The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) -ลิลลี่-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตอนนี้ฉันว่างมากเลย ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร เพราะกว่าจะถึงอีเว้นต์ใหญ่ครั้งต่อไปอย่าง ‘คริสมาสต์อีฟ’ ก็มีเวลาเตรียมงานเหลือเฟือเป็นเดือนๆ และ
เนื่องจากเป็นงานใหญ่เก่าแก่ที่ถูกจัดขึ้นประจำทุกปี ทางโรงเรียนจึงอนุญาตให้สามารถเกณฑ์นักเรียนมาช่วยงานได้ เรียกได้ว่างานนี้สบาย แทบไม่
ต้องทำอะไร นอกจากคิดคอนเซ็ปต์ ซ้อมเข้าพิธีและตรวจงาน
ด้วยเหตุนี้ พวกเราเลยตกลงกันว่าจะพักงานสภานักเรียนซัก 1 สัปดาห์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไอ้แว่นกับปลาดาวไม่อยู่ ต้องไปเข้าค่ายฝึกยิวยิตสู เพื่อ
เตรียมตัวแข่งเลื่อนสาย
“เวลาว่างนายชอบทำอะไรหรอ?”
ฉันเอ่ยถามเจ้าชายดอกไม้ที่เอาแต่นอนหนุนตักม้วนปลายผมฉันเล่นอย่างเกียจคร้าน
“อืมม…”
ทวิตซ์ลากเสียงยาวในลำคอชวนให้ลุ้นคำตอบ
“ชอบอยู่กับเธอ”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ฉันที่กำลังอ่านหนังสือ หน้าแดงขึ้นมาไม่เป็นอันอ่านต่อ หลงลืมไปหมดแล้วว่าอ่านถึงบรรทัดไหน >\\<
โธ่! ฉันไม่ได้จะชงให้นายเล่นมุขเสี่ยวซะหน่อย ฉันหมายถึงพวกงานอดิเรก ความชอบ หรืออะไรเทือกๆ นั้นต่างหาก!
“ละ แล้วอย่างอื่นล่ะ?”
ฉันยังคงฝืนยิงคำถามไม่ลดละ
มันไม่ใช่ว่าฉันแค่ถามแก้เบื่อหรอกนะ อันที่จริงฉันมีจุดประสงค์แอบแฝง - -+
ตั้งแต่คืนนั้นที่หอพักฉิมพลี พวกเราก็เริ่มคบกันจริงจัง…แต่จู่ๆ ฉันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ที่ผ่านมาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหมอนี่เลยน่ะสิ!
ช่างน่าสมเพสเหลือเกิน ที่ข้อมูลในหัวตอนนี้ ส่วนใหญ่มาจากเสียงซุบซิบนินทาของสาวๆ ข้างทางทั้งนั้น
อีกอย่างเรารู้จักกันไม่ถึง 100 วัน ตามธรรมเนียมเกาหลี ฉันก็ดันใจง่ายคบกับเขาซะแล้ว…ถ้าม๊ารู้เข้าต้องผิดหวังในตัวฉันแน่ =o= ดังนั้น สิ่งที่ฉันควร
เร่งทำที่สุดในตอนนี้และควรทำมาตั้งนานแล้ว คือการทำความรู้จักเขานั่นเอง
“หืม~”
ทวิตซ์เล่นเสียงในลำคอเจ้าเล่ห์ มือใหญ่ชิงขโมยหนังสือ เพื่อให้เราได้สบตากัน
ดวงตาสีฟ้าแวววาวซุกซนจดจ้องอย่างสนใจ ผลิยิ้มสวยมีเลศนัยย์
“วันนี้ช่างถามจังนะ ^^”
แถวบ้านฉันเรียก ‘ขี้เจือก’ นายไม่ต้องอ้อมค้อมก็ได้ =-=^
ปลายนิ้วเรียวคล้องเกี่ยวผมทัดหูให้ ปัดเศษปอยผมตกระหน้า พลางเอื้อนเอ่ยคำพูดหยอกเอิน
“ใช่ว่าฉันจะไม่ชอบหรอกนะ…ที่เธอทำตัวเป็นเด็กขี้สงสัยแบบนี้”
นี่สินะ ที่เค้าว่า ‘ยามแรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน’ ฉันต้องรีบกอบโกยซะแล้ว ก่อนตานี่จะหมดโปรโมชั่น
“อย่าเมินคำถามฉันสิ”
ฉันจิกจี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เจ้าของเรือนผมเงินกลับทำหน้าเอ็นดูไม่ไหว ก่อนตั้งใจตอบคำถามด้วยโทนเสียงสองแบบที่ใช้คุยกับเด็ก
“นอกจากอ่านหนังสือ ก็เข้าชมรมมั้ง”
“แล้วนาย…ชอบชมรมไหนที่สุด?”
ฉันชิงถามต่อไม่รีรอ แต่ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอั่กกระอ่วนกับการทำตัวจุ้นจ้าน ซึ่งปกติไม่ใช่นิสัยของฉันเลย…ได้แต่หวังว่าอีตาทวิตซ์จะไม่รำคาญซะ
ก่อน =-=;
“พรุ่งนี้ไปด้วยกันมั้ยล่ะ?”
คำถามไม่คาดคิดทำเอาชะงักเล็กน้อย
…แต่กลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“ไป!”
ฉันเผลอตอบรับกระตือรือร้นจนทวิตซ์อดขำไม่ได้
มือใหญ่ใช้นิ้วโป้งกดประทับตราที่นิ้วโป้งของฉัน ประหนึ่งทำสัญญาที่ไม่ใช่การเกี่ยวก้อย
“ดีล”
.
-เช้าวันต่อมา-
ใครจะไปคิดว่าหมอนี่จะนัดฉันออกมาตอนตี 5
ปกติฉันก็ว่าตัวเองตื่นเช้ามากแล้วนะ แต่ตานี่เช้ากว่าอีก =_=
พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นดี ฟีลรอตักบาตรพระ ดูสิท้องฟ้ายังเป็นสีชมพูอยู่เลย
“ฮ้าวว”
ฉันอ้าปากหาวหวอดใหญ่ ยืดตัวบิดขี้เกียจ….
“วิ้ว~ เซ็กซี่จัง”
ทวิตซ์ผิวปากแซว ท่าทางดี๊ด๊าลั้นลา ต่างจากฉันที่ยังสะลึมสะลือ
แบบนี้แหละนะ ไอ้คนคลั่งรัก พนันได้เลยว่าต่อให้ฉันทำตัวอุบาทซกมกแค่ไหน ฟีลเตอร์รักบังตาก็ทำให้เขามองว่า ‘น่ารัก’ อยู่ดี
“ง่วงหรอ?”
ทวิตซ์ลูบหัวฉันป่อยๆ มืออุ่นทำให้เคลิ้มหนักกว่าเดิม
“งืม…”
ฉันตอบกลับเสียงงึมงำตาใกล้ปิด…
กระทั่งถูกร่างสูงโน้มกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงสุดเซ็กซี่
“…ให้ฉันช่วยปลุกมั้ย?”
O///O
คราวนี้ฉันตื่นเต็มตา รีบดันตัวเขาออกทันที ก่อนจะถูกไอ้คนน่าไม่อายขโมยจูบอีก
ทวิตซ์ที่ถูกปฎิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ช้อนตามองทำหน้าหงอยหงิงๆ เป็นลูกหมาโดนทิ้ง
“ยูแช~ ฉันยังจูบไม่ได้อีกหรอ? เราเป็นแฟนกันแล้วน้าา ToT”
น้ำเสียงออดอ้อนและสายตาเว้าวอนของเขาทำให้ฉันต้องหันหนี
“ก็ฉันไม่อยากจูบไปเรื่อยนี่!”
ฉันตะเบ็งเสียงสู้ทั้งใบหน้าแดงก่ำ
ถึงจะคบกันแล้ว แต่ฉันไม่อยากโชว์จูบเรี่ยราดในที่สาธารณะหรอกนะย๊ะ! ถ้านักเรียนคนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างขึ้นมาจะทำยังไง?! ลองคิดสภาพ
โรงเรียนที่เดินไปทางไหนก็มีแต่คู่รักวัยรุ่นดูดปากกันหนุบหนับสิ!
บรื๋อ~ ฉันไม่เอาด้วยหรอกน๊ะ!!! >~<
“…ฉันไม่ได้จูบไปเรื่อยซักหน่อย”
ทวิตซ์ทำท่านอยจัดก้มมองพื้นเตะฝุ่นเซ็งๆ
เอ๊ะ? เหมือนเค้าจะเข้าใจผิด ตีความสิ่งที่ฉันพูดว่า ‘จูบของเขามันไม่มีความหมาย’ สินะ…
…
จุ๊บ
ฉันเขย่งจุ๊บแก้มเค้าทีนึงก่อนถอยกรูกลับมา เบือนหน้าหนีความเขินอายที่ซ่อนไว้ไม่มิด
ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้เท่าไหร่หรอกย่ะ! >///< แต่เท่าที่เรียนรู้มา นี่เป็นวิธีใช้ต่อกรกับปีศาจหื่นกระหายในตัวเจ้าชายดอกไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สุดแล้ว
เพราะที่จริงทวิตซ์น่ะ ไม่ได้สนใจเรื่องทะลึ่งตึงตังเท่าไหร่หรอก…เขาแค่อยากให้ฉันแสดงความรักออกมามากกว่า
อร๊ายยย ยิ่งคิดยิ่งเขินน! ไม่น่าเลย! ตอนนี้หัวใจฉันเต้นแรงจนมันแทบทะลุจากอกแล้ว
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
“…พอมั้ย?”
ฉันเอ่ยถามเสียงแผ่ว ลอบมองร่างสูง ซึ่งตอนนี้หน้าแดงจัดถึงหู ยืนแน่นิ่งเป็นอนุสาวรีย์
พอเริ่มตั้งสติได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน เจ้าชายดอกไม้ก็คลายยิ้มกว้าง ดวงตาสีฟ้าอบอุ่นจ้องมองฉันหวานหยดปานน้ำผึ้งเดือนห้า ก่อนเอ่ยตอบ
คำถามด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข
“เหลือเฟือเลยล่ะ”
.
-เวลา 05.20 น.-
(ณ ชมรมว่ายน้ำ)
ทฤษฎีของฉันผิดพลาดอย่างมหันต์ ดูเหมือนว่า จุมพิตแก้มซ้ายจะผนึกปีศาจไว้ไม่ได้อีกต่อไป
เพราะทันทีที่ทวิตซ์เห็นฉันในชุดว่ายน้ำโรงเรียนทรงวันพีชสีดำ สายตาสีครามแพรวพราวก็ฉายแววหื่นกระหายชัดเจน จนรู้สึกขนลุกวาบ
ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่า มันเป็นแผนเจ้าเล่ห์ของนายรึเปล่า? ที่นัดฉันมาว่ายน้ำเปลี่ยวๆ ด้วยกันตอนตี 5 =-=* ไม่ทันไรก็เริ่มไว้ใจไม่ได้ซะละตานี่
ทวิตซ์เงียบไม่พูดอะไร…แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาช่วยสอนให้ฉันรู้ว่า ความเงียบน่ะน่ากลัวที่สุดแล้ว
“มองอะไรย๊ะ!”
ฉันชิงทำลายบรรยากาศสุ่มเสี่ยงด้วยการตะเบ็งเสียงดุ จ้องเขาตาเขม็ง -*-
คนถูกถามไหวไหล่แทนคำตอบว่า ‘ไม่มีอะไร’ ยิ้มยียวนกวนประสาท ดูถูกใจเหลือเกินที่ได้เห็นฉันแสดงท่าทีก้าวร้าว
…มาโซคิสม์ชัดๆ ตกลงฉันคิดถูกคิดผิดกันแน่เนี่ยที่ยอมคบกับนาย =_=^
เอาเหอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ใช้สมองตัดสินได้ซักหน่อย
แต่ทันทีที่ทวิตซ์ถอดเสื้อคลุมว่ายน้ำสีขาวออกจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นเต็มสองตา ฉันก็เริ่มรู้สึกสงสารเค้าแทน ที่ดันหลงมาคบกับยัยหื่นกามอย่าง
ฉัน =\\\=
ผิวขาวอมชมพูเนียนสวยไร้รอยด่างพร้อยอาบแสงแดดรำไร กล้ามเนื้อลีนเย้ายวนปูดปูนซะจนน่ากัดให้จมเขี้ยว โชคดีเหลือเกินที่กางเกงว่ายน้ำสีดำตัว
นั้นไม่รัดติ้วจนเกินไป ไม่งั้นฉันคงหัวใจวายตายแน่
“มองอะไรครับคนสวย?”
ทวิตซ์หันมาผลิยิ้มเย้ยเอาคืน ด้วยน้ำเสียงปั่นโสทประสาท ร่างสูงหุ่นฟิตเปรี๊ยะย่างกรายเข้ามาใกล้จนฉันต้องถอยหนีเพราะกลัวใจตัวเอง…เขารู้ดีว่าจุด
อ่อนของฉันคืออะไร เช่นเดียวกับที่ฉันรู้จุดอ่อนของเค้า
ตึกตัก… ตึกตัก… ตึกตัก…
…ฉันล่ะเกลียดนายจริงๆ
“ไม่ลงสระหรอ? มัวแต่ยืนตากลม…เดี๋ยวก็เป็นหวัดอีกหรอก”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเต็มไปด้วยความห่วงใย มือหนาแตะสัมผัสแก้มเย็นเฉียบมอบความอบอุ่นแผ่ซ่าน พร้อมกลิ่นสวนดอกไม้อ่อนๆ ชวนผ่อนคลาย
“นายลงเลย…ฉันว่าจะนั่งรอริมสระ”
ต้องขอบคุณสัมผัสอ่อนโยนที่ทำให้ความหื่นลดฮวบ
แต่ก็ยังอดมองกล้ามเนื้อสมชายชาตรีที่ขัดกับใบหน้าสวยๆ นั่นไม่ได้อยู่ดี
“ทั้งที่เปลี่ยนชุดมาแล้วเนี่ยนะ?”
ทวิตซ์เอียงคอถามอย่างสงสัยงวยงง ไม่เข้าใจการกระทำของฉัน
ฉันแค่ทำตามกฎย่ะ -*- ในเมื่อป้ายมันเขียนว่า ‘ไม่ใส่ชุดว่ายน้ำห้ามเข้า’ อยู่ทนโท่ แค่แอบเข้ามาก่อนชมรมเปิด ฉันก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว ถึงคนถือ
กุญแจอย่างนายจะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ
อีกอย่าง…ฉันว่ายน้ำไม่เป็น
“ว้าย!!”
ฉันร้องอุทานเสียงดัง เมื่อจู่ๆ ถูกช้อนร่างขึ้นอุ้มท่าเจ้าหญิง ยังไม่วายโดนอีตาทวิตซ์แกล้งแกว่งไปมาทำท่าเหมือนจะโยนลงสระ จนฉันต้องกรีดร้อง
กอดคอเค้าไว้แน่น
“กรี๊ดดด!!!!”
ตูม!!!
แรงกระแทกจากผืนน้ำสาดซัดเข้าร่างจนเปียกชุ่มทั่วทั้งตัว ฉันหลับตาปี๋ตัวสั่นระริก
คิดว่าจะจมน้ำตายซะแล้ว!!! ToT
โชคยังดีที่อีตาทวิตซ์ไม่เล่นพิเรนทร์โยนฉันลงสระ แต่เลือกกระโดดลงมาพร้อมกันแทน ตอนนี้ร่างฉันจึงยังอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ก้มหน้างุดซุกอกอย่าง
สั่นกลัว
ทวิตซ์ที่ทีแรกหัวเราะร่า พอสังเกตเห็นท่าทางของฉันเลยรีบกลับลำโอ๋อย่างไว
“ยูแช…กลัวหรอ? ฉันขอโทษนะ ที่เล่นแรง…”
ปั้ก!
“โอ๊ย”
ฉันทุบอกเขาอย่างแรงระบายความโกรธ ต่อด้วยกระบวนท่าหมัดดาวเหนือรัวใส่ไม่ยั้ง
ปั้กๆๆๆๆ!
ซึ่งตานั่นก็ยอมให้ทุบจนพอใจ จนฉันเหนื่อยหอบหยุดไปเอง
ฉันหอบแฮ่กช้อนสายตาจ้องมองใบหน้าหล่อสวยอย่างเคียดแค้น
แต่พอถูกตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวานละมุน…ฉันก็เกลียดเค้าไม่ลงจริงๆ
จุ๊บ
“นะ นาย!!!”
ฉันแผดเสียงโวยวาย เมื่อถูกริมฝีปากร้อนผ่าวขโมยจุ๊บแก้ม
สายตาอ่อนโยนห่วงใยเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ขี้แกล้งทันใด ราวกับมีสองตัวตนในคนเดียว
“หายกันแล้วเนอะ ^^”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ไอ้คนนิสัยเสีย…
ไม่ว่าจะเรื่องที่ฉันจุ๊บเขา เรื่องที่เขาแกล้งฉัน หรือเรื่องที่ทุบตีเขาจนเจ็บ
ตอนนี้ทุกอย่างถูกหักลบกลบกันอย่างสมดุล จนไม่เหลือสิ่งใดให้เก็บไว้วุ่นวายใจอีกต่อไป
…มีเพียงความรู้สึกนุ่มฟูอบอุ่นในอกยามสบตา
ถ้าความรักไม่สำคัญเท่าความสมดุลอย่างที่นายเคยนิยามไว้…ฉันว่าตอนนี้ คู่เราก็สมบูรณ์แบบเลยล่ะ
“หวานแหววกันเชียวน้าาา”
ฉันเหลือบเห็นร่างชายหนุ่มสูงโปร่งผมทองเจ้าของเสียงโทรโข่งเดินโบกมือมาแต่ไกล
ทวิตซ์ถอนหายใจยาวเป็นขบวนรถไฟ อุ้มยกร่างฉันวางขอบสระ เร่งรี่ไปเอาเสื้อคลุมว่ายน้ำมาคลุมให้
จังหวะนั้น พ่อหนุ่มผมทองจอมโวยวายก็เดินเข้ามาในระยะที่สามารถสนทนากันได้ด้วยระดับเสียงปกติซะที
“โย่~”
ก้างขวางคอชิ้นเป้ง โบกมือทักทายอีกครั้ง ด้วยท่าทางชิลล์ๆ ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันครบ 32 ซี่
ผมสีทองเปล่งประกายดุจแสงตะวัน นัยย์ตาเขียวมรกตรูปงามปานเทพอะพอลโล่ ฟันขาวเรียงสวยราวเม็ดไข่มุกอันดามันต์ รอยยิ้มเจิดจ้าสว่างสดใส
ของพ่อพระอาทิตย์ดวงน้อย ทำดวงใจหลอมละลาย
ฉายาของเขาคือ ‘เจ้าชายแสงตะวัน’
บทกวีเทิดพระเกียรติสละสลวยของสาวน้อยตัวประกอบริมทางที่เคยแล่นเข้าหู ไม่เกินจริงเลยซักนิด ติดตรงยัยภูเขาน้ำแข็งอย่างฉันไม่หลอมละลาย
ง่ายๆ เพราะรอยยิ้มแค่นี้หรอก เทียบกันหมัดต่อหมัดแล้ว รอยยิ้มของเจ้าชายดอกไม้ยังสร้างดาเมจรุนแรงกว่าหลายขุม
พอซันไลท์เจ้าชายแสงตะวันคนก่อนเรียนจบ พวกสาวๆ ก็รีบสถาปนาหนุ่มใหม่ขึ้นแทนที่อย่างไว เหลือแต่ตำแหน่ง ‘เจ้าชายสายลม’ อดีตอดัม ที่ยัง
ว่างเว้นไร้วี่แววผู้สืบทอด
“ทำไมตื่นเช้านักล่ะ ไม่ใช่นิสัยนายเลยนะลีโอ ^^”
ทวิตซ์กล่าวทักทายปนค่อนแซะแย้มยิ้มสวย
“อะไรเนี่ย ไม่ทันไรก็ริบเครดิตกันซะแล้ว”
อีกฝ่ายไม่ถือสาคำค่อนขอด เกาหัวแกรกๆ หัวเราะร่าเสียงดัง
เออ ดีเนอะ เกิดเป็นอีตาทวิตซ์เนี่ย ปากกล้าแซะใครเค้าก็เอ็นดูไปหมด ตั้งแต่ตอนไอ้แว่นละ =-=
ชักสงสัยแล้วว่า หรือใบหน้าสวยๆ นั่นจะมีผลต่อใจชาย?
“สาวน้อยตรงนั้นน่ะ…”
เจ้าชายแสงตะวันไม่ปล่อยให้ฉันหลุดจากวงสนทนา
“นางในฝันนายไม่ใช่หรอ?”
นาง…อะไรนะ?
ฉันจ้องเจ้าของดวงตาสีเขียวกลับด้วยใบหน้างงงวยรอแถลงไข
“ก็เมื่อคืนทวิตซ์…/อ้อ!”
ยังไม่ทันได้คำตอบอะไร อีตาทวิตซ์ก็เข้าแทรกกลางก้าวรุดหน้าบังฉันไว้
“ลืมแนะนำเลย นี่ ‘ลีโอ’ หัวหน้าชมรมว่ายน้ำ รูมเมทฉันเอง”
เสียงนุ่มทุ้มชิงเปลี่ยนเรื่อง
เป็นการแนะนำเพื่อนที่ประหลาดมาก - -^ เพราะตอนนี้ฉันมองไม่เห็นคนที่นายอยากแนะนำด้วยซ้ำ
“โอเคคร้าบ ‘ยูแช’ สินะ”
ฉันพอเดาได้จากน้ำเสียงว่าตอนนี้ลีโอกำลังฉีกยิ้มแจกไมตรี ตรงข้ามกับเสียงเย็นเยียบของทวิตซ์ที่แทรกผ่าขึ้นมา
“ยู”
“ห้ะ?”
“นายเรียก ‘ยู’ ก็พอ”
จบบทสนทนานั้น มือใหญ่ก็จูงฉันเดินออกมาโดยไม่กล่าวคำร่ำลา
จะว่าไป…หูนายดูแดงๆ รึเปล่าเนี่ย?
“ไว้เจอกันน้าาา”
เสียงโทรโข่งไล่หลังเต็มไปด้วยพลังงานบวกสุดเฟรนลี่…
ถ้าตำแหน่งเจ้าชายแสงตะวันวัดกันที่ความเจิดจ้า ฉันว่าตานี่ก็สมมงละ =_=
.
หลังกลับจากสระฉันรู้สึกเพลียมาก เลยแวะนอนต่อที่ห้องสภานักเรียน โดยมีตักของเจ้าชายดอกไม้แทนหมอน ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่เป็นหมอนเกรดพรีเมี่
ยมและคนกล่อมเด็กได้ดีมาก จนฉันหลับสนิทถึงเที่ยง
พอตื่นเราก็ออกไปหาอะไรกินกัน แต่ไม่นั่งที่โรงอาหาร เพราะคนเยอะ+ฉันไม่ค่อยชอบเสียงซุบซิบนินทาเท่าไหร่
ฉันค้นพบว่าอาหารการกิน ดันเป็นเรื่องเดียวที่ฉันรู้จักทวิตซ์มากที่สุด เพราะเคยกินข้าวด้วยกันหลายมื้อ
เขาไม่ชอบรสจัด เลี่ยน ทอด เกลียดรสขม ชอบรสหวาน โดยพื้นฐานเป็นคนกินง่ายอะไรก็ได้ขอแค่อิ่ม ไม่ใส่ใจเรื่องโภชนาการเท่าไหร่ มีมารยาทใน
การกินอย่างยิ่ง เวลาเคี้ยวจะไม่พูดไปด้วย แม้เป็นพวกเพอร์เฟ็กชั่นนิส แต่ไม่เคยจู้จี้จุกจิกเรื่องนิสัยการกินของคนอื่น
หนังท้องตึง แต่หนังตายังไม่หย่อน พอกินเสร็จทวิตซ์เลยพาฉันไปอ่านหนังสือต่อที่ห้องสมุดจนถึงเย็น ก่อนเอ่ยปากชวนแวะเที่ยวอีกชมรมด้วยกัน
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนี้ฉันถึงยืนอยู่หน้าห้องชมรมดนตรีกับเจ้าชายดอกไม้
ทวิตซ์หยิบกุญแจดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง บ่งบอกให้รู้ว่าตานี่ไม่ตั้งใจเก็บของเอาซะเลย - -*
แกร่ก
“วันนี้ห้องว่าง ทุกคนไปแข่งต่างจังหวัด ไม่มีใครอยู่ ^^”
ทวิตซ์ส่งยิ้มให้ ก่อนเดินนำเข้าไปในห้องมืดสลัวอับๆ บรรยากาศเงียบสงัด
นี่ นายคงไม่ได้หลอกฉันมาฆ่าหมกศพใช่มั้ย? =_= เพราะดูท่าว่ามันจะเป็นห้องเก็บเสียงซะด้วย
ร่างสูงกดเปิดไฟและแอร์ระบายอากาศ ก่อนเดินไปลงชื่อตามกฎ
ฉันเคยได้ยินว่า ทุกชมรมของเซนต์อคาเดมีค่อนข้างเปิดกว้าง โดยเฉพาะกับเด็กห้องคิง แค่แวะมาลงชื่ออย่างน้อยเดือนละครั้งก็สามารถอยู่ในชมรม
ต่อไปได้…ไม่แปลกใจที่ตานี่จะแว้บเข้าชมรมนั้นชมรมนี้เป็นว่าเล่น
สายตาของฉันเริ่มสำรวจซ่อกแซ่ก ถึงจะเป็นห้องเก็บเสียงแต่ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว ขนาดพอๆ กับโรงหนัง จึงดูไม่แออัดเท่าไหร่ แม้ไม่มีหน้าต่าง
ซักบาน
ผนังติดแผ่นเก็บเสียงสีดำตัดกับพื้นพรมแดง รอบกายเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์
“สนุกจังนะอลิซ”
ทวิตซ์เห็นท่าทางตื่นเต้นของฉัน ลอบหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดู แซวเปรียบเปรย
“มานี่เร็ว เดี๋ยวก็ตามคุณกระต่ายไม่ทันหรอก”
กระต่ายหนุ่มสีเงินเจ้าเล่ห์พูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น พลางจูงมือฉันมานั่งด้วยกันที่เปียโนสีดำตัวใหญ่สุดคลาสสิค
“เคยเล่นมั้ย?”
ดวงตาสีฟ้าพราวใสเป็นประกายยามเอ่ยถาม ราวกับกำลังสนุกที่ได้พาฉันเข้ามาอยู่ในโลกของเขา
ฉันส่ายหัวเบาๆ แทนคำตอบ
ริมฝีปากสีกุหลาบคลี่ยิ้มรับ ปลายนิ้วเรียวจรดสัมผัสคีย์บอร์ด บรรจงดีดเสียงเปียโนชวนเคลิบเคลิ้ม
…น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะเริ่มขับขานบทเพลงก้องกังวาน
[Maybe it's the way you say my name]
อาจเป็นวิธีที่เธอเรียกชื่อฉัน
[Maybe it's the way you play your game]
อาจเป็นวิธีเดินเกมของเธอ
[But it's so good, I've never known anybody like you]
แต่ดีนะ ฉันไม่เคยเจอใครเหมือนเธอมาก่อน
[But it's so good, I've never dreamed of nobody like you]
มันก็ดีนะ ไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะได้พบคนอย่างเธอ
ทวิตซ์หยุดเล่นกลางคัน เพื่อดื่มด่ำปฏิกริยาตอบสนองของฉัน…
ก่อนเผยยิ้มพึงพอใจ ดีดบรรเลงท่อนต่อไป
[Cause I'm in a field of dandelions]
เพราะฉันอยู่ในทุ่งแดนดิไลออน
[Wishing on every one that you'd be mine, mine]
ภาวนาให้สักวันเธอเป็นของฉัน
[And I see forever in your eyes]
และเห็นคำว่า ‘ตลอดไป’ ในแววตาของเธอ
[I feel okay when I see you smile, smile]
ฉันรู้สึกโอเคแล้วล่ะ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอ
…
บทเพลงจบลง แต่เสียงหัวใจเต้นระรัวยังดำเนินต่อ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…
ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายหวานฉ่ำ จ้องมองฉันอย่างมีความหมาย
ฝ่ามืออุ่นช้อนประคองแก้ม ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มนุ่มจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำค่อนแซะที่สุดแสนจะโรแมนติกออกมาอย่างมีนัยยะ
“เพลงนี้…ฉันไม่ได้เล่นไปเรื่อยหรอกนะ”
ปลายนิ้วโป้งร้อนผ่าวกดลงบนริมฝีปากของฉันอย่างเว้าวอนขอความรัก
ลมหายใจที่เริ่มติดขัดเพราะความตื่นเต้นของเขา ทำฉันเริ่มหายใจลำบากไปด้วย
เช่นเดียวกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทุกขณะ…
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
…ฉันพยักหน้าตอบรับเบาๆ
…
บทเพลงรักหวานซึ้ง ช่วยปรุงแต่งให้รสจูบของเขายิ่งฉ่ำหวานเกินต้านทาน ริมฝีปากเร่าร้อนและกลิ่นสวนดอกไม้เย้ายวน พาฉันหลุดเข้าไปในโลกแห่ง
บาปไร้ก้นบึ้ง ดื่มด่ำเร่งเร้าราวกับสิ่งเสพติด
คำว่า ‘เหลือเฟือ’ น่ะ โกหกทั้งเพ
จูบของเรายังคงดำเนินต่อไปอย่างร้อนแรงจนต้องหยุดพักหายใจ…
แขนแกร่งยกร่างฉันขึ้นนั่งบนเปียโน เกิดเสียงคีย์บรรเลงผิดเพี้ยน
แต่ใครสนล่ะ…ในเมื่อมันเป็นห้องเก็บเสียง
“…ฉันล็อคประตูแล้ว”
เจ้าของเสียงกระซิบแหบพล่านรุ่มร้อนและใบหน้าแดงระเรื่อ จ้องมองฉันอย่างโหยหา
นี่คงเป็นแผนร้ายของคุณกระต่าย เพราะเมื่ออลิซได้ลิ้มลองน้ำยาปริศนาแสนหวาน หัวใจของเธอก็พองโตจนไม่สามารถคลานหนีออกทางประตูบานจิ๋ว
ได้อีก
มือใหญ่จับแขนฉันพาดวางบนไหล่กว้าง สันจมูกโด่งคมโลมไซร้ซอกคอกอบโกยกลิ่นกายเนื้ออย่างละโมบ
มือหนาร้อนกรุ่นลูบไล้ตามเรียวขา อีกข้างโอบประคองร่างบางอ่อนระทวย
สัมผัสรุ่มร้อนเหมือนไฟลน ทำฉันรู้สึกดีซะจนอายเสียงหอบหายใจแปลกๆ ของตัวเอง จังหวะนี้ต้องขอบคุณเสียงหอบกระเส่าของเขา ที่ทำให้ฉัน
หลงลืมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปจนหมด
แกร๊ก
เป็นอีกครั้งที่มีก้างขวางคอชิ้นโต บุกขัดจังหวะบรรเลงรัก
ประตูห้องดนตรีถูกเปิดออกเผยให้เห็นสาวน้อยร่างบางผมสีน้ำตาลคาราเมล
ทวิตซ์รีบเด้งตัวออกจากท่าสุ่มเสี่ยงยืนบังฉันไว้ จัดผ้าผ่อนให้เรียบร้อย ตั้งหลักเตรียมประจัญหน้ากับเจ้าของเสียงฝีเท้าที่บรรจงก้าวเยื้องย่างเข้ามา
อย่างช้าๆ
นะ ไหนนายบอกว่าล็อคประตูแล้วไงย๊ะ!? >///< แบบนี้มีหวังเป็นข่าวฉาวทั้งโรงเรียนแน่!
“ไม่ใช่ว่าเธอไปกับพวกชมรมดนตรีหรอ?”
ทวิตซ์เอ่ยถามราบเรียบด้วยน้ำเสียงมั่นคงใจเย็น อาการหอบกระเส่าเมื่อครู่หายดีเป็นปลิดทิ้ง
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะจ้ะ เลยไม่ได้ไปด้วย”
เสียงใสกระจ่างติดหูและเส้นผมสีน้ำตาลคาราเมลที่ฉันเห็นแว้บๆ เมื่อกี้ ทำให้พอเดาได้ว่าคือ ‘หวาน’
พอรู้ว่าเป็นใคร ความรู้สึกผิดจากไหนไม่รู้ก็พุ่งชนกระแทกหน้าฉันอย่างจัง
…ฉันยังจำได้ดีว่า เธอชอบทวิตซ์มาก
ทวิตซ์ส่งมือมาช่วยพยุงฉันลงจากเปียโน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันและหวานสบสายตากันพอดี
ใบหน้าเปื้อนยิ้มอ่อนหวาน แต่ดวงตากลับว่างเปล่า
ฉันสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตพยาบาทจนต้องก้มหน้างุดมองพื้น
นี่รึเปล่า? เหตุผลที่ทวิตซ์ไม่อยากเอาเธอเข้ามา…
“ฉันว่าจะมาซ้อมเปียโนซะหน่อย…แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ”
เสียงหวานเป็นมิตรที่เคยเป็นดั่งน้ำใสลูบชะโลมใจ บัดนี้เย็นเยียบน่าขนลุก
“เสร็จกิจแล้วช่วยล็อคห้องให้ด้วยนะ เดี๋ยวจะมีพวกแมวขโมยแอบย่องเข้ามาอีก”
ว่าแล้วเธอก็เดินหันหลังออกจากห้อง ท่าทางนิ่งสงบ แต่ทิ้งท้ายด้วยการปิดกระแทกประตูดังลั่น
ปัง!
…
ฉันช็อคค้าง ทั่วทั้งหน้าชาไร้ความรู้สึก น่าอายเหลือเกินที่มีคนมาเห็นเลิฟซีนสุดเร่าร้อนในที่สาธารณะ แถมยังโดนเกลียดขี้หน้าเข้าอย่างจัง ตรงข้าม
กับไอ้ปีศาจหัวเงินไร้สามัญสำนึก…
“ต่อมั้ย?”
หงึด
“โอ้ยๆๆ…ล้อเล่นคร้าบ ล้อเล่น~”
ฉันหยิกเอวอีตาทวิตซ์ไปทีนึง แต่ดูจากรอยยิ้มขี้แกล้งนี่ เจ้าตัวคงไม่สำนึกเลยซักนิดว่าเพิ่งทำอะไรลงไป
“ห้ามจูบในที่สาธารณะอีกนะ!”
ฉันเท้าสะเอวชี้หน้า ทำเสียงดุจ้องมองด้วยสีหน้าจริงจัง
ให้ทายว่าตานั่นตอบสนองยังไง…
เหอะๆ แน่นอนว่าต้องยิ้มกรุ้มกริ่มกวนบาทาอีกตามเคย =-=^
“นี่ ฉันโกรธจริงๆ นะ -*-”
ฉันมองใบหน้าสวยตาแข็งตอกย้ำเจตนารมย์อีกครั้ง แต่กลับถูกมือหนาขยี้หัวอย่างหมันเขี้ยว
“คร้าบๆ ผมจะระวัง ^^”
โชคดีหน่อยที่เจ้าตัวยอมตกปากรับคำ
นิทานเรื่องนี้คงจบลงด้วยดี ถ้าในตอนสุดท้ายคุณกระต่ายจอมหื่นไม่โน้มตัวลงมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงสุดเซ็กซี่
“ครั้งหน้า…ไม่ให้ใครจับได้แน่”
O///O
ตึกตัก… ตึกตัก… ตึกตัก…
นี่จะนับเป็น Bad End รึเปล่า?
ถ้าฉันบอกว่า ต่อจากนี้…อลิซคงไม่ได้กลับไปเหยียบโลกใบเดิมอีกแล้ว
(จบตอน)
ลิลลี่; ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รู้จักคนอย่างคุณ
cr.dandelions-ruth b.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ