The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  26 บท
  1 วิจารณ์
  1,944 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) -ป๊อปปี้-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

“ทำไมต้องลากฉันมาด้วยฟะ?”

 

“Shut up หัวพริก! จะปล่อยสาวสวยฮอตไฟลุกเดินคนเดียวได้ไง~”

 

“ฮอตหลอกอ่ะดิ แห้งแล้งหมดละ ไม่เห็นมีไอ้หน้าไหนจีบเธอซักตัว!”

 

“เออน่า ปีนี้แหละย่ะ แต่งแน่!”

 

“เพ้อเจ้อ แค่เปลี่ยนจาก บ เป็น ช เนี่ยนะ ยัยเบอรี่เน่า! แก้ที่สันดานก่อนมะ? ดูดิ๊ แรดเบอร์นี้ยังไม่มีใครเอา”

 

“กรี๊ดดด ไอ้ปากชิงหมาเกิด!!! ทีแกล่ะ บุพการีเย็บกันในปล่องภูเขาไฟรึไง ลูกถึงออกมาชื่อแม็กม่า!!!”

 

“อ่าวเฮ้ย! วอนซะละนังนี่!! -*-”

 

เรามารอสแตนบายเปิดงานหลังเวที แต่ดันเจอศึกชิงแชมป์นักด่าระหว่าง ‘ผอ.เชอรี่’ หัวทองกับเจ้าชายโลกันต์ผมแดง ‘แม็กม่า’ ถ้าพวกเขาไม่ได้แต่ง

ชุดทองแมตซ์กัน คงไม่มีใครรู้ว่าเป็นคู่ควงไม่ใช่คู่ชก

 

“อ้าวว ผอ. กับพี่แม็กนี่นา ยังรักกันดีมั้ยคร้าบ~ ^o^” 

 

“หุบป๊ากก!!!”

 

อีตาทวิตซ์เดินร่าเข้าไปทักทายแซวสนุก โดนรุ่นพี่คู่ไฟท์ตะคอกใส่พร้อมเพรียงเหมือนเตี๊ยมไว้

 

=-=* ไอ้แก๊งนี้เนี่ย เล่นตลกโบ๊ะบ๊ะอะไรกัน งานจะเริ่มละนะ

 

“ว๊ายย~ เธอสวยจัง ดูดีกว่ายัยอ๊องเอวาอีก!” 

 

สาวผมทองในชุดวาบหวิววิบวับ จับฉันหมุนเช็คสภาพ พูดเปรียบเทียบเยาะเย้ยอดีตอีฟ ที่ตอนนี้นอนเป็นผักอยู่โรงบาล ยั่วโมโหแม็กม่า

 

“กรี๊ดดด!!! หัวช้านนน” 

 

ผมสีทองโดนยีฟูฟ่องด้วยน้ำมือเจ้าชายโลกันต์

 

((ลำดับต่อไป ขอเรียนเชิญท่าน ผอ.เชอรี่ คนงามล้ำนำสามโลก กล่าวเปิดงานวันนี้ด้วยค๊าา~))

 

เสียงประกาศของยัยพิธีกรปากแจ๋วคนเดิมเร่งให้ตื่นเวที

 

“แก๊จะรับผิดชอบยังไง๊!!!!” 

 

แหม่มสาวพิโรธจับหัวแดงเขย่าคอแทบหลุด

 

อีตาทวิตซ์หัวเราะไม่หยุด มิวายปั่นกวนทีน

 

“ฮ่าๆๆ แอฟโฟร่กำลังมาแรงครับ ลุยเลยฮะ ผอ.!”

 

“เออใช่! ฉันหวังดีนะเฮ้ย >o<” 

 

แม็กม่ารีบคว้าเชือกที่น้องรักโยนลงมา เอาตัวรอดหน้าด้านๆ

 

แหม ไอ้พวกเจ้าชายสตอเบอรี่ -*- เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย

 

ขวับ!

 

“T-T” 

 

เชอรี่ผู้น่าสงสารหันมองฉันตาแป๋ว

 

อึก…ซวยแล้วไง

 

“สวยค่ะ” 

 

ฉันโกหกหน้าตาย

 

ขอโทษนะ! ก็ไม่อยากให้งานล่มนี่นา >_<

 

^^b

 

= =b

 

สองหนุ่มหล่อแอบชูฮก 

 

อ๊ะ เวรละ ฉันดันกลายเป็นผู้ร่วมขบวนการไปซะแล้ว -_-;;

 

((ย๊าฮู~ คุณเชอรี่ ยังมีชีวิตอยู่มั้ยเอ่ยย เดี๊ยนโทรจองวัดรอเลยมั้ยเค๊อะ))

 

โอ้ย ปวดหัว…ใครมันช่างจ้างนังพิธีกรคนนี้ได้ทุกปี -*-

 

หมับ!

 

เชอรี่จ้ำอ้าวขึ้นเวที ไม่ลืมลากแม็กม่าที่โดนยำเละสภาพร่อเร่พอกันไปด้วย

 

วี๊ดดดด

 

ป๊อกๆ

 

เสียงไมค์หวีดเปิดงานแสบหู ทำสาวเจ้าต้องเคาะตบก่อนเริ่มพูด 

 

((เอิ่ม บั่บว่าเราจู๋จี๋กันนิดหน่อย~ อะฮึ่ม ขอประกาศเปิดงานคริสมาสต์อีฟอย่างเป็นทางการ! เพื่ออุทิศแด่ท่าน ผอ.โทนัส ขอให้ทุกท่านมีความสุข!

สนุกกันเต็มที่! อย่าให้คนบนฟ้าต้องผิดหวัง!!! ข่อมค่า!!!))

 

วี๊ดดด

 

 

ฟิ้วว

 

ทุกคนต่างตะลึงงันกับคำกล่าวเปิดงานสุดชิค ชิค ที่ย่อมาจาก ชิบ-อ๋าย-ค่ะ

 

มีเพียงเสียงหวีดไมค์ทิ้งท้ายและสายลม ก่อนแม่นางจะเดินสะบัดผมสีทองเชิดลงเวที 

 

((เลิศมากค่ะแม่!!! ลำดับต่อไป ขอเชิญอดัมกับอีฟ สองคู่รักชูชื่นสวีทวี๊ดวิ้วไม่อายฟ้าดิน~))

 

พูดขนาดนี้ฆ่าฉันเถอะ!!! >\\\<

 

((เจ้าชายดอกไม้ พ่อหนุ่มน่าเจี๊ยะที่สาวๆ ทั้งโรงเรียนยอมถวายมดลูกให้ และ…เอ่อ เจ้าหญิงน้ำแข็งอะไรซักอย่าง ช่างนางเห๊อะ!))

 

ทวิตซ์ถอนหายใจกดนิ้วนวดแถวขมับ…

 

ขนาดเขายังทนนังพิธีกรนี่ไม่ไหวอะคิดดู!

 

((เว๊ลคั่ม ทู แด๊นซ์ ออน เดอะ ฟลอ คร๊าาา!!!~))

 

ฟรึ่บ

 

ตึง!

 

ไฟในงานดับสลัว แสงสปอตไลท์จากเบื้องบนส่องตามล็อคเป้าหมายให้ความรู้สึกเหมือนคนร้ายหนีคดี

 

มีเพียงกลิ่นดอกไม้และสัมผัสไออุ่นจากหนุ่มข้างกายที่ช่วยให้จิตใจฉันสงบลงบ้าง

 

“ไม่ต้องห่วง ฉันนำเอง” 

 

ทวิตซ์พูดให้กำลังใจ ก่อนเริ่มการเต้นรำที่ไม่เคยได้ซักซ้อม เพราะฉันเอาแต่หนีหน้า

 

สองฝีเท้าหยุดยืนประจำตำแหน่ง เจ้าชายผู้สง่างามในชุดสีแดงสดปานหยดเลือด โค้งตัวตามมารยาท ยื่นมือรอขอเต้นรำ

 

แปล่บ

 

เกิดกระแสไฟฟ้าสถิตไหลผ่านเมื่อสัมผัส ฝ่ามือวางประทับถูกดึงดูดด้วยพลังงานบางอย่างจับกันแน่น ราวกับว่าไม่มีวันคลายออก ดวงตาฟ้าพราว

ระยับสะท้อนภาพหญิงสาวที่กำลังจ้องมองเขาเช่นกัน

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

ช่วยบอกที…หัวใจกำลังเต้นผิดจังหวะ เพราะตื่นงานใช่มั้ย?

 

((เล็ท สะต๊าดดด!!!!~))

 

ทั้งงานสะดุ้งโหยง พลังเสียงปล่อยรถแข่งของนังพิธีกรสุดเพี้ยนดังฟ้าลั่นดินสะเทือน

 

ทวิตซ์ก้มประทับจุมพิตหลังมือ เปลี่ยนเป็นท่าจับประสาน ขยับตัวเข้าประชิด

 

เปียโนดีดบรรเลงทำนองโรแมนติกสุดคลาสสิค ‘Love's Dream After the Ball’ 

 

ฉันรู้สึกประหม่าจึงเปลี่ยนจุดโฟกัส จ้องมองเข็มกลัดเรนเดียร์ลากเลื่อนสีทองบนอกเขาแทน

 

“ยูแช” 

 

เสียงนุ่มนวลดึงสายตาให้กลับไปลุ่มหลงดวงตาแซฟไฟร์

 

ร่างกายขยับไหลตามจังหวะชักนำของเขา เรียนรู้และจดจำได้เองตามธรรมชาติ หัวใจพองโตท่ามกลางกลิ่นสวนดอกไม้และบรรยากาศชวนฝัน…

 

 

ตึง ตึง ตึง

 

บีทเปียโนแสนหวานหยุดชะงัก กลายเป็นเสียงกดดีด รุนแรงดังห้วงทำนองแม่มด

 

“เต้นแบบเดิม แต่เร็วขึ้นตามจังหวะ…” 

 

ครูสอนเต้นคนแรกกระซิบเตือน

 

ตึง!

 

แสงแฟลชไลท์ฉายสาดนักเปียโนสาวในชุดขาว 

 

นะ นั่นมันหวาน!!! O_O

 

บางอย่างบอกฉันว่า ความซวยกำลังมาเยือน

 

ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง

 

นิ้วเรียวบดขยี้คีย์สูงกรีดแก้วหู จัดบทเพลง ‘Rush E’ เร็วนรกแตก

 

ไม่มีเวลาให้หยุดคิด ทวิตซ์ชักใยร่างบางเคลื่อนไหวราวหุ่นเชิด ขยับตรงทุกจังหวะแข่งกะหวานที่รัวนิ้วไวเหนือแสง การต่อสู้ของพวกยอดมนุษย์ห้อง

คิงน่าตื่นตาท้าทายขึ้นเรื่อยๆ 

 

แต่ช่วยเอาคนธรรมดาอย่างฉันไปเก็บก่อนได้มั้ย?! ขอเกาะตามขอบกำแพงเหมือนเดิมก็ได้!~ ToT

 

ฉันถูกเหวี่ยง หมุน โยน แว้บไปมายังกะขึ้นรถไฟเหาะอ้วกแทบพุ่ง ตามจังหวะเขาไม่ทัน สะดุดขาตัวเองในนาทีที่เพลงจบลงพอดี

 

…ตึ่งตึ๊ง!!!

 

ทวิตซ์รับไว้ทัน แขนแกร่งคล้องเอวบาง กลายเป็นท่าปิดจบสวยเริ่ดแบบงงๆ

 

“Victory~” 

 

นัยน์ตาเล่นแสงงามระยับเปล่งประกายประกาศชัยชนะ ท่ามกลางความเงียบของผู้ชมที่ตกตะลึง

 

“ฮะๆ…”

 

รอยยิ้มพึงพอใจของเขาทำให้ฉันรู้สึกสนุกไปด้วย หัวเราะแห้งสติหลุด แม้ร่างกายฟ้องถึงความทรมาน หอบแฮ่กเหงื่อท่วมตัว ตาพร่า มึนหัวคลื่นไส้

อยากอาเจียน

 

แปะๆๆๆ 

 

เสียงปรบมือกรี๊ดกร๊าด ดังสะท้อนทั่วฮอลล์

 

((สะใจอีช้อยนัก!!! จบกันไปหมาดๆ กับสงครามรักสามเส้า เอ้ย! การเต้นรำเปิดฟลอของปั๋วทิพย์อิฉันเอง! ใครยังไม่มีคู่ เตรียมตะครุบเหยื่อด่วน!

ด๊านซ์ อิน เฮฟเว่น! เต้นให้สะโพกหลุดกันเลยค่ะซิส!!!))

 

พรึ่บ

 

แสงไฟในงานกลับมาส่องสว่างอีกครั้ง วงดนตรีบรรเลงเพลงหวานตรงข้ามกับบทเปิดงานแซ่บไฟลุก บรรยากาศในงานรื่นเริงสนุกสนาน มีโต๊ะบุฟเฟ่ต์

ยืนกิน รอบๆ ประดับตกแต่งด้วยสายรุ้งสีทองสลับเงินห้อย ถุงเท้า ลูกกวาด กระดิ่ง ฮอลลี่ ตัวแทนสัญลักษณ์ต่างๆ บ่งบอกถึงความเป็นคริสมาสต์  

 

หวานหายไปไหนไม่รู้ ส่วน ผอ.เชอรี่ ที่ตั้งท่าจะโชว์สเต๊ปถูกแม็กม่าล็อคตัวสกัดดาวรุ่ง ปลาดาวกับแคคตัสกลายเป็นอีกหนึ่งคู่เต้นรำหวานฉ่ำประจำ

งาน

 

ส่วนฉันน่ะหรอ?

 

…ไม่ทันไรก็หมดสภาพนั่งคอพับอยู่หลังเวที มีทวิตซ์คอยดูแลซับเหงื่อ โบกพัดวี หาน้ำท่าประเคนให้

 

เหลือพิธีสาบานรักตอน 5 ทุ่มครึ่ง ฉันยังตายไม่ได้!

 

“หนุนตักมั้ย? หน้าเธอดูไม่ดีเลย” 

 

พ่อหนุ่มไมโครเวฟใส่ใจดูแลใกล้ชิดสนิทเหมือนแฟนจนฉันต้องขีดเส้น

 

“เราเลิกกันแล้วนะ” 

 

คำว่าจบพูดเบาๆ ก็เจ็บ ไม่ใช่แค่ทวิตซ์ซึมเป็นส้วม แต่คนพูดยังโดนดาเมจน้ำตาแทบไหล

 

…ไม่น่าเลยฉัน

 

“ให้ตายฉันก็ไม่เลิกกับเธอ” 

 

เจ้าของเสียงโมโนโทนบังคับกดหัวหนุนอก ออกคำสั่งเสียงเรียบ 

 

“นอน”

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

หูนาบอกได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัว ฝ่ามืออ่อนโยนลูบตะล่อมกล่อมเด็ก 

 

ถ้าโงหัวขึ้นตอนนี้ ตานั่นต้องเห็นแน่ว่าใบหน้าฉันแดงก่ำ แถมยังยิ้มไม่หุบ

 

…ยอมทำตามเขาซักนิดคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง -///-

 

 

…..

 

……..

 

ซักนิดกะผีสิ!!! นี่ฉันหลับไปนานแค่ไหนกัน? ทำไมทั้งงานเงียบแบบนี้

 

ให้ตายสิ อยู่ใกล้ทีไรเล่นเอาเคลิ้มลืมเวลาทุกที…

 

เพราะวันนี้ฉันเหนื่อยด้วยแหละ ทั้งพวกชมรมแฟชั่น เต้นรำสเต็ปนรก ไหนจะต้องรับมือกับคนขี้อ่อยอย่างนายอีก

 

…แต่รู้สึกสนุกจัง แม้เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ 

 

พอจบงานนี้ ตำแหน่งอีฟและประธานนักเรียนจะสิ้นสุดลง ฉันตั้งใจไว้แบบนั้น 

 

ต่อไปนี้เราคงไม่มีเหตุผลให้ต้องเจอกันอีก 

 

อยากให้นายมีความสุข นั่นคือสิ่งที่ฉันปรารถนาจากใจจริง แม้ว่าในตอนนั้นจะไม่มีฉันอยู่ข้างๆ…

 

ฉันบิดขี้เกียจพยุงตัวลุกจากตักเจ้าชายนิทรา เปล่งเสียงเรียกปลุกเบาๆ

 

“ทวิตซ์”

 

“…ยูแช” 

 

ร่างสูงขานชื่อตอบรับ แต่เป็นเพียงแค่เสียงละเมอเท่านั้น

 

“ฉันรัก…”

 

((ฮ้าโหล! ฮ้าโหลเท๊ส!!!))

 

ทวิตซ์สะดุ้งตื่นหันซ้ายแลขวาดูเวลา คว้าหยิบเสื้อนอกที่เคยห่มคลุมให้ฉันมาใส่

 

((อดัมกับอีฟหนีไปพลอดรักกันที่ไหนน้าา กลับมาปิดงานก่อนจ้าา))

 

ฉันรีบจัดเสื้อผ้าเผ้าผม สภาพหัวเป็นอีเพิ้งไม่ไหว เหลือทางเดียวคือปล่อยสยายสางๆ ให้เข้าทรง และได้อีตาทวิตซ์สะลึมสะลือช่วยอีกแรง

 

((เร็วหน่อยพ่อขุนแผน~ เสกกุมารเข้าท้องกี่ตัวแล้วเอ่ย?))

 

ยัยพิธีกรสำบัดสำนวนเล่นมุขใต้สะดือกดดัน ทำเอาวิ่งกุลีกุจอหน้าตั้ง

 

ตึง!

 

แฟลชไลท์สาดส่องอีกครั้ง ทั้งฮอลล์มืดสลัว ทุกสุรเสียงดับสิ้น ภายใต้ความเงียบงันมีเพียงเสียงฝีเท้าก้าวเดินขึ้นจากคนละฟากของเวที หยุดบรรจบ

กัน ณ จุดศูนย์กลาง ประจัญหน้าเตรียมทำพิธี

 

บรรยากาศเงียบสงบ แอร์เย็นเฉียบ ทำให้นึกถึงอาถรรพ์อีฟที่ถูกเล่าต่อกันมา คนแรกตาย คนสองกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา…แล้วฉันล่ะ?

 

อึก

 

ฉันกลืนความตื่นเต้นหวาดหวั่นลงคอ ตั้งใจโฟกัสพิธีแม้เป็นเพียงตัวประกอบไร้บทพูด งานนี้แค่ต้องยืนสวยๆ ให้เขาจูบเท่านั้น…

 

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

 

พอรู้ว่าต้องเจออะไรในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ใจก็ดันเต้นแรงไม่หยุด ฟ้องว่าฉันไม่พร้อมเอาซะเลย

 

นิ่งไว้ยู…รอเขาพูดเสร็จ เอาปากแตะกันจบปึ้ง! ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถ 

 

ไม่มี! ไม่มีเลยจริงๆ! >\\\<

 

ชายหนุ่มมาดเจ้าชายโค้งตัวคำนับผ่าเผย เรือนผมสีเงินงามระยับ นัยน์ตาฟ้าดุจอัญมณีเลอค่า ใบหน้าสวยคลี่ยิ้มบางน่าหลงใหลสะกดทุกลมหายใจ

เอื้อนเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลทรงพลัง

 

“ด้วยเกียรติของอดัม ขอสาบานต่ออีฟ”

 

บทของเขาทั้งสั้นและง่าย

 

“ว่า…”

 

แต่เขากลับติดขัด…

 

“ว่าจะ…”

 

สายตาสีน้ำทะเลสั่นระริกหม่นลง เต็มไปด้วยความสับสนและอารมณ์หลากหลายครุกรุ่นภายในใจจนปิดไม่มิด 

 

…แต่เขายังคงฝืนพูดมันต่อไป

 

“จะรัก…”

 

“…พอเถอะ” 

 

น้ำเสียงแผ่วเบาของฉัน มีเพียงเราเท่านั้นที่ได้ยิน

 

ได้โปรด อย่าพูดเลย…

 

คำว่า ‘รัก’ ที่บีบคั้นจากความเจ็บปวดของนาย

 

ฉันไม่ต้องการ…

 

ฟึ่บ

 

เน็คไทน์สีเขียวถูกกระตุกให้ร่างสูงก้มต่ำลง ปลายเท้าเล็กเขย่งเพื่อปรับความสูงเสมอกัน 

 

ฉันเป็นฝ่ายรุกจูบเขาก่อน

 

ริมฝีปากอบอุ่นสัมผัสกัน แต่ทั้งใจกลับรู้สึกหนาวเหน็บ

 

…รสจูบของเรามันขมจัง

 

“กรี๊ดดดด”

 

เสียงกรีดร้องของเหล่าหญิงสาวในงานโหยหวนทรมาน

 

แต่เชื่อเถอะ พวกเธอไม่เจ็บปวดเท่าฉันหรอก

 

เพียงไม่กี่วินาที ช่างแสนยาวนาน ฉันถอนตัวออกมายืนที่เก่า สายตาพร่ามัวชื้นแฉะจนมองไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้ายังไง

 

ดีแล้วล่ะ…เพราะฉันไม่อยากเห็นสายตาแบบนั้นของนายอีกแล้ว

 

“จะรักตลอดไป”

 

ฉันกล่าวแทนคำสาบานที่เขาไม่มีวันพูดมันออกมาได้ด้วยความยินดี

 

ปุ้ง

 

เสียงเครื่องยิงหิมะเทียมดังขึ้น ปล่อยเจ้าก้อนระอองสีขาวร่วงโรยตระการตา โปรยปรายกลบสีพื้นพรมเขียว ต้องขอบคุณมันเช่นกัน ที่ทำให้ทุกคนหัน

ไปสนใจ จนไม่แลเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของฉัน

 

“ยูแช!”

 

เสียงทวิตซ์เรียกรั้งฉันที่วิ่งออกมาจากงานฝ่าฝูงชนมากมาย ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดหมายคือที่ไหน แค่อยากหนีไปให้ไกลที่สุด

 

ไกลจนความรู้สึกไล่ตามมาไม่ทัน…

 

“…แฮ่กๆ”

 

สุดท้ายก็ได้แค่หน้าทางเข้างาน น่าเจ็บใจที่ร่างกายมาไกลได้แค่นี้ 

 

เสียงหอบถี่ส่งสัญญาณว่าควรพอซักที 

 

“ยูแช! รอฉันด้วย!!!”

 

เสียงชายหนุ่มไล่ตามหลัง ทำให้ฉันต้องฝืนวิ่งต่อไปไม่คิดชีวิต 

 

“อย่าตาม…มานะ!!!”

 

ฉันแผดเสียงตะคอกใส่ ทั้งที่แทบหายใจไม่ทันด้วยซ้ำ 

 

ให้เจอหน้านายตอนนี้ ฉันยอมตายดีกว่า!

 

หมับ!

 

ธรรมชาติช่างไม่ยุติธรรม เพราะฉันขาสั้นกว่าใช่มั้ย? ถึงพ่ายแพ้ความเร็วของเขา

 

“แฮ่กๆ…บอกให้หยุดไง” 

 

“แฮ่กๆ…ปล่อย!”

 

เราหอบแข่งเป็นหมา ฉันพยายามสะบัดมือออก แต่ตานั่นกลับติดหนึบเหนียวยิ่งกว่ากาวตราช้าง 

 

นิ้วเรียวเอื้อมปาดเช็ดหยดเหงื่อให้ พยายามทอดมองอ่านใจ

 

“ยูแช…” 

 

ทวิตซ์เว้นช่วงไปพักนึง ก่อนเอ่ยถามต่อแผ่วเบาราวกับกลัวคำตอบ 

 

“เรา…กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย?”

 

สายตาสีหม่นหวาดหวั่น จ้องมองฉันอย่างอ้อนวอน 

 

“ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอ”

 

แน่นอนว่ามันส่งผลต่อใจฉันรุนแรง แต่คำตอบยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

 

“ไม่ ฉันไม่อยากคบกับนาย”

 

“ทำไม?” 

 

ทวิตซ์จ้องลึกเข้ามาในตา เอ่ยถามเสียงเรียบ

 

ไม่มีสิ่งใดหลบซ่อนจากสายตาคู่นี้ได้…

 

ฉันนี่มันโง่จริงๆ 

 

“เพราะนายไม่มีวันรักฉันได้ไงเล่า!!!”

 

เสียงแผดแผ่ดังลั่นเหมือนยกภูเขาออกจากอก ทำคนตรงหน้าช็อคค้าง แววตาแตกสลาย

 

“…ความสัมพันธ์ของเรา มันมีแค่นั้นรึไง?”

 

ไม่อยากเชื่อ ว่าเค้าจะพูดประโยคนี้ออกมา นายคงคิดว่ามันไม่สำคัญเท่าไอ้สมดุลบ้าบออะไรนั่นสินะ!

 

“แค่นั้นสำหรับนาย มันคือทั้งหมดที่ฉันต้องการ…ทำไมนาย ถึงไม่เห็นว่ามันสำคัญกันล่ะ!”

 

“แล้วทำไมเธอถึงคิดว่ามันสำคัญนักหนา! ที่ฉันทุ่มเทไปทั้งหมด ไม่มีความหมายเลยรึไง?!”

 

เราต่างตะคอกจิกกัด สาดอารมณ์รุนแรงใส่กันเดือดดาลเกินหยุดยั้ง

 

“เอาสิ! ถ้านายคิดว่ามันไร้ค่านัก ไม่ว่าใครก็พูดออกมาได้”

 

หยุดนะ…

 

“ก็ช่วยพูดให้ฉันฟังที”

 

หยุดทำร้ายเค้าเดี๋ยวนี้…

 

“ว่านายเอง…”

 

…เลิกเห็นแก่ตัวซักที

 

“…ก็รักฉันเหมือนกัน”

 

ไม่ทันแล้ว…

 

ฉันกลายเป็นผู้หญิงหน้าด้านร้องขอความรักอย่างน่าไม่อาย

 

“ฉัน…” 

 

สายตาที่สะท้อนภาพฉันไม่ต่างจากตอนนั้น

 

ความอ่อนโยน เสียดแทงกรีดหัวใจอย่างเลือดเย็น

 

“ที่นายพูดมันออกมาไม่ได้…เพราะไม่รู้สึกสินะ” 

 

ปากร้ายยังไม่วายเหน็บแนม

 

“…” 

 

ทวิตซ์กำหมัดแน่นเล็บจิกเนื้อ ขบฟันกรอดเต็มไปด้วยอารมณ์ครุกรุ่น

 

ฉันส่ายหัวตอบกลับ ชัดเจนแล้วว่า เราไปกันไม่รอด

 

น้ำตาอุ่นไหลออกมาอย่างสุดกลั้นพร้อมก้อนสะอื้น

 

“ได้โปรด…ปล่อยฉันไปเถอะ”

 

คำอ้อนวอนของฉันถูกกลั่นออกมาอย่างยากลำบาก

 

“ฉันไม่อยาก…ฮึก ทำร้ายนายอีกแล้ว”

 

ชายตรงหน้าหลุบสายตาลง เม้มริมฝีปากแน่นพยายามกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง ก่อนที่เขาจะตอบกลับแค่เพียงคำเดียวสั้นๆ

 

“อืม”

 

ภาพตรงหน้าพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตา ร่างสูงหันหลังเดินจากไป โดยไม่กล่าวคำอำลา ไม่มีแม้แต่ความลังเลที่จะเหลียวกลับมามองด้วยซ้ำ…

 

จบแล้วสินะ 

 

 

“…อย่าไปเลย”

 

เกร๊งง เกร๊งง เกร๊งง

 

คำสุดท้ายที่เห็นแก่ตัวของฉันถูกเสียงระฆังแห่งความยินดี ดังกลบไร้ร่องรอย

 

“ฮะๆ…”

 

มีเพียงเสียงหัวเราะสมเพสตัวเองเพียงลำพังล่องลอยตามสายลม

 

…สมน้ำหน้า

 

โง่จริงๆ คงไม่มีผู้หญิงหน้าไหนสมองน้อยเท่าเธออีกแล้ว!

 

แต่ว่านะ ฉันไม่รู้สึกเสียดายเลยซักนิด ดีใจด้วยซ้ำ ที่เขาหลุดพ้นจากยัยคนเห็นแก่ตัวแบบฉันได้ซักที

 

…ลาก่อนทวิตซ์ นายต้องมีความสุขให้มากๆ เลยนะ

 

“ฉัน…รักนาย”

 

.

 

-Twitz sides-

 

ผมเดินออกมานอกโรงเรียน หยุดยืนโบกแท็กซี่ด้วยสภาพเหม่อลอยไร้วิญญาณ

 

ได้แต่ย้ำถามตัวเองซ้ำๆ 

 

‘มันจบลงแล้วสินะ…ความสัมพันธ์ของเรา’

 

‘ที่ผ่านมาคืออะไร’

 

ผมเคยคิดว่า ยูแชเป็นเพียงคนเดียวที่ผมยอมยกให้ได้ทุกอย่าง 

 

ถ้าเธอต้องการ ไม่ว่าอะไรผมก็พร้อมประเคนให้โดยไร้ข้อแม้ 

 

สิ่งของล้ำค่า ความรู้สึก ร่างกาย หัวใจ ของที่ยกให้แล้วล้วนเป็นสิทธิ์ขาด จะทิ้งขว้างไม่ใยดีหรือปู้ยี้ปู้ยำมันยังไงผมไม่แคร์

 

แต่ดูท่าคงผิดถนัด…เพราะแค่คำว่า ‘รัก’ ผมยังให้เธอไม่ได้เลย 

 

เอี๊ยดด

 

เสียงเบรกรถแท็กซี่หยุดความคิดฟุ้งซ่านได้เพียงเสี้ยววิ 

 

ผมเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ

 

หรือว่ามันจะไม่ใช่ความรักแต่แรก…เป็นแค่ความลุ่มหลงชั่วครู่เท่านั้น

 

ผมถูกปั่นหัว ท้าทายให้ไล่ตามหัวใจของเธอ 

 

แล้วทำไม…มันถึงเจ็บนักล่ะ?

 

“เฮ้ย ไอ้หนุ่ม! ร้องไห้ทำไม?!”

 

น่าไม่อาย…นี่ผมกำลังร้องไห้อยู่หรอ? 

 

ผมก้มหน้าเอามือยันหน้าผาก พยายามตั้งสติ

 

ที่ผ่านมาผมเจียมตัวอยู่เสมอ ไม่เคยคิดฝันอยากได้สิ่งที่ไกลเกินเอื้อม

 

แต่นี่อะไร…กำลังทำตัวงี่เง่าเป็นเด็กเอาแต่ใจ เพราะถูกทิ้ง

 

“สภาพนี้อกหักรักคุด โดนตุ๊ดหรอกฟันมาล่ะสิ”

 

ลุงคนขับใจดีพยายามเล่นมุขปลอบใจ แต่โคตรน่ารำคาญเลย…

 

“เอาน่า ชีวิตนี้ยังอีกยาวไกล หล่อๆ อย่างเอ็งเดี๋ยวเจอสาวสวยเข้าหน่อย แป๊บๆ ก็ลืมคนเก่าละ”

 

สวยให้ตายก็ไม่เอา! ผมอยากได้คนนี้! ถ้าไม่ใช่ยูแชผมขอแก่ตายคนเดียวดีกว่า…

 

“…ฮึก” 

 

แม่งเอ้ย! คิดแล้วอนาถ หลุดสะอื้นออกมาจนได้

 

“เอ้อ แล้วเอ็งจะไปไหนล่ะ?”

 

“…อยากกลับบ้าน” 

 

น้ำเสียงผมสั่นเครือไม่ไหว

 

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ไม่อยากให้เอเดลเห็นสภาพนี้เลย

 

“ขอโทษครับ…ช่วยขับไปเรื่อยๆที…”

 

ลุงแกพยักหน้าตอบ สตาร์ทรถมุ่งสู่เส้นทางไร้จุดหมาย

 

เกลียดตัวเองจริงๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้…ทั้งที่ผมรอคอยเธอมาตลอดแท้ๆ

 

ทุ่มเท ดูแล ใส่ใจ ที่ทำไปทั้งหมดเป็นแค่การแสดงรึไง? ผมรักใครไม่ได้จริงหรอ? สู้อุตส่าห์ล้ำเส้นมาไกลถึงขั้นนี้แล้วเนี่ยนะ?

 

…ไอ้หัวใจทรยศ ตกลงแกต้องการอะไรกันแน่ รักหรือไม่รัก?

 

คำถามมากมายวนเวียนปนเปในหัว มาสู่บทสรุปที่รู้ดีอยู่แก่ใจ

 

เล่นขี้โกง เอาแต่ได้ ทำเธอเจ็บ…สมควรแล้วนี่ที่ถูกทิ้ง

 

แต่ผมยังอยากเจอเธออีกจัง…

 

 

ต่อให้นั่งร้องไห้ไปจนตายก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อความรู้สึกยังเหมือนเดิม

 

แค่บอกรักเอง! ซักวันต้องทำได้อยู่แล้ว! เธอพาผมมาไกลถึงขั้นนี้ จะให้ยอมปล่อยไปง่ายๆ ได้ไง 

 

แค่ต้องใช้เวลา…

 

“เอ้า ทิชชู่”

 

ปี๊ดดดดด!!!!

 

“ระ…”

 

…คงไม่เหลืออะไรให้ใช้แล้วล่ะ

 

ขณะที่ลุงใจดีหันมาส่งทิชชู่ให้ผม เสียงบีบแตรแหลมจากภาพรถสิบล้อคันใหญ่ตรงหน้า ก็ฉายแสงวาบพุ่งปะทะ โดยไม่ทันได้กล่าวเตือนด้วยซ้ำ

 

พระเจ้าท่านใจร้ายจัง ผมยังอยากแก้เกมรักกับเธอต่อให้จบ

 

ไม่สิ…อยากอยู่ด้วยไปทั้งชีวิตเลยต่างหาก

 

ในที่สุดก็เข้าใจ…

 

หึ ตลกร้ายรึไง ทั้งที่ผมเป็นคนสอนทฤษฎีนั้นให้เธอเองแท้ๆ

 

คนอ่อนแอที่ก้าวข้ามความเจ็บปวดในอดีตไม่ได้ เอาแต่กล่าวโทษความรัก…

 

ผมไม่ได้ต้องการ ‘เวลา’ สิ่งที่ขาดไปคือ ‘ความกล้า’ และ ‘การให้อภัย’

 

นี่คงเป็นบทลงโทษสำหรับคนขี้ขลาด ที่โกหกได้แม้กระทั่งหัวใจตัวเอง

 

 

เอี๊ยดดด!!!!!

 

ว่ากันว่า ก่อนตายในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ภาพของคนที่เรารักที่สุดจะปรากฎออกมา

 

เนรคุณสิ้นดี…ไม่ใช่ทั้งพ่อ แม่ หรือเอเดล 

 

คนที่ฉันคิดถึงคือเธอ…ยูแช

 

สิ่งที่คนเห็นแก่ตัวอย่างฉันต้องการครอบครอง เริ่มจากร่างกาย หัวใจ ไล่เรียงไปจนถึงความรัก

 

แต่เธอรู้อะไรมั้ย? ความจริงแล้ว สิ่งเหล่านั้นมันไม่เคยสำคัญสำหรับฉันเลย

 

เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ฉันเพิ่งค้นพบเองว่า สิ่งที่ต้องการจากเธอจริงๆ คือ ‘รอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข’ ต่างหาก

 

เจ้าหญิงน้ำแข็งอย่างเธอต้องไม่รู้ตัวแน่ ว่าตัวเองยิ้มเก่งแค่ไหน

 

เวลาเรายืนข้างกัน ได้ทอดมองเธอจากมุมสูง คอยลุ้นว่าจะแอบเผลอยิ้มให้อีกเมื่อไหร่ มันรู้สึกดีมากเลย

 

นี่ ยูแช คงสายไปแล้วใช่มั้ย? ถ้าฉันอยากพูดคำง่ายๆ แสนน่าเบื่อธรรมดาให้เธอฟัง

 

‘ฉันรักเธอ รักมาตลอด'

 

โครม!!!!!!

ขอโทษ…ที่ไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้ 

 


 

(จบตอน)

 

ป๊อปปี้;รักของฉันคือการเสียสละ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา