The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) -ไลเซนทัส-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“เรื่องค้างคืนพรุ่งนี้…”
O///O
ระหว่างเดินมาส่งฉันกลับหอ จู่ๆ อีตาเจ้าชายดอกไม้ก็ดันโพล่งเรื่องที่ฉันอยากจะแกล้งทำเป็นลืมๆ มันไปซะขึ้นมา
2-3 วันนี้ทวิตซ์พาฉันตระเวนทำกิจกรรมแทบครบทุกชมรม ไม่เว้นแม้แต่วันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เป็นการเปิดโลกที่ทั้งสนุก ตื่นเต้นและแปลกใหม่สำหรับ
ฉันจนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมาก รู้ตัวอีกทีก็เกือบ 1 สัปดาห์แล้วสินะ นับตั้งแต่เราคบกัน
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่ ครั้งก่อนเล่นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนั้น”
นัยย์ตาแซฟไฟร์ฉายแววเศร้าหมอง เมื่อนึกย้อนถึงตอนที่เราแตกหัก
มือหนาประโลมลูบหัวฉัน แต่กลับรู้สึกเหมือนเขาทำเพื่อปลอบใจตัวเองมากกว่า
เอิ่ม…ไม่อยากบอกเลยแฮะ เรื่องที่ฉันออกท่าทางเว่อร์วัง เพราะมโนเพ้อพกไปเองว่านายแอบกุ๊กกิ๊กอิ๊อ๊ะกับสาวอื่น =o=; …ปล่อยให้ตานี่เข้าใจผิดไป
ก่อนละกัน
“ฉันเลยมีข้อเสนอมาให้ ^^”
หงอยได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าชายดอกไม้ก็กลับมาเบ่งบานชื่นมื่นอีกครั้งราวกับเป็นไบโพล่าห์
เอ๊ะ หรือตะกี้แค่แกล้งเศร้ากันนะ? =-=
“ไม่”
ฉันตอบกลับเสียงราบเรียบไร้เยื่อใยตัดจบบทสนทนา
จากประสบการณ์ตรงที่เคยทำสัญญากับนาย ฉันกล้าสปอยเลยว่านี่ต้องไม่ใช่ข้อเสนอที่ยุติธรรม แต่เป็นกลลวงของ ‘นักเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน’ ต่างหาก
“ยูแช~”
เมื่อเห็นฉันตั้งการ์ดสูงไม่ยอมรับฟัง ทวิตซ์จึงเริ่มใช้กระบวนท่าที่สองทลายกำแพงน้ำแข็งด้วยสายตาหมาน้อยและน้ำเสียงออดอ้อน
แน่ล่ะว่ามันน่ารักเป็นบ้า -///-
“แค่ขอนอนเตียงเดียวกันเอง ฉันสาบานเลยว่า จะ-ไม่-ทำ-เรื่อง-ลา-มก-เด็ดขาด!”
ทวิตซ์พูดเน้นย้ำทีละคำ อัพเลเวลจากสัญญาเป็นสาบาน ชูสามนิ้วปฏิญาณตนฉบับลูกเสือ
อย่าสาบานย่ะ ถ้าจิตใจไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เดี๋ยวโดนฟ้าผ่าตายกันพอดี - -*
“นี่…”
มือหนาช้อนประคองหน้าฉันเชิดขึ้นสบสายตาจริงจัง
พร้อมปล่อยกระบวนท่าที่สาม ‘ลอบวางยาพิษ’
“รู้ใช่มั้ย? ว่าฉันจะไม่ทำอะไร ถ้าเธอไม่ยินยอม”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนและคำพูดน่าเชื่อถือของเขาทำให้ยอมโอนอ่อน
ไม่ใช่แค่เพียงใบหน้าหล่อสวยพาใจสั่นไหว แต่เป็นเพราะแววตาหวานซึ้งโหยหาความรักเหนือสิ่งอื่นใดนั่นต่างหาก ที่ฉันยอมศิโรราบให้
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ขี้โกงนี่…นายเล่นล่อซื้อกันแบบนี้ ฉันก็แพ้ราบคาบเลยน่ะสิ
“อืม”
ฉันพยักหน้ารับคำ หลวมตัวทำสัญญากับปีศาจอีกจนได้
.
-เวลา 18.25 น.-
(ณ หอพักฉิมพลี)
มีนักเรียนหลายคู่เริ่มเข้ามาใช้บริการหอพักม่านรูดนี่เยอะขึ้น ทั้งแวะพักชั่วคราวและถาวร
เพราะครั้งก่อนมาแบบกระชั้นชิดสติหลุดไม่สมประกอบ ฉันเลยลืมอธิบายเกี่ยวกับที่นี่ให้ฟัง
‘หอพักฉิมพลี’ เป็นหอรวมที่เปิดให้คู่รักสามารถเข้าพักได้ทั้งแบบรายครั้งและประจำ เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ วันที่ฉันกับอีตาทวิตซ์ทดลองค้างคืนแรก
ซึ่งก่อนหน้านี้เปิดให้เหล่านักเรียนผู้ประสงค์จะเข้าพักกับคู่รักต่างเพศลงทะเบียนกันก่อนแล้วหลายเดือน
โดยขั้นตอนการลงทะเบียนนั้น ฝ่ายชายต้องส่งจดหมายขอความยินยอมเข้าพักให้ผู้ปกครองฝ่ายหญิงพร้อมใบรับรองแพทย์ตรวจสุขภาพครบถ้วน ซึ่ง
ผู้ปกครองทางฝั่งชายต้องให้ความยินยอมเช่นกัน เป็นการประกาศให้ครอบครัวทั้งสองฝ่ายรับรู้ว่า ‘พ่อจ๋าแม่จ๋าลูกกำลังจู๋จี๋อยู่กับคนนี้นะ ไม่ต้องห่วง’
ถึงจะเป็นสถานที่ล่อแหลม แต่ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม ติดกล้องวงจรปิดทั่วทางเดิน ป้องกันคนมั่วไม่เลือกที่และมีกฎเหล็กห้ามใช้ห้องร่วม
กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตนเด็ดขาด เว้นแต่จะมีเอกสารยินยอมจากผู้ปกครองครบถ้วน
ช่างเป็นนโยบายที่ทั้งรอบคอบและไร้ยางอายที่สุดในสามโลก >\\< ยัย ผอ. บ้ากามนั่นก็ช่างคิดเหลือเกิน!
แม้ไม่อยากพัวพันกับเรื่องพันธุ์นี้ แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้ ครั้งนี้ฉันเลยเตรียมพร้อม อาบน้ำแต่งตัวสวมชุดนอนแขนยาวกางเกงคลุมเข่ารัดกุม พกหนังสือมา
อ่านฆ่าเวลาเป็นกระตัก แว่นตา ครีมบำรุง มาร์คหน้าไว้สำหรับทำสปาก่อนนอนและหูฟังกันเสียงยั่วยวน
ส่วนอีตาทวิตซ์น่ะหรอ? ยังคงคอนเซปต์เดิม ‘ตัวเปล่าเล่าเปลือย’ เน้นคล่องตัวไว้ก่อน เอามาแค่ชุดนอน แปรงสีฟันและขนม =-=
เดี๋ยวนะ? ที่นายยังไม่เปลี่ยนชุดนอนมาจากหอแบบนี้ ก็หมายความว่า…
“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
นั่นปะไร! ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้! =[]=
หมับ!
ฉันรีบดึงชายเสื้อนักเรียนสีขาวไว้อย่างไว ทำร่างสูงชะงักหันกลับมามอง
มุมสายตาแพรวพราวหรี่มองเหลียวปาดไหล่แสนเซ็กซี่ซุกซน…
ให้ฟ้าผ่าตาย แค่สายตานายตอนนี้ก็ลามกเรียกพ่อ! >\\\<
เขาไม่เคยปล่อยให้ฉันได้ตั้งหลัก ตัวอันตรายย่างเข้าหาโน้มกระซิบต่อด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“…อยากอาบด้วยกันหรอ?”
ปุ้ง!
ลาก่อนสมองฉัน…เพราะได้รับดาเมจจากคำพูดสุดหื่นเกินขีดจำกัด ตอนนี้มันเลยระเบิดปุ้งไปเรียบร้อย
ขออนุญาติติดป้ายปิดทำการชั่วคราว
ทวิตซ์หัวเราะในลำคอออกอรรถรส ดูช่างมีความสุขเหลือเกินที่ไล่ต้อนเหยื่อจนมุม ถึงอย่างนั้น เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดหันหลังเดินมุ่งเข้าห้องน้ำ
“เดี๋ยว!!!”
เสียงแผดตะโกนของฉันหยุดหายนะไว้ได้
ทวิตซ์ยีผมสีเงินเบาๆ เอนกายพิงประตูห้องน้ำ ดวงตาสีฟ้าใสเฝ้าสังเกตการณ์ ผลิยิ้มสวยให้ฉันอย่างใจเย็น
ฉันก้มหน้างุดเขินอายพักใหญ่ ตระหนักได้ว่ายังไงก็คงไม่กล้าบอกเรื่องกระจกถ้ำมองแน่ จึงจบลงด้วยการกลั่นกรองเจตจำนงค์ส่งผ่านเสียงเบาหวิว
แทบกระซิบ
“…ไม่ต้องอาบหรอก”
“ฮะๆ”
อีตาทวิตซ์ได้ยินถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว พูดปนกลั้วขำ
“ไม่ยักรู้ว่าเธอมีรสนิยมแบบนั้น”
“ห๊า!?”
ฉันหลุดเสียงหลง ถลึงตาจ้องหน้าเค้า
“ได้สิ ถ้าเธอชอบ…คืนนี้ฉันจะไม่อาบ”
เจ้าชายดอกไม้ฉีกยิ้มกว้างหล่อร้ายแอบแซะเหยียด เปรยสายตามองต่ำยั่วน้ำโห
ถ้าฉันมีแส้ในมือคงฟาดใส่ไม่ยั้ง…
เยี่ยม! ตอนนี้ฉันเลยกลายเป็นยัยแฟนสาวโรคจิต ที่ชอบดมกลิ่นคนไม่อาบน้ำไปเรียบร้อย =*=
ว่าแล้วอีตาทวิตซ์ก็ถอยห่างจากห้องน้ำ แจกจุ๊บเหม่งหนึ่งที ก่อนหยิบชุดนอนขึ้นมาเปลี่ยนกลางห้องหน้าตาเฉย
นิ้วเรียวบรรจงปลดกระดุมออกทีละเม็ด เผยให้เห็นแผงอกขาวไล่เรียงไปจนถึงซิกแพคแน่น…
กรี๊ดดด!!! ให้ตายสิ! ไหงนายเล่นหาเรื่องให้หัวใจวายได้ตลอด! แล้ววันนี้ฉันจะได้พักกี่โมง?? >\\\<
.
-เวลา 19.40 น.-
สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
พ่อหนุ่มในชุดนอนลายทางหลวมโคร่งสีเดียวกับนัยน์ตา แวะมาคลอเคลียออดอ้อนหนุนตักหนุนพุงบ้างเป็นครั้งคราว ในระหว่างที่ฉันกำลังทำสปามาร์ก
หน้าตามประสา
เพราะกลิ่นหอมผ่อนคลายจากผลิตภัณฑ์บำรุงหน้า ช่วยกลบกลิ่นฮอร์โมนดอกไม้เจ้าเสน่ห์ไว้ ฉันเลยพอประคองสติฟุ้งซ่านได้บ้าง
ขณะลุกไปหยิบแว่นมาใส่อ่านหนังสือ ทวิตซ์ก็ถือโอกาสคว้าถุงก๊อบแก๊บ ซึ่งเต็มไปด้วยขนมรสหวานแบ่งให้ฉัน
“อะ ของเธอ ^^”
ใช่ เดาไม่ผิดหรอก สตอเบอรี่ทั้งชาติ =*=
“ฉัน/เกลียดสตอเบอรี่”
เจ้าชายดอกไม้แย่งพูดประโยคประจำอย่างรู้ทัน และเอ่ยต่อประโยคที่มักตามมาอย่างเดจาวู พร้อมรอยยิ้มขี้แกล้ง
“แต่ฉันชอบสตอเบอรี่นี่นา”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ไอ้อาการคลั่งรักของฉันช่างไม่มีขอบเขตซะบ้างเลย…
ทั้งนัยน์ตาฟ้าระยับใต้แพขนตาหนาสีเงิน ริมฝีปากสีกุหลาบแสนเจ้าเล่ห์คายคำพูดยียวนและสีหน้าสนุกสนาน
ทุกอย่างนั้น ฉันเห็นมาเป็นพันครั้งแล้ว…ทำไมถึงไม่ชินซักที
‘อยากให้เธอหวานเหมือนสตอเบอรี่’
รู้ความหมายของมันดีหรอกน่า ถึงได้ใจเต้นแรงอยู่นี่ไง >\\\<
ได้แต่หวังว่าฉันจะไม่โดนเขาครอบงำจนเป็นบ้า ถึงขั้นเห็นอะไรเกี่ยวกับสตอเบอรี่ก็มโนหน้าแดงแปร๊ดอยู่คนเดียว
ฉันถอนตัวออกจากการเล่นปั่นประสาทของเค้า สวมแว่นตากรอบบางสีพิงค์โกลด์ แสร้งก้มหน้าอ่านหนังสือ แต่ไม่วายถูกแฟนหนุ่มตัวร้ายตามรังควาน
ซ้อนตัวนั่งโอบกอดจากด้านหลัง วางคางเกยบนไหล่
กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ผสมสวนดอกไม้ พาให้หวั่นไหวคิดไปไกล จนลมหายใจเริ่มติดขัดผิดจังหวะ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
อะไรกัน? ปกติหมอนี่จะไม่รบกวนเวลาฉันอ่านหนังสือหนิ -\\\-
“เธอใส่แว่นแล้วน่ารักชะมัด…”
ลมร้อนแผดเผาจากเสียงกระซิบเร่าร้อนข้างหูดังพายุโหมกระหน่ำ พัดสติฉันล่องลอยละลิ่ว
“คิดถึงจัง…”
น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความเศร้า พาหวนนึกถึงเรื่องเก่าๆ
…หรือว่านาย?!
…
ไม่หรอกมั้ง เขาคงหมายถึง คิดถึงภาพหน้าหนึ่งบนหนังสือพิมพ์สมัยฉันเป็นยัยเฉิ่มมากกว่า
เธอเลิกฝันอะไรลมๆ แล้งๆ ได้แล้วยูแช
…เขาจะไปจำได้ยังไง
“นี่…อ่านอะไรอยู่หรอ? ให้ฉันช่วยสอนมั้ย?”
เสียงกระซิบแผ่วหวานหลอมละลายใบหู ปลายนิ้วเรียวจรดวางที่เนื้อหาวรรคนึงของหน้ากระดาษ
“E=mc2 ทฤษฎีสัมพัทธภาพ โดยอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์…เล่นของยากเหมือนกันนะเรา”
น้ำเสียงหัวเราะในลำคออย่างท้าทายของเด็กห้องคิงกระตุ้นต่อมความสงสัย
อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะอธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีสุดซับซ้อนระดับจักรวาลนี้ยังไง?
ทวิตซ์กระแอมซ้อมก่อนเริ่ม…
“เคยมีการตั้งสมมุติฐานว่า เวลาของคนที่จ้องมองรถไฟความเร็วแสงกับเวลาของคนที่อยู่บนรถไฟต่างกันหรือไม่? …ผลลัพธ์คือ ‘ต่างกัน’ เวลาของคน
บนรถไฟเร็วกว่า คนที่จ้องมองนอกขบวนเสมอ”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มค่อยๆ บรรยายเหมือนกำลังเล่านิทาน
“อีกการทดลองที่น่าสนใจคือ จับฝาแฝด 2 คนแยกจากกัน คนนึงใช้ชีวิตอยู่ในอวกาศ ส่วนอีกคนอยู่บนโลก…แน่นอนว่าเวลาของทั้งคู่ก็ต่างกันอีกเช่น
เคย เพราะเวลาในอวกาศที่ว่างเปล่ายาวนานกว่า”
นักเล่าระดับพการเว้นช่วงให้ฉันคิดภาพตาม ก่อนกล่าวสรุปพร้อมตั้งปุจฉา
“จากการทดลองทั้งสองพิสูจน์ว่า มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา…รู้มั้ยคืออะไร?”
ฉันส่ายหัวเบาๆ รอฟังคำตอบ
“ความรู้สึกไงล่ะ”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…
จังหวะนี้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงใจเต้น
“ถึงแม้ตามความเป็นจริงเวลาจะเดินต่างกัน แต่ทั้งคู่ยังรู้สึกเหมือนเวลาของพวกเขาเดินไปพร้อมกัน…สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกได้ จึงไม่ใช่
ทั้งเวลาและสภาพแวดล้อม”
บทเรียนของคุณครูดอกไม้จบลงเพียงเท่านี้ ปล่อยให้ฉันครุ่นคิดส่วนที่เหลือต่อเอาเอง
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ช่างเป็นทฤษฎีที่โรแมนติกซะจริง…
.
-เวลา 21.21 น.-
ฉันนั่งอ่านหนังสือต่ออีกพักใหญ่ มีอีตาทวิตซ์ตามติดแจเปลี่ยนจากท่าลูกลิงเกาะหลังมานอนหนุนตักแทน
เพราะห้องนี้ไม่มีทั้งโซฟา โต๊ะหรือเก้าอี้ ฉันเลยทำได้แค่นั่งอ่านบนเตียงจนเริ่มล้า…
คงทำอะไรไม่ได้แล้วมั้ง นอกจากนอนข้ามวันให้จบๆ
“ทวิตซ์”
ฉันสะกิดเรียกร่างสูง ซึ่งตอนนี้หลับตาพริ้มหนีไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนแล้ว
“งืม…”
ใบหน้าไร้เดียงสาส่งเสียงงึมงำในลำคอ
นิสัยอีกอย่างของเขาที่ฉันได้เรียนรู้ช่วงนี้คือ ทวิตซ์เป็นพวกบ้าพลัง เขามักโหมใช้พลังงานทั้งวันจนหมดหลอดไปกับสิ่งที่ตัวเองสนใจอย่างสนุกสนาน
แต่พอหัวถึงหมอนหรือมีโอกาสนอนเมื่อไหร่ สารอะดรีนาลีนในร่างกายจะหายวับ หลับง่ายฉับไว ยิ่งกว่าโดนโปะยาสลบ
แต่ในขณะเดียวกันก็ตื่นง่ายมาก
“ยูแช…”
ทันทีที่ฉันงัดหัวเขาออกจากตัก คนขี้เซาก็พึมพำเรียกหา ขยี้ตาไล่ความง่วง
“ฉันจะนอนแล้ว”
คำพูดราบเรียบเพียงสั้นๆ ทำให้เค้ายิ้มรับตื่นเต็มตา
“รับทราบ”
ทวิตซ์ช่วยห่มผ้าให้ฉันเรียบร้อย ลูบหัวกล่อมเบาๆ ก่อนลุกเดินลั้นลาไปปิดไฟ
กริ๊ก
อะไรเนี่ย…เหมือนมีพรายกระซิบบอกฉันว่า ถ้าไม่อยากโดนลักหลับห้ามนอนก่อนเด็ดขาด! o-o
หมับ!
“กรี๊ดดด!!!”
ฉันกรีดร้องลั่นห้อง เมื่อถูกผีผ้าห่มตัวเบ้อเร่อตะครุบกอด
“ชู่~”
เสียงผิวลมลอดไรฟันลอยเข้าหูพาขนลุกซู่
“นะ ไหนนายสาบานแล้วไง!?”
ฉันตวาดเสียงแหลมผ่ากลางความมืดที่มองเห็นเพียงเงาสลัว พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนแกร่ง แม้รู้ว่าไม่มีทางสู้แรงช้างสารได้
“นอนกอดแฟนไม่ใช่เรื่องลามกซักหน่อย”
อีตาทวิตซ์เล่นแง่เถียงคำไม่ตกฟาก
“โรแมนติกต่างหาก”
เออ! อย่าให้ฉันหลุดไปได้ละกัน นายได้เจอดัชนีพิฆาตหยิกเอวบิดแน่ไอ้คนพลิกลิ้น!
“หรือเธอ…คิดว่านี่ ‘ลามก’?”
เจ้าของเสียงยั่วยวนพูดดักคอจี้จุดทำฉันสตั๊น
“…”
ใช่สิ ฉันรู้ดีอยู่แล้ว…ว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือใจตัวเอง
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดไร้แสง ประสาทสัมผัสถูกขัดเกลาให้เฉียบคมอ่อนไหว จนรับรู้ถึงทุกอนูของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ร่างกำยำโอบรัดแนบชิดติดแผ่นหลังพานึกเพ้อถึงอกแกร่งและกล้ามเนื้อแน่นฟิตทุกสัดส่วน ไอความร้อนแผ่ระเหยฟุ้งกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนๆ ปนเหงื่อ
อับชื้น อุณภูมิร่างกายถูกส่งผ่านแทบทำฉันหลอมละลายกลายเป็นไอศกรีมรสหวาน
“ยูแช…ฉันไม่ติดหรอกนะ”
น้ำเสียงล่อลวงหยอกเย้าเฝ้ากระซิบ
“ถ้าเธออยากทำเรื่องอีโรติก…ก็สะกิดได้ตลอด”
อร๊ายยย…!!!
ฉันต้องฝืนขบริมฝีปากไว้แน่น เพื่อสกัดกั้นเสียงกรี๊ดฟินไม่ให้เล็ดลอดออกมาตามความคิด หลังได้ฟังประโยคเด็ดสุดกร้าวใจ
แย่ล่ะสิ คำพูดน่าไม่อายนั่น ดันทำฉันรู้สึกร้อนจัด อึดอัดเหมือนเลือดกำเดาพร้อมไหล
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังผ้าปูสีขาวบริสุทธิ์ต้องเปื้อนเลือดแน่! >\\\<
มืออุ่นหนาลูบสางผมชวนเคลิบเคลิ้ม ในขณะที่ฉันกำลังหักห้ามใจตัวเอง
น้ำเสียงคนเจ้าเล่ห์พลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนทะนุถนอม
“หลับให้สบาย คิดซะว่าฉันเป็นแค่ตุ๊กตาหมีตัวนึง…”
ริมฝีปากร้อนลอบประทับจุมพิตแผ่วหวานกลางท้ายทอย
“ฝันดีครับเจ้าหญิง”
เขากล่าวราตรีสวัสดิ์เสียงนุ่มก่อนหนีไปท่องโลกแห่งความฝัน
ปล่อยให้ยัยผู้หญิงบาปหนาอย่างฉัน ตกนรกขุมหื่นเพียงลำพัง…
…
…..
…….
สมัย ม.ต้น ฉันเคยแอบชอบเด็กผู้ชายคนหนึ่ง…
ใครๆ ต่างพากันเรียกเขาว่า ‘เจ้าชาย’ เพราะท่าทางใจดี ยิ้มง่าย สุภาพอ่อนหวาน
อาจเพราะถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างไร้ที่ติ เขาจึงเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบสูงและมักเข้มงวดกับตัวเองเสมอ
ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีน้ำใจเข้ามาช่วยปลอบประโลมยัยโง่ที่ไม่มีใครคบแบบฉัน
“ฮึกๆ…”
จำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นร้องไห้เพราะอะไร ถูกคนที่คิดว่าเป็นเพื่อนนินทา กลั่นแกล้ง หรือโดนหลอกใช้
จะอะไรก็ช่าง สุดท้ายฉันก็ลงเอยด้วยการนั่งร้องไห้คนเดียวในห้องเรียนที่ว่างเปล่าอยู่ดี…
“นี่…เธอโอเคมั้ย?”
น้ำเสียงนุ่มนวลที่ใครฟังครั้งแรกก็ต้องจำได้ขึ้นใจเอ่ยถามอย่างห่วงใย
คงเป็นความโชคดีเพียงน้อยนิดที่เหลืออยู่ของฉันล่ะมั้ง ทำให้เจ้าชายบังเอิญเข้ามาเจอพอดี
“ฮืออออ”
ตอนนั้นฉันคิดย้อนไปแล้วอยากขอโทษเค้าชะมัด ที่ดันมีนิสัยเสียแปลกๆ ยิ่งโดนโอ๋ยิ่งร้องหนัก
“ยะ อย่าร้องเลยนะ เดี๋ยวหน้าก็บวมเป็นปลาปักเป้าหรอก”
เด็กหนุ่มน้ำใจงามลุกลี้ลุกลนพยายามปล่อยมุกตลก แต่กลับแป้กสนิท
“แงงงงงงง”
“เฮ้อ”
เขาถอนหายใจยาว คิดว่าคงเริ่มท้อกับการเอาใจฉันแล้ว
“เฮ้ ดูนี่นะ”
เป๊าะ
สิ้นเสียงดีดนิ้ว ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างเปล่งประกายระยิบระยับสะกดสายตาดั่งร่ายมนต์
ฉันตกตะลึงกับภาพตรงหน้าจนสะอึกพูดไม่ออก
…ไม่รู้ทำไม แต่รอยยิ้มนั้น ช่วยปัดเป่าคราบน้ำตาได้จริงๆ
“ฉันยิ้มสวยใช่มั้ยล่ะ?”
เด็กหนุ่มผมเงินเชิดหน้ายืดอกภาคภูมิใจ
“…”
แต่เมื่อเห็นฉันเงียบใส่ไร้ปฏิกริยาตอบสนอง ความมั่นใจทะลุล้านก็ลดฮวบ
เขาเริ่มทำหน้าอ้อนเป็นลูกหมาเรียกร้องความสนใจตามประสาเด็ก
“ดูดีๆ สิ ฉันน่ารักเนอะ”
พอเห็นคนที่ใครๆ ต่างเทิดทูนนักหนาว่าสูงส่งไร้ที่ติทำตัวแบบนี้ ฉันเลยอดขำไม่ได้
“ฮะๆ…”
แทนที่เสียงหัวเราะของฉันจะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด เจ้าชายกลับผลิยิ้มสวยอ่อนโยนราวกับดอกไม้
ดวงตาสีฟ้าครามเปล่งประกายที่ทอดมองลงมาจากมุมสูง ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำฉันเสมอ
“ขอบคุณนะ นายตลกจัง”
ฉันไม่ได้ชอบเขาเพราะเป็น ‘เจ้าชาย’
ไม่ได้ชอบที่นายหน้าตาดี ยิ้มเก่ง บ้านรวย หรือมีความสามารถ
แต่ฉันชอบ…เพราะนายใจดี
ฉันหลงรักรอยยิ้มที่มาจากความอ่อนโยนของนาย
…….
…..
…
“…ยูแช”
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกเพราะเสียงละเมอของทวิตซ์
ความฝันนั้น…เป็นครั้งแรกที่ฉันได้คุยกับเค้า
“…ยูแช ฉัน…”
เสียงงึมงำละเมอเพ้อชื่อฉัน
ภายในอ้อมกอดของเขาสัมผัสอบอุ่นถูกแบ่งปันถึงกัน ทำให้ทั้งร่างกายและหัวใจรู้สึกดีเหลือเกิน…
กลิ่นดอกไม้เจือเหงื่อจางๆ ผสมปนเปยังคงเย้ายวน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เด่นชัดขึ้นมา
‘ทฤษฎีสัมพัทธภาพ’ ของ ‘อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์’ เป็นจริงอย่างที่นายพูด
ทั้งเวลาและสถานที่ สิ่งเหล่านั้นไม่มีผลต่อความรู้สึกแม้แต่น้อย
ขอโทษนะ ฉันนี่มันเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ วันๆ เอาแต่คิดเรื่องลามกจนมองข้ามความใส่ใจของนาย…
“…ชอบจัง”
ฉันกอดตอบเจ้าของเสียงละเมอแน่นขึ้นเพื่อซึมซับความอบอุ่น ราวกับว่าเขาเป็นเพียงตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เท่านั้น
“…ฉันชอบเธอ”
“…ฉันก็ชอบทวิตซ์ที่สุดเลย”
.
-3 วันต่อมา-
กริ๊งงงง
ติ๊ด
ฉันกดตัดสายเบอร์แปลกที่โทรมาติดต่อกันตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทีแรกว่าจะเมินอยู่หรอก…แต่สงสัยคงต้องบล็อคทิ้งจริงๆ ละ
“ใครโทรมา?”
ระหว่างตระเตรียมแผนงานคริสมาสต์อีฟ เจ้าชายผมเงินก็เหลือบมองพฤติกรรมของฉันด้วยสายตาซ่อกแซ่ก
หยุดเลย =-=* อย่ามาหึงมั่วซั่วนะยะ วันๆ ฉันตัวติดแต่กับนายจนจะกลายเป็นฝาแฝดอินจันอยู่แล้ว ไม่มีเวลาไปแอบเต๊าะหนุ่มที่ไหนหรอกย่ะ
“คอลเซ็นเตอร์น่ะ”
ฉันตอบกลับเสียงเรียบพร้อมกดบล็อคเบอร์เรียบร้อย
เกือบทำรักร้าวฉานแล้วมั้ยล่ะ คุณมิจฉาชีพ
ไอ้แว่นผู้เห็นเหตุการณ์ตั้งท่ากระซิบกระซาบข้างหูทวิตซ์ แต่ดันพูดเสียงดังกวนประสาทเหมือนจงใจให้ฉันได้ยินเต็มสองหู
“แอบมีกิ๊กชัวร์”
เฮ้ย! หุบปากไปเลยนะ =[]= อย่ามาเสี้ยมเขาควายให้ชนกันสิย๊ะ! นายก็รู้หนิว่าอีตาทวิตซ์ขี้หึงแค่ไหน?!
มันต้องเป็นเพราะปลาดาวใจแข็ง ไม่ยอมให้ไอ้แว่นแตะเนื้อต้องตัวหรือหยอดคำหวานใส่ แม้จะคบกันมาได้ซักพักแล้วแน่ๆ หมอนี่เลยกลายเป็นคนมี
ปม ขี้อิจฉา ทนเหม็นความรักไม่ไหว พยายามเสี้ยมให้คู่ฉันทะเลาะกันบ่อยๆ
“ไม่หรอก ยูแชน่ะเป็นเด็กดี ^^”
ทวิตซ์ยังคงหนักแน่นไม่แคร์คำพูดยุแยงไร้สาระ ลูบหัวฉันป่อยๆ ชวนชื่นใจ
แต่น้ำเสียงเย็นเยียบในประโยคถัดไปนี่สิ…ทำเอาขนลุกซู่กันทั้งห้อง
“แต่ถ้ามีใครกล้าเข้ามายุ่งกับเธอล่ะก็…ฉันไม่เอามันไว้แน่”
นับตั้งแต่นั้นมา…ไอ้แว่นก็ไม่กล้าล้อเล่นเรื่องนี้อีกเลย
.
เย็นวันหนึ่ง ระหว่างที่ทวิตซ์เดินมาส่งฉันกลับหอ ภายใต้บรรยากาศเงียบสงบในฤดูหนาว จู่ๆ เจ้าชายดอกไม้ก็เอ่ยปากชวนฉันเข้าไปในดินแดน
มหัศจรรย์แห่งใหม่
“เสาร์นี้ไปเที่ยวบ้านฉันมั้ย?”
ดวงตาสีฟ้าสดใสเปล่งประกายแวววาวเปรยยิ้มหวานเชิญชวน
ฉันแน่นิ่งไปชั่วครู่
ทั้งตื่นเต้น ดีใจ ว้าวุ่น กังวล ผสมปนเปกันเละเทะ
แต่ยังมุ่งมั่นตั้งใจกระตือรือร้นตอบกลับ
โดยไม่รู้เลยว่า…นี่อาจกลายเป็นจุดจบของความสัมพันธ์แสนหวาน
“ไป!”
ปลายนิ้วโป้งอุ่นแตะประทับหัวแม่โป้งของฉัน แทนตราแสตมป์บนพาสปอร์ต
“ดีล”
…สู่โลกแห่งความลับ ที่ยัยคนอ่อนแออย่างฉัน ไม่ควรก้าวเข้าไปเลย
(จบตอน)
ไลเซนทัส; ทะนุถนอมทุกความทรงจำอันล้ำค่า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ