The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  26 บท
  1 วิจารณ์
  1,936 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) -ไลเซนทัส-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

“เรื่องค้างคืนพรุ่งนี้…”

 

O///O

 

ระหว่างเดินมาส่งฉันกลับหอ จู่ๆ อีตาเจ้าชายดอกไม้ก็ดันโพล่งเรื่องที่ฉันอยากจะแกล้งทำเป็นลืมๆ มันไปซะขึ้นมา

 

2-3 วันนี้ทวิตซ์พาฉันตระเวนทำกิจกรรมแทบครบทุกชมรม ไม่เว้นแม้แต่วันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เป็นการเปิดโลกที่ทั้งสนุก ตื่นเต้นและแปลกใหม่สำหรับ

ฉัน จนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมาก…รู้ตัวอีกทีก็ใกล้ครบ 1 สัปดาห์แล้วสินะ นับตั้งแต่เราคบกัน

 

“ฉันรู้ว่าเธอไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่ ครั้งก่อนเล่นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น” 

 

นัยย์ตาแซฟไฟร์ฉายแววเศร้าหมอง เมื่อนึกย้อนถึงตอนที่เราแตกหัก 

 

มือหนาประโลมลูบหัวฉัน แต่กลับรู้สึกเหมือนเขาทำเพื่อปลอบใจตัวเองมากกว่า

 

เอิ่ม…ไม่อยากบอกเลยแฮะ เรื่องที่ฉันออกท่าทางเว่อร์วัง เพราะมโนเพ้อพกไปเองว่านายแอบไปกุ๊กกิ๊กอิ๊อ๊ะกับสาวอื่น =o=; 

 

…ปล่อยให้ตานี่เข้าใจผิดไปก่อนละกัน

 

“ฉันเลยมีข้อเสนอมาให้ ^^” 

 

หงอยได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าชายดอกไม้ก็กลับมาเบ่งบานชื่นมื่นอีกครั้ง ราวกับเป็นไบโพล่าห์

 

เอ๊ะ หรือตะกี้แค่แกล้งเศร้ากันนะ? =-=

 

“ไม่” 

 

ฉันตอบกลับเสียงราบเรียบไร้เยื่อใย ตัดจบบทสนทนา

 

จากประสบการณ์ตรงที่เคยทำสัญญากับนาย ฉันกล้าสปอยเลยว่า นี่ต้องไม่ใช่ข้อเสนอที่ยุติธรรม แต่เป็นกลลวงของ ‘นักเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน’ ต่าง

หาก

 

“ยูแช~” 

 

เมื่อเห็นฉันตั้งการ์ดสูงไม่ยอมรับฟัง ทวิตซ์จึงเริ่มใช้กระบวนท่าที่สองทลายกำแพงน้ำแข็งด้วยสายตาหมาน้อยและน้ำเสียงออดอ้อนชวนใจละลาย

 

แน่ล่ะ ว่ามันน่ารักเป็นบ้า -///-

 

“แค่ขอนอนเตียงเดียวกันเอง ฉันสาบานเลยว่า จะ-ไม่-ทำ-เรื่อง-ลา-มก-เด็ดขาด!” 

 

ทวิตซ์พูดเน้นย้ำทีละคำ อัพเลเวลจากสัญญาเป็นสาบาน ทำท่าชูสามนิ้วปฏิญาณตนฉบับลูกเสือ

 

อย่าสาบานย่ะ ถ้าจิตใจไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เดี๋ยวได้โดนฟ้าผ่าตายกันพอดี - -*

 

“นี่…” 

 

มือหนาช้อนประคองหน้าฉันเชิดขึ้นสบสายตาจริงจัง

 

กระบวนท่าที่สาม ‘ลอบวางยาพิษ’

 

“เธอรู้ใช่มั้ย? ว่าฉันจะไม่ทำอะไร ถ้าเธอไม่ยินยอม” 

 

น้ำเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนและคำพูดน่าเชื่อถือของเขาทำให้ยอมโอนอ่อน

 

ไม่ใช่แค่เพียงใบหน้าหล่อสวยพาใจสั่นไหว แต่เป็นเพราะแววตาหวานซึ้งโหยหาความรักเหนือสิ่งอื่นใดนั่นต่างหาก ที่ฉันยอมสิโรราบให้

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

ขี้โกงนี่…นายเล่นล่อซื้อกันแบบนี้ ฉันก็แพ้ราบคาบเลยน่ะสิ

 

“อืม” 

 

ฉันพยักหน้ารับคำ หลวมตัวทำสัญญากับปีศาจอีกจนได้

 

.

 

-เวลา 18.25 น.-

 

(ณ หอพักฉิมพลี)

 

มีนักเรียนหลายคู่เริ่มเข้ามาใช้บริการหอพักม่านรูดนี่เยอะขึ้น ทั้งแวะพักชั่วคราวและลงชื่อถาวร

 

เพราะครั้งก่อนมาแบบกระชั้นชิดสติหลุดไม่สมประกอบ ฉันเลยลืมอธิบายเกี่ยวกับที่นี่ให้ฟัง

 

‘หอพักฉิมพลี’ เป็นหอรวมที่เปิดให้คู่รักสามารถเข้าพักได้ทั้งแบบรายครั้งและประจำ เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ วันที่ฉันกับอีตาทวิตซ์ทดลองค้างคืนแรก

ซึ่งก่อนหน้านี้เปิดให้เหล่านักเรียนผู้ประสงค์จะเข้าพักกับคู่รักต่างเพศลงทะเบียนกันก่อนแล้วหลายเดือน

 

โดยขั้นตอนการลงทะเบียนนั้น ฝ่ายชายต้องส่งจดหมายขอความยินยอมเข้าพักให้ผู้ปกครองฝ่ายหญิงพร้อมใบรับรองแพทย์ตรวจสุขภาพครบถ้วน ซึ่ง

ผู้ปกครองทางฝั่งชายเองต้องให้ความยินยอมเช่นกัน เป็นการประกาศให้ครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับรู้ว่า ‘พ่อจ๋าแม่จ๋าลูกกำลังจู๋จี๋อยู่กับคนนี้นะ ไม่ต้อง

ห่วง’ 

 

ถึงจะเป็นสถานที่ล่อแหลม แต่ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม ติดกล้องวงจรปิดทั่วทางเดิน ป้องกันคนมั่วไม่เลือกที่และมีกฎเหล็กห้ามใช้ห้องร่วม

กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตนเด็ดขาด จนกว่าจะมีเอกสารยินยอมจากผู้ปกครองครบถ้วน

 

ช่างเป็นนโยบายที่ทั้งรอบคอบและไร้ยางอายที่สุดในสามโลก >\\< ยัย ผอ. บ้ากามนั่นก็ช่างคิดเหลือเกิน!

 

แม้ไม่อยากพัวพันกับเรื่องพันธุ์นี้ แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้ ครั้งนี้ฉันเลยเตรียมพร้อม อาบน้ำแต่งตัวสวมชุดนอนแขนยาวกางเกงคลุมเข่ารัดกุม พกหนังสือมา

อ่านฆ่าเวลาเป็นกระตัก แว่นตา ครีมบำรุง มาร์คหน้าไว้สำหรับทำสปาก่อนนอนและหูฟังกันเสียงยั่วยวน

 

ส่วนอีตาทวิตซ์น่ะหรอ? ยังคงคอนเซปต์ตัวเปล่าเล่าเปลือย เน้นคล่องตัวไว้ก่อน เอามาแค่ชุดนอน แปรงสีฟันและขนม =-=

 

เดี๋ยวนะ? ที่นายยังไม่เปลี่ยนชุดนอนมาจากหอแบบนี้ ก็หมายความว่า…

 

“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” 

 

นั่นปะไร! ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้! =[]=

 

หมับ!

 

ฉันรีบดึงชายเสื้อนักเรียนสีขาวไว้อย่างไว จนร่างสูงชะงักหันกลับมามอง

 

มุมสายตาแพรวพราวหรี่มองเหลียวปาดไหล่แสนเซ็กซี่ซุกซน…

 

ให้ฟ้าผ่าตาย แค่สายตานายตอนนี้ก็ลามกเรียกพ่อ!

 

เขาไม่เคยปล่อยให้ฉันได้ตั้งหลัก ตัวอันตรายย่างเข้าหาโน้มกระซิบต่อด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

 

“…อยากอาบด้วยกันหรอ?”

 

ปุ้ง!

 

ลาก่อนสมองฉัน…เพราะได้รับดาเมจจากคำพูดสุดหื่นเกินขีดจำกัด ตอนนี้มันเลยระเบิดปุ้งไปเรียบร้อย ขออนุญาติติดป้ายปิดทำการชั่วคราว 

 

ทวิตซ์หัวเราะในลำคอออกอรรถรส ดูช่างมีความสุขเหลือเกินที่ไล่ต้อนเหยื่อจนมุม ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่หยุดหันหลังเดินมุ่งเข้าห้องน้ำ

 

“เดี๋ยว!!!” 

 

เสียงแผดตะโกนของฉันหยุดหายนะไว้ได้

 

ทวิตซ์ยีผมสีเงินเบาๆ เอนกายพิงประตูห้องน้ำ ดวงตาสีฟ้าใสเฝ้าสังเกตการณ์ ผลิยิ้มสวยให้ฉันอย่างใจเย็น

 

ฉันก้มหน้างุดเขินอายพักใหญ่ ตระหนักได้ว่ายังไงก็คงไม่กล้าบอกเรื่องกระจกถ้ำมองแน่นอน จึงจบลงด้วยการกลั่นกรองเจตจำนงค์ส่งผ่านเสียงเบา

หวิวแทบกระซิบ 

 

“…ไม่ต้องอาบหรอก” 

 

“ฮะๆ” 

 

อีตาทวิตซ์ได้ยินถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว พูดปนกลั้วขำ 

 

“ไม่ยักรู้ว่าเธอมีรสนิยมแบบนั้น”

 

“ห๊า!?” 

 

ฉันหลุดเสียงหลง ถลึงตาจ้องหน้าเค้า

 

“ได้สิ ถ้าเธอชอบ…คืนนี้ฉันจะไม่อาบ” 

 

เจ้าชายดอกไม้ฉีกยิ้มกว้างหล่อร้ายแอบแซะเหยียด เปรยสายตามองต่ำยั่วน้ำโห

 

…ถ้าฉันมีแส้ในมือคงฟาดใส่ไม่ยั้ง

 

เยี่ยม! ตอนนี้ฉันเลยกลายเป็นยัยแฟนสาวโรคจิต ที่ชอบดมกลิ่นคนไม่อาบน้ำไปเรียบร้อย =*=

 

ว่าแล้วอีตาทวิตซ์ก็ถอยห่างจากห้องน้ำ แจกจุ๊บเหม่งหนึ่งที ก่อนหยิบชุดนอนขึ้นมาเปลี่ยนกลางห้องหน้าตาเฉย

 

นิ้วเรียวบรรจงปลดกระดุมออกทีละเม็ด เผยให้เห็นแผงอกขาวไล่เรียงไปจนถึงซิกแพคแน่น…

 

กรี๊ดดด!!! ให้ตายสิ! ไหงนายเล่นหาเรื่องให้หัวใจวายได้ตลอด! แล้ววันนี้ฉันจะได้พักกี่โมง?? >\\\<

 

.

 

-เวลา 19.40 น.-

 

สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง

 

พ่อหนุ่มในชุดนอนลายทางหลวมโคร่งสีเดียวกับนัยย์ตา แวะมาคลอเคลียออดอ้อนหนุนตักหนุนพุงบ้างเป็นครั้งคราว ในระหว่างที่ฉันกำลังทำสปามาร์ก

หน้าตามประสา 

 

เพราะกลิ่นหอมผ่อนคลายจากผลิตภัณฑ์บำรุงหน้า ช่วยกลบกลิ่นฮอร์โมนดอกไม้เจ้าเสน่ห์ไว้ ฉันเลยพอประคองสติฟุ้งซ่านได้บ้าง

 

ขณะลุกไปหยิบแว่นมาใส่อ่านหนังสือ ทวิตซ์ก็ถือโอกาสคว้าถุงก๊อบแก๊บ ซึ่งเต็มไปด้วยขนมรสหวานแบ่งให้ฉัน 

 

“อะ ของเธอ ^^” 

 

ใช่ เดาไม่ผิดหรอก สตอเบอรี่ทั้งชาติ =*=

 

“ฉัน/เกลียดสตอเบอรี่” 

 

เจ้าชายดอกไม้แย่งพูดประโยคประจำอย่างรู้ทัน และเอ่ยต่อประโยคที่มักตามมาอย่างเดจาวู พร้อมรอยยิ้มขี้แกล้ง

 

“แต่ฉันชอบสตอเบอรี่นี่นา” 

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

ไอ้อาการคลั่งรักของฉันช่างไม่มีขอบเขตซะบ้างเลย…

 

ทั้งนัยย์ตาฟ้าระยับใต้แพขนตาหนาสีเงิน ริมฝีปากสีกุหลาบแสนเจ้าเล่ห์คายคำยียวนและสีหน้าสนุกสนาน ทุกอย่างนั้น ฉันเห็นมาเป็นพันครั้งแล้ว…

ทำไมถึงไม่ชินซักที

 

‘อยากให้เธอหวานเหมือนสตอเบอรี่’ 

 

รู้ความหมายของมันดีหรอกน่า…ถึงได้ใจเต้นแรงอยู่นี่ไง >\\\<

 

ได้แต่หวังว่าฉันจะไม่โดนเขาครอบงำจนเป็นบ้า ถึงขั้นเห็นอะไรเกี่ยวกับสตอเบอรี่ก็มโนหน้าแดงแปร๊ดอยู่คนเดียว

 

ฉันถอนตัวออกจากการเล่นปั่นประสาทของเขา สวมแว่นตากรอบบางสีพิงค์โกลด์ แสร้งก้มหน้าอ่านหนังสือ ไม่วายถูกแฟนหนุ่มตัวร้ายตามรังควาน

ซ้อนตัวนั่งโอบกอดจากด้านหลัง วางคางเกยบนไหล่ 

 

กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ผสมสวนดอกไม้ พาให้หวั่นไหวคิดไปไกล ลมหายใจเริ่มติดขัดผิดจังหวะ

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

อะไรกัน? ปกติหมอนี่จะไม่เข้ามากวนเวลาฉันอ่านหนังสือหนิ 

 

“เธอใส่แว่นแล้วน่ารักชะมัด…” 

 

ลมร้อนแผดเผาจากเสียงกระซิบเร่าร้อนข้างหู  ดังพายุโหมกระหน่ำ พัดสติฉันลอยไปไกลละลิ่ว

 

“คิดถึงจัง…” 

 

น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความเศร้า พาฉันหวนนึกถึงเรื่องเก่าๆ

 

…หรือว่านาย?!

 

 

ไม่หรอกมั้ง เขาคงหมายถึง คิดถึงภาพหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์สมัยฉันเป็นยัยเฉิ่มมากกว่า

 

เธอเลิกฝันอะไรลมๆ แล้งๆ ได้แล้วยูแช

 

…เขาจะไปจำได้ยังไง

 

“นี่…อ่านอะไรอยู่หรอ? ให้ฉันช่วยสอนมั้ย?” 

 

เสียงกระซิบแผ่วหวานหลอมละลายใบหู ปลายนิ้วเรียวจรดวางที่เนื้อหาวรรคนึงของหน้ากระดาษ

 

“E=mc2 ทฤษฎีสัมพัทธภาพ โดยอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์…เล่นของยากเหมือนกันนะเรา” 

 

น้ำเสียงหัวเราะในลำคออย่างท้าทายของเด็กห้องคิง กระตุ้นต่อมความสงสัย อยากรู้เหมือนกันว่า เขาจะอธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีสุดซับซ้อนระดับ

จักรวาลนี้ยังไง?

 

ทวิตซ์กระแอมซ้อมก่อนเริ่ม…

 

“เคยมีการตั้งสมมุติฐานว่า เวลาของคนที่จ้องมองรถไฟความเร็วแสงกับเวลาของคนที่อยู่บนรถไฟต่างกันหรือไม่? …ผลที่ได้คือ ‘ต่างกัน’ เวลาของคน

บนรถไฟเร็วกว่า คนที่จ้องมองนอกขบวนเสมอ”

 

น้ำเสียงนุ่มทุ้มค่อยๆ บรรยายเหมือนกำลังเล่านิทาน

 

“อีกการทดลองที่น่าสนใจคือ จับฝาแฝด 2 คนแยกจากกัน อีกคนใช้ชีวิตอยู่ในอวกาศ ส่วนอีกคนอยู่บนโลก…แน่นอนว่า เวลาของทั้งคู่ก็ต่างกันอีกเช่น

เคย เพราะเวลาในอวกาศที่ว่างเปล่ายาวนานกว่า” 

 

นักเล่าระดับพการเว้นช่วงให้ฉันได้คิดภาพตาม ก่อนกล่าวสรุปพร้อมตั้งปุจฉา

 

“จากการทดลองทั้งสอง พิสูจน์ว่า ยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา…รู้มั้ยคืออะไร?”

 

ฉันส่ายหัวเบาๆ รอฟังคำตอบ

 

“ความรู้สึกไงล่ะ”

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…

 

จังหวะนี้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงใจเต้น

 

“ถึงแม้ตามความเป็นจริงเวลาจะเดินต่างกัน แต่ทั้งคู่ยังรู้สึกเหมือนเวลาของพวกเขาเดินไปพร้อมกัน…สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกได้ จึงไม่ใช่

ทั้งเวลาและสภาพแวดล้อม”

 

บทเรียนของคุณครูดอกไม้ก็จบลงเพียงเท่านี้ ปล่อยให้ฉันครุ่นคิดส่วนที่เหลือต่อเอาเอง

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

 

ช่างเป็นทฤษฎีที่โรแมนติกซะจริง…

 

.

 

-เวลา 21.21 น.-

 

ฉันนั่งอ่านหนังสือต่อพักใหญ่ มีอีตาทวิตซ์ตามติดแจไม่ห่าง ตานั่นเปลี่ยนจากท่าลูกลิงเกาะหลังมานอนหนุนตักแทน

 

เพราะห้องนี้ไม่มีทั้งโซฟา โต๊ะหรือเก้าอี้ ฉันเลยทำได้แค่นั่งอ่านบนเตียงจนเริ่มล้า…

 

คงทำอะไรไม่ได้แล้วมั้ง นอกจากนอนข้ามวันให้จบๆ ไป

 

“ทวิตซ์” 

 

ฉันสะกิดเรียกร่างสูง ซึ่งตอนนี้หลับตาพริ้ม ชิงหนีไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก่อนแล้ว

 

“งืม…”

 

ใบหน้าไร้เดียงสาส่งเสียงงึมงำในลำคอ

 

นิสัยอีกอย่างของเขาที่ฉันได้เรียนรู้ในช่วงนี้คือ ทวิตซ์เป็นพวกบ้าพลัง เขามักโหมใช้พลังงานทั้งวันจนหมดหลอดไปกับสิ่งที่ตัวเองสนใจอย่าง

สนุกสนาน แต่พอหัวถึงหมอนหรือมีโอกาสนอนเมื่อไหร่ สารอะดรีนาลีนในร่างกายจะหายวับ หลับง่ายฉับไว ยิ่งกว่าโดนโปะยาสลบ

 

…แต่ในขณะเดียวกันก็ตื่นง่ายมาก

 

“ยูแช…” 

 

ทันทีที่ฉันงัดหัวเขาออกจากตัก คนขี้เซาก็รีบตื่นขึ้นมาพึมพำเรียกหา ขยี้ตาไล่ความง่วง

 

“ฉันจะนอนแล้ว” 

 

คำพูดราบเรียบเพียงสั้นๆ ทำให้ทวิตซ์ยิ้มรับตื่นเต็มตา 

 

“รับทราบ” 

 

ทวิตซ์ช่วยจัดท่าห่มผ้าให้ฉันเรียบร้อย ลูบหัวกล่อมเบาๆ ก่อนลุกเดินลั้นลาไปปิดไฟ

 

กริ๊ก

 

อะไรเนี่ย…เหมือนมีพรายกระซิบบอกฉันว่า ถ้าไม่อยากโดนลักหลับห้ามนอนก่อนเด็ดขาด! o-o

 

หมับ!

 

“กรี๊ดดด!!!” 

 

ฉันกรีดร้องลั่นห้อง เมื่อถูกผีผ้าห่มตัวเบ้อเร่อตะครุบกอด

 

“ชู่~” 

 

เสียงผิวลมลอดไรฟันลอยเข้าหู พาขนลุกซู่

 

“นะ ไหนนายสาบานแล้วไง!?” 

 

ฉันตวาดเสียงแหลมผ่ากลางความมืดที่มองเห็นเพียงเงาสลัว พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนแกร่ง แม้รู้ว่าไม่มีทางสู้แรงช้างสารของเขาได้

 

“นอนกอดแฟนไม่ใช่เรื่องลามกซักหน่อย” 

 

อีตาทวิตซ์เล่นแง่ เถียงคำไม่ตกฟาก 

 

“โรแมนติกต่างหาก”

 

เออ! อย่าให้ฉันหลุดไปได้ละกัน นายได้เจอดัชนีพิฆาตหยิกเอวบิดแน่ไอ้คนพลิกลิ้น!

 

“หรือเธอ…คิดว่านี่ ‘ลามก’?” 

 

เจ้าของเสียงยั่วยวนพูดดักคอจี้จุด ทำฉันสตั๊น

 

“…”

 

ใช่สิ… ฉันรู้ดีอยู่แล้ว ว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือใจตัวเอง

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…

 

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดไร้แสง ประสาทสัมผัสถูกขัดเกลาให้เฉียบคมอ่อนไหว จนรับรู้ถึงทุกอนูของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

ร่างกำยำโอบรัดแนบชิดติดแผ่นหลัง พานึกเพ้อถึงอกแกร่งและกล้ามเนื้อแน่นฟิตทุกสัดส่วน ไอความร้อนแผ่ระเหยฟุ้งกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆ ปนเหงื่อ

อับชื้น อุณภูมิร่างกายที่ถูกส่งผ่านแทบทำฉันหลอมละลายกลายเป็นไอศกรีมรสหวาน 

 

“ยูแช…ฉันไม่ติดหรอกนะ” 

 

น้ำเสียงล่อลวงหยอกเย้าเฝ้ากระซิบ

 

“ถ้าเธออยากทำเรื่องอีโรติก…ก็สะกิดได้ตลอด”

 

อร๊ายยย…!!!

 

ฉันต้องฝืนขบริมฝีปากไว้แน่น เพื่อสกัดกั้นเสียงกรี๊ดฟินไม่ให้เล็ดลอดออกมาตามความคิด หลังได้ฟังประโยคเด็ดสุดกร้าวใจ 

 

แย่ล่ะสิ คำพูดน่าไม่อายนั่น ดันทำฉันรู้สึกร้อนจัด อึดอัดเหมือนเลือดกำเดาพร้อมไหล…

 

ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังผ้าปูสีขาวบริสุทธิ์ต้องเปื้อนเลือดแน่! >\\\<

 

ในขณะที่ฉันกำลังหักห้ามใจตัวเอง มืออุ่นหนาก็คอยลูบสางผมให้ชวนเคลิบเคลิ้ม น้ำเสียงคนเจ้าเล่ห์พลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนถนุถนอม 

 

“หลับให้สบาย คิดซะว่าฉันเป็นแค่ตุ๊กตาหมีตัวนึง…” 

 

ริมฝีปากร้อนลอบประทับจูบแผ่วหวานกลางท้ายทอย

 

“ฝันดีครับเจ้าหญิง” 

 

เขากล่าวราตรีสวัสดิ์เสียงนุ่ม ก่อนหนีไปท่องโลกแห่งความฝัน 

 

ปล่อยให้ยัยผู้หญิงบาปหนาอย่างฉัน ตกนรกขุมหื่นเพียงลำพัง… 

 

 

…..

 

…….

 

สมัย ม.ต้น ฉันเคยแอบชอบเด็กผู้ชายคนหนึ่ง…

 

ใครๆ ต่างพากันเรียกเขาว่า ‘เจ้าชาย’ เพราะท่าทางใจดี ยิ้มง่าย สุภาพอ่อนหวาน

 

อาจเพราะถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างไร้ที่ติ เขาจึงเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบสูงและมักเข้มงวดกับตัวเองเสมอ 

 

ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีน้ำใจเข้ามาช่วยปลอบประโลมยัยโง่ที่ไม่มีใครคบแบบฉัน

 

“ฮึกๆ…” 

 

ฉันจำไม่ได้แล้วว่า…ตอนนั้นร้องไห้เพราะอะไร ถูกคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนนินทา กลั่นแกล้ง หรือโดนหลอกใช้ 

 

จะอะไรก็ช่าง สุดท้ายฉันก็ลงเอยด้วยการนั่งร้องไห้คนเดียวในห้องเรียนที่ว่างเปล่าอยู่ดี…

 

“นี่…เธอโอเคมั้ย?” 

 

น้ำเสียงนุ่มนวลที่ใครฟังครั้งแรกก็ต้องจำได้ขึ้นใจ เอ่ยถามอย่างห่วงใย

 

คงเป็นความโชคดีเพียงน้อยนิดที่เหลืออยู่ของฉันล่ะมั้ง ทำให้เจ้าชายบังเอิญเข้ามาเจอพอดี 

 

“ฮืออออ” 

 

ตอนนั้น ฉันคิดย้อนไปแล้วอยากขอโทษเขาชะมัด ที่ดันมีนิสัยเสียแปลกๆ ยิ่งโดนโอ๋ยิ่งปล่อยโฮ

 

“ยะ อย่าร้องเลยนะ เดี๋ยวหน้าก็บวมเป็นปลาปักเป้าหรอก” 

 

เด็กหนุ่มน้ำใจงาม ลุกลี้ลุกลนพยายามปล่อยมุกตลก แต่กลับแป้กสนิท 

 

“แงงงงงงง”

 

“เฮ้อ” 

 

เขาถอนหายใจยาว คิดว่าคงเริ่มท้อกับการเอาใจฉันแล้ว

 

“เฮ้ ดูนี่นะ”

 

เป๊าะ

 

สิ้นเสียงดีดนิ้ว ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างเปล่งประกายระยิบระยับ สะกดสายตาดั่งร่ายมนต์

 

ฉันตกตะลึงกับภาพตรงหน้าจนสะอึกพูดไม่ออก

 

…ไม่รู้ทำไม แต่รอยยิ้มนั้น ช่วยปัดเป่าคราบน้ำตาได้จริงๆ

 

“ฉันยิ้มสวยใช่มั้ยล่ะ?” 

 

เด็กหนุ่มผมสีเงินเชิดหน้ายืดอกภาคภูมิใจ

 

“…”

 

แต่เมื่อเห็นฉันเงียบใส่ ไร้ปฏิกริยาตอบสนอง ความมั่นใจทะลุล้านก็ลดฮวบ 

 

เขาเริ่มทำหน้าอ้อนเป็นลูกหมาเรียกร้องความสนใจตามประสาเด็ก 

 

“ดูดีๆ สิ ฉันน่ารักเนอะ” 

 

พอเห็นคนที่ใครๆ ต่างเทิดทูนนักหนาว่าสูงส่งไร้ที่ติ ทำตัวแบบนี้ ฉันเลยอดขำไม่ได้ 

 

“ฮะๆ…” 

 

แทนที่เสียงหัวเราะของฉันจะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เจ้าชายกลับผลิยิ้มสวยอ่อนโยนราวกับดอกไม้ 

 

ดวงตาสีฟ้าครามเปล่งประกายที่ทอดมองมา ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำฉันเสมอ

 

“ขอบคุณนะ นายตลกจัง”

 

ฉันไม่ได้ชอบเขาเพราะเป็น ‘เจ้าชาย’ 

 

ไม่ได้ชอบที่นายหน้าตาดี ยิ้มเก่ง บ้านรวยหรือมีความสามารถ 

 

แต่ฉันชอบ…เพราะนายใจดี 

 

ฉันหลงรักรอยยิ้มที่มาจากความอ่อนโยนของนาย 

 

…….

 

…..

 

 

“…ยูแช” 

 

ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงละเมอของทวิตซ์

 

ความฝันนั้น…เป็นครั้งแรกที่ฉันได้คุยกับเขา

 

“…ยูแช ฉัน…”

 

เสียงงึมงำยังคงละเมอเพ้อชื่อฉันอยู่

 

ภายในอ้อมกอดของเขา สัมผัสอบอุ่นถูกแบ่งปันถึงกัน ทำให้ทั้งร่างกายและหัวใจรู้สึกดีเหลือเกิน…

 

กลิ่นดอกไม้และเหงื่อจางๆ ผสมปนเปยังคงเย้ายวน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เด่นชัดขึ้นมา

 

‘ทฤษฎีสัมพัทธภาพ’ ของ ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ เป็นจริงอย่างที่นายพูด

 

ทั้งเวลาและสถานที่ สิ่งเหล่านั้น ไม่มีผลต่อความรู้สึกแม้แต่น้อย

 

ขอโทษนะ ฉันนี่มันเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ วันๆ เอาแต่คิดเรื่องลามกจนมองข้ามความใส่ใจของนาย…

 

“…ชอบจัง”

 

ฉันกอดตอบเจ้าของเสียงละเมอแน่นขึ้น เพื่อซึมซับความอบอุ่น ราวกับว่าเขาเป็นเพียงตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เท่านั้น

 

“…ฉันชอบเธอ”

 

“…ฉันก็ชอบทวิตซ์ที่สุดเลย”

 

.

 

-3 วันต่อมา-

 

กริ๊งงงง

 

ติ๊ด

 

ฉันกดตัดสายเบอร์แปลกที่โทรมาติดต่อกันตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ทีแรกว่าจะเมินอยู่หรอก…แต่สงสัยคงต้องบล็อคทิ้งจริงๆ ละ

 

“ใครโทรมา?” 

 

ระหว่างตระเตรียมแผนงานคริสมาสต์อีฟ เจ้าชายผมเงินก็เหลือบมองพฤติกรรมของฉันด้วยสายตาซ่อกแซ่ก 

 

หยุดเลย =-=* อย่ามาหึงมั่วซั่วนะยะ วันๆ ฉันก็ตัวติดแต่กับนายจนจะกลายเป็นฝาแฝดอินจันอยู่แล้ว ไม่มีเวลาไปแอบเต๊าะหนุ่มที่ไหนหรอกย่ะ

 

“คอลเซ็นเตอร์น่ะ” 

 

ฉันตอบกลับเสียงเรียบ พร้อมกดบล็อคเบอร์เรียบร้อย 

 

เกือบทำรักร้าวฉานแล้วมั้ยล่ะ คุณมิจฉาชีพ

 

 ไอ้แว่นผู้เห็นเหตุการณ์ ทำท่ากระซิบกระซาบข้างหูทวิตซ์ แต่ดันพูดเสียงดังกวนประสาทเหมือนจงใจให้ฉันได้ยินเต็มสองหู 

 

“แอบมีกิ๊กชัวร์”

 

เฮ้ย! หุบปากไปเลยนะ =[]= อย่ามาเสี้ยมเขาควายให้ชนกันสิย๊ะ! นายก็รู้หนิว่าอีตาทวิตซ์ขี้หึงแค่ไหน?!

 

มันต้องเป็นเพราะปลาดาวใจแข็ง ไม่ยอมให้ไอ้แว่นแตะเนื้อต้องตัวหรือหยอดคำหวานใส่ แม้จะคบกันมาได้ซักพักแล้วแน่ๆ ช่วงนี้หมอนี่เลยกลายเป็น

คนเก็บกด ขี้อิจฉา ทนเหม็นความรักไม่ไหว พยายามเสี้ยมให้คู่ฉันทะเลาะกันบ่อยๆ 

 

“ไม่หรอก ยูแชน่ะเป็นเด็กดี ^^” 

 

ทวิตซ์ยังคงหนักแน่นไม่แคร์คำพูดยุแยงไร้สาระ ลูบหัวฉันป่อยๆ ชวนชื่นใจ 

 

แต่น้ำเสียงเย็นเยียบในประโยคถัดไปนี่สิ…ทำเอาขนลุกกันทั้งห้อง

 

“แต่ถ้ามีใครกล้าเข้ามายุ่งกับเธอล่ะก็…ฉันไม่เอามันไว้แน่”

 

นับตั้งแต่นั้นมา…ไอ้แว่นก็ไม่กล้าล้อเล่นเรื่องนี้อีกเลย

 

.

 

เย็นวันหนึ่ง ระหว่างที่ทวิตซ์เดินมาส่งฉันกลับหอ ภายใต้บรรยากาศเงียบสงบในฤดูหนาว จู่ๆ เจ้าชายดอกไม้ก็เอ่ยปากชวนฉันเข้าไปในดินแดน

มหัศจรรย์แห่งใหม่ ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

 

“เสาร์นี้ไปเที่ยวบ้านฉันมั้ย?” 

 

ดวงตาสีฟ้าสดใสเปล่งประกายแวววาว เปรยยิ้มหวานเชิญชวน 

 

ฉันแน่นิ่งไปชั่วครู่…

 

ทั้งตื่นเต้น ดีใจ ว้าวุ่น กังวล ผสมปนเปกันเละเทะ 

 

แต่ยังมุ่งมั่นตั้งใจตอบกลับอย่างกระตือรือร้น

 

…โดยไม่รู้เลยว่า นี่อาจกลายเป็นจุดจบของความสัมพันธ์แสนหวาน

 

“ไป!”

 

ปลายนิ้วโป้งอุ่นแตะประทับที่หัวแม่โป้งของฉัน แทนตราแสตมป์บนหน้าพาสปอร์ต

 

“ดีล”

 

…สู่โลกแห่งความลับ ที่ยัยคนอ่อนแออย่างฉัน ไม่ควรก้าวเข้าไปเลย

 

 


 

(จบตอน)

 

ไลเซนทัส; ถนุถนอมทุกความทรงจำอันล้ำค่า

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา