

 

“ยังมีเหนือชั้นกว่านั้น…” 

 

น้ำเสียงนุ่มนวลกลั้วหัวเราะ แอบซ่อนความเหงาอยู่ลึกๆ 

 

“ดวงตาดำสนิทที่ผู้คนมักมองข้าม หายากที่สุดในโลก”

 

แม้สมองจะจารึกทุกคำพูด แต่เพิ่งรู้ถึงความหมายแท้จริงของประโยคนั้น เมื่อไม่นานมานี้…

 

 

ในที่สุดนายก็ตามหาเธอจนเจอ 

 

เจ้าของดวงตาสีนิลดำสนิท ประธานนักเรียนหน้าบู้ เจ้าหญิงน้ำแข็งแสนเย็นชา สัตว์เลี้ยงพวกอาจารย์ จะอะไรก็ช่าง…

 

ช่วยบอกที นังนี่มันศิษย์มนต์ดำสำนักไหน ถึงดึงดูดความสนใจนายได้?

 

[หวาน เธอช่วยปรามพวกผู้หญิงทีสิ อย่าให้ใครขัดจังหวะตอนฉันอยู่กับยูแช]

 

ตั้งแต่เริ่มตกหลุมรัก หน้ากากแก้วของฉันก็ถูกเพิ่มล้นสต็อก 

 

รองหัวหน้าห้องคิง ประธานชมรมดนตรี และแกนนำกลุ่ม FC ทวิตซ์ ซึ่งประกอบไปด้วยพวกชะนีที่หวังจะครอบครองร่างกายเขา กระแดะเรียกตัวเองว่า

‘ทวิตตี้’ 

 

ตอนได้ยินครั้งแรกฉันยังค้านหัวชนฝาเลยว่า ชื่อเค้าลงท้ายด้วยตัว ‘Z’ ย่ะ นังพวกโง่ ต้องเป็น ‘ทวิตซี่’ ต่างหาก!

 

“ได้สิจ้ะ แต่ราคาแรงอยู่นะ” 

 

[รอบนี้เอาอะไร?]

 

“ที่รีเควสกันหนักหน่วงก็…อืม คลิปเจ้าชายกินไอติมจนหมดแท่ง”

 

[…]

 

เงียบไปเลย เขาคงแอบปิดไมค์สบถหยาบ 

 

โลกเรามันโสมมแบบนี้แหละเจ้าชาย นายอย่ายอมลดตัว เพื่อผู้หญิงคนเดียวเลย

 

[โอเค ฉันแถมของลีโอกับพี่แม็กให้ด้วย…ดิสไนท์อีกคน พอดีลยัยนุ่มนิ่มได้อยู่]

 

‘Magic Charming’ ของพ่อมดหนุ่มมหัศจรรย์ทำฉันทึ่ง

 

[เดี๋ยวทยอยส่งให้เรื่อยๆ…อ้อ ระวังด้วยล่ะ ช่วงนี้เธอดูอินจัด ชักเริ่มเหมือนพวก FC เข้าไปทุกที]

 

ติ๊ด

 

ไม่มีทาง…

 

ฉันเนี่ยนะ? เหมือนนังสกปรกพวกนั้น?!

 

เทิดทูนบูชานายยิ่งกว่าพระเจ้า มอบความรักบริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน คอยปกป้องทั้งกายใจ ต่างจากยัยผู้หญิงเพ้อเจ้อที่หวังเป็นแค่นางซิน 

 

ฉันคือ ‘อัศวินหน้ากากแก้ว’ ‘องครักษ์พิทักษ์เวอร์จิ้น’ และเป็น ‘เพื่อนสนิท’ เพียงคนเดียวของนายเชียวนะ! (ถ้าไม่นับลีโอ)

 

ใช่ ฉันรักทวิตซ์ รักมากด้วย! แต่ไม่เคยคิดครอบครอง 

 

ความรักบีบให้ฉันทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อรักษาตัวตนอันสูงส่งนั่นไว้ แม้ต้องใช้วิธีการสกปรกซักแค่ไหน  

 

บนโลกอันโหดร้ายใบนี้ มีเพียงนายคนเดียวเท่านั้น ที่ฉันจะไม่ยอมให้แปดเปื้อนเด็ดขาด!

 

 

แล้วนังบ้าที่นายเรียกว่า ‘แฟน’ อย่างเต็มปากเต็มคำ สะเออะโผล่มาจากไหน?

 

ทีแรกฉันนึกว่า เขาแค่เห่อของแปลกแบบตอนยัยนุ่มนิ่ม 

 

เอะใจอยู่แล้วเชียว ตั้งแต่เห็นกล้ารุกใส่ สกินชิพ หยอดคำหวาน 

 

น่าน้อยใจ…พอพิชิตโรคกลัวความรักได้ เค้าก็ทิ้งฉันไว้คนเดียว

 

เหงาจัง…ฉันไม่ชอบตัวเองเลย ตอนหึงหวงโกรธพาล จนเราทะเลาะกัน

 

ขอโทษนะ ควรต้องยิ้มยินดีใช่มั้ย? 

 

ขอเวลาหน่อยเถอะ แค่ไม่อยากยอมรับว่า…กำลังแพ้ราบคาบและต้องเสียนายให้เธอแล้วจริงๆ

 

 

ไม่เป็นไร อย่างน้อยหัวใจของนายก็ไม่ได้แปดเปื้อน…

 

ดวงตาสีฟ้าแซฟไฟร์ที่ฉันหลงใหลยังคงอยู่ และมันยิ่งเปล่งประกายขึ้นทุกครั้งเมื่อมองเธอ 

 

ภาพตรงหน้าช่างงดงามจนใจเจ็บ 

 

สมกับเป็นเจ้าชาย แม้กระทั่งตอนพลอดรักหิวกระหาย เขายังดูห่างไกลจากไอ้สัตว์ประหลาดน่ารังเกียจ

 

ดีใจด้วย ตอนนี้นายกำลังมีความรัก

 

อย่าห่วงเลย โปรยรอยยิ้มเปี่ยมสุขต่อไปเถอะ

 

ไม่มีวันที่นายจะกลายเป็นคนชั่วช้าเสเพลแบบ ‘เขา’ แน่

 

และสำหรับแมลงหน้าโง่อย่างฉัน ที่ดันตกหลุมรักหัวปักหัวปำ 

 

คงทำได้ดีที่สุด เพียงเฝ้ามองและปกป้อง ‘หัวใจบริสุทธิ์ดวงนี้’ ตลอดไป

 

-The end of Whan sides-

 


 

(จบตอน)

 

บลูเบล; โอนอ่อนน้อมรัก มั่นคงไม่แปรผัน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา