The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
9.7
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
27 บท
1 วิจารณ์
2,931 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) -ยิปโซ-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผมไม่เคยมีแผนการอะไร เพียงทำตามหัวใจ ปล่อยให้ความรู้สึกนำทาง
ถึงอย่างนั้น ก็ยังเจียมตัวอยู่เสมอ…จนกระทั่งได้พบเธอ
.
สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘ทวิตซ์’ (Twitz) มาจากคำว่า ‘Thailand + Switzerland’ เป็นการผสมคำที่ดูตื้นเขิน แต่พ่อแม่ไม่ได้ตั้งมาเล่นๆ นะคร้าบ ถ้าไม่เชื่อ
ตอนถ่ายรูปลองพูดชื่อผมดูสิ คุณจะยิ้มออกแน่นอน ^-^
แม่เคยบอกว่า ‘รอยยิ้ม สามารถสร้างความสุขให้ผู้คนได้’
แน่นอน เด็กผู้ชายทุกคนชอบเล่นเป็นฮีโร่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงยิ้มเก่งนัก…
อ่า หมายถึง ‘ยิ้ม’ จริงๆ นะครับ อย่าตีความไปทางเรื่องอย่างว่าเชียว
ผมไม่ได้สนใจอารมณ์ชั่ววูบนั่นนักหรอก ค่อนไปทางแอนตี้ด้วยซ้ำ ถึงไม่เคยสอบปฏิบัติกับใคร แต่มีครูดีอย่างเอเดลช่วยยัดเยียดข้อมูลมหาศาลใส่หัว
จนมันกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญไปแล้ว
อำนาจอันยิ่งใหญ่มาพร้อมภาระอันใหญ่ยิ่ง ผมเกิดในตระกูลร่ำรวยทางบ้านค่อนข้างเข้มงวด จึงกลายเป็นพวกเพอร์เฟ็กชั่นนิสไปโดยปริยาย โชคดีที่
ทั้งเก่งและฉลาดเลยสามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่ค่อยมีปัญหาในการใช้ชีวิตเท่าไหร่ มันกลับกลายเป็นความสามารถที่น่าทึ่งเชียวล่ะ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเห็นกรอบรูปเบี้ยวแขวนบนฝาผนัง ยืนจ้องนานสองนาน ปรับจูนเป็นชาติ ไม่มีทางเกิดขึ้นกับผมหรอกครับ ผมเผชิญหน้ากับมันมา
ทั้งชีวิต เขี่ยนิดเดียวก็ตรงเป๊ะ
‘อัจฉริยะเก่งรอบด้าน’ ภาพลักษณ์ถูกยกยอปอปั้นซะสวยหรู
ทั้งที่เนื้อในเป็นแค่พวกขี้เบื่อ ไร้จุดหมาย ชอบความท้าทาย เลยสรรหาอะไรทำไปเรื่อย…
ฟังดูเหลาะแหละหรอ?
อืม…งั้นขอบอกอีกเหตุผลสุดดราม่าชีวิตรันทดสมเป็นตัวเอกให้ฟังละกัน
ผมก็แค่ลูกเมียน้อยที่พยายามเอาตัวรอด ถีบตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อไม่ให้ถูกกดหัวเท่านั้นเอง
.
เทพีแห่งชัยชนะยืนข้างผมเสมอ ทุกย่างก้าวโรยด้วยกลีบกุหลาบหอมฟุ้งสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม ยอดนักรบย่อมมีบาดแผล สำหรับผมคือ ‘ปมเรื่องความรัก’
‘ฉันรักคุณ’
‘ชอบค่ะ’
‘คบกันเถอะ’
ประโยคเด็ดยอดฮิตไหลผ่านหูเป็นล้านรอบ
น่าสงสารสาวๆ อยู่หรอก ที่ดันหลงมาชอบคนมีปมอย่างผม
ฮั่นแน่~ หยุดเลย อย่าอิจฉา มันไม่เคยสนุกซักนิด
…เหมือนโดนรุมปาหินใส่
น่าเห็นใจ แต่ไม่รับผิดชอบหรอกนะ ความรู้สึกใครก็จัดการกันเอาเอง
เพราะคนร้ายตัวจริงคือ ‘ความรัก’ ส่วนผมเป็นเพียงหนึ่งในเหยื่อ ที่ต้องการความยุติธรรมเหมือนพวกเธอนั่นแหละ
.
เบื่อคนพล่ามไปเรื่อยรึยัง? ต่อไปเป็นเหตุการณ์พลิกชีวิตผมเลย
‘รักแรกพบ’ อืม…เว่อร์ไปหน่อย เหลือแค่ ‘ถูกชะตา’ ละกัน
เด็กผู้หญิงสวมแว่นหนาเตอะ ไว้หน้าม้าปรกตา ไร้เดียงสาไม่ทันคน
โทษที จำชื่อเธอไม่ได้อ่ะ รู้แค่ว่าเป็นพวกโง่ที่ยอมเสแสร้งแลกกับความสัมพันธ์จอมปลอม
โอ๊ะ…แรงไปหรอ? เพราะแบบนี้ผมถึงต้องคิดก่อนพูดไง
‘เธอเป็นคนแคร์เพื่อนมาก เสียสละเพื่อมิตรภาพ น่านับถือ’
เฮ้อ จะใช้คำสวยหรูไปทำไม สุดท้ายผลลัพธ์มันก็ออกมาเหมือนเดิมอยู่ดี
เด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ได้น่าสงสารที่สุดในโลก ปลุกความเป็นฮีโร่ในตัวผม
‘เฮ้ ดูนี่นะ’
^-^
‘ฉันยิ้มสวยใช่มั้ยล่ะ?’
เธอทำให้ผมได้ค้นพบ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่งดงามที่สุดในโลก
‘ฮะๆ…นายตลกจัง’
ไม่ใช่ ‘ความรัก’ มันคือ ‘แผลเป็นในใจ’ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน มือเล็กๆ นั่น ก็ปาหินใส่ผม
‘…ฉันชอบนาย’
คำซ้ำซากจำเจ จนชาชิน
…แต่ทำไมก้อนหินของเธอมันเจ็บจัง?
‘ฮึก ขอโทษ ได้โปรด…ช่วยลืมไปเถอะนะ’
แม้แต่คราบน้ำตายังเปล่งประกาย รู้สึกเหมือนโดนมีดเสียบเข้ากลางอก
เธอวิ่งหนี ทำแผ่นการ์ดสีชมพูตกไว้ ราวกับรองเท้าแก้วของซินเดอเรลล่า
สาวน้อยไร้เดียงสาเพ้อฝันหาเจ้าชาย หากเธอรู้ว่าผมถูกสาป คงไม่มีวันพูดคำนั้นออกมาแน่…
[ขอบคุณ ที่ทำให้ฉันยิ้มได้
-ยูแช-]
…
นั่นน่ะหรอ เหตุผลที่เธอชอบผม…?
“ยูแช…”
ชื่อของเธอสลักลึกถึงแกนสมอง…
ผมจำได้ แม้ว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก
เธอช่วยสอนบทเรียนอันล้ำค่าว่า อย่าเผลอใจดีพร่ำเพรื่อ
ยูแชคือวัคซีนชั้นดี มันอาจฟังดูเกินจริง แต่หลังจากวันนั้น ก็ไม่มีใครทำผมสะท้านได้เท่าเธอ
ถึงจะเคยรู้สึกชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะยัยนั่นทำให้นึกถึงรอยยิ้มของเธอ แต่มันก็แค่นั้น
…ไม่มีใครแทนที่เธอได้
‘ความรัก’ หรอ?…ยังก่อน ‘หมกมุ่น’ มากกว่า
ม.ปลาย ผมเรียนต่อที่ ‘เซนต์คริสเตียน’ ซึ่งตอนนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘เซนต์อคาเดมี’ ตามมหาลัยในเครือเดียวกัน
เหตุผลของผมไม่ซับซ้อน แค่ถูกชะตากับ ผอ. โทนัส ที่เป็นเพื่อนพ่อและชื่นชอบแนวคิดหลายอย่างของเค้า
แต่เข้าเรียนได้ไม่นาน ผอ. ก็จากไป ถูกแทนที่ด้วยแม่สาวดาวยั่ว
“ฉันหรือตำแหน่งอดัม~”
ผู้หญิงหน้าด้านที่กล้ายัดเยียดตัวเองเข้ามาอย่างน่าไม่อายขยิบตายั่ว
“…”
ผมตอบด้วยสายตาเอือมระอา
เลือกยากจังครับเจ้…ไม่อยากได้ทั้งคู่!
เรียกมาคุยเพราะไร้สาระเนี่ยนะ? เสียเวลาจริงๆ
หมับ!
ไม่ทันก้าวหนีพ้นธรณีประตู สาวสวยอกสะบึมรีบพุ่งตัวเกาะขา
เล่นใหญ่อะไรเบอร์นั้น?
น่ารำคาญชะมัด…ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงโดนเตะปลิวแล้ว
“ฮือออ~ ขอร้องล่ะ ฉันรู้สึกผิดกับโยจริงๆ ที่เข้าไปทำลายความรักของเค้า ทุกคืนฉันนอนฝันร้าย กินอะไรไม่อร่อย! ถ้าไม่ได้ทำดีไถ่บาป ต้องตกนรก
หมกไหม้ทุกข์ทรมานเจียนตายชั่วชีวิตแน่~ TOT”
ผอ.เชอรี่ แสดงฉากดราม่าเว่อร์วังอลังการ ขอปรบมือให้เธอเลย
“คราวนี้คิดบทนานมั้ยครับ? ^o^”
วิธีนี้ไม่ได้ผล เธอจึงเปลี่ยนมาใช้เงินฟาดหัว
“อยากได้อะไรฉันยกให้หมดเลย! เสื้อผ้าแบรนด์เนม คฤหาสน์ รถหรู…อะๆ เอาแบล็คการ์ดไป”
ผมถอดถอนหายใจเหลือทน ที่เคยปฏิเสธ ไม่ซึมซาบเข้าซีรีบรัมบ้างรึไง?
“ประทานโทษ…ผมดูเหมือนขอทานหรอ?”
เสียงราบเรียบทำเธอตื่นกลัว แต่ยังไม่มากพอให้ล้มเลิก
“ยะ ยังไงก็ลองอ่านดูก่อนเถอะ…ขอร้องล่ะ! มันไม่ใช่นโยบายไร้สาระ! ฉันตั้งใจอดหลับอดนอนทั้งเดือน รีไรท์จากโปรเจ็คเก่าของลุงโทนัส อยาก
สร้างโรงเรียนที่เต็มไปด้วยความรัก…”
สาวผมทองคุกเข่าบีบน้ำตาแทบก้มกราบ ดวงตาสั่นเครือดูจริงใจกว่าเคย
เฮ้อ…แค่อ่านคงไม่เหนือบ่ากว่าแรง
ช่วงนี้เริ่มเหนื่อยกับพวกผู้หญิงขี้ตื๊อแล้วด้วย ถ้าใช้อีฟเป็นไม้กันหมาได้คงดี
สร้างบุญคุณให้ ผอ.เชอรี่ที่มีเส้นสายในแวดวงธุรกิจ อาจเป็นประโยชน์ในอนาคตด้วย
ผมหักอกสาวไปเยอะ อยากลองช่วยให้พวกเธอเจอความรักดีๆ บ้างเหมือนกัน
อ่า แบบนี้อีกละ…เมื่อเริ่มเห็นใจใคร มักจะช่วยหาเหตุผลสนับสนุนอีกฝ่าย
ความอ่อนโยนคือจุดอ่อนของผม เอเดลพูดไว้ไม่ผิดเลย
อันที่จริง ผมแค่อยากหาอะไรทำเพิ่มให้สมองเลิกฟุ้งซ่าน
เผื่อว่ามัน…จะพอช่วยให้ลืมแม่นักปาหินมือฉมังได้บ้าง
.
-วันหนึ่ง ณ โรงอาหาร-
“เฮ้ย เจ้าหญิงน้ำแข็งว่ะ โคตรสวยเลย”
เพื่อนที่นั่งกินข้าวด้วยกันสะกิดชวนให้หันมอง
มันจะอะไรนักหนา ยังไงซะ ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนสวยกว่าเอเดลอยู่แล้ว…!
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
จู่ๆ หัวใจของผมก็เต้นผิดจังหวะ
เธอตัวเล็กผอมบาง เส้นผมและดวงตาสีนิลดำตัดกับผิวขาวใสราวเกล็ดหิมะผลัดให้ยิ่งเปล่งออร่า ริมฝีปากแดงสตอเบอรี่ดูมีชีวิตชีวา สายตาด้านชา
หลบซ่อนใต้แพขนตาหนา ลึกลับน่าค้นหา
ไม่หรอก ไม่ได้สวยขนาดนั้น ถ้าเทียบกับเอเดล
…แล้วทำถึงใจสั่นกันล่ะ?
สายตาแข็งกร้าวมองปาดสวนกลับเสียงนินทา เชิดเดินรับอาหารไปกินที่อื่น
ครืด!
“อ้าวเฮ้ย ไม่กินละหรอ?”
แรงดึงดูดลึกลับที่เกิดจากความสงสัย ถีบให้ผมรีบไล่ตามร่างเล็ก
นี่มันชักจะประหลาดเกินไปแล้ว
ควบคุมตัวเองไม่ได้…ผมกำลังทำอะไรอยู่วะเนี่ย?!
“สวีทพี~ หิวมั้ย? ดับเบิ้ลปลาทูเลยน้าา ^o^”
เธอแกะข้าวคลุกปลาทูที่เพิ่งซื้อมาให้แมวส้ม เอ่ยเจื้อยแจ้วเสียงหวาน แปลงร่างกลายเป็นนางฟ้า
เมื่อได้ยินเสียงและเห็นรอยยิ้มนั่น ผมก็จำได้ทันที!
ชื่อของแผลเป็นกลางใจ ‘ยูแช’
ตึกตักๆๆ!
คราวนี้ใจผมดันเต้นแรงกว่าเดิม
ซ่อนอยู่มุมตึกแอบมองสาว ยังกะพวกโรคจิตเลยให้ตาย…
แล้วผมต้องมองเธอแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่?
…
คำตอบคือ ‘อินฟินิตี้’
เพราะหลังจากวันนั้น ผมก็กลายเป็นสโตรกเกอร์ของเธอโดยสมบูรณ์…
อย่าเข้าใจผิดไปล่ะ นอกจากมอง ไม่เคยทำอะไรแปลกๆ เลยนะ
เท้าของผมมักหยุดยืนหน้าตึกผีสิง ทอดสายตามองขึ้นไปยังหน้าต่างบานใหญ่ชั้นสอง เห็นแผ่นหลังของเธอที่ยังนั่งทำงานขมั่กเขม่นอยู่อย่างนั้น
แค่อยากแน่ใจว่า เธอยังอยู่
…เป็นของจริงไม่ใช่ฝัน
ราวกับเธอเป็นราพันเซลบนหอคอยที่ไม่ยอมหย่อนผมลงมาง่ายๆ ส่วนผมเป็นเจ้าชายที่พอใจแค่เฝ้ามอง ไม่เคยคิดละโมบคว้าเกี่ยวผมให้เธอต้องเจ็บ
เทพนิยายเพ้อพกควรจบลงเพียงแค่นั้น
ถ้าตำแหน่ง ‘อีฟ’ ปีนี้ ไม่ใช่เธอ
…
เล่นเอาแทบจำหน้าไม่ได้ ดูเอาเถอะ ยูแช…จากลูกเป็ดขี้เหร่ไร้เดียงสา กลายมาเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็งแสนเย็นชา โลกคงไม่น่ารักกับเธอสินะ
รอยยิ้มและน้ำตาของเธอกลายเป็นของล้ำค่าไปซะแล้ว โชคยังดีที่หัวใจบริสุทธิ์กล้าแกร่งนั่นไม่เคยเปลี่ยน ฉันถึงได้วนเวียนอยู่ในห้วงแห่งความ
หลงใหลซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเผลอลืมไปว่า ตัวเองเกลียดกลัวความรักแค่ไหน
ความสัมพันธ์ประหลาดสุดท็อกซิก เหมือนแม่เหล็กสลับขั้วช่างน่าสนุก ดึงดูด ผลักออก หมุนวนอยู่อย่างนั้น…
ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้ ถ้าให้เล่าตั้งแต่ต้นจนจบคงน่าเบื่อแย่…
ผมขอเปลี่ยนมันเป็นนิทานก่อนนอนแทนละกัน
กาลครั้งหนึ่ง มีเจ้าชายโง่เขลาผู้เต็มไปด้วยอัตตา ปีนขึ้นถึงยอดหอคอยได้สำเร็จ แต่กลับถูกเจ้าหญิงผลักลงมาเผชิญหน้ากับความจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจ็บปวด บีบคั้น ท้ายทาย น่าโหยหา เขาไม่เคยหยุดตัวเองได้เลย แม้รางวัลจะเป็นเพียงการได้อยู่เคียงข้างเธอเท่านั้น
เจ้าหญิงไม่จำเป็นต้องหย่อนผมสวยๆ ลงมาให้เปรอะเปื้อน ขอแค่ยังเฝ้ามองกัน เจ้าชายจะหาทางปีนขึ้นไปเอง
เทพนิยายเรื่องนี้ไม่มีจุมพิตรักแท้ มีแต่จูบแรกปลุก ‘ปีศาจหื่นกระหาย’
เจ้าชายกลายร่างเป็นอสูร เต็มไปด้วยความโลภ อยากครอบครองร่างกายของเธอ เขายอมทำทุกวิถีทางเพื่อแลกกับจุมพิตแสนหวาน
เจ้าหญิงแท้จริงคือ ‘แม่มดน้ำแข็ง’ เธอมีพลังดับกองไฟราคะ เสกมันให้กลายเป็นความอบอุ่นซาบซ่านในอก ใช้หัวใจหลอกล่อให้อสูรวิ่งไล่ไม่ต่างกับ
ทาสรัก
จาก ‘นักล่า’ กลายเป็น ‘เหยื่อ’ แม่มดน่ารักร่ายเวทมนต์สะกดใจ พร้อมคำสาปให้โหยหาบูชาความรักเหนือสิ่งอื่นใด คำว่า ‘ฉันรักนาย’ บีบคั้นหัวใจจน
น้ำตาแห่งความสุขไหลออกมา
ในที่สุด เจ้าชายอสูรก็คืนร่างเป็น ‘แฟนหนุ่ม’ ส่วนแม่มด ต้องชดใช้กรรมถูกคำสาปย้อนกลับ กลายร่างเป็น ‘แฟนสาว’ ที่บางครั้ง มีสายตาร้อนแรง
เหมือนอสูร…
ทั้งคู่ครองรักกันหวานชื่น จนกระทั่งลาสต์บอสที่ชื่อว่า ‘ความรัก’ พรากพวกเขาจากกัน
ความรักบังคับให้ต้องเสียสละความสุขของตัวเอง เพื่อความสุขของอีกฝ่าย
แฟนสาวยอมทำตาม ส่วนแฟนหนุ่มไม่เข้าใจ
เขาคิดว่าสิ่งที่เธอทำนั้นไร้ค่า เพราะยังไงผลลัพธ์ก็เท่ากับ ‘ความสุข’ อยู่ดี
…ทำไมเราต้องเลิกกันด้วย?
ในวาระสุดท้ายของชีวิต แฟนหนุ่มถึงตาสว่าง รู้ว่าสิ่งที่บังคับให้แฟนสาวต้องเสียสละ ไม่ใช่ลาสต์บอสที่ถูกกล่าวโทษ แต่คือตัวเขาเองต่างหาก
…
หลับกันแล้วรึยังครับ? นิทานของผมคงน่าเบื่อเกินไป เพราะแม้แต่คนเล่าเองยังรู้สึกง่วงเลย…
ขอโทษที่ไม่ได้สานต่อจนจบ…ไม่รู้ว่าจะได้ตื่นขึ้นมาเล่าต่ออีกเมื่อไหร่
ผมยังอยากมอบความรักให้ยูแชอีกเยอะๆ
…แต่ตอนนี้ไม่มีแรงหายใจด้วยซ้ำ…
ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงนิทานจะถูกตัดจบ แต่เรื่องราวของเรายังเล่นวนอยู่ในหัวไม่หายไปไหน
จำที่ผมเคยเล่าได้มั้ย?
เมื่อสายลมพัดผ่าน เจ้าความรักลอยล่องไกล เติบโต เบ่งบานทั่วทุกดินแดน ราวกับเกสรสีดำของดอกแอนนีโมนี ไม่มีวันจางหาย…
…ผมไม่เหงาเลยสักนิด แต่หนาวจัง…
ยูแช…ดอกไม้สีเหลืองสดใสที่ผลิบานใต้แสงอาทิตย์อบอุ่น
ฉันคิดถึงเธอ…
ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เธอสวมชุดสีแดงสดเหมือนผลไม้ต้องห้ามส่งตรงจากสวนเอเดน
ถ้ารู้ว่าชีวิตมันขมขื่นขนาดนี้ ในตอนนั้นผมน่าจะดื่มด่ำความหวานจากเธอมากกว่านี้อีกหน่อย
…
นี่ คนสวย ผมไม่อยู่อย่าเย็นชานักล่ะ…เหลือพื้นที่เล็กๆ ในใจเธอไว้ให้ผมบ้างนะ
อย่าลืมฝันถึงผมด้วย แม้ว่าเราอาจไม่ได้เจอกันอีก…
ขอเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งในความทรงจำก็ยังดี…
เริ่มเพ้อเจ้อ…สติสตังไปหมดแล้ว…
เอาล่ะ บทบาทของผม…คงจบลงแต่เพียงเท่านี้
จนกว่าจะได้พบกันใหม่…
สำหรับคืนนี้…ราตรีสวัสดิ์
…
-The end of Twitz sides-
เพล้ง!!!
ซวยบัดซบ…มือถือฉันดันตกหลุดมือตอนเดินกลับหอ หน้าจอแตกยับ
ข้อมูลข้างในไม่ได้มีอะไรสำคัญนักหนาหรอก
…ก็แค่รูปของทวิตซ์ที่ฉันไม่เคยลบทิ้ง
…
“ฮืออออ!!!!”
ฉันทรุดเข่ากอดมือถือร้องไห้ราวกับมันมีชีวิต
รู้ดีว่าเป็นคนโยนทุกอย่างทิ้งไปเอง แต่ได้โปรดเถอะพระเจ้า ใจคอจะไม่เหลืออะไรไว้ให้ดูต่างหน้าเลยรึไง?!
.
ตามสูตรคนอกหัก กินไม่ได้นอนไม่หลับ โลกหม่นหมอง เอ๋อเหม่อลอย ฉันติดอยู่ในวังวนนั้น 1 วันเต็มๆ จนปลาดาวเป็นห่วงไม่ยอมกลับบ้าน…ฉันถึง
เริ่มตั้งสติได้ว่า ยังเหลือเรื่องที่ต้องจัดการต่อให้จบ
…
คำขอถอนตัวจากสภานักเรียนถูกยัย ผอ.เชอรี่ ปัดตก
ให้ทายว่ายัยปากร้ายนั่นพูดตอกหน้า ตอนเห็นสภาพซูบโทรมช้ำรักของฉันว่ายังไง
“เธอนี่มันโง่จริงๆ ทำนโยบายถึงขั้นนี้แล้ว ไม่เรียนรู้อะไรเลย…ฉันไม่เซ็น! ถ้าอยากเลิกนักก็ไปพาเจ้าชายดอกไม้มาด้วย!”
ยัยป้านี่เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า? ฉันให้เธอเซ็นอนุมัติใบลาออกนะยะ ไม่ใช่ใบหย่า! -*-
โธ่เอ๊ย! ละฉันจะไปตามล่าพาตานั่นกลับมายังไง?
นี่มันปิดเทอมแล้ว ทุกคนแยกย้ายกลับบ้านหมด มือถือก็ดันเจ๊งกะบ๊งเปิดไม่ติด
เหลือทางเดียวคือต้องใจกล้าหน้าด้านบุกถ้ำเสือ
…หรือจะลองขอความช่วยเหลือจากรูมเมทตานั่นดี? ลีโอดูเฟรนลี่ อาจยอมคุยกับทวิตซ์ให้ก็ได้
ประเด็นคือฉันดันไม่รู้ช่องทางติดต่อเจ้าชายแสงตะวันเลย
นิสัยอินโทรเวิร์ตเล่นฉันเข้าแล้ว พอเดือดร้อนหันหน้าพึ่งพาใครไม่ได้ซักคน
.
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่วันนี้ฉันตัดสินใจมาเยี่ยมชมรมว่ายน้ำ
แต่ลีโอก็ดันไม่อยู่อีก สุดท้ายเลยได้แค่เบอร์โทรเค้า
โชคดีที่ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญหน้าโรงเรียนยังใช้การได้อยู่
[ฮัลโหล สวัสดีครับ นี่ใครเอ่ย?]
น้ำเสียงเฟรนลี่ดูเป็นทางการของชายหนุ่มปลายสาย ทำให้ฉันมั่นใจว่าโทรถูกเบอร์ จึงรีบตอบกลับสั้นๆ
“ฉันยู”
[ใครนะ?]
โอเค…ลีโอจำฉันไม่ได้
“ที่เป็นประธานนักเรียน”
ฉันขยายความเพิ่ม พ่วงตำแหน่งต่อท้าย แต่กลับถูกตานั่นตัดบทดื้อๆ ทำท่าจะวางสายหนี
[ไม่รู้จักอะ ถ้าจะโทรมาจีบแค่นี้ก่อนนะ คนกำลังยุ่ง!]
อ้าวเฮ้ย! =[]=
สมองฉันเร่งคิดหาทางแก้ปัญหา ในบรรดา 108 ล้านวิธี มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นที่ผุดขึ้นมา
“เดี๋ยว!…ฉะ ฉันแฟนทวิตซ์ไง!]
>\\< บ้าบอ…ละทำไมฉันต้องเขินด้วยเนี่ย!? เลิกกันแล้วแท้ๆ
[อ๋อ…]
ในที่สุดเค้าก็จำได้ ค่อยคุ้มที่ฉันพูดจาน่าอายออกไปหน่อย
[เสียงเธอดูไม่ค่อยเศร้าเลยนะ]
ชายหนุ่มปลายสายเกริ่นประเด็นเสียงเรียบแอบหยั่งเชิง
…ตานี่ยังไม่เชื่ออีกหรอ?
ฝันไปเหอะ ฉันไม่แกล้งทำเสียงหงอยสำออย เพื่อให้เค้าคิดว่าเมคเซ้นต์ตามประสาคนอกหักหรอก
ไม่อยากเสียเวลาเล่นสงครามปั่นประสาทกับใครด้วย -*- เหรียญใกล้หมดละย่ะ!
“แล้วทำไมฉันต้องเศร้าด้วยล่ะ?”
เชิดไปโลด! ปากเก่งของฉันมันน่าชื่นชมจริงๆ ทั้งที่ตอนนี้สภาพหม่นหมองอมทุกข์ไม่ต่างกับคนโดนของเขมร =_=
[…]
ปลายสายเงียบไปพักนึง จนเริ่มลุ้นว่าเค้าจะวางรึเปล่า?
แต่จู่ๆ ตานั่นก็โพล่งขึ้นมา
[หรือว่าเธอ…! ว่าแล้วเชียว…ฟังนะ ตอนนี้ทวิตซ์นอนโคม่าอยู่โรงบาล ฉันก็ว่ามันแปลกๆ ทำไมไม่เห็นเธอ]
“…”
ข่าวร้ายทำหัวใจหยุดเต้น ในหัวว่างเปล่า มีแต่เสียงวิ้ง
ฉันช็อคหูดับ…สมองยังไม่อยากยอมรับความจริง
ภาวนาขอให้สิ่งที่เพิ่งได้ยินมันผิดที!
[ฮัลโหล! เฮ้…ยังฟังอยู่รึเปล่า? สัญญาณไม่ดีหรอ???]
ความรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแหลกคามือ ย้ำเตือนให้ยอมรับความจริง
ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินเกินควบคุม ฉันเม้มปากกดอารมณ์ พยายามคุมเสียงราบเรียบ แต่ก็ทำได้เพียงประโยคแรกเท่านั้น
“…เค้าอยู่ไหน? ฉันจะรีบไป!!!”
[ยังอยู่โรงเรียนมั้ย?]
น้ำเสียงเรียบเย็นปลายสายฉุดสติฟุ้งซ่าน
“อืม…”
[เจอกันหน้าประตูทางเข้า เดี๋ยวฉันไปรับ]
…
เพราะอยู่จุดนัดหมายแต่แรก เลยไม่จำเป็นต้องขยับไปไหน…
ฉันทรุดตัวนั่งพิงตู้โทรศัพท์ราวกับวิญญาณหลุดจากร่าง
พอคิดได้ว่าคนที่เจ็บปวดที่สุดคือทวิตซ์ไม่ใช่ฉัน…น้ำตามันก็ดันไม่ยอมไหลออกมาเสียดื้อๆ มีแค่ก้อนสะอื้นจุกอกติดคอชวนอึดอัด
อย่าทำเป็นสำออยหน่อยเลย…
คนที่ผลักไสเขาอย่างเธอ มีสิทธิ์อะไรมาเศร้า?
…
“อยากคุยมั้ย?”
ลีโอเปิดปากถามฉันที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ดึงให้หลุดจากภวังค์
อ่า สมองชาไปหมด เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังนั่งอยู่บนรถสปอร์ตของเขา
“ทวิตซ์…อาการเป็นไงบ้าง?”
เสียงแผ่วค่อยๆ ไล่เรียงประโยคเชื่องช้าล่องลอยเหมือนคนสติหลุด
“ออกจากไอซียูแล้ว กระดูกหักหลายซี่ สมองได้รับการกระทบกระเทือนเสียเลือดมาก ยังไม่รู้จะฟื้นเมื่อไหร่…”
“ฮึก…”
จากที่คิดว่าคงไม่ร้องแน่ ก้อนสะอื้นกลับตีรื้นขึ้นคอขัดจังหวะลีโอ
“โทษ…ที”
เสียงกล่าวขอโทษสั่นเครือ น้ำตาไหลซึมอย่างห้ามไม่อยู่
น่าอายจริงๆ ทำไมต้องมานั่งร้องไห้กับคนแปลกหน้าด้วย
“ร้องไปเถอะ ดีกว่าฝืนเก็บไว้นะ”
ลีโอส่งทิชชู่ให้ น้ำเสียงอ่อนโยนนั่น ทำให้ฉันคิดถึงทวิตซ์เหลือเกิน…
.
ลีโอเดินนำฉันเข้ามาในห้องสีขาวโพลน เต็มไปด้วยของเยี่ยมไข้มากมาย
กลิ่นยาเฝื่อนขมคอ อุปกรณ์การแพทย์และสายน้ำเกลือระโยงระยางที่เชื่อมต่อร่างเจ้าชายนิทราบนเตียงทำหัวใจแตกสลายอีกครั้ง
ทวิตซ์…ฉันมาหานายแล้วนะ
หวานและเอเดลที่นั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้ไม่ห่างหัันมองฉัน
“มาทำบ้าอะไรเอาป่านนี้!”
หวานลุกยืน ดาหน้าเข้าฉะตะคอกใส่ สาดอารมณ์รุนแรง
…ฉันไม่เคยเห็นเธอโกรธขนาดนี้มาก่อน
พลั่ก!
มือเล็กผลักไหล่พาร่างเหม่อลอยซวนเซ ซึมซับอารมณ์ขุ่นเคืองไม่ตอบโต้ ดวงตาสีน้ำผึ้งเกรี้ยวกราดปริ่มหยาดน้ำตารื้นชื้น หัวใจของเธอคงทรมานไม่
ต่างจากฉัน
"เธอเป็นแฟนประสาอะไร! ทั้งที่ทวิตซ์…”
“พอเถอะ”
เอเดลจับรั้งไหล่หวานด้วยท่าทีสงบเยือกเย็น ตรงข้ามกับแววตาสีหม่นสั่นระริก
เราต่างรู้ดี…คนที่เจ็บปวดที่สุดในห้องนี้ รองจากทวิตซ์ก็คือเธอ
“ฮึก…ฉันขอโทษ”
น่าไม่อาย…เป็นแค่คนนอกแท้ๆ ยังสำออยเรียกร้องความสนใจ
ฉันพยายามใช้มือเช็ดขยี้น้ำตาที่ไหลไม่หยุดจนแดงช้ำแสบไปหมด
ขอโทษจริงๆ ที่มาช้า…
ฉันขอโทษที่เอาแต่ร้องไห้…
ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน ฉัน…ไม่น่าพูดใจร้ายกับนายเลย
…
มืออุ่นของเอเดลลูบหัว ปลอบประโลมโดยไร้คำพูด
ความอ่อนโยนของสองแฝดที่เหมือนกันอย่างกับแกะ ทำฉันหยุดร้องไห้ไม่ได้อีกแล้ว
“ฮือออออ…”
.
ห้องเงียบสงัดที่มีเพียงฉันกับเจ้าชายดอกไม้และเสียงลมหายใจโรยริน
มันไม่โรแมนติกเลยสักนิด…
คืนนี้ฉันอาสาเฝ้าเค้า จัดการโทรบอกที่บ้านเรียบร้อย ซึ่งทุกคนรู้เรื่องนี้ก่อนฉันซะอีก
ทั้งเอเดล หวาน คุณอาและพ่อ พวกเขาพยายามติดต่อฉันแล้ว
มือถือพังมันไม่ใช่ข้ออ้าง…เป็นเพราะที่ผ่านมา ฉันเอาแต่สนใจตัวเองไม่เคยแคร์คนรอบข้าง ผลลัพธ์มันถึงออกมาน่าสมเพสแบบนี้
ใบหน้าสวยมีรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย ซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงเหมือนกลีบดอกไม้รอวันโรยรา
เปลือกตาปิดสนิทมีเพียงแพขนตาเงินระยับเล่นแสง ปราศจากดวงตาสีฟ้าสดใสที่ฉันโหยหา…
นี่ ทวิตซ์…ฉันชอบมองเวลานายนอนอย่างมีความสุขนะ ไม่ใช่เดี้ยงใกล้ตาย
ปลายนิ้วเรียวถนอมปัดปอยผมสีเงินระหน้า ร่างกายของเขายังคงแผดแผ่ไออุ่นให้รู้สึกใจชื้น
ฉันโลภมากไปหรอ? ที่หวังเพียงให้นายมีความสุข…
ทำไมความปรารถนานั้น ถึงไม่เป็นจริงกันล่ะ…
น้ำตาอุ่นเริ่มไหลรินอีกครั้ง
“ขอโทษนะ ขอโทษ…”
ฉันพึมพำก้มหน้าซุกมืออุ่นของทวิตซ์ คราบน้ำตาเปียกแฉะเปรอะเปื้อน
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขอโทษอะไร ทำไมถึงเลือกพูดคำนี้…
“นายไม่ต้องกังวล… ฮึก พักผ่อนให้เต็มที่เลย…”
น้ำเสียงสั่นไหว เริ่มพูดเพ้อ
“ไม่ว่านานแค่ไหน…”
…หากแต่มันกลั่นออกมาจากหัวใจที่มั่นคง
“ฉัน…จะรอ”
(จบตอน)
ยิปโซ; ตราตรึงด้วยวังวนแห่งรัก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ