The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  27 บท
  1 วิจารณ์
  2,917 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) -ลิลลี่-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
ตอนนี้ฉันว่างมากเลย ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร เพราะกว่าจะถึงอีเว้นต์ใหญ่ครั้งต่อไปอย่าง ‘คริสมาสต์อีฟ’ ก็มีเวลาเตรียมงานเหลือเฟือเป็นเดือนๆ และ
เนื่องจากเป็นงานใหญ่เก่าแก่ที่ถูกจัดขึ้นประจำทุกปี ทางโรงเรียนจึงอนุญาตให้สามารถเกณฑ์นักเรียนมาช่วยงานได้ เรียกได้ว่างานนี้สบาย แทบไม่
ต้องทำอะไร นอกจากคิดคอนเซ็ปต์ ซ้อมเข้าพิธีและตรวจงาน 
 
ด้วยเหตุนี้ พวกเราเลยตกลงกันว่าจะพักงานสภานักเรียนซัก 1 สัปดาห์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไอ้แว่นกับปลาดาวไม่อยู่ ต้องไปเข้าค่ายฝึกยิวยิตสู เพื่อ
เตรียมตัวแข่งเลื่อนสาย
 
“เวลาว่างนายชอบทำอะไรหรอ?”
 
ฉันเอ่ยถามเจ้าชายดอกไม้ที่เอาแต่นอนหนุนตักม้วนปลายผมฉันเล่นอย่างเกียจคร้าน
 
“อืมม…” 
 
ทวิตซ์ลากเสียงยาวในลำคอชวนให้ลุ้นคำตอบ 
 
“ชอบอยู่กับเธอ”
 
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก 
 
ฉันที่กำลังอ่านหนังสือ หน้าแดงขึ้นมาไม่เป็นอันอ่านต่อ หลงลืมไปหมดแล้วว่าอ่านถึงบรรทัดไหน >\\<
 
โธ่! ฉันไม่ได้จะชงให้นายเล่นมุขเสี่ยวซะหน่อย ฉันหมายถึงพวกงานอดิเรก ความชอบ หรืออะไรเทือกๆ นั้นต่างหาก!
 
“ละ แล้วอย่างอื่นล่ะ?” 
 
ฉันยังคงฝืนยิงคำถามไม่ลดละ 
 
มันไม่ใช่ว่าฉันแค่ถามแก้เบื่อหรอกนะ อันที่จริงฉันมีจุดประสงค์แอบแฝง - -+ 
 
ตั้งแต่คืนนั้นที่หอพักฉิมพลี พวกเราก็เริ่มคบกันจริงจัง…แต่จู่ๆ ฉันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ที่ผ่านมาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหมอนี่เลยน่ะสิ! 
 
ช่างน่าสมเพสเหลือเกิน ที่ข้อมูลในหัวตอนนี้ ส่วนใหญ่มาจากเสียงซุบซิบนินทาของสาวๆ ข้างทางทั้งนั้น 
 
อีกอย่างเรารู้จักกันไม่ถึง 100 วัน ตามธรรมเนียมเกาหลี ฉันก็ดันใจง่ายคบกับเขาซะแล้ว…ถ้าม๊ารู้เข้าต้องผิดหวังในตัวฉันแน่ =o= ดังนั้น สิ่งที่ฉันควร
เร่งทำที่สุดในตอนนี้และควรทำมาตั้งนานแล้ว คือการทำความรู้จักเขานั่นเอง
 
“หืม~” 
 
ทวิตซ์เล่นเสียงในลำคอเจ้าเล่ห์ มือใหญ่ชิงขโมยหนังสือ เพื่อให้เราได้สบตากัน
 
ดวงตาสีฟ้าแวววาวซุกซนจดจ้องอย่างสนใจ ผลิยิ้มสวยมีเลศนัยย์ 
 
“วันนี้ช่างถามจังนะ ^^” 
 
แถวบ้านฉันเรียก ‘ขี้เจือก’ นายไม่ต้องอ้อมค้อมก็ได้ =-=^
 
ปลายนิ้วเรียวคล้องเกี่ยวผมทัดหูให้ ปัดเศษปอยผมตกระหน้า พลางเอื้อนเอ่ยคำพูดหยอกเอิน
 
“ใช่ว่าฉันจะไม่ชอบหรอกนะ…ที่เธอทำตัวเป็นเด็กขี้สงสัยแบบนี้”
 
นี่สินะ ที่เค้าว่า ‘ยามแรกรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน’ ฉันต้องรีบกอบโกยซะแล้ว ก่อนตานี่จะหมดโปรโมชั่น
 
“อย่าเมินคำถามฉันสิ” 
 
ฉันจิกจี้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เจ้าของเรือนผมเงินกลับทำหน้าเอ็นดูไม่ไหว ก่อนตั้งใจตอบคำถามด้วยโทนเสียงสองแบบที่ใช้คุยกับเด็ก
 
“นอกจากอ่านหนังสือ ก็เข้าชมรมมั้ง”
 
“แล้วนาย…ชอบชมรมไหนที่สุด?” 
 
ฉันชิงถามต่อไม่รีรอ แต่ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอั่กกระอ่วนกับการทำตัวจุ้นจ้าน ซึ่งปกติไม่ใช่นิสัยของฉันเลย…ได้แต่หวังว่าอีตาทวิตซ์จะไม่รำคาญซะ
ก่อน =-=;
 
“พรุ่งนี้ไปด้วยกันมั้ยล่ะ?” 
 
คำถามไม่คาดคิดทำเอาชะงักเล็กน้อย
 
…แต่กลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
 
“ไป!” 
 
ฉันเผลอตอบรับกระตือรือร้นจนทวิตซ์อดขำไม่ได้
 
มือใหญ่ใช้นิ้วโป้งกดประทับตราที่นิ้วโป้งของฉัน ประหนึ่งทำสัญญาที่ไม่ใช่การเกี่ยวก้อย 
 
“ดีล”
 
.
 
-เช้าวันต่อมา-
 
ใครจะไปคิดว่าหมอนี่จะนัดฉันออกมาตอนตี 5 
 
ปกติฉันก็ว่าตัวเองตื่นเช้ามากแล้วนะ แต่ตานี่เช้ากว่าอีก =_= 
 
พระอาทิตญ์ยังไม่ทันขึ้นดี ฟีลรอตักบาตรพระ ดูสิท้องฟ้ายังเป็นสีชมพูอยู่เลย
 
“ฮ้าวว”
 
ฉันอ้าปากหาวหวอดใหญ่ ยืดตัวบิดขี้เกียจ…. 
 
“วิ้ว~ เซ็กซี่จัง” 
 
ทวิตซ์ผิวปากแซว ท่าทางดี๊ด๊าลั้นลา ต่างจากฉันที่ยังสะลึมสะลือ
 
แบบนี้แหละนะ ไอ้คนคลั่งรัก พนันได้เลยว่าต่อให้ฉันทำตัวอุบาทซกมกแค่ไหน ฟีลเตอร์รักบังตาก็ทำให้เขามองว่า ‘น่ารัก’ อยู่ดี
 
“ง่วงหรอ?” 
 
ทวิตซ์ลูบหัวฉันป่อยๆ มืออุ่นทำให้เคลิ้มหนักกว่าเดิม
 
“งืม…” 
 
ฉันตอบกลับเสียงงึมงำตาใกล้ปิด…
 
กระทั่งถูกร่างสูงโน้มกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ 
 
“…ให้ฉันช่วยปลุกมั้ย?”
 
O///O
 
คราวนี้ฉันตื่นเต็มตา รีบดันตัวเขาออกทันที ก่อนจะถูกไอ้คนน่าไม่อายขโมยจูบอีก
 
ทวิตซ์ที่ถูกปฎิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ช้อนตามองทำหน้าหงอยหงิงๆ เป็นลูกหมาโดนทิ้ง 
 
“ยูแช~ ฉันยังจูบไม่ได้อีกหรอ? เราเป็นแฟนกันแล้วน้าา ToT”
 
น้ำเสียงออดอ้อนและสายตาเว้าวอนของเขาทำให้ฉันต้องหันหนี
 
“ก็ฉันไม่อยากจูบไปเรื่อยนี่!” 
 
ฉันตะเบ็งเสียงสู้ทั้งใบหน้าแดงก่ำ
 
ถึงจะคบกันแล้ว แต่ฉันไม่อยากโชว์จูบเรี่ยราดในที่สาธารณะหรอกนะย๊ะ! ถ้านักเรียนคนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างขึ้นมาจะทำยังไง?! ลองคิดสภาพ
โรงเรียนที่เดินไปทางไหนก็มีแต่คู่รักวัยรุ่นดูดปากกันหนุบหนับสิ!
 
บรื๋อ~ ฉันไม่เอาด้วยหรอกน๊ะ!!! >~<
 
“…ฉันไม่ได้จูบไปเรื่อยซักหน่อย” 
 
ทวิตซ์ทำท่านอยจัดก้มมองพื้นเตะฝุ่นเซ็งๆ
 
เอ๊ะ? เหมือนเค้าจะเข้าใจผิด ตีความสิ่งที่ฉันพูดว่า ‘จูบของเขามันไม่มีความหมาย’ สินะ…
 

 
จุ๊บ
 
ฉันเขย่งจุ๊บแก้มเค้าทีนึงก่อนถอยกรูกลับมา เบือนหน้าหนีความเขินอายที่ซ่อนไว้ไม่มิด 
 
ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้เท่าไหร่หรอกย่ะ! >///< แต่เท่าที่เรียนรู้มา นี่เป็นวิธีใช้ต่อกรกับปีศาจหื่นกระหายในตัวเจ้าชายดอกไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สุดแล้ว
 
เพราะที่จริงทวิตซ์น่ะ ไม่ได้สนใจเรื่องทะลึ่งตึงตังเท่าไหร่หรอก…เขาแค่อยากให้ฉันแสดงความรักออกมามากกว่า
 
อร๊ายยย ยิ่งคิดยิ่งเขินน! ไม่น่าเลย! ตอนนี้หัวใจฉันเต้นแรงจนมันแทบทะลุจากอกแล้ว
 
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก! 
 
“…พอมั้ย?” 
 
ฉันเอ่ยถามเสียงแผ่ว ลอบมองร่างสูง ซึ่งตอนนี้หน้าแดงจัดถึงหู ยืนแน่นิ่งเป็นอนุสาวรีย์ 
 
พอเริ่มตั้งสติได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน เจ้าชายดอกไม้ก็คลายยิ้มกว้าง ดวงตาสีฟ้าอบอุ่นจ้องมองฉันหวานหยดปานน้ำผึ้งเดือนห้า ก่อนเอ่ยตอบ
คำถามด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข
 
“เหลือเฟือเลยล่ะ”
 
.
 
-เวลา 05.20 น.-
 
(ณ ชมรมว่ายน้ำ)
 
ทฤษฎีของฉันผิดพลาดอย่างมหันต์ ดูเหมือนว่า จุมพิตแก้มซ้ายจะผนึกปีศาจไว้ไม่ได้อีกต่อไป
 
เพราะทันทีที่ทวิตซ์เห็นฉันในชุดว่ายน้ำโรงเรียนทรงวันพีชสีดำ สายตาสีครามแพรวพราวก็ฉายแววหื่นกระหายชัดเจน จนรู้สึกขนลุกวาบ
 
ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่า มันเป็นแผนเจ้าเล่ห์ของนายรึเปล่า? ที่นัดฉันมาว่ายน้ำเปลี่ยวๆ ด้วยกันตอนตี 5 =-=* ไม่ทันไรก็เริ่มไว้ใจไม่ได้ซะละตานี่
 
ทวิตซ์เงียบไม่พูดอะไร…แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาช่วยสอนให้ฉันรู้ว่า ความเงียบน่ะน่ากลัวที่สุดแล้ว
 
“มองอะไรย๊ะ!” 
 
ฉันชิงทำลายบรรยากาศสุ่มเสี่ยงด้วยการตะเบ็งเสียงดุ จ้องเขาตาเขม็ง -*-
 
คนถูกถามไหวไหล่แทนคำตอบว่า ‘ไม่มีอะไร’ ยิ้มยียวนกวนประสาท ดูถูกใจเหลือเกินที่ได้เห็นฉันแสดงท่าทีก้าวร้าว
 
…มาโซคิสม์ชัดๆ ตกลงฉันคิดถูกคิดผิดกันแน่เนี่ยที่ยอมคบกับนาย =_=^ 
 
เอาเหอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ใช้สมองตัดสินได้ซักหน่อย
 
แต่ทันทีที่ทวิตซ์ถอดเสื้อคลุมว่ายน้ำสีขาวออกจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นเต็มสองตา ฉันก็เริ่มรู้สึกสงสารเค้าแทน ที่ดันหลงมาคบกับยัยหื่นกามอย่าง
ฉัน =\\\=
 
ผิวขาวอมชมพูเนียนสวยไร้รอยด่างพร้อยอาบแสงแดดรำไร กล้ามเนื้อลีนเย้ายวนปูดปูนซะจนน่ากัดให้จมเขี้ยว โชคดีเหลือเกินที่กางเกงว่ายน้ำสีดำตัว
นั้นไม่รัดติ้วจนเกินไป ไม่งั้นฉันคงหัวใจวายตายแน่
 
 
“มองอะไรครับคนสวย?” 
 
ทวิตซ์หันมาผลิยิ้มเย้ยเอาคืน ด้วยน้ำเสียงปั่นโสทประสาท ร่างสูงหุ่นฟิตเปรี๊ยะย่างกรายเข้ามาใกล้จนฉันต้องถอยหนีเพราะกลัวใจตัวเอง…เขารู้ดีว่าจุด
อ่อนของฉันคืออะไร เช่นเดียวกับที่ฉันรู้จุดอ่อนของเค้า
 
ตึกตัก… ตึกตัก… ตึกตัก…
 
…ฉันล่ะเกลียดนายจริงๆ 
 
“ไม่ลงสระหรอ? มัวแต่ยืนตากลม…เดี๋ยวก็เป็นหวัดอีกหรอก” 
 
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเต็มไปด้วยความห่วงใย มือหนาแตะสัมผัสแก้มเย็นเฉียบมอบความอบอุ่นแผ่ซ่าน พร้อมกลิ่นสวนดอกไม้อ่อนๆ ชวนผ่อนคลาย
 
“นายลงเลย…ฉันว่าจะนั่งรอริมสระ” 
 
ต้องขอบคุณสัมผัสอ่อนโยนที่ทำให้ความหื่นลดฮวบ 
 
แต่ก็ยังอดมองกล้ามเนื้อสมชายชาตรีที่ขัดกับใบหน้าสวยๆ นั่นไม่ได้อยู่ดี
 
“ทั้งที่เปลี่ยนชุดมาแล้วเนี่ยนะ?” 
 
ทวิตซ์เอียงคอถามอย่างสงสัยงวยงง ไม่เข้าใจการกระทำของฉัน
 
ฉันแค่ทำตามกฎย่ะ -*- ในเมื่อป้ายมันเขียนว่า ‘ไม่ใส่ชุดว่ายน้ำห้ามเข้า’ อยู่ทนโท่ แค่แอบเข้ามาก่อนชมรมเปิด ฉันก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว ถึงคนถือ
 
กุญแจอย่างนายจะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ
 
อีกอย่าง…ฉันว่ายน้ำไม่เป็น
 
“ว้าย!!” 
 
ฉันร้องอุทานเสียงดัง เมื่อจู่ๆ ถูกช้อนร่างขึ้นอุ้มท่าเจ้าหญิง ยังไม่วายโดนอีตาทวิตซ์แกล้งแกว่งไปมาทำท่าเหมือนจะโยนลงสระ จนฉันต้องกรีดร้อง
กอดคอเค้าไว้แน่น
 
“กรี๊ดดด!!!!”
 
ตูม!!!
 
แรงกระแทกจากผืนน้ำสาดซัดเข้าร่างจนเปียกชุ่มทั่วทั้งตัว ฉันหลับตาปี๋ตัวสั่นระริก
 
คิดว่าจะจมน้ำตายซะแล้ว!!! ToT
 
โชคยังดีที่อีตาทวิตซ์ไม่เล่นพิเรนทร์โยนฉันลงสระ แต่เลือกกระโดดลงมาพร้อมกันแทน ตอนนี้ร่างฉันจึงยังอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ก้มหน้างุดซุกอกอย่าง
สั่นกลัว
 
ทวิตซ์ที่ทีแรกหัวเราะร่า พอสังเกตเห็นท่าทางของฉันเลยรีบกลับลำโอ๋อย่างไว
 
“ยูแช…กลัวหรอ? ฉันขอโทษนะ ที่เล่นแรง…”
 
ปั้ก!
 
“โอ๊ย”
 
ฉันทุบอกเขาอย่างแรงระบายความโกรธ ต่อด้วยกระบวนท่าหมัดดาวเหนือรัวใส่ไม่ยั้ง 
 
ปั้กๆๆๆๆ!
 
ซึ่งตานั่นก็ยอมให้ทุบจนพอใจ จนฉันเหนื่อยหอบหยุดไปเอง
 
ฉันหอบแฮ่กช้อนสายตาจ้องมองใบหน้าหล่อสวยอย่างเคียดแค้น 
 
แต่พอถูกตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวานละมุน…ฉันก็เกลียดเค้าไม่ลงจริงๆ 
 
จุ๊บ
 
“นะ นาย!!!” 
 
ฉันแผดเสียงโวยวาย เมื่อถูกริมฝีปากร้อนผ่าวขโมยจุ๊บแก้ม
 
สายตาอ่อนโยนห่วงใยเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ขี้แกล้งทันใด ราวกับมีสองตัวตนในคนเดียว
 
“หายกันแล้วเนอะ ^^”
 
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
 
ไอ้คนนิสัยเสีย…
 
ไม่ว่าจะเรื่องที่ฉันจุ๊บเขา เรื่องที่เขาแกล้งฉัน หรือเรื่องที่ทุบตีเขาจนเจ็บ 
 
ตอนนี้ทุกอย่างถูกหักลบกลบกันอย่างสมดุล จนไม่เหลือสิ่งใดให้เก็บไว้วุ่นวายใจอีกต่อไป
 
…มีเพียงความรู้สึกนุ่มฟูอบอุ่นในอกยามสบตา
 
ถ้าความรักไม่สำคัญเท่าความสมดุลอย่างที่นายเคยนิยามไว้…ฉันว่าตอนนี้ คู่เราก็สมบูรณ์แบบเลยล่ะ 
 
“หวานแหววกันเชียวน้าาา”
 
ฉันเหลือบเห็นร่างชายหนุ่มสูงโปร่งผมทองเจ้าของเสียงโทรโข่งเดินโบกมือมาแต่ไกล
 
ทวิตซ์ถอนหายใจยาวเป็นขบวนรถไฟ อุ้มยกร่างฉันวางขอบสระ เร่งรี่ไปเอาเสื้อคลุมว่ายน้ำมาคลุมให้ 
 
จังหวะนั้น พ่อหนุ่มผมทองจอมโวยวายก็เดินเข้ามาในระยะที่สามารถสนทนากันได้ด้วยระดับเสียงปกติซะที
 
“โย่~” 
 
ก้างขวางคอชิ้นเป้ง โบกมือทักทายอีกครั้ง ด้วยท่าทางชิลล์ๆ ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันครบ 32 ซี่
 
ผมสีทองเปล่งประกายดุจแสงตะวัน นัยย์ตาเขียวมรกตรูปงามปานเทพอะพอลโล่ ฟันขาวเรียงสวยราวเม็ดไข่มุกอันดามันต์ รอยยิ้มเจิดจ้าสว่างสดใส
ของพ่อพระอาทิตย์ดวงน้อย ทำดวงใจหลอมละลาย
 
ฉายาของเขาคือ ‘เจ้าชายแสงตะวัน’
 
บทกวีเทิดพระเกียรติสละสลวยของสาวน้อยตัวประกอบริมทางที่เคยแล่นเข้าหู ไม่เกินจริงเลยซักนิด ติดตรงยัยภูเขาน้ำแข็งอย่างฉันไม่หลอมละลาย
ง่ายๆ เพราะรอยยิ้มแค่นี้หรอก เทียบกันหมัดต่อหมัดแล้ว รอยยิ้มของเจ้าชายดอกไม้ยังสร้างดาเมจรุนแรงกว่าหลายขุม
 
พอซันไลท์เจ้าชายแสงตะวันคนก่อนเรียนจบ พวกสาวๆ ก็รีบสถาปนาหนุ่มใหม่ขึ้นแทนที่อย่างไว เหลือแต่ตำแหน่ง ‘เจ้าชายสายลม’ อดีตอดัม ที่ยัง
ว่างเว้นไร้วี่แววผู้สืบทอด
 
“ทำไมตื่นเช้านักล่ะ ไม่ใช่นิสัยนายเลยนะลีโอ ^^” 
 
ทวิตซ์กล่าวทักทายปนค่อนแซะแย้มยิ้มสวย
 
“อะไรเนี่ย ไม่ทันไรก็ริบเครดิตกันซะแล้ว” 
 
อีกฝ่ายไม่ถือสาคำค่อนขอด เกาหัวแกรกๆ หัวเราะร่าเสียงดัง
 
เออ ดีเนอะ เกิดเป็นอีตาทวิตซ์เนี่ย ปากกล้าแซะใครเค้าก็เอ็นดูไปหมด ตั้งแต่ตอนไอ้แว่นละ =-= 
 
ชักสงสัยแล้วว่า หรือใบหน้าสวยๆ นั่นจะมีผลต่อใจชาย?
 
“สาวน้อยตรงนั้นน่ะ…” 
 
เจ้าชายแสงตะวันไม่ปล่อยให้ฉันหลุดจากวงสนทนา 
 
“นางในฝันนายไม่ใช่หรอ?”
 
นาง…อะไรนะ? 
 
ฉันจ้องเจ้าของดวงตาสีเขียวกลับด้วยใบหน้างงงวยรอแถลงไข
 
“ก็เมื่อคืนทวิตซ์…/อ้อ!” 
 
ยังไม่ทันได้คำตอบอะไร อีตาทวิตซ์ก็เข้าแทรกกลางก้าวรุดหน้าบังฉันไว้ 
 
“ลืมแนะนำเลย นี่ ‘ลีโอ’ หัวหน้าชมรมว่ายน้ำ รูมเมทฉันเอง” 
 
เสียงนุ่มทุ้มชิงเปลี่ยนเรื่อง
 
เป็นการแนะนำเพื่อนที่ประหลาดมาก - -^ เพราะตอนนี้ฉันมองไม่เห็นคนที่นายอยากแนะนำด้วยซ้ำ
 
“โอเคคร้าบ ‘ยูแช’ สินะ” 
 
ฉันพอเดาได้จากน้ำเสียงว่าตอนนี้ลีโอกำลังฉีกยิ้มแจกไมตรี ตรงข้ามกับเสียงเย็นเยียบของทวิตซ์ที่แทรกผ่าขึ้นมา
 
“ยู” 
 
“ห้ะ?”
 
“นายเรียก ‘ยู’ ก็พอ”
 
จบบทสนทนานั้น มือใหญ่ก็จูงฉันเดินออกมาโดยไม่กล่าวคำร่ำลา 
 
จะว่าไป…หูนายดูแดงๆ รึเปล่าเนี่ย?
 
“ไว้เจอกันน้าาา” 
 
เสียงโทรโข่งไล่หลังเต็มไปด้วยพลังงานบวกสุดเฟรนลี่…
 
ถ้าตำแหน่งเจ้าชายแสงตะวันวัดกันที่ความเจิดจ้า ฉันว่าตานี่ก็สมมงละ =_=
 
.
 
หลังกลับจากสระฉันรู้สึกเพลียมาก เลยแวะนอนต่อที่ห้องสภานักเรียน โดยมีตักของเจ้าชายดอกไม้แทนหมอน ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่เป็นหมอนเกรดพรีเมี่
ยมและคนกล่อมเด็กได้ดีมาก จนฉันหลับสนิทถึงเที่ยง
 
พอตื่นเราก็ออกไปหาอะไรกินกัน แต่ไม่นั่งที่โรงอาหาร เพราะคนเยอะ+ฉันไม่ค่อยชอบเสียงซุบซิบนินทาเท่าไหร่ 
 
ฉันค้นพบว่าอาหารการกิน ดันเป็นเรื่องเดียวที่ฉันรู้จักทวิตซ์มากที่สุด เพราะเคยกินข้าวด้วยกันหลายมื้อ
 
เขาไม่ชอบรสจัด เลี่ยน ทอด เกลียดรสขม ชอบรสหวาน โดยพื้นฐานเป็นคนกินง่ายอะไรก็ได้ขอแค่อิ่ม ไม่ใส่ใจเรื่องโภชนาการเท่าไหร่ มีมารยาทใน
 
การกินอย่างยิ่ง เวลาเคี้ยวจะไม่พูดไปด้วย แม้เป็นพวกเพอร์เฟ็กชั่นนิส แต่ไม่เคยจู้จี้จุกจิกเรื่องนิสัยการกินของคนอื่น 
 
หนังท้องตึง แต่หนังตายังไม่หย่อน พอกินเสร็จทวิตซ์เลยพาฉันไปอ่านหนังสือต่อที่ห้องสมุดจนถึงเย็น ก่อนเอ่ยปากชวนแวะเที่ยวอีกชมรมด้วยกัน 
 
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนี้ฉันถึงยืนอยู่หน้าห้องชมรมดนตรีกับเจ้าชายดอกไม้
 
ทวิตซ์หยิบกุญแจดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง บ่งบอกให้รู้ว่าตานี่ไม่ตั้งใจเก็บของเอาซะเลย - -*
 
แกร่ก
 
“วันนี้ห้องว่าง ทุกคนไปแข่งต่างจังหวัด ไม่มีใครอยู่ ^^” 
 
ทวิตซ์ส่งยิ้มให้ ก่อนเดินนำเข้าไปในห้องมืดสลัวอับๆ บรรยากาศเงียบสงัด 
 
นี่ นายคงไม่ได้หลอกฉันมาฆ่าหมกศพใช่มั้ย? =_= เพราะดูท่าว่ามันจะเป็นห้องเก็บเสียงซะด้วย
 
ร่างสูงกดเปิดไฟและแอร์ระบายอากาศ ก่อนเดินไปลงชื่อตามกฎ 
 
ฉันเคยได้ยินว่า ทุกชมรมของเซนต์อคาเดมีค่อนข้างเปิดกว้าง โดยเฉพาะกับเด็กห้องคิง แค่แวะมาลงชื่ออย่างน้อยเดือนละครั้งก็สามารถอยู่ในชมรม
ต่อไปได้…ไม่แปลกใจที่ตานี่จะแว้บเข้าชมรมนั้นชมรมนี้เป็นว่าเล่น
 
สายตาของฉันเริ่มสำรวจซ่อกแซ่ก ถึงจะเป็นห้องเก็บเสียงแต่ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว ขนาดพอๆ กับโรงหนัง จึงดูไม่แออัดเท่าไหร่ แม้ไม่มีหน้าต่าง
ซักบาน 
 
ผนังติดแผ่นเก็บเสียงสีดำตัดกับพื้นพรมแดง รอบกายเต็มไปด้วยเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ 
 
“สนุกจังนะอลิซ”
 
ทวิตซ์เห็นท่าทางตื่นเต้นของฉัน ลอบหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดู แซวเปรียบเปรย
 
“มานี่เร็ว เดี๋ยวก็ตามคุณกระต่ายไม่ทันหรอก” 
 
กระต่ายหนุ่มสีเงินเจ้าเล่ห์พูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น พลางจูงมือฉันมานั่งด้วยกันที่เปียโนสีดำตัวใหญ่สุดคลาสสิค
 
“เคยเล่นมั้ย?” 
 
ดวงตาสีฟ้าพราวใสเป็นประกายยามเอ่ยถาม ราวกับกำลังสนุกที่ได้พาฉันเข้ามาอยู่ในโลกของเขา
 
ฉันส่ายหัวเบาๆ แทนคำตอบ
 
ริมฝีปากสีกุหลาบคลี่ยิ้มรับ ปลายนิ้วเรียวจรดสัมผัสคีย์บอร์ด บรรจงดีดเสียงเปียโนชวนเคลิบเคลิ้ม
 
…น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะเริ่มขับขานบทเพลงก้องกังวาน
 
 
 
[Maybe it's the way you say my name]
 
อาจเป็นวิธีที่เธอเรียกชื่อฉัน
 
[Maybe it's the way you play your game]
 
อาจเป็นวิธีเดินเกมของเธอ
 
[But it's so good, I've never known anybody like you]
 
แต่ดีนะ ฉันไม่เคยเจอใครเหมือนเธอมาก่อน
 
[But it's so good, I've never dreamed of nobody like you]
 
มันก็ดีนะ  ไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะได้พบคนอย่างเธอ
 
 
 
ทวิตซ์หยุดเล่นกลางคัน เพื่อดื่มด่ำปฏิกริยาตอบสนองของฉัน…
 
ก่อนเผยยิ้มพึงพอใจ ดีดบรรเลงท่อนต่อไป
 
 
[Cause I'm in a field of dandelions]
 
เพราะฉันอยู่ในทุ่งแดนดิไลออน
 
[Wishing on every one that you'd be mine, mine]
 
ภาวนาให้สักวันเธอเป็นของฉัน
 
[And I see forever in your eyes]
 
และเห็นคำว่า ‘ตลอดไป’ ในแววตาของเธอ
 
[I feel okay when I see you smile, smile]
 
ฉันรู้สึกโอเคแล้วล่ะ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอ
 

 
 
 
บทเพลงจบลง แต่เสียงหัวใจเต้นระรัวยังดำเนินต่อ
 
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…
 
ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายหวานฉ่ำ จ้องมองฉันอย่างมีความหมาย 
 
ฝ่ามืออุ่นช้อนประคองแก้ม ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มนุ่มจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำค่อนแซะที่สุดแสนจะโรแมนติกออกมาอย่างมีนัยยะ
 
“เพลงนี้…ฉันไม่ได้เล่นไปเรื่อยหรอกนะ”
 
ปลายนิ้วโป้งร้อนผ่าวกดลงบนริมฝีปากของฉันอย่างเว้าวอนขอความรัก 
 
ลมหายใจที่เริ่มติดขัดเพราะความตื่นเต้นของเขา ทำฉันเริ่มหายใจลำบากไปด้วย 
 
เช่นเดียวกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทุกขณะ…
 
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
 
…ฉันพยักหน้าตอบรับเบาๆ
 

 
บทเพลงรักหวานซึ้ง ช่วยปรุงแต่งให้รสจูบของเขายิ่งฉ่ำหวานเกินต้านทาน ริมฝีปากเร่าร้อนและกลิ่นสวนดอกไม้เย้ายวน พาฉันหลุดเข้าไปในโลกแห่ง
บาปไร้ก้นบึ้ง ดื่มด่ำเร่งเร้าราวกับสิ่งเสพติด 
 
คำว่า ‘เหลือเฟือ’ น่ะ โกหกทั้งเพ
 
จูบของเรายังคงดำเนินต่อไปอย่างร้อนแรงจนต้องหยุดพักหายใจ…
 
แขนแกร่งยกร่างฉันขึ้นนั่งบนเปียโน เกิดเสียงคีย์บรรเลงผิดเพี้ยน 
 
แต่ใครสนล่ะ…ในเมื่อมันเป็นห้องเก็บเสียง
 
“…ฉันล็อคประตูแล้ว” 
 
เจ้าของเสียงกระซิบแหบพล่านรุ่มร้อนและใบหน้าแดงระเรื่อ จ้องมองฉันอย่างโหยหา
 
นี่คงเป็นแผนร้ายของคุณกระต่าย เพราะเมื่ออลิซได้ลิ้มลองน้ำยาปริศนาแสนหวาน หัวใจของเธอก็พองโตจนไม่สามารถคลานหนีออกทางประตูบานจิ๋ว
ได้อีก
 
มือใหญ่จับแขนฉันพาดวางบนไหล่กว้าง สันจมูกโด่งคมโลมไซร้ซอกคอกอบโกยกลิ่นกายเนื้ออย่างละโมบ 
 
มือหนาร้อนกรุ่นลูบไล้ตามเรียวขา อีกข้างโอบประคองร่างบางอ่อนระทวย 
 
สัมผัสรุ่มร้อนเหมือนไฟลน ทำฉันรู้สึกดีซะจนอายเสียงหอบหายใจแปลกๆ ของตัวเอง จังหวะนี้ต้องขอบคุณเสียงหอบกระเส่าของเขา ที่ทำให้ฉัน
หลงลืมความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปจนหมด
 
แกร๊ก
 
เป็นอีกครั้งที่มีก้างขวางคอชิ้นโต บุกขัดจังหวะบรรเลงรัก 
 
ประตูห้องดนตรีถูกเปิดออกเผยให้เห็นสาวน้อยร่างบางผมสีน้ำตาลคาราเมล 
 
ทวิตซ์รีบเด้งตัวออกจากท่าสุ่มเสี่ยงยืนบังฉันไว้ จัดผ้าผ่อนให้เรียบร้อย ตั้งหลักเตรียมประจัญหน้ากับเจ้าของเสียงฝีเท้าที่บรรจงก้าวเยื้องย่างเข้ามา
อย่างช้าๆ
 
นะ ไหนนายบอกว่าล็อคประตูแล้วไงย๊ะ!? >///< แบบนี้มีหวังเป็นข่าวฉาวทั้งโรงเรียนแน่!
 
“ไม่ใช่ว่าเธอไปกับพวกชมรมดนตรีหรอ?” 
 
ทวิตซ์เอ่ยถามราบเรียบด้วยน้ำเสียงมั่นคงใจเย็น อาการหอบกระเส่าเมื่อครู่หายดีเป็นปลิดทิ้ง
 
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะจ้ะ เลยไม่ได้ไปด้วย” 
 
เสียงใสกระจ่างติดหูและเส้นผมสีน้ำตาลคาราเมลที่ฉันเห็นแว้บๆ เมื่อกี้ ทำให้พอเดาได้ว่าคือ ‘หวาน’
 
พอรู้ว่าเป็นใคร ความรู้สึกผิดจากไหนไม่รู้ก็พุ่งชนกระแทกหน้าฉันอย่างจัง
 
…ฉันยังจำได้ดีว่า เธอชอบทวิตซ์มาก
 
ทวิตซ์ส่งมือมาช่วยพยุงฉันลงจากเปียโน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันและหวานสบสายตากันพอดี
 
ใบหน้าเปื้อนยิ้มอ่อนหวาน แต่ดวงตากลับว่างเปล่า 
 
ฉันสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตพยาบาทจนต้องก้มหน้างุดมองพื้น
 
นี่รึเปล่า? เหตุผลที่ทวิตซ์ไม่อยากเอาเธอเข้ามา… 
 
“ฉันว่าจะมาซ้อมเปียโนซะหน่อย…แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ” 
 
เสียงหวานเป็นมิตรที่เคยเป็นดั่งน้ำใสลูบชะโลมใจ บัดนี้เย็นเยียบน่าขนลุก
 
“เสร็จกิจแล้วช่วยล็อคห้องให้ด้วยนะ เดี๋ยวจะมีพวกแมวขโมยแอบย่องเข้ามาอีก” 
 
ว่าแล้วเธอก็เดินหันหลังออกจากห้อง ท่าทางนิ่งสงบ แต่ทิ้งท้ายด้วยการปิดกระแทกประตูดังลั่น
 
ปัง!
 

 
ฉันช็อคค้าง ทั่วทั้งหน้าชาไร้ความรู้สึก น่าอายเหลือเกินที่มีคนมาเห็นเลิฟซีนสุดเร่าร้อนในที่สาธารณะ แถมยังโดนเกลียดขี้หน้าเข้าอย่างจัง ตรงข้าม
กับไอ้ปีศาจหัวเงินไร้สามัญสำนึก… 
 
“ต่อมั้ย?” 
 
หงึด
 
“โอ้ยๆๆ…ล้อเล่นคร้าบ ล้อเล่น~”
 
ฉันหยิกเอวอีตาทวิตซ์ไปทีนึง แต่ดูจากรอยยิ้มขี้แกล้งนี่ เจ้าตัวคงไม่สำนึกเลยซักนิดว่าเพิ่งทำอะไรลงไป
 
“ห้ามจูบในที่สาธารณะอีกนะ!” 
 
ฉันเท้าสะเอวชี้หน้า ทำเสียงดุจ้องมองด้วยสีหน้าจริงจัง
 
ให้ทายว่าตานั่นตอบสนองยังไง…
 
เหอะๆ แน่นอนว่าต้องยิ้มกรุ้มกริ่มกวนบาทาอีกตามเคย =-=^
 
“นี่ ฉันโกรธจริงๆ นะ -*-” 
 
ฉันมองใบหน้าสวยตาแข็งตอกย้ำเจตนารมย์อีกครั้ง แต่กลับถูกมือหนาขยี้หัวอย่างหมันเขี้ยว 
 
“คร้าบๆ ผมจะระวัง ^^” 
 
โชคดีหน่อยที่เจ้าตัวยอมตกปากรับคำ
 
นิทานเรื่องนี้คงจบลงด้วยดี ถ้าในตอนสุดท้ายคุณกระต่ายจอมหื่นไม่โน้มตัวลงมากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงสุดเซ็กซี่
 
“ครั้งหน้า…ไม่ให้ใครจับได้แน่”  
 
O///O
 
ตึกตัก… ตึกตัก… ตึกตัก…
 
นี่จะนับเป็น Bad End รึเปล่า? 
 
ถ้าฉันบอกว่า ต่อจากนี้…อลิซคงไม่ได้กลับไปเหยียบโลกใบเดิมอีกแล้ว
 

 
(จบตอน)
 
ลิลลี่; ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รู้จักคนอย่างคุณ
 
cr.dandelions-ruth b.
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา