The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
9.7
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
27 บท
1 วิจารณ์
2,914 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) -เดซี่-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“พรุ่งนี้กลับบ้านมั้ย?”
คำถามเดจาวูจากเจ้าชายดอกไม้ที่ฉันไม่ได้ยินมาพักใหญ่
เพราะติดงานอีเว้นต์ยาว ฉันเลยไม่ได้กลับบ้านเดือนกว่าแล้ว ล่าสุดก็ตอนพาพวกเดอะแก๊งสภานักเรียนไปด้วย
คิดถึงอาหารฝีมือม๊าจัง…
อ๊ะ ว่าแต่…นายถามทำไมเนี่ย?
“ฉันไม่ให้ไปด้วยหรอกนะ!”
พอนึกได้ว่าครั้งก่อนเคยโดนตานี่รวบหัวรวบหางยังไงบ้าง ฉันเลยชิงตะเบ็งเสียงตัดบททันที
อย่าคิดมาทำให้ฉันสำลักข้าวอีก เด็ด-ขาด! ลองยกหูโทรหาป๊าดูสิ นายได้เจอท่ายิวยิตสูแตะตัดขาแน่! -*-
“น่าเสียดาย…เสาร์นี้ฉันไม่ว่าง”
ดวงตาสีฟ้าอมเทาจ้องมองเอ็นดู มืออุ่นลูบหัวแผ่วเบา กำราบสายตาแข็งกร้าวของฉันอย่างง่ายดาย
ไม่บ่อยนักที่เห็นเขา ‘มีธุระ’ ปกติทวิตซ์ตัวติดฉันตลอด ตั้งแต่ย่างเท้าออกจากหอ แทบจะสิงฉันอย่างไอ้แว่นว่าจริงๆ
…มีเรื่องอะไรรึเปล่านะ?
ทวิตซ์สังเกตเห็นสีหน้าของฉันเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นักอ่านใจคลายยิ้มบาง พลางพูดปลอบเหมือนฉันดูเศร้ามาก
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันไม่ได้ไปตายที่ไหนซักหน่อย ^^”
อีตาบ้า! นั่นปากหรอย๊ะ! ปักธงตายให้ตัวเองทำไมเนี่ย!? =[]=
“อ้อ ขอยืมมือถือหน่อยสิ”
ทวิตซ์เปลี่ยนเรื่องคุยฉับพลัน ไม่ยอมแง้มแม้แต่น้อยว่าจะไปไหน
“…”
ฉันยังลังเลที่จะยื่นของส่วนตัวให้เขา
ล่าสุดตอนให้นายจับมือถือ ฉันจำได้ไม่ลืมนะยะว่าโดนขโมยเบอร์!
“ไม่ทำอะไรแปลกๆ หรอกน่า ^^”
รอยยิ้มหวานฉ่ำเหมือนแอปเปิ้ลอาบยาพิษ ดูไม่น่าไว้ใจสุดๆ
“งั้นมายื่นหมูยื่นแมวกัน”
ทวิตซ์หยิบมือถือของตัวเองที่นานๆ จะได้เห็นขึ้นมา ฉันเกือบลืมไปแล้วว่าหน้าตามันเป็นยังไง
เค้าจัดการปลดล็อครหัสเสร็จสรรพ ยัดใส่มือฉัน เล่นเอาทำตัวไม่ถูก
“ขอแค่ 1 นาทีน้าา T T”
สายตาสีน้ำข้าวออดอ้อนมองช้อน ทำฉันเริ่มหวั่นไหว ยอมตามใจเขาอีกจนได้
“แค่แป๊บเดียวนะ”
พอจับมือถือฉันปุ๊บ ตานั่นก็ยกชูสูง
และ…
แช๊ะ!
กลายเป็นรูปคู่เราโชว์หราเต็มหน้าจอ ซึ่งในรูปฉันหน้าเหวอจัด ไม่ต่างจากตอนนี้เลย
ต้องขอบคุณป๊าม๊าที่ทำให้เกิดมาสวยพอตัว เลยรอดพ้นจากคำว่า ‘อุบาท’ มาได้อย่างหวุดหวิด =-=;;
จุ๊บ
เจ้าชายดอกไม้จุมพิตภาพฉันบนหน้าจอแบนราบ ก่อนส่งมือถือคืนให้พร้อมคำหวานละลายหัวใจ
“อย่าลืมคิดถึงฉัน วันละ 3 เวลาด้วยล่ะ”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
อาการใจเต้นน่าไม่อายกำเริบอีกครั้ง…
ร่างสูงโน้มตัวเข้าใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นละมุนและกลิ่นดอกไม้หอมเย้ายวน ก่อนกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“…เพราะฉันก็จะคิดถึงเธอเหมือนกัน”
.
ทุกสัมผัสยังฝังลึกตราตรึงในสมอง มีแต่เรื่องราวของเขาเล่นวนซ้ำ ภาพกรอกลับไปมา เหมือนหนังรักที่ไม่มีวันดูจบ
ตานั่นไม่ใช่แค่ถ่ายรูปเฉยๆ แต่ยังถือวิสาสะตั้งเป็นภาพพักหน้าจอให้ด้วย
บ้าบอจริงๆ ถึงไม่ทำแบบนี้ ฉันก็คิดถึงนายเกินวันละ 3 เวลาอยู่แล้วย่ะ… -///-
แทนที่จะได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดสุขสันต์กับครอบครัวให้เต็มที่ ฉันดันกลายเป็นคนติดมือถือจนเสียนิสัย
พอรู้ว่าใกล้ถึง 1 ทุ่ม ยิ่งเอาแต่จ้องมันบ่อยขึ้น จนไม่เป็นอันทำอะไร…
กริ๊งง
ติ๊ด
ฉันเผลอกดรับสายไวปานวอก
“อืม ว่าไง”
โชคดีที่ยังเหลือสติพอควบคุมเสียงให้เปล่งออกมาอย่างสุขุมเยือกเย็นได้
[คิดถึงจัง]
น้ำเสียงทุ้มนุ่มปลายสายปล่อยหมัดตรงสั่นคลอนหัวใจ
[แค่ได้ยินเสียงเธอหายใจ ฉันก็มีความสุขแล้ว]
เจ้าของน้ำเสียงขี้เล่นหัวเราะในลำคอ ใช้คำพูดตลกร้ายจิกกัดการตอบรับไร้เยื่อใย
แต่ฉันกลับสัมผัสได้ว่าเขากำลังมีความสุขอยู่จริงๆ
[วันนี้ฉันยุ่งมากเลย เพราะเอาแต่คิดถึงเธอทั้งวัน]
มุขเสี่ยวเรียกรอยยิ้มสำเร็จ
[เดี๋ยวต้องไปคิดถึงต่อในฝันแล้ว…ฝันดีนะเจ้าหญิง]
ติ๊ด
พูดทุกสิ่งที่ต้องการ แล้วกดตัดสายเองตามใจชอบ
เป็นแบบนี้ตลอด แต่หัวใจฉันกลับรู้สึกอบอุ่นนุ่มฟู ด้วยบทสนทนาเพียงไม่กี่นาที
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เสียงใจเต้นเร็วระรัวเป็นกองชุด ทั้งใบหน้าร้อนผ่าว นี่คงเป็นอีกคืนที่ฉันหลับฝันดีเพราะเค้า
รัก…
ไม่รัก…
รัก…
ไม่รัก…
รัก…
ราวกับกำลังเด็ดกลีบดอกไม้เสี่ยงทาย ที่เมื่อเริ่มต้นด้วยคำใด จะจบลงด้วยคำนั้นเสมอ เพราะเดซี่เจ้าเล่ห์ มักมีจำนวนกลีบเป็นเลขคี่
ในเมื่อผลลัพธ์มันแน่นอนอยู่แล้ว จึงไม่ต่างจากการหลงละเมอคิดเพ้อเจ้อไปเองคนเดียว…
ท่ามกลางความเงียบงันยามวิกาล ก่อนตกลงสู่ห้วงฝันแสนหวาน เสียงกระซิบจากก้นบึ้งของหัวใจร่ำร้องบอกฉันว่า
…เธอหนีไปไหนไม่รอดอีกแล้ว
.
-เช้าวันต่อมา-
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ยูแช~ ตื่นรึยังลูก?”
ฉันงัวเงียลุกจากเตียง เพราะเสียงเคาะประตูของม๊า
พอควานหามือถือดูเวลาก็ป๊ะเข้ากับใบหน้าหล่อสวยของอีตาทวิตซ์จนตื่นเต็มตา O///O
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
วะ เวลาล่ะ?
อ่า 10 โมงเช้า…นอนเพลินไปหน่อย
“ตื่นแล้วค่า”
ฉันเอ่ยตอบดังพอให้คนหน้าประตูหยุดเคาะ
“ป๊าม๊าเซ็นเอกสารให้หนูแล้วนะ ดูแลตัวเองดีๆ อย่าลืมป้องกันด้วยนะลูก”
“…?”
เสียงหวานเงียบหาย ทิ้งความสงสัยไว้ให้ฉัน พร้อมกับซองกระดาษสีน้ำตาลที่ถูกสอดเข้ามาใต้ประตู
ฉันยืดตัวบิดขี้เกียจ เดินลงจากเตียง เปิดดูซองปริศนา
รู้สึกตื่นเต้นเหมือนแกะกล่องของขวัญวันคริสมาสต์เลย
แกร่บ
[แบบฟอร์มขอความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อเข้าร่วมหอพักฉิมพลี…]
นะ นี่มันอะไรเนี่ย!?! O[]O
…
ตู๊ด… ตู๊ด… ตู๊ด… ตู้ด…
หลังจากได้อ่านเนื้อหาจนเข้าใจแจ่มแจ้งแดงแจ๋แล้ว ฉันจึงรีบต่อสายตรงไปหาทวิตซ์ทันที
ติ๊ด
[โทษที เผลอปิดเสียงไปตอนไหนไม่รู้ มีอะไรหรอ?]
เสียงเขาติดหอบกระเส่าฟังดูเซ็กซี่นิดๆ เหมือนเพิ่งใช้แรงหนัก…
ไม่สิ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอควรโฟกัสนะยัยหื่น! >///<
แปะ
ฉันตบแก้มตัวเองเบาๆ เรียกสติ ก่อนแผดเสียงถามเกรี้ยวกราด
“เอกสารที่ส่่งมามันหมายความว่ายังไง!!!”
[ทวิตซ์จ๋าา…ใครโทรมาหรอ?]
แทนที่จะได้ยินคำตอบกระจ่างแจ้งจากเขา กลับเป็นเสียงผู้หญิงสุดเซ็กซี่ติดหอบกระเส่าไม่แพ้กัน
[อ๋อ…]
เสียงทุ้มลากยาวเงียบคิดอยู่พักนึง ก่อนกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำใจสลาย
[เพื่อนที่โรงเรียนน่ะ]
…เพื่อนอะไรบอกฝันดีก่อนนอน เพื่อนอะไรดมหัวแล้วบอกหอม
จู่ๆ เนื้อเพลงที่เคยฟังผ่านหูก็ลอยเข้ามา พร้อมอารมณ์ขุ่นมัวใกล้ปะทุ
ตอนนี้ฉันรู้สึกโกรธจนมือไม้สั่นไปหมด แทบอยากจะกรีดร้องตะโกนออกไปว่า
แค่เพื่อนบ้านนายดิ!!! ไอ้คนกะล่อน!!!!
[ไม่เอาซี้~ วางสายไปเลย มาสนุกกันต่อดีกว่า]
เสียงเชื้อเชิญของเธอช่างเย้ายวนอ่อนหวาน ถ้าฉันเป็นผู้ชายคงห้ามใจไม่อยู่แน่…
…
ณ จุดนี้ ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว เหมือนปลายสายกดปิดไมค์ ก่อนที่เขาจะกลับมาตอบอีกครั้งด้วยน้ำเสียงตามปกติเพียงสั้นๆ ไร้คำอธิบาย
[ยังไม่สะดวกคุย ไว้เจอกันตอนเย็นนะ ฉันจะรีบไป]
ติ๊ด
เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกเกลียดชัง การกดวางสายใส่อย่างไร้เยื่อใยของเขา
“ฮึก…”
น่าเจ็บใจเหลือเกิน จู่ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง
ไหลออกมาเยอะซะจนทำภาพตรงหน้าพร่ามัว…ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของเรา
“ฮึกๆๆ”
เจ็บจัง ทั้งที่ร่างกายยังแข็งแรงดีแท้ๆ แต่กลับเจ็บแปลบในอก เหมือนถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ
น่ากลัว…
ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าซักวันความสัมพันธ์จอมปลอมต้องจบลง ทั้งที่ฉันก็พยายามหักห้ามใจ เตือนตัวเองและเตรียมใจไว้บ้างแล้วแท้ๆ
แต่มันคงไม่มากพอให้ฉัน…ไม่รักนายสินะ
“ฮึก… ฮึก…”
ฉันพยายามกดกลั้นเสียงสะอื้น เพราะไม่อยากให้ป๊าม๊าได้ยิน
สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้มันน่าอาย อ่อนแอ และไร้สาระเหลือเกิน
ฉันเกลียดนาย เกลียดเธอ เกลียดความรู้สึกตัวเอง เกลียดทุกสัมผัสอบอุ่นที่เคยได้รับ เกลียดแม้กระทั่งความทรงจำของเรา
แต่ก็ยัง…ไม่อาจลบความรู้สึกรักออกจากใจได้เลย
มันคงจริงอย่างที่เค้าว่ากัน รักไม่ต่างจากบาป บริสุทธิ์ เป็นนิรันดร์และจะคงอยู่ในใจตลอดไป ต่อให้มีความรู้สึกอื่นเข้ามาบดบังมากมายแค่ไหน ก็ไม่
อาจลบเลือนให้เจือจางลงได้
ขอบคุณจริงๆ ทวิตซ์ นายช่วยสอนให้ฉันเข้าใจมันอย่างถ่องแท้เลยล่ะ…
.
“ยูแช~ น้องแว่นของป๊ากลับมาแล้ว”
ป๊าแซวสนุกปาก ทันทีที่เห็นฉันเดินเข้ามา
เพราะร้องไห้จนตาบวมแดง ฉันเลยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหยิบแว่นตาหนาเตอะที่ไม่ได้ใส่มาเป็นชาติ สวมอำพรางเพื่อไม่ให้คนที่บ้านต้องกังวล
“ช้าจังเลยเรา มาๆ ข้าวเย็นหมดแล้วเนี่ย”
ม๊ากวักมือเรียกชวนฉันเข้าร่วมวง
“นะ…”
ฉันพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุดก่อนเริ่มพูด
“หนูมีเรื่องต้องรีบไปจัดการที่โรงเรียน”
“…”
ป๊าม๊าเงียบ บรรยากาศดูตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
สมกับเป็นคนที่เลี้ยงดูฉันมา…พวกเขารู้ทันหมดทุกอย่าง แม้แต่หัวใจที่แตกสลาย ฉันก็ไม่อาจเก็บซ่อนมันไว้ได้
ในขณะที่ฉันงุดหน้ามองพื้น จมอยู่กับความกังวลใจ เพราะทำให้พวกเขาต้องเป็นห่วง
ฉับพลันก็สัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอบอุ่นของทั้งคู่ที่เข้ามาปลอบประโลมนุ่มนวลหล่อเลี้ยงหัวใจ ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“สู้ๆ นะลูก ถ้าเหนื่อยก็กลับมากินข้าวด้วยกัน ป๊าม๊าจะรอหนูอยู่ตรงนี้เสมอนะ”
คำพูดของป๊าทำให้ฉันปล่อยโฮออกมา
“ฮืออออ”
พวกเขาคอยให้กำลังใจและเชื่อมั่นในตัวฉัน โดยไม่ซักไซ้ถามซักคำ เป็นแบบนี้มาตลอด
ขอโทษ ที่หนูเอาแต่ร้องไห้เพราะเรื่องไร้สาระ…ทั้งที่เคยสัญญาว่าจะเข้มแข็ง
ขอบคุณค่ะ ต่อให้กล่าวคำนี้อีกกี่พันครั้งก็คงไม่เพียงพอ
หนูช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของป๊าม๊า
ตอนนี้หัวใจฉันไม่รู้สึกอ่อนแออีกแล้ว เพราะพวกเขาต่างหากที่เป็นทั้ง ‘หัวใจ’ และ ‘ความแข็งแกร่ง’ ที่แท้จริงของฉัน
.
หลังจากนั่งกินข้าวคลุกน้ำตาจนหมดจาน ฉันก็ขึ้นรถแท็กซี่มาลงหน้าโรงเรียน
ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันรู้สึกมั่นคงและเต็มเปี่ยมด้วยพลัง พร้อมท้าชนทุกอุปสรรค
ไม่มีอะไรบนโลกนี้ มาสั่นคลอน…
“ยูแช?”
เจ้าของเรือนผมเงินงามระยับเอ่ยเรียกชื่อฉัน
ดวงตาน้ำทะเลแฝงความกังวล น้ำเสียงของเขาฟังดูใจหาย
ตอนนั้นเอง ที่ฉันตระหนักได้ถึงความอ่อนแออีกครั้ง…
“เกิดอะไรขึ้น?…”
พลั่ก!
ฉันผลักเค้าออก ก่อนที่ร่างสูงจะได้มีโอกาสเข้ามาโอบกอดให้หัวใจสั่นไหว
“อย่ามายุ่งกับฉัน!”
ดวงตาดำสนิทจ้องมองอย่างเลือดเย็นสุดขั้วหัวใจ ให้รู้ว่าฉันไม่ได้ล้อเล่น
“…”
ดวงตาเปล่งประกายสดใสของเจ้าชายดอกไม้ บัดนี้ดับไร้แสง แปรเปลี่ยนเป็นสีครามดุจน้ำทะเลลึกไร้ก้นบึ้ง ทอดมองฉันแน่นิ่งด้วยเหตุผลบางอย่าง…
“ถ้ายังกล้าแตะต้องฉันอีกแม้แต่ปลายเล็บ ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้นายแน่…”
ทั้งน้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอและแววตาแข็งกร้าว สร้างกำแพงหนาสูงชัน เพื่อปกป้องหัวใจ
นัยย์ตาลึกล้ำของทวิตซ์ดูโศกเศร้า แต่ใบหน้ากลับเรียบเฉยเช่นเดียวกับฉัน
“เข้าใจแล้ว”
น้ำเสียงนุ่มนวลที่เคยอ่อนโยนอยู่เสมอ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก ราวกับสิ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณของเจ้าชายดอกไม้ ได้แหลกสลาย
หายไปแล้ว
ฉันทนเห็นภาพน่าเวทนาของคนที่ทำร้ายหัวใจตัวเองอีกไม่ไหว จนต้องหลุบตามองต่ำ
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัด แต่ทวิตซ์ไม่เคยละสายตาจากคู่สนทนาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขาเป็นแบบนี้เสมอ จนทำให้ฉันที่บังอาจหลบตารู้สึกสมเพสตัวเองเหลือเกิน…
ร่างสูงย่อตัวลงให้อยู่ในระยะต่ำกว่าสายตาของฉัน
ใบหน้างามแหงนมอง จ้องลึกเข้ามาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ริมฝีปากบางสวยกลั่นกรองคำพูดออกมาอย่างราบเรียบ
“พรุ่งนี้เวลาเดิม…ฉันจะรอเธออยู่ตรงนี้ ”
ความอ่อนโยนที่เหมือนกับแสงแดดอบอุ่นรำไรในฤดูใบไม้ผลิ ผันเปลี่ยนเป็นความเหน็บหนาวเย็นเยียบฝังลึกถึงแกนกระดูก
ร่างสูงพยุงตัวลุกยืนเต็มความสูง หันหลังเดินจากไป ไม่มีแม้แต่คำร่ำลาหรือสายตาเว้าวอนเพียงเศษเสี้ยว
ช่วยย้ำเตือนให้คนโง่งมอย่างฉันได้เข้าใจ
ต่อจากนี้ไป จะไม่มีอีกแล้ว…
‘ทวิตซ์’ คนที่ฉันเคยรัก
.
ยามลมหนาวเหมันต์พัดผ่าน ความอบอุ่นของคิมหันต์ลาลับ ราวกับทุกอย่างที่เคยสัมผัสเป็นเพียงจินตนาการที่ถูกปรุงแต่งจากความปรารถนา
พลันให้นึกถึง ‘มิราจ’ ภาพลวงตาของแอ่งน้ำโอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย ที่เกิดจากการหักเหของแสง
….คำอุปมาอุปไมเหล่านั้น ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของฉันกับเจ้าชายดอกไม้
แม้ว่าฉันจะกล้ามายืนประจัญหน้าเขาตามนัด แต่ไม่รู้เลยว่า ควรเอื้อนเอ่ยอะไรออกไปดี
บรรยากาศในตอนนี้เลยนิ่งเงียบ มีเพียงสายตาของเราจ้องสลับสวนกันไปมา
“ไปกันเถอะ ^^”
ทวิตซ์เป็นคนทุบทลายความอึดอัดใจลงก่อนด้วยน้ำเสียงนิ่มนวลและรอยยิ้มเจิดจ้า แต่กลับไร้ซึ่งอารมณ์
เขาเดินนำโดยไม่รอหรือเหลียวหลังมาให้ความสนใจว่า ฉันที่ถูกเชิญชวนจะเดินตามรึเปล่า
ความสามารถในการอ่านใจของเขายังคงทำงานได้ดี…
เท้าของฉันก้าวย่างตามอัตโนมัติ แม้ไม่รู้จุดหมายปลายทาง
สายตาของฉันเฝ้าจดจ้องแผ่นหลังกว้าง ที่ยังคงเด็ดเดี่ยว มั่นคง สมบูรณ์แบบ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
อย่างที่บอก…แม้หัวใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ความรักยังคงอยู่
ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกแปลกใจหรือตื่นเต้นกับเสียงหัวใจตัวเองอีกแล้ว
แค่ต้องปล่อยให้มันดันทุรังทำหน้าที่ต่อไป เพื่อย้ำเตือนว่า
ต่อให้หัวใจของฉันจะเต้นแรงเพื่อนายซักแค่ไหน…
สุดท้าย มันก็ยังไร้ค่าอยู่ดี
…
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
ขะ ขอถอนคำพูดเมื่อกี้ออกทั้งยวงเลยได้มั้ย? >///< ดูท่าปล่อยให้มันเต้นแรงเกินไปจะไม่ดีซะแล้ว
อีตาทวิตซ์พาฉันมาที่ไหนเนี่ย?! ใครก็ได้ช่วยสาบานที! ว่าตอนนี้ฉันกำลังอยู่ใน ‘โรงเรียน’ ไม่ใช่ ‘โรงแรม’
ฉันเอะใจตั้งแต่หน้าตึกที่ถูกฉาบด้วยสีชมพูพิงค์ช็อคและป้ายไฟหลากสีกระพริบวิบวับเขียนว่า ‘หอพักฉิมพลี’ แล้ว
แต่ไม่คาดคิดว่าพอเดินเข้ามาจะเจอกับโปสเตอร์สอนเพศศึกษา ภาพรวมกระบวนท่ากามสูตรที่ถูกถ่ายทอดด้วยตัวการ์ตูนน่ารักแอ๊บแบ๊ว ไหนจะกล่อง
ถุงยางแจกฟรีหน้าเค้าน์เตอร์อีก
ทึ่งกว่านั้นคือ ท่าทีเฉยชาเหมือนเคยเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้จนชินตาของอีตาทวิตซ์นี่แหละ!
“นะ นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?”
ฉันมัวแต่บิดเขินใจลอยจนลืมถาม แต่พอเข้ามาเห็นสภาพห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ไม่ต่างกับม่านรูดก็อดรักตัวกลัวตายไม่ได้จริงๆ >///<
“ไม่ได้อ่านอีกแล้วสินะ ^^”
ทวิตซ์กล่าวตำหนิ หันกลับมาจ้องหน้าฉันพร้อมรอยยิ้มจอมปลอม
“นโยบาย ‘โรแมนติก สคูล’ หน้าที่ 48 ระบุว่า…”
ภาพจำเดิมๆ ย้อนกลับมา
ฉันส่ายหัวด๊อกแด๊กปฏิเสธว่า ยังคงไม่เคยเปิดอ่านไอ้นโยบายไร้สาระนี่เลย แม้แต่หน้าเดียว…
“ทั้งคู่ต้องเข้าพักค้างคืนที่ ‘หอพักฉิมพลี’ ด้วยกันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อแสดงให้สาธารณชนประจักษ์ถึงความรักอันเร่าร้อน...”
ทวิตซ์หัวดีฉลาดเป็นกรด จำแม่นเป๊ะทุกคำสมเป็นเด็กห้องคิง
บรรยากาศชวนคิดถึง ทำให้ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ในตอนนั้นทั้งแววตาและน้ำเสียงของเขาแทบไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่เลย
นี่แปลว่านายยังไม่คิดจะล้มเลิกนโยบายงี่เง่านี่สินะ? ถึงแม้เราจะไม่สามารถแกล้งเป็นแฟนกันได้อย่างสนิทใจอีก…
ตั้งแต่แรกแล้ว ที่ความมุ่นมั่นอย่างไร้เหตุผลนั่น ทำให้ฉันคลืบแคลงใจมาโดยตลอด แม้ช่วงหลังจะหลงลืมไปบ้าง เพราะถูกเสน่ห์ร้ายกาจของเค้า
บดบังความเป็นจริง
แต่ตอนนี้ฉันชักอยากรู้ขึ้นมา จนหยุดไม่อยู่แล้วสิ ว่าอะไรคือเหตุผลของนาย?
เมื่อถูกจ้องมองพักใหญ่ท่ามกลางความเงียบ ทวิตซ์จึงเป็นฝ่ายยอมเบือนหน้าหนี ก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยปากถาม
“ฉันไปอาบน้ำนะ”
ว่าแล้วร่างสูงก็เร่งฝีเท้าตรงปรี่เข้าห้องน้ำไป โดยไม่หันมามองฉันอีกเลย
ฉันไม่รู้จะทำอะไรต่อ ทิ้งตัวนั่งบนเตียงคิงส์ไซส์ผ้าปูขาว โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสดพรมน้ำหอมปลุกเร้าอารมณ์กลิ่นโคตะระแสบจมูก ดวงไฟสีนวล
ในห้องทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีชมพูหวานแหววน่าขนลุก =_=
ซ่าาา
ฉันได้ยินเสียงฝักบัวดังจากห้องน้ำ จึงเผลอหันไปมองตามสัญชาตญาณ และได้พบกับภาพสุดสยิวกิ้วที่จะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต O///O
ยะ ยัย ผอ. เจ้าเล่ห์นั่นติดกระจกถ้ำมอง ให้คนนอกสามารถมองเห็นคนที่กำลังอาบน้ำได้ ซึ่งอีกฝ่ายไม่น่าจะรู้ตัว โชคยังดีที่ยัยป้าตัณหากลับนั่นยังพอ
มีเมตตา ไม่เปิดเปลือยอล่างฉ่าง ติดแถบกระจกขุ่นมัวเบลอเซ็นเซอร์บังท่อนล่างไว้ครึ่งตัวจนถึงเข่า พอให้เห็นแค่เงาเลือนลางฟินๆ ยั่วจินตนาการ
กรี๊ดดด!!! >////< ไม่อยากเชื่อเลยว่า ชีวิตจะมีวันตกต่ำถึงขั้นอยู่ในจุดที่กำลังแอบดูผู้ชายอาบน้ำ!!!
ฉันรีบหลับตาหันหลังหนีภาพตรงหน้า ท่องนะโม พุทธายะ แผ่เมตตาให้เจ้าชายน้อยที่เกือบถูกฉันใช้สายตาล่วงเกิน นึกถึงหน้าป๊าม๊า หน้าปลาดาว
หน้าไอ้แว่น หรือหน้าใครก็ได้ ที่จะช่วยให้ยัยคนหื่นกระหายอย่างฉันหวนคืนสู่ทางสว่าง
ครืด~
เสียงประตูบานเลื่อนทางฝั่งห้องน้ำ บ่งบอกว่าความทรมานของฉันสิ้นสุดลงซักที เมื่อเจ้าชายรูปงามยั่วสวาททำธุระส่วนตัวจนเสร็จกิจ
“เธอจะอาบต่อมั้ย?”
เจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามราบเรียบ ดีเหลือเกินที่เค้าไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้หูลามกของฉัน มันได้ยินอะไรก็ฟังดูเซ็กซี่ไปหมด
“มะ ไม่”
ฉันนั่งเหม่อหันหลังอยู่อีกฟากของเตียง พยายามนับรอยตะเข็บบนผ้าม่านสีชมพูเรืองแสง เพื่อให้หลุดรอดจากอารมณ์พลุกพล่านภายในใจ
“ยูแช…”
เพียงขานชื่อดั่งร่ายมนต์คาถา พาฉันเหลียวหลังมองเจ้าของเสียงโดยอัตโนมัติ
เส้นผมสีเงินเปียกปอนยุ่งเซอร์อมน้ำ เลื้อยไล้ตามใบหน้างามปานเทพบุตรไปจนถึงซอกคอขาว หยดน้ำตามร่างกายค่อยๆ ไหลลงตามแรงโน้มถ่วง
โลก ชะโลมทั่วกล้ามอกแกร่งและซิกแพคแน่นมันวาว สันกระดูกเชิงกรานคมชัดเย้ายวนให้มองต่ำ โชคดีที่มีผ้าขนหนูสีขาวคาดปิดไว้ ไม่อย่างนั้น ฉัน
คงช็อคตายเพราะเลือดกำเดาไหลหมดตัว
“ทะ ทะ ทะ ทำไมนายนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวกันล่ะย๊ะ!!! >[]<///”
ฟึ่บ!
ฉันปาหมอนใบใหญ่ใกล้มือใส่หน้าเขา ซึ่งทวิตซ์ก็รับไว้ได้ทัน
แขนแกร่งกอดมันไว้ ช่วยปิดซิกแพคยั่วน้ำลายได้พอดี
“ฉันลืมเอาชุดเข้ามาด้วย…เธอช่วยหยิบให้หน่อยสิ”
ทวิตซ์ก้มหน้างุดกับหมอน เชยสายตาสีครามขึ้นมองฉันแสนออดอ้อน
“หยิบเองสิย๊ะ!”
ฉันเบือนหน้าหนีตะเบ็งเสียงแข็งใส่
ทวิตซ์ลอบถอนหายใจ เสียงฝีเท้ามั่นคงหนักแน่นปนเสียงหยดน้ำเปียกเหมาะแหมะใกล้เข้ามา
อึก…
ฉันเผลอกลืนน้ำลายที่เก็บดองไว้นานลงคอไม่รู้ตัว
ฝีเท้าหยุดชะงัก ก่อนเสียงจิกกัดแสนเย้ายวนกระชากใจจะล่องลอยเข้าหู
“ยัยคนลามก”
“นายสิลามก!!!”
ฉันตวาดเสียงเถียงสวนกลับ
จะด่าฉันใจร้ายเย็นชายังไงก็ช่าง! แต่ห้ามว่าฉันลามกนะย๊ะ!!! มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ยอมไม่ได้จริงๆ o>*<o
ฟึ่บ!
ทวิตซ์โผล่มาดักหน้าเมื่อไหร่ไม่รู้ โยนหมอนใบใหญ่ใส่ตัวฉัน แล้วใช้มือดันผลักร่างบางผ่านหมอนนุ่ม
ฉันล้มลงนอนหงายแผ่หลา ในขณะที่ทวิตซ์ใช้แขนกดผ่านหมอนไว้ไม่ให้ลุกหนีไปไหน ก่อนเอี่ยวโน้มใบหน้าสวยเข้าใกล้ จนหยดน้ำบนหน้าเขาหยด
เปียกปอนระแก้ม
“ไหนเธอว่าไม่อยากให้ฉันแตะตัวไง…แล้วทำไมถึงมองกันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ?”
ฉันถูกรุกแรงจนต้องเบือนหน้าหนี ไม่อาจฝืนสบสายตาที่เร่าร้อน พอๆ กับลมหายใจหอมหวานของเขาได้
แม้ตอนนี้ยังไม่มีส่วนใดในร่างกายสัมผัสกัน นอกจากลมหายใจ แต่เพียงแค่หยดน้ำร้อนฉ่าจากร่างกายเขา ที่ไหลย้อยลงมาก็ทำให้ฉันรู้สึกรุ่มร้อนได้
“ยูแช…”
เป็นอีกครั้งที่น้ำเสียงเว้าวอน เร้าเชิญชวนให้สายตาจ้องมอง
“ถึงฉันจะสัมผัสเธอไม่ได้…แต่ถ้าเธอต้องการ”
สายลมร้อนจากริมฝีปากสีกุหลาบชะโลมเลียใบหู ก่อนกลั่นกรองคำหวานยั่วยวนเชื้อเชิญให้เข้าหา
“…เธอสัมผัสฉันได้นะ”
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
ร่างกายของฉันเริ่มเปียกชุ่มตามเขาจนไม่รู้แล้วว่า เป็นเพราะเหงื่อหรือหยดน้ำกันแน่
ลมหายใจอุ่นจากสันจมูกโด่งคมไล่เร้าตามซอกคอ ดอมดมกลิ่นกายอย่างโหยหา พลางกระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงสั่นกระเส่า
“…อะไรก็ได้ที่เธอต้องการ ฉัน…จะไม่ตอบโต้”
ดวงตาสีฟ้าสั่นระริกเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ทั้งเว้าวอน เฝ้ารอและโหยหา
เพียงแต่สิ่งที่นัยย์ตาคู่นั้น กำลังร้องขอไม่ใช่แค่ร่างกาย สัมผัส หรืออะไรที่ตื้นเขินแบบนั้น
“…ขอแค่เธอ…ยังอยู่กับฉัน”
นายชนะ…
มือของฉันแตะสัมผัสใบหน้าเขา แบ่งปันความอบอุ่นส่งถึงกันโดยไม่ต้องพึ่งหยดน้ำ
คำพูดที่เคยถูกฝังกลบเอาไว้ลึกสุดก้นบึ้งหัวใจกลั่นออกมา เติมเต็มความปรารถนาของชายหนุ่มผู้รอคอยเก่งกว่าใคร
“…ฉันรักนาย”
“…”
ครั้งนี้หยดน้ำที่ตกกระทบลงบนแก้ม ช่างอบอุ่นและมีรสเค็มขม
เอ๊ะ?!? ทำไมนายถึงร้องไห้ล่ะย๊ะ!!! O[]O
“ยูแช…ฉันมีความสุขจัง”
ทวิตซ์ผลิยิ้มสวยเหมือนดอกไม้ ดวงตาสีฟ้าใสเคลือบหยดน้ำเปล่งประกายแวววาวดูล้ำค่ากว่าอัญมณีใดๆ บนโลก
สัมผัสชุ่มฉ่ำหวานละไมจากริมฝีปากของเขาบดบรรจง ปอดป้อนให้ฉันได้ลิ้มลองอย่างนุ่มนวล เป็นอีกครั้งที่ฉันปล่อยให้สัญชาตญาณทำตามหัวใจ
เหมือนฟองน้ำที่ซึบซับความอ่อนนุ่มเร่าร้อนของเขาไว้
พั่บ
ในขณะที่เรื่องราวกำลังดำเนินไปอย่างหวานหยด จู่ๆ ฉันก็สัมผัสได้ถึงผ้าขนหนูผืนจิ๋วที่ร่วงหล่นใส่ขา
“กรี๊ดดดดด!!!!! O[]o”
…
ค่ำคืนเร่าร้อนจบลงเพียงแค่จูบ ทวิตซ์ถูกไล่ลงไปนอนที่พื้นทั้งคืน ส่วนฉันก็สติกระเจิดกระเจิงหนีเปิดเปิงนอนไม่หลับ
แต่ภายใต้จิตใจว้าวุ่นหมกมุ่นจนเกินงามนั้น ยังเต็มปริ่มไปด้วยความสุข ที่ได้ทำตามเสียงหัวใจเรียกร้อง
ฉันเชื่อในความรู้สึก แม้จะยังไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้คือ ‘รัก’ รึเปล่า?
แต่ก็อยากลองเชื่อสายตาของเขาดูซักครั้ง…
และหวังว่าในซักวัน ความรู้สึกนี้ของเราจะกลายเป็นความรักจริงๆ
…
ว่าแต่…แล้วเสียงผู้หญิงปลายสายคนนั้นล่ะ!? O_O
ฟึ่บ!
ฉันเด้งตัวลุกนั่งอย่างไว ไม่นงไม่นอนมันแล้ว!
“ทวิตซ์!”
“หื๋อ…?”
เสียงทวิตซ์ขานรับงัวเงีย
“เมื่อวานนายอยู่กับใคร?”
น้ำเสียงเย็นเฉียบของฉัน ทำเขานิ่งคิดพักนึง
“อ้อ ฉันไม่ได้บอกหรอว่าจะกลับบ้าน”
“ห๊า!?”
ฉันร้องเสียงหลงเพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อน
เจ้าชายดอกไม้หลุดจากอาการสะลึมสะลือ หัวเราะคิกคักกับปฏิกริยาโต้ตอบสุดเหวอของฉัน กระตือรือร้นอยากเล่าต่อ
“เอเดลน่ะสิ ไม่รู้ติดหวัดมาจากไหน นอนซมอยู่บ้านคนเดียว ฉันเลยถือโอกาสกลับไปจัดการเอกสาร แล้วแวะเยี่ยมไข้ด้วยเลย แต่พอไปถึง ก็โดนยัย
นั่นแกล้งให้พาขี่หลังวิ่งรอบบ้าน…โคตร-หนัก-เลย”
ฉันสัมผัสได้ถึงความทุกข์ทรมาณผ่านน้ำเสียงของเขา แต่อดขำไม่ได้จริงๆ
อ่าว เดี๋ยวนะ? แล้วที่ฉันร้องไห้มาตลอดทั้งตอนคืออะไร??
เอาน้ำตาของฉันคืนมาน๊าาา!!! T^T
(จบตอน)
เดซี่; หัวใจบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ