The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  27 บท
  1 วิจารณ์
  2,865 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) -ไลแลค-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ฉันตัดสินใจกลับก่อนโดยไม่กล่าวคำร่ำลา แม้จะเป็นการเสียมารยาทต่อคุณอา แต่คงดีกว่าไปร้องไห้ฟูมฟายให้เขาเห็น และเชื่อว่าเอเดลคงไม่พลาด

ทำหน้าที่ส่งสารแทนฉันแล้ว

 

ตลอด 4 ชั่วโมง สายเรียกเข้าจากทวิตซ์นับร้อยมิสคอลทำฉันแทบคลั่ง บีบให้ต้องบล็อคเบอร์ทิ้งตัดปัญหา 

 

ภาพพักหน้าจอถูกเปลี่ยนเป็นแบล็คกราวดำว่างเปล่า สมุดวิเศษที่แม้แต่คนติดเอฟยังได้เอ ขนมรสสตอเบอรี่…ตอนนี้อยู่ในถังขยะ 

 

น้ำฝักบัวเย็นชื่นไหลผ่าน ชำระล้างกลิ่นสวนดอกไม้

 

ไม่มีสิ่งใดคอยกระตุ้นให้ฉันคิดถึงเขาอีกต่อไป…นอกจากสมองและหัวใจที่มักทำงานสวนทางกันเสมอ

 

สายตาเปล่าเปลี่ยวเหม่่อมองเวลาเพียงลำพัง

 

[18 นาฬิกา 55 นาที]

 

ช่วงนี้ปลาดาวกลับดึกเกือบเที่ยงคืน เพราะติดติวหนังสือให้ไอ้แว่น

 

ใกล้แล้วสินะ อีกเพียง 2 สัปดาห์กว่าๆ ก่อนถึงวันสอบปลายภาคและคริสมาสต์อีฟ…

 

‘กว่าจะถึงตอนนั้น เธอคงตกหลุมรักฉันหัวปักหัวปำแล้วล่ะ’

 

ฟึบ!

 

ฉันพยุงตัวลุกนั่ง สะบัดหัวขับไล่ภาพหลอน!

 

 

[18 นาฬิกา 58 นาที]

 

เวลาไหลผ่านเชื่องช้า การจดจ่อกับหนังสือสักเล่มคงช่วยได้ 

 

ฉันหยิบตำราปกหนาใกล้มือมาเปิดอ่าน…

 

‘ทฤษฎีสัมพัทธภาพ’ 

 

เฮ้อ น่าจะโยนมันทิ้งไปด้วย

 

 

[18 นาฬิกา 59 นาที]

 

อีกแค่ 1 นาที…

 

อ่า โง่จริง เธอนับถอยหลังรออะไรมิทราบ?

 

 

[19 นาฬิกา]

 

ไอ้สายตาทรยศ! ช่วยหยุดมองนาฬิกาซักทีเถอะ!

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

ให้ตายสิ! แม้แต่หูฉันยังได้ยินเสียงแว่ว

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 

…หรือเปล่า?

 

ครืดด

 

ประตูระเบียงถูกเลื่อนออก ในจังหวะที่ฉันหันไปสบสายตาสีน้ำทะเลสั่นไหวของเจ้าชายดอกไม้พอดี

 

ยัยโง่ ไหนเธอเคยสาบานว่าจะไม่ลืมล็อคประตูไง…?

 

“ยูแช!”

 

หนุ่มหน้าสวยเรือนผมเงินในชุดลำลองตัวเดิมบุกเข้าห้องโดยพลการ 

 

หมับ!

 

ร่างสูงพุ่งเข้ากอดทำลายระยะห่างระหว่างเรา ร่างกายซึมซาบไออุ่นถูกปรนเปรอด้วยกลิ่นสวนดอกไม้หอมฟุ้งผสมหยาดเหงื่อชุ่มชื้น

 

ต่างจากทุกครั้ง…เสียงเต้นตึกตักในอกยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บ

 

“เป็นห่วงแทบแย่…ทำไมไม่รับสาย!” 

 

น้ำเสียงร้อนรนว้าวุ่นปนหอบถี่แสดงความห่วงใย

 

แต่ความอ่อนโยนนั้น กลับกลายเป็นเครื่องทรมานชั้นดี…

 

ฉันได้แต่ภาวนาขอให้หัวใจเยือกแข็งไม่หลอมละลายกลายเป็นหยาดน้ำตา ก่อนกลั้นใจกลั่นคำพูดตัดรอน 

 

“น่ารำคาญ”

 

“…ยูแช” 

 

แม้ไม่เห็นสีหน้า แต่รับรู้ได้ผ่านน้ำเสียงว่าหัวใจของเขากำลังแตกสลาย

 

ฉันขบริมฝีปากแน่นสกัดกั้นอารมณ์ พยายามใช้สมองนำทาง

 

ขอโทษนะ…ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนาย

 

“ฉันทนคบกับนายต่อไปไม่ไหวแล้ว” 

 

คำพูดเย็นชาตัดสายใยขาดสะบั้น

 

อารมณ์มากมายตีรวน…‘ความโกรธ’ คือหนึ่งในนั้น

 

ฉันรู้สึกโกรธเหลือเกินที่ตัวเองอ่อนแอ ไม่คู่ควรกับนาย

 

“ไปให้พ้น!” 

 

 

ความเงียบน่ากลัวเสมอ…

 

แต่คงไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าการต้องทนเห็นนายทุกข์ทรมานชั่วชีวิต

 

“ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก!” 

 

 

ร่างสูงไร้ซึ่งปฏิกริยาตอบสนอง สัมผัสไม่ได้แม้แต่เสียงชีพจรและลมหายใจ…ดั่งคลื่นลมเงียบสงบก่อนเกิดสึนามิ 

 

ฉันแข็งใจออกคำสั่งเสียงเรียบ 

 

“ปล่อย”

 

“ไม่” 

 

น้ำเสียงของเขาช่างว่างเปล่า อ้อมแขนแกร่งกอดรัดแน่น ย้ำให้ฉุกคิดถึงใบหน้าไร้รอยยิ้มที่ฉันหวาดกลัว 

 

ความกระวนกระวายส่งผลให้ไม่อาจควบคุมเสียงที่แผดออกมาได้อีกต่อไป

 

“บอกให้ปล่อย!!!”

 

“ฝันไปเถอะ!!!”

 

เราเริ่มตะโกนใส่กัน สาดอารมณ์เดือดดาล 

 

เหมือนลูกบอลที่ถูกปาอัดลงพื้น เด้งกระดอนย้อนกลับตามกฎแรงโน้มถ่วง

 

ตุ๊บ!

 

“โอ๊ย!” 

 

ฉันขยี้เหยียบเท้าเค้าแทบแหลก จนทวิตซ์ร้องโอดโอยคลายอ้อมกอดปล่อยเหยื่อ 

 

เมื่อสันติไม่ใช่ทางออก ฉันจึงต้องรีบวิ่งแจ้นหาประตู ก่อนปีศาจหัวเงินจะตามมาล้างแค้น

 

กรึก

 

ลูกบิดประตูห่างแค่เพียงเอื้อมมือ ทวิตซ์ก้าวพริบตาดักหน้า จัดการล็อคลงกลอนเสร็จสรรพเตรียมปิดประตูตีแมว

 

ฉันรู้จักสายตาสีครามตายด้านคู่นั้นดี…เขากำลังโกรธจัด

 

ตึง!

 

ข้อมือเล็กบอบบางถูกเก็บรวบด้วยมือใหญ่เหนือหัว กดกระแทกติดประตูไร้ทางหนี

 

สายตาแข็งกร้าวจ้องปะทะ ใบหน้าสวยแสยะยิ้มร้ายอันตรายโน้มเข้าใกล้ พากลิ่นหอมคุ้นเคยราดรดผ่านลมหายใจร้อนรุ่ม 

 

ความกลัวปลุกเร้าให้หัวใจเต้นเร็วแรง

 

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

 

“ฉันเกลียดนาย!” 

 

ขอบคุณปากเก่งที่ไม่ทรยศเจ้าของ…ผิดกับสองแก้มแดงระเรื่อ

 

“เออ แล้วไง?” 

 

คำตอบรับเต็มเปี่ยมด้วยอัตตา แสดงให้เห็นว่าการต่อต้านของฉันช่างไร้ความหมาย

 

ประทานโทษ! นี่หัวใจหรือหินควอร์ตไซต์ ถ้าจะเลิกกับคนอย่างนาย ต้องรอให้จากตายเท่านั้นรึไง?!

 

ริมฝีปากร้อนผ่าวเฉี่ยวใกล้ใบหู ทุกวาจาเปล่งชัดหนักแน่น

 

“มันเป็นเรื่องของฉันเหมือนกัน อย่าด่วนตัดสินใจเอาเองคนเดียว”

 

เป็นเหตุผลที่ถูกต้องสมบูรณ์พร้อมทุกกระเบียดนิ้ว มีแต่แพ้กับแพ้ แต่จะให้ยอมจำนนได้ยังไง? ในเมื่อมันเกี่ยวพันกับหัวใจของนาย…

 

“ไสหัวไป!” 

 

ฉันจ้องสู้ตวาดใส่เจ้าของสายตาสีครามเยือกเย็น ทั้งที่อยู่ในสภาพสิ้นไร้ไม้ต่อ

 

“…ได้”

 

‘ได้’ ที่แปลว่า ‘ไม่’

 

สิ้นเสียงกระซิบแผดเผา ปลายจมูกโด่งล้ำเข้ารุกไล้ซอกคอร้อนวูบวาบ

 

นะ นายหูเพี้ยนรึไงย๊ะ!? ฉันบอกให้ไสหัวไป๊! ไม่ใช่ไซร้ซอก…คอ…

 

ฉันฮึบขบริมฝีปากแน่นอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีเสียงแปลกๆ เล็ดลอดออกมา

 

“ยูแช…” 

 

เขาเอ่ยเรียกชื่อเนิบนาบคล้ายเสียงกระซิบจากซาตานยั่วยวนให้ทำเรื่องผิดศีลธรรม

 

ปลายนิ้วเรียวบรรจงลากผ่านตั้งแต่หัวเข่าลามขึ้นถึงต้นขา ทิ้งร่องรอยสัมผัสซาบซ่านปานถูกเทียนรน

 

“ฮ้าา…”

 

ร่างกายฉันพ่ายแพ้ ริมฝีปากเผยอขึ้นหอบหายใจสูดรับอากาศบริสุทธิ์

 

ทันทีที่อ้าปากก็เสร็จโจร มือใหญ่คว้าบีบแก้มแดงก่ำ ริมฝีปากร้อนนาบทับแนบสนิทปิดลมหายใจ บังคับป้อนยาพิษกลิ่นดอกไม้ชุ่มฉ่ำหวานปนขม 

 

สัมผัสอ่อนนุ่มเร่งสอดใส่ยัดเยียดพัวพันทำฉันแทบคลั่ง รู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังจมน้ำ…

 

…หายใจไม่ออก ภาพตรงหน้าเริ่มพล่ามัว แรงกดบีบที่ข้อมือทวีคูณจนเจ็บชา

 

จูบของเค้ากำลังฆ่าฉันทั้งเป็น…ขืนปล่อยไว้คงได้ตายจริงๆ แน่

 

“อื้ม!”

 

ร่างระทวยไม่อาจหลุดพ้นพันธนาการ ทำได้เพียงส่งเสียงแข็งขืนในลำคอ เติมเชื้อไฟให้ริมฝีปากไร้ความปราณีบดขยี้แรงขึ้นอีก

 

ก่อนถูกชายผู้เต็มไปด้วยโทสะและตัณหาเข้ายึดครองทุกสิ่ง ฉันใช้แรงเฮือกสุดท้ายขบกัดชิวหาเจ้าเล่ห์จนกลิ่นสนิมคาวเลือดคละคลุ้งเต็มปาก

 

รสเค็มเฝื่อนผสมกลายเป็นยาพิษสูตรใหม่เผาผลาญสติสัมปชัญญะ

 

ทวิตซ์ยังไม่หยุดให้ฉันพักหายใจ ปลายลิ้นเจ็บแปลบฝืนควานหาสัมผัสอบอุ่นช่วยเยียวยา เลือดสดไหลหนืดลงคอทำรสจูบยิ่งขมขื่น

 

ทำไม…ไม่ยอมปล่อย

 

ทั้งที่ฉัน…ทำร้ายนาย

 

รสเค็มจากน้ำตาหลอมรวมเป็นอีกหนึ่งรสชาติสร้างบาดแผลกัดกร่อนจิตใจ

 

เมื่อชายหนุ่มรับรู้ถึงหยาดน้ำแห่งความทรมาน เขาจึงรีบผละออกทันที 

 

เจ้าชายดอกไม้ปลดปล่อยฉันเป็นอิสระ

 

 

“…ขอโทษ” 

 

ดวงตาไร้แววล่องลอย น้ำเสียงสั่นเครือชวนใจหาย

 

“…ฮึก”

 

นั่นควรเป็นคำพูดของฉัน…

 

นัยน์ตาเราต่างสะท้อนภาพอีกฝ่ายที่กำลังแตกสลาย

 

ฉันไม่อาจทนสบตาสีหม่นหมองคู่นั้นได้อีกแล้ว

 

“ออก…ไป”

 

การผลักไสครั้งสุดท้ายถูกกลั่นออกมาพร้อมก้อนสะอื้น

 

 

ทวิตซ์ยอมจากไปโดยไร้คำร่ำลา 

 

อวสานความสัมพันธ์แสนหวาน…ที่ไม่เคยมีอยู่จริง

 

.

 

นับตั้งแต่วันนั้น ฉันก็ไม่เจอทวิตซ์อีกเลย หมายถึงไม่เจอหน้าอ่ะนะ…

 

ทุกค่ำคืนเวลา 1 ทุ่มตรง จะมีอุกกาบาตขนมรสสตอเบอรี่ตกหน้าระเบียง

 

ทุกเช้าพอไปถึงห้องสภานักเรียนจะเห็นสมุดติวสรุปเนื้อหาก่อนสอบระเอียดยิบวางรออยู่บนโต๊ะ

 

ยังมีข่าวลือว่า ทุกวันจันทร์เจ้าชายดอกไม้จะไปค้างที่หอพักฉิมพลีคนเดียว

 

…คิดอะไรของนายอยู่กันแน่นะทวิตซ์ ฉันบอกเลิกไปแล้วแท้ๆ ทำไมยังไม่ยอมตัดใจอีก?

 

บางทีฉันก็รู้สึกสับสน ว่าเขาทำแบบนี้เพราะยังต้องการฉัน หรือแค่อยากดำเนินนโยบายงี่เง่านั่นให้สำเร็จกันแน่

 

แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร เส้นทางของเราก็ไม่มีวันกลับไปบรรจบกันได้อีกแล้ว

 

.

 

1 สัปดาห์ก่อนถึงวันคริสมาสต์อีฟ

 

“คราวนี้ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ? เห็นตามง้อหลายวันละนะ…หึ๋ย โคตรใจดำเลย! เป็นฉันหนีไปหาสาวอื่นแล้ว~” 

 

ไอ้แว่นปากพล่อย No.1 พูดเยาะกวนบาทา =-=* ระหว่างที่ฉันกำลังเดินตรวจพื้นที่จัดงานคริสมาสต์อีฟ

 

แน่นอนว่าทวิตซ์ก็มาด้วย แต่เค้าเลี่ยงไปตรวจจุดอื่นแล้วส่งเรื่องผ่านไอ้แว่นแทน

 

“เค!” 

 

ปลาดาวกระแทกเสียงแข็งปกป้องฉัน 

 

อ่า…หรืออาจแค่ไม่พอใจที่เห็นแฟนหนุ่มหน้าโง่แสดงทัศนะคติเหลาะแหละเสเพล 

 

แต่นั่นแหละ สมน้ำหน้า! ตอนนี้ไอ้แว่นยอมหุบปากทำหน้าหงอยเป็นหมาป่วยไปละ

 

ระหว่างที่ทุกคนง่วนกับการเตรียมตัวสอบ แผนงานวันคริสต์มาสอีฟกลับดำเนินไปอย่างรวดเร็วด้วยน้ำมือของเจ้าชายดอกไม้ หนุ่มเพอร์เฟ็กชั่นนิสที่

แบ่งเวลาเก่งอย่างน่าเหลือเชื่อ 

 

ทุกอย่างในงานเก็บเนี๊ยบใกล้เคียงคำว่า ‘ไร้ที่ติ’ เช่นเดียวกับตัวเค้า

 

 

เป็นแบบนี้ทุกที…แม้ไม่ได้พูดคุยหรือเห็นหน้า แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนเขาไม่เคยจากไปไหน

 

ทุกย่างก้าวที่เดินผ่าน ทุกสิ่งที่ทอดมอง ขนมรสหวาน กลิ่นดอกไม้ยามเช้า สัมผัสอบอุ่นจากแสงแดดและสายลมฤดูหนาว ล้วนมีเรื่องราวของเราอยู่ใน

นั้น

 

ตอนอยู่คนเดียวฉันมักแหงนหน้ามองฟ้า ไม่ใช่เพื่อรอคอยหรือหวังว่าจะได้เห็นสายตาสีครามอีกสักครั้ง แต่กำลังฝืนกฎแรงโน้มถ่วงไม่ให้น้ำตาน่าสม

เพสไหลระแก้ม

 

‘อ่อนไหว’ และ ‘เปราะบาง’ คือคำนิยามที่ช่วยสรุปสภาพจิตใจช่วงนี้ของฉันได้อย่างตงฉิน

 

.

 

ช่วงเช้าวันที่ 18 ธันวาคม ณ ห้องสภานักเรียน กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งละมุนคล้ายดอกมะลิกระจายเต็มปอดทันทีที่เปิดประตู 

 

บนโต๊ะทำงานมีดอกไม้สีม่วงปริศนาในแจกันคริสตัลใส ลักษณะเป็นพุ่มคล้ายไฮเดรนเยีย แต่ดอกใหญ่กว่าและมีโทนสีพาสเทลสม่ำเสมอ ใต้แจกัน

สอดซองจดหมายชมพูหวาน กลิ่นหอมคุ้นเคยทำให้รู้ในทันทีว่าใครเป็นเจ้าของ โดยไม่ต้องเปิดอ่าน

 

ความสงสัยฆ่าแมวได้…

 

แทนที่จะทำเมินหรือโยนมันทิ้งไป ฉันกลับหันซ้ายแลขวาล่อกแล่ก

 

เอาล่ะ ไม่มีใครอยู่ คงมีแค่ฉันกับพระเจ้าเท่านั้นที่รู้…

 

งั้นขอเปิดดูหน่อยละกัน!

 

ในซองมีแผ่นการ์ดกระดาษแข็งพับครึ่งใบจิ๋วสีบานเย็นน่ารัก ปกเขียนข้อความภาษาอังกฤษตัวหวัดหนาสีเงินลายมือสวยเหมือนสั่งพิมพ์ 

 

[Happy 100 days]

 

ใต้ข้อความมีสัญลักษณ์หัวใจอินฟินิตี้เก๋ไก๋

 

ที่เค้าลือกันว่าเจ้าชายดอกไม้เก่งศิลปะท่าจะจริง เพราะถ้าฉันเป็นครูคงให้คะแนนผลงานชิ้นโบแดงเต็ม 10 ไม่หัก

 

แต่เดี๋ยวนะ…ครบรอบ 100 วันหรอ? ตานั่นนับจากอะไร?

 

ดูจากบริบทแล้วเป็นการให้ในเชิงโรแมนติก…คงไม่ใช่ครบรอบวันเผาหรืออะไรเทือกนั้นหรอก =-=;

 

แต่เราเพิ่งคบกันไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็เลิก ให้นับต่อยังไงก็ไม่ครบ 100 วันอยู่ดี

 

…หรือจะเป็นวันแรกที่เราเริ่มทำความรู้จักกัน?

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

เสียงหัวใจที่ขอลาพักร้อนซะนานกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง 

 

รู้อยู่เต็มอกว่า ถ้าเปิดดูข้อความข้างในต้องหวั่นไหวจนกู่ไม่กลับแน่…แต่ร่างกายดันไม่ยอมเชื่อฟังเอาซะเลย

 

[I belive in you]

 

ตัวอักษรสีเงินบีบคั้นหัวใจ…

 

ในขณะที่ความสัมพันธ์ของเราย่ำแย่จนต่อไม่ติด แทนที่นายจะเขียนคำยอดนิยม เช่น ‘รัก’ ‘ขอโทษ’ หรือ ‘คิดถึง’ แบบที่พวกผู้ชายคนอื่นเค้าทำกัน

 

กลับเขียนแซะว่า ‘เชื่อในตัวฉัน’ เนี่ยนะ?

 

แต่ถ้ามองอีกมุมอาจเป็นการให้กำลังใจช่วงสอบได้เหมือนกัน…

 

เมื่อฉันเริ่มหลุดโฟกัสจากประโยคสีเงินกลางหน้า ปลายนิ้วก็สัมผัสได้ถึงผิวขรุขระตรงมุมขวาล่่าง พลันสังเกตเห็นตัวหนังสือหวัดสวย

 

[IL DIVO & CEILINE DION]

 

…รหัสลับดาวินชี่?

 

ความสงสัยเกาะกุมใจ แต่สัญชาตญาณบอกฉันว่า ถ้าเร่งหาคำตอบตอนนี้ มีหวังไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรทั้งวันแน่ จึงทำได้เพียงเก็บทดเอาไว้ก่อน

 

.

 

-19.00 น.-

 

วันนี้ไม่มีเสียงอุกาบาตขนมตกใส่ระเบียง…แต่ดันมีกล่องเค้กไวท์สตอเบอรี่วางรอบนโต๊ะแทน 

 

เขาคงวานให้ปลาดาวช่วยสินะ เพราะถ้าปาขึ้นมาแบบทุกที เค้กราคาแพงคงเละเป็นอ้วก 

 

เฮ้อ ดูทำเข้าสิ ถึงจะเป็นไวท์สตอเบอรี่ฉันก็ไม่ชอบหรอกย่ะ! ฉันไม่ได้เกลียดสตอเบอรี่ เพราะมันเป็นสีแดงซักหน่อย…

 

ตุ๊บ

 

เป็นอีกครั้งที่ขนมสตรอเบอรี่แสนหวานถูกโยนทิ้งถังขยะ

 

เอาล่ะ เรามาไขปริศนาการ์ดสีชมพูของพ่อดาวินชี่นักรักกันเถอะ

 

คีย์เวิร์ดปริศนาพาฉันมาพบบทเพลงหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเดียวกับเนื้อความบนการ์ด

 

‘I believe in you' 

 

แต่ๆๆๆ มันดันเป็นภาษาฝรั่งเศส =_= ขอเถอะย่ะเจ้าชาย…หน้าฉันดูสันทัด Freach Language ขนาดนั้นเลย?

 

อ๊ะ มีเวอร์ชั่นอังกฤษด้วยหนิ เกือบได้นั่งเปิดดิกฯ ยันหว่างแล้วมั้ยล่ะ

 

ดื๊ออ ดือ ดื่อ ดื้อ ดื๊ออ ดือ ดืออ

 

“…อุ๊บ”

 

เปิดมาฉันแทบหลุดขำ ปรับอารมณ์ไม่ถูก ทำนองเก่าสุดเชยเว่อร์วังยังกะไททานิค

 

แต่เมื่อเนื้อเพลงเต็มเปี่ยมด้วยความหมายไพเราะปานเสียงสวรรค์ถูกขับร้อง กลับสะกดหัวใจฉันราวหยุดเวลา

 

 

 

[Lonely, The path you have chosen.]

 

(โดดเดี่ยว เส้นทางที่เธอเลือกเดิน)

 

[A restless road no turning back.]

 

(ถนนแห่งความมุมานะ ไม่มีทางหวนกลับ)

 

[One day you will find your light again]

 

(สักวันเธอจะค้นพบแสงสว่างอีกครั้ง)

 

[Follow your heart! Let your love lead-through the darkness]

 

(ทำตามใจเรียกร้อง ปล่อยให้รักนำทางผ่านความมืดมิด)

 

[Be yourself, an angel of kindness]

 

(เป็นตัวเธอ นางฟ้าแสนใจดี)

 

[There's nothing that you cannot do]

 

(ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้)

 

[I believe, I believe, I believe in...you]

 

(ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอ)

 

[Someday I'll find you. Someday you'll find me too]

 

(สักวันฉันจะหาเธอจนเจอ สักวันเธอจะพบฉันเช่นกัน)

 

[And when I hold you close]

 

(และเมื่อเราโอบกอดกัน)

 

[I know that it's true]

 

(ฉันก็รับรู้ได้ทันที ว่ามันคือความจริง)

 

 

 

 

น้ำตาไหลนองหน้าไม่รู้ตัว คิดถูกแล้วที่ไม่รีบเร่งหาคำตอบ

 

“ฮึกๆ…" 

 

บทเพลงทรงพลังมอบทั้งความแข็งแกร่งและอ่อนแอให้กับฉัน…

 

นี่คือของขวัญที่แท้จริงสินะ ไม่ใช่การ์ด เค้ก หรือดอกไม้ 

 

ฉลาดเป็นกรด…นายรู้ ต่อให้ประเคนของขวัญแสนมีค่ามากมายแค่ไหน สุดท้ายฉันอาจโยนทิ้งหรืออย่างดีคงเก็บไว้จนผุพังตามกาลเวลา

 

เพลงนี้น่ะ มันโคตรเก่าเลย ทั้งเฉิ่ม ทั้งเชย เป็นของขวัญที่ดูเสล่อชะมัด…แต่ก็โรแมนติกที่สุดด้วย

 

เชื่อเค้าเลย เรื่องเต๊าะสาวไม่มีใครเก่งเกินนายอีกแล้ว ไอ้เจ้าชายดอกไม้เหลี่ยมจัด!

 

ขี้โกงชะมัด…ของขวัญวันครบรอบที่มีความหมายแบบนี้ ใครมันจะไปทิ้งลงกันเล่าตาบ้า!

 

หรือต่อให้อยากโยนทิ้งแค่ไหน…ก็ทำไม่ได้อีกแล้ว 

 

เพราะทุกอย่างมันฝังอยู่ในสมองและหัวใจ เหมือนกับเรื่องราวของนาย…

 

“ฮืออออ”

 

ดูสิทวิตซ์นายทำอะไร? ตอนนี้ฉันร้องไห้ตาบวมเป่งปวดหัวแทบระเบิด 

 

มะรืนจะสอบอยู่รอมร่อ…ถ้าคะแนนออกมาห่วย ฉันฆ่านายแน่!

 

.

 

ตึ่ง ตึง ตึง ตึ๊ง

 

[ขณะนี้หมดเวลาสอบแล้ว ขอให้นักเรียนทุกท่านวางปากกาและเดินออกจากห้องด้วยค่ะ]

 

ตึ๊ง ตึง ตึง ตึ่ง

 

เสียงตามสายป่าวประกาศทั่วโรงเรียน 

 

เฮ้อ จบซะที ผ่านฉลุยทุกวิชา! ไม่เสียแรงที่อ่านทวนทุกวัน

 

…ต้องขอบคุณสมุดติวของทวิตซ์ด้วย

 

ขวับ

 

ตายยากจริง…วันสุดท้ายเราดันสอบห้องข้างกันหรอเนี่ย? 

 

ไม่รู้อะไรดลใจให้หันมาป๊ะกันพอดีอีก! 

 

 

ไม่ได้นะฉัน รีบหลบตาเร็ว…!

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

ไม่ทันซะแล้ว ร่างกายถูกดวงตาน้ำทะเลตรึงสะกดไว้เรียบร้อย ท่ามกลางผู้คนมากมายที่โหวกเหวกตื่นเต้นกับบรรยากาศหลังสอบเสร็จ เสียงหัวใจกลับ

ดังกลบทุกสิ่ง

 

ภายใต้แพขนตาสีเงิน นัยน์ตาของเขาส่องระยับ ริมฝีปากสีกุหลาบขยับช้าชัดให้อ่านปาก

 

 

‘คิด-ถึง-นะ’

 

o///o

 

เพราะไม่ได้เจอนาน ภูมิต้านทานความหล่อเลยลดฮวบ ส่งผลให้ทั้งใบหน้าร้อนผ่าว

 

มะ ไม่ได้สิ! เรากำลังมูฟออนเป็นวงกลม ฉันไม่ยอมหลงเข้าไปในสวนดอกไม้ต้องสาปของนายอีกแน่!

 

‘ไป-ให้-พ้น’

 

การส่งสารผ่านรูปปากไร้เสียงแสนเย็นชา ทำทวิตซ์หน้าเสียหุบยิ้มไปวูบนึง แต่เจ้าตัวยังคงจ้องมองอย่างไม่ลดละ ก่อนตั้งหลักแจกรอยยิ้มพิฆาต

งดงามไร้เทียมทาน

 

ชาลาล้าา~

 

ราวกับมีห้วงทำนองแผ่วหวานก้องกังวาน ดังดอกไม้ทั้งสวนรวมพลังเบ่งบานโผล่ขึ้นมาเป็นพรอพประกอบฉากหลัง เสริมให้เขายิ่งเจิดจ้า

 

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

 

อ๊าาา!!! ชักจะคลั่งรักหนัก อันตราย! อีตานี่มันอันตราย! 

 

พลั่ก!

 

“ทวิตซ์~ สอบเป็นไงมั่ง?”

 

ร่างฉันถูกชนซวนเซ หวานโผล่มาจากไหนไม่รู้ พูดจาหวานจ๋อยปรี่เข้าหาเจ้าชายดอกไม้ ชิงตัดจบโมเม้นต์แปลกประหลาดระหว่างเรา

 

ฉันใช้จังหวะที่สายตาเขาเบี่ยงความสนใจ แหวกหายไปกับฝูงชน

 

อืม ดีแล้วแหละ ต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ำ…

 

แม้ในอกจะรู้สึกเจ็บแปลบ แต่ฉันยังหวังลมๆ แล้งๆ ให้ทฤษฎีสัมพัทธภาพไม่เป็นจริง

 

…วอนเวลาช่วยลบความรู้สึกนี้ออกไปที

 

.

 

-2 วันต่อมา-

 

24 ธันวาคม ‘คริสมาสต์อีฟ’ เทศกาลแห่งความสุขและการรอคอย 

 

งานพรอมใหญ่ถูกจัดขึ้นทุกปีหลังสอบเสร็จ เพื่อคลายความตึงเครียดให้เหล่านักเรียนเซนต์อคาเดมี จุดเด่นเป็นธีมคริสมาสต์ 4 สีสัน แดง เขียว ขาว

ทอง แน่นอนว่าประเพณีดั้งเดิมที่ขาดไม่ได้คือ การเต้นรำเปิดฟลอและกล่าวคำสาบานรักของ ‘อดัม’ กับ ‘อีฟ’ ตำแหน่งอันทรงเกียรติของชายหญิง ผู้

ถูกโหวตด้วยคะแนนความนิยมอันดับหนึ่งตั้งแต่ต้นเทอม

 

ซึ่งฉันยังงงไม่หายว่าใครมันบ้าโหวตฉัน =-=* ยัยเจ้าหญิงน้ำแข็งที่สังคมรังเกียจ ขึ้นมาอยู่จุดนี้ได้อย่างไร??

 

แม้งานจะเริ่มช่วงเย็นลากยาวถึงเที่ยงคืน ตามชื่อเทศกาลที่ย่อมาจาก ‘Christmas Evening’ แต่ฉันต้องมาเตรียมตัวก่อนเวลากับพวกชมรมแฟชั่นขี้

เห่อ ที่ไม่ยอมหยุดเล่นแต่งตัวตุ๊กตาซักที

 

“หุ่นนางพญาจัดสีแดงโลด~”

 

“เกล้าผมด้วยโชว์ของ”

 

“หน้าเข้มอีกเซ่! อย่าจืดกว่าชุด!”

 

บทสนทนาวกวนของพวกบ้าแฟชั่นไหลเข้าหัว ฉันโดนจับหมุนเปลี่ยนชุดหลายชั่วโมงแทบอาเจียน 

 

อดทนไว้ยู~ T T จบงานนี้เธอจะได้หลุดพ้นจากตำแหน่งอีฟซักที

 

ระหว่างที่เป็นได้แค่หุ่นรองเสื้อ เรามาตั้งจิตสวดมนต์สะสมแต้มบุญกันเถอะ! ภาวนาขอให้เทอมหน้า อย่ามีใครอุตริเลือกฉันอีกเลย!

 

….

 

-17.32 น.-

 

กระจกสะท้อนภาพหญิงสาวในชุดราตรีกำมะหยี่เข้าทรงแดงเลือดนก เกาะอกเปิดไหล่ ผ่าขาเซ็กซี่เบาๆ ตัดขอบด้วยขนมิ้งขาว ผูกริบบิ้นโช๊คเกอร์สี

แดงติดกระดิ่งทอง รวบผมม้วนเก็บดัดลอนทรงเจ้าหญิง โชว์ต่างหูสีเขียวรูปต้นคริสมาสต์เก๋ๆ ห้อยตุ้งติ้งสโนว์แมนน่ารัก ขัดใจแค่ถุงมือยาวหุ้มต้นแขน

กับรองเท้าส้นสูงปรี๊ดปร๊าดหัวแทบทิ่มสีเดียวกะชุด ที่มันทำให้ฉันทั้งอึดอัดและทรงตัวลำบาก -*-

 

อย่าว่าแต่เต้นรำเลย เดินยังไม่รู้จะรอดรึเปล่า? 

 

หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์โรงเรียนพรุ่งนี้ เตรียมลงข่าวฉันหกคะมำหัวทิ่มได้เลย เปิดตำนานลี้ลับบทใหม่ผีชุดแดงช้ำรักตายอนาถวันคริสมาสต์

 

หลังจากไอ้พวกโรคจิตปู้ยี้ปู้ยำฉันจนหนำใจ มันก็ปล่อยให้สู้ชีวิตเพียงลำพัง สวมบทบาทเป็นเงือกน้อยเพิ่งขึ้นบก ขาสั่นเกาะกำแพงตะเกียกตะกายไป

งาน…รู้สึกนับถือม๊าเลย ที่สามารถเฉิดฉายบนส้นสูงสิบนิ้วได้สบาย

 

ให้ตายเหอะ ชาตินี้ฉันจะไม่ใส่ส้นสูงอีกแล้ว! =*=

 

“น่ารำคาญ…เขวี้ยงทิ้งซะดีมั้ง?” 

 

ฉันบ่นอุบอิบหงุดหงิดเหลือทน

 

กึก!

 

“ว๊ายย!”

 

ไม่ทันขาดคำ ไอ้ส้นสูงนรกทำพิษตกร่องพาเสียหลัก 

 

>-< ฉันหลับตาปี๋ยอมรับชะตากรรม เตรียมล้มกระแทกพื้น

 

หมับ!

 

ร่างบางหยุดเท้งเต้งกลางอากาศ เหมือนมีเข็มขัดนิรภัยคาดเอวช่วยรั้งไว้ แต่เป็นเข็มขัดที่ทั้งใหญ่ทั้งล่ำ…แถมหอมกลิ่นสวนดอกไม้อีกต่างหาก

 

หรือว่า…! o///o

 

“ฟู่วว รอดหวุดหวิด~” 

 

ร่างสูงโอบเอวบางพ่นลมหายใจ เสียงทุ้มนุ่มทะเล้นยียวนคุ้นหูทำฉันแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี

 

อุตส่าห์เลือกใช้ทางลัดวังเวง เพื่อหลบจากสายตาผู้คน จะได้ไม่มีใครเห็นฉันทำท่าไต่กำแพงเป็นสไปร์เดอร์เกิร์ล แล้วไหงนายถึงโผล่มาได้ล่ะย๊ะ!?

>\\\<

 

ที่พยายามเลี่ยงมาทั้งหมดนั้นสูญเปล่า…ฉันถึงขั้นโดดซ้อมพิธีสาบานรัก เพราะไม่อยากอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงกับนายแท้ๆ ทำไมเราต้องบังเอิญ

เจอกันในที่เปลี่ยวก่อนเข้างานด้วยเนี่ย!

 

“เซ็กซี่จัง…” 

 

น้ำเสียงหื่นกระหายลอยแว่วหวาน

 

นั่นปะไร! อย่าเชียวนะ!!!

 

จุ๊บ

 

กรี๊ดดดด…

 

ฉันหวีดร้องตะโกนในใจ รีบเอามือตะครุบปิดปาก ทันทีที่ผิวอ่อนไหวหลังต้นคอเปลือยเปล่าสัมผัสถึงริมฝีปากร้อนผ่าวนุ่มนวลก้มประทับตราบาป

 

สันจมูกโด่งคมฉวยสูดกลิ่นเนื้อเข้าปอดฟืดใหญ่ทำขนลุกเสียวซ่าน ก่อนหัวเราะในลำคอเบาๆ โน้มกระซิบออดอ้อนข้างหู

 

“คืนนี้เธอสวยซะจน…ฉันไม่อยากแบ่งให้ใครเลย”

 

วงแขนแกร่งโอบรัดแน่นขึ้นจนหลังฉันแนบชิดติดแผ่นอก ร่างกายแผดแผ่ความร้อนรับรู้ถึงทุกอนูของอีกฝ่ายอย่างแจ่มชัด 

 

ความคิดถึงส่งผลให้ใจเต้นแรง

 

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

 

อยากหนีอยู่หรอก…ถ้าไม่ติดที่สภาพฉันตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กหัดเดิน อย่าว่าแต่ขัดขืนเลย แค่ยืนได้ก็บุญแล้ว 

 

“ยูแช…” 

 

เมื่อถูกเสียงเว้าวอนเพรียกหา ไอ้หัวใจทรยศยิ่งกระหน่ำรัวจังหวะถี่ยิบแทบกระดอนออกจากอก เหมือนมันพร้อมวิ่งสี่คูณร้อยไปอยู่ในเงื้อมมือเค้า

 

 

ติ๊ดๆๆๆๆๆ!

 

เสียงมือถือช่วยชีวิต ทวิตซ์ยอมปล่อยฉันเป็นอิสระ พยุงให้กลับไปยืนเกาะกำแพงไว้เหมือนเดิม ก่อนรีบกดรับสาย

 

…เสียงเรียกเข้าฉันสิ้นคิดแล้วนะ เกือบลืมเลยว่าของตานี่ก็พอกัน

 

“อืม เจอแล้วๆ กำลังไป”

 

ทวิตซ์ตอบปลายสายเพียงสั้นๆ ก่อนกดวาง

 

“เคโทรตาม ^^” 

 

ร่างสูงยิ้มร่ารายงาน

 

ฉันเบือนหน้าหนีสายตาหวานจ๋อย

 

…ไม่อยากรู้ซะหน่อย

 

“อ้อ รองเท้าเธอน่ะ เดินลำบากเนอะ” 

 

เจ้าชายดอกไม้ใส่ใจรายละเอียดเหมือนเคย… 

 

ไม่สิ สภาพยังกะคนทำกายภาพบำบัด ใครดูไม่ออกก็ตาบอดละ =-=;;

 

ฟุ่บ

 

ร่างสูงในชุดสูทสีไวน์แดงย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึง 

 

“จับไหล่ไว้”

 

“ว๊าย!” 

 

สิ้นคำแนะนำ ฉันสะดุ้งเสียงหลงคว้ายันไหล่กว้างแทบไม่ทัน เพราะจู่ ๆ ตานั่นดันถือวิสาสะยกขาฉันขึ้น จัดการถอดส้นสูงออกให้แล้ววางเท้าลงหน้า

ตักอย่างเบามือ 

 

ป๊อก!

 

ส้นสูงสี่นิ้วถูกหักเหี้ยนกลายเป็นคัตชูไร้ส้น 

 

“ทำอะไรของนาย!?”

 

มือใหญ่บรรจงสวมรองเท้าอย่างตั้งใจ เผลอเมินลืมคำถาม

 

“ดะ เดี๋ยวฉันทำเอง…ว๊าย!”

 

ป๊อก!

 

ขณะที่ฉันมัวแต่เขินอายลุกลี้ลุกลน รู้สึกประหม่า เพราะไม่อยากให้ใครมาแตะต้องส่วนต่ำสุดของร่างกาย ตานั่นกลับไม่สนใจจัดการต่อจนเสร็จ

 

“อย่าดื้อสิ! อยากเดินเกาะกำแพงทั้งคืนรึไง?” 

 

ทวิตซ์กดเสียงดุย้ำเตือนให้นึกถึงสภาพตัวเอง พลางช่วยสวมรองเท้าอีกข้าง 

 

“…”

 

“อืม~ มันก็ดูยั่วยวนดี…แต่ฉันไม่อยากเห็นเธอล้มหน้าแหกกลางงานหรอกนะ” 

 

คนผีทะเลกล่าวคำพูดยียวนแฝงความห่วงใย เหงยมองฉันด้วยดวงตาพราวระยับ 

 

ผมถูกเซตทรงอย่างดีเสยขึ้นเปิดหน้าผาก ต่างหูเกล็ดหิมะสีเงินเสริมลุคเพลย์บอย

 

โอ้โห…หล่อกระโชกโฮกฮาก

 

ฉันเผลอจับจ้องทุกท่วงท่างามสง่าดั่งต้องมนต์ 

 

เจ้าชายดอกไม้ในชุดสูทแฟชั่นทับเชิตขาวเน็คไทน์เขียวลุกยืนเต็มความสูงจัดแจงปัดฝุ่น ยื่นแขนให้ควงทำหน้าที่สุภาพบุรุษนำทาง

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

พระเจ้าคะ…ขอให้ค่ำคืนอันแสนยาวนานจบลง โดยที่ฉันไม่กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวด้วยเถอะ

 


 

(จบตอน)

 

ไลแลค; วอนเธอโปรดยึดมั่นในตัวฉัน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา