The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
9.7
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
27 บท
1 วิจารณ์
2,922 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) -พีโอนี-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“แค่กๆ…”
ไม่ใช่เสียงไอฉันหรอก วันนี้ฉันอาการดีขึ้นมาก แทบหายดีเป็นปลิดทิ้ง เหลือแค่เมื่อยล้าตามตัวนิดหน่อย ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการใช้แรงงานเมื่อ
วาน
ส่วนเจ้าของเสียงไอน่าสงสารคือ เจ้าชายดอกไม้สิ้นท่า ที่บังอาจทำซ่ากับเชื้อโรค
ภาพหนุ่มหล่อร่างสูงสวมเสื้อกันหนาวสีฟ้าพาสเทลที่เขาเคยให้ฉันยืม ใส่แมสดำปิดปาก ไอค่อกแค่กยืนรอหน้าหอ น่าเอ็นดูไม่ไหว
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ฉันมัวแต่เหม่อมองเขาอยู่นาน ไม่ได้เข้าไปทักทาย ปล่อยให้เสียงหัวใจเต้นผิดปกติต่อไป เพราะจนปัญญาจะจัดการ กระทั่งสายตาสีน้ำค้างโรยราหัน
มาเห็น
“…มอนิ่ง”
ทวิตซ์เอ่ยทักทายด้วยเสียงแหบเสน่ห์
เพราะถูกอาการป่วยจู่โจม ทำให้เสียงเขาเข้มขึ้นกว่าทุกทีไม่ชินหู แต่แอบเซ็กซี่เบาๆ
อยากฟังอีกจัง…
มะ ไม่สิ! นี่ฉันกำลังคิดอกุศลอะไรกับคนป่วยอยู่เนี่ย?! >\\\<
“มอนิ่ง”
เห็นแก่ที่ติดไข้จากฉัน ฉันเลยกล่าวทักทายกลับเป็นกรณีพิเศษ
ดวงตาสีฟ้าพราวใสเหม่อลอยจ้องตรงมา
“…”
พอมีแมสปิดแบบนี้…ดูไม่ออกเลยว่ายิ้มรึเปล่า?
“ไม่เท่เลยเนอะ”
ทวิตซ์เอียงคอถามด้วยท่าทีขี้เล่น แต่สายตาดูเศร้าสร้อยชอบกล
อะไรของนาย? วิธีขิงแบบใหม่หรอ? =-= ถ้านี่เรียกไม่เท่ ฉันก็ไม่รู้จะนิยามภาพตรงหน้ายังไงแล้ว
เขายังคงหล่อพุ่งทะลุแมส เสื้อกันหนาวสีฟ้าอ่อนสดใสไม่อาจอำพรางหุ่นฟิตเปรี๊ยะสูงชะลูดและบุคลิกสง่างามดุจเจ้าชายได้ แม้แต่เส้นผมสีเงินเซอร์
ไม่เป็นทรง ใบหน้าแดงก่ำเพราะพิษไข้และขอบตาดำคล้ำนิดๆ ที่ทำให้เขาไม่สมบูรณ์แบบ ยังแผดแผ่เสน่ห์เหลือล้น
เอาจริงๆ เหมือนพวกดาราปลอมตัวหนีเที่ยวมากกว่าคนป่วยด้วยซ้ำ มองมุมไหนก็โซฮอตเอาอะไรมาไม่เท่?
พอเห็นฉันไม่ตอบกลับ ทวิตซ์จึงชิงจบบทสนทนาลงดื้อๆ ด้วยความเงียบ แล้วเดินล่วงหน้าไปก่อน
ฉันเหม่อมองแผ่นหลังกว้างในขณะที่สองเท้าออกก้าวตาม…เหมือนตานี่จะแอบนอยนิดๆ
อ่า หรือเพราะป่วยอยู่สินะ เลยสกินชิพแบบทุกทีไม่ได้
พอฉันเร่งฝีเท้าเข้าใกล้เขาก็รักษาระยะห่างทันที เหมือนมีเรดาห์ตรวจจับสัญญาณ
แปลกคน ทีตอนฉันป่วยล่ะเข้ามากอดน่าดูเชียว = =* แต่พอเป็นตัวเองบ้าง ดันเข้มงวดไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ซะงั้น
แปะ!
ฉันอดหมันไส้ไม่ได้ เลยแกล้งเอามือแตะหลังเขาไปทีนึง
“เฮือก!”
ทวิตซ์สะดุ้งโหยง หันมองฉันเคืองๆ ไม่พูดอะไร เดาว่าคงเจ็บคอ
ปีศาจหื่นกระหายถูกคุมกำเนิดโดยสมบูรณ์ นี่มันวันแห่งชัยชนะของฉันชัดๆ!
แต่ฉันไม่ได้ภูมิใจนักหรอกนะ ที่เอาชนะนายได้แค่ตอนป่วย -o-
และพอนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่ทวิตซ์ช่วยดูแลไม่ห่าง เข้ามาวัดไข้ถามไถ่อาการถี่ยิบ ปกป้องทะนุถนอมเหมือนไข่ในหิน
…ก็แกล้งเขาไม่ลงซะแล้ว
.
(ณ ห้องสภานักเรียน)
ความไม่สมบูรณ์แบบคือสัจธรรมของโลก เห็นได้ชัดจากสถานการณ์ของพ่อหนุ่มเพอร์เฟ็กชั่นนิส ผู้มีอีกฉายาว่า ‘เพอร์เฟ็กบอย’ เพราะทุกการ
เคลื่อนไหวของเขาช่างงดงามไร้ที่ติ ละเมียดละไมราวกับซ้อมจัดเรียงในหัวเป็นร้อยครั้ง
กระทั่งวันนี้ วันที่เขาป่วย…โลกทั้งใบต้องโจษจัน
“เฮ้อ…”
เป็นอีกครั้งที่เสียงแหบพล่านถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
ทุกคนต้องไม่เชื่อแน่ว่า ตอนนี้อีตาทวิตซ์กำลังทะเลาะกับแก้วน้ำ =-=
ตั้งแต่มาถึงหมอนี่ก็ทำอยู่สองอย่างคือ ดื่มน้ำกับลุกไปชิ้งฉ่อง แต่ไม่ยอมกินยาซักเม็ด เขาคงคิดว่าน้ำร้อนๆ จะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ แต่ดูจากผลลัพธ์
ตอนนี้ ฉันกล้าสรุปโดยไม่ต้องพึ่งใบรับรองแพทย์เลยว่า ‘อาการหนักกว่าเดิม’
เจ้าชายดอกไม้โง่เขลาเพ่งมองแก้วตรงหน้าคิ้วผูกโบ ก่อนเอื้อมมือไปคว้า แต่ดันชวดอีกแล้ว
…คงมึนหัวหนักจนตาลายสินะ ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ตอนนี้นายเห็นแก้วกี่ใบกันแน่ - -^
ไอ้แว่นกับปลาดาวยังไม่กลับจากซ้อมยิวยิตสู ทั้งห้องจึงเหลือแค่ฉันอยู่ดูสถานการณ์สุดแปลกประหลาด
ไงล่ะ คนที่ดุว่าฉันไม่ดูแลตัวเองเมื่อวาน สภาพพพ~ =O=
“อะ นี่”
ฉันหยิบแก้วส่งให้เขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำตั้งนานแล้ว
“ขอบ…ใจ ^^”
ดูตานี่สิ เสียงแหบแห้งแทบไม่เหลือ แต่ยังยิ้มหน้าบานให้ฉันอีก
เป็นถึงขั้นนี้ ยังไม่ยอมปริปากให้ช่วยซักคำ
เมื่อฉันจ้องมองชายตรงหน้าไร้เรี่ยวแรง ขยับตัวเชื่องช้าเนิบนาบ หอบหายใจถี่ กระแอมไอและหาวบ่อยกว่าปกติ จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่อง ‘แมวจะหนีไปซ่อน
ตอนใกล้ตาย’
ตอนที่ฉันอ่อนแอ เขามักชอบทำตัวเป็นฮีโร่เข้ามากางปีกปกป้องตลอด
แล้วตอนนายอ่อนแอล่ะ? ทำไมถึงไม่ยอมให้ฉันเข้าไปบ้าง…
นายต่างหากที่ไม่ดูแลตัวเองเอาซะเลย!
แคว่ก
ฉันหยิบแผงยาแก้ไข้ที่พกติดกระเป๋ามาด้วย ฉีกซองออก ก่อนโน้มตัวเข้าไปใกล้จนร่างสูงตกใจแทบสำลักน้ำ แล้วใช้นิ้วบังคับป้อนยัดยาเข้าปากคนดื้อ
ด้าน เปล่งคำสั่งเสียงเรียบ
“กินเข้าไป”
ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสโดนริมฝีปากร้อนฉ่า เหมือนกระแสไฟฟ้าจุดติดสะเทือนถึงขั้วหัวใจ ร่างกายตอบสนองเฉียบพลันชักมือออกฉับไว
ตึกตักๆๆๆ!
หัวใจเต้นเร็วเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาหมาดๆ ทั้งใบหน้าร้อนผ่าว เริ่มรู้สึกไม่สบาย -///-
อะ ไอ้เชื้อโรคบ้านี่จะทำงานเร็วไปไหน?
อึก
แต่เมื่อได้ยินเสียงคนตรงหน้ายอมกลืนยาขมลงคอ ทั้งใจฉันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า คุ้มค่าแล้วที่ยอมฝ่าเข้าเขตแดนอันตราย
ทวิตซ์ใช้นิ้วเรียวแตะสัมผัสปากตัวเองเบาๆ เหมือนยังไม่แน่ใจว่าเพิ่งโดนอะไรไป ก่อนลิ้มเลียรสสัมผัสตกค้างจากริมฝีปากบางสวย เชยสายตาสีฟ้า
แพรวพราวจ้องมองฉันราวกับอยากกลืนกินทั้งตัว พาให้เสียววูบวาบ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ฉันเพิ่งทำลายกำแพง Social distancing แต่แทนที่เขาจะโกรธ ดูเหมือนจะตบะแตกมากกว่า
ถะ ถ้านายเป็นห่วงฉันจริงอย่างปากว่า อย่ากระโจนเข้ามาเชียวนะย๊ะ!!! >\\\<
…
ขอบคุณไข้หวัดร้ายที่ช่วยกำราบปีศาจที่ร้ายยิ่งกว่า
ทวิตซ์ไม่ได้เข้ามารุกใส่ฉันเลย แถมพูดน้อยลงมากจนแทบลืมเสียงเค้าไปแล้ว แม้อาการจะไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ จนฉันต้องคอยหยิบนู่นหยิบนี่ให้ตลอด
ตอนนี้เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ทุกคนแยกย้ายกลับหมดแล้ว เหลือแค่ทวิตซ์ที่หลับไปตั้งแต่ช่วงบ่าย ไม่มีใครกล้าปลุก
ปลาดาวอยากกลับไปเล่นเกมที่ดองไว้นาน ส่วนไอ้แว่นก็ทิ้งเขาไปส่งเธอ ฉันกลัวหมอนี่ไข้ขึ้นตายกลายเป็นผีเฝ้าตึก เลยอาสาอยู่ดูเค้าเอง
แสงสีส้มทอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่โลมไล้ร่างสูงที่จมดิ่งสู่ห้วงนิทรา แต่งเต้มผิวเนียนซีดเซียวให้พอมีสีสัน แม้ดูอิดโรยแต่เส้นผมสีเงินยังคงส่อง
ประกายระยิบระยับเช่นเดียวกับแพขนตาหนา สันจมูกโด่งสวยได้รูปเสริมใบหน้าคมสวย ริมฝีปากสีกุหลาบปล่อยเสียงกรนเบาๆ ออกมาเพราะความ
เหนื่อยล้า
ภาพตรงหน้าสะกดเวลาให้เดินช้าลง แต่กลับทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ดังฝีเท้าต้องมนต์ รู้ตัวอีกทีฉันก็เผลอทำลายกำแพงระยะห่างที่เขาสร้างขึ้นอีกจนได้
ฉันทิ้งตัวนั่งลงข้างโซฟา หลังมือแตะใบหน้าสวยเพื่อตรวจวัดอุณภูมิ
ร่างกายร้อนแผดเหมือนเปลวไฟ ดึงดูดให้อยากบินเข้าหาเหมือนแมงเม่า
เราอยู่ใกล้กันจนฉันได้กลิ่นสวนดอกไม้อ่อนโยนที่โหยหามาตลอดทั้งวัน
…ดูท่าฉันคงเสพติดกลิ่นเขาแล้วจริงๆ
เมื่อเห็นว่าทวิตซ์ไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมา ด้านเอาแต่ใจเลยสั่งให้ฉวยโอกาสแอบจับมือเขา
เขาเกิดในตระกูลร่ำรวยล้นฟ้า แต่มือใหญ่กลับหนาสากกว่าของฉัน ไม่ได้นุ่มนิ่มบอบบางเลยซักนิด
บ่งบอกว่าเขาเองก็เป็นคนนึงที่พยายามใช้ชีวิตเหมือนกัน
ฉันบีบกดฝ่ามือเขาเล่นเบาๆ คลายคิดถึง
จะว่าไปฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทวิตซ์เลยซักอย่าง แม้รู้จักกันมาเกือบ 2 เดือนแล้ว
รูมเมทเขาเป็นใคร? มีเพื่อนสนิทบ้างมั้ย? สาวๆ ในสต็อกเยอะรึเปล่า?
…ครอบครัวนายใจดีเหมือนนายมั้ย?
ทำได้เพียงเก็บคำถามเหล่านั้นไว้ในใจ เพราะถึงมีโอกาส แต่ฉันคงไม่กล้าพอไปยุ่งกับของส่วนตัวอย่างมือถือเขา
ถ้าเรียกให้ใครมารับกลับไม่ได้…คงต้องตัดใจปลุกแล้วล่ะ
“นี่”
ฉันเปล่งเสียงเรียก แต่หมอนั่นก็ยังไม่ตื่น
“…ทวิตซ์”
คราวนี้เลยลองเรียกชื่อเขาแล้วสะกิดเบาๆ
ตึกตัก ตึกตัก
บ้าจริง >\\\< ทำไมต้องเขินกะอีแค่เรียกชื่อด้วยเนี่ย!
“ทวิตซ์!”
ครั้งนี้ฉันกลั้นใจแผดเสียงเรียกดังลั่นให้มันจบๆ แทบเขย่าเขาตกโซฟา
หมับ!
“ว๊าย!”
ฉันอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ ถูกดึงเข้าไปกอดไว้แน่น จนหูทาบสนิทชิดอ้อมอกอุ่นๆ
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
ไม่ใช่เสียงหัวใจเขาที่นิ่งสงบเต้นตามจังหวะปกติ แต่เป็นเสียงหัวใจน่าไม่อายของฉันเอง
“งืม…”
เสียงงึมงำในลำคอบ่งบอกว่าเขายังนอนละเมอไม่ตื่น
โธ่!…แล้วฉันต้องติดอยู่ในสภาพนี้อีกนานแค่ไหนกัน?! >\\\<
ไม่ได้กลัวติดหวัดหรอกนะ สิ่งเดียวที่กลัวตอนนี้คือเขาจะตื่นขึ้นมา แล้วมองหน้ากันไม่ติดมากกว่า!
“…เอเดล”
ห๊ะ…?
“…เอเดล”
ฉันว่าฟังไม่ผิดแล้วล่ะ! หมอนี่มันละเมอชื่อผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ -*-
“…เอ- โอ๊ยๆๆ!”
ไม่รอให้พูดซ้ำอีกรอบ ฉันบิดหยิกเอวตานั่นสุดแรง ปลุกร่างสูงตื่นจากฝันพร้อมความเจ็บปวด ส่งผลให้แขนแกร่งคลายแรงจนดิ้นหลุดจากอ้อมอกเขา
ได้
“…ยูแช? ToT”
ทวิตซ์ลืมตาตื่นมองน้ำตาคลอเบ้า ราวกับจะถามว่า ‘ทำร้ายฉันทำไม?’
แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับไป นอกจากท่าทีบึ้งตึง มองเขาตาเขียวปั้ด! - -***
“เห๊อะ! ผู้ชาย!”
คนอุตส่าห์เป็นห่วง กลับเรียกชื่อผู้หญิงคนอื่นซะหวานจ๋อย!
นอกจากเอเดลแล้วนายยังมีใครในสต็อกอีกล่ะห๊ะ?!
เจนนี่ เจนนิเฟอร์ ซาร่า อลิซาเบธ จะใครฉันก็ไม่สนใจแล้ว!!!
เชิญนอนตายเป็นผีเฝ้าตึกไปเถอะย่ะ! ฉันจะกลับ!
“แค่กๆ ยูแช~”
ฉันสะบัดตูดหนี ไม่สนใจเสียงเรียกน่าสงสารของเจ้าชายดอกไม้เสเพล
ใช่สิ เขามันหล่อเพอร์เฟ็ก แถมเทคแคร์เอาใจเก่ง ถ้าไม่เคยคบใครเลยสิแปลก
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดด้วย…!
.
-วันต่อมา-
(ณ โรงฝึกชมรมยิวยิตสู)
เช้านี้ฉันเกาะปลาดาวกะไอ้แว่นมาฝึกยิวยิตสูด้วย ปลาดาวดีใจมาก ร้อนวิชาอยากสอนฉันเต็มที่ ส่วนไอ้แว่นน่ะหรอ? เหอะๆ ทำหน้ามุ่ยเหมือนปวดขี้
บ่นอุบอิบตลอดทาง
อันที่จริงเหตุผลที่ฉันมาด้วย ไม่ใช่เพราะสนใจยิวยิตสูหรืออยากเป็นก้างขวางคอใครหรอกนะ แค่ไม่อยากเจอหน้าอีตาทวิตซ์ - -*
เมื่อคืนเขาไม่ได้โทรมาด้วย ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงบ้าง…
แต่ใครสนล่ะ ยังไงซะ ก็มีผู้หญิงมากมายรอดูแลนายอยู่แล้วหนิ!
ฮึ่ย…พอคิดเรื่องตานั่นทีไรหัวเสียทุกที -*-
“อย่างนั้นแหละ ปล่อยลูกเตะได้หนักแน่นมากจ้ะ ^o^”
ปลาดาวส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ
โว้…ท่าสวยหรอเนี่ย? แค่นึกถึงหน้าอีตาทวิตซ์เองนะ
แปะๆ
ไอ้แว่นไร้แว่นในชุดคลุมสีดำคล้ายชุดคาราเต้ ปรบมือเรียกให้ฉันและปลาดาวสนใจ
พออยู่ในมาดนักกีฬา ตานั่นดูจริงจังกลายเป็นคนละคนเชียว
“ต่อไปจับคู่ซ้อมนะ ฉันกับปลาดาวจะทำให้ดูก่อน เธอไปนั่งรอตรงโน้นไป”
แคคตัสว่าแล้วชี้ไล่ฉันไปนั่งรอแถวขอบสนาม
ทั้งสองประจำตำแหน่งเตรียมตั้งท่า
ตื่นเต้นจัง~ เป็นการชมศิลปะต่อสู้แบบใกล้ชิดติดขอบสนามครั้งแรกของฉันเลย
ตึง!
ปลาดาวล้มลงไปกองกับพื้นเพียงเสี้ยววิ
เกิดอะไรขึ้น? ฉันดูไม่ทันด้วยซ้ำ =[]=
ตึง!
ยกสอง ปลาดาวจับแคคตัสทุ่มพื้น แต่ยังเร็วมากจนจับทริคอะไรไม่ได้
โห…นี่ฉันนั่งดูพวกยอดมนุษย์สู้กันอยู่รึไง?
“ตาเธอแล้วถังน้ำแข็ง”
แคคตัสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง กวักมือเรียก
เอิ่ม…แล้วฉันต้องทำยังไงบ้างนะ? เริ่มจำที่สอนไม่ได้แล้วสิ - -;
“ตั้งท่า!”
แคคตัสตะเบ็งเสียงใส่ เมื่อเห็นฉันดูงงๆ
“มองคู่ต่อสู้”
กริ๊งงง
ตุบ!
ไม่รู้ว่าเป็นเสียงสวรรค์หรือนรกที่ดังขัดขึ้นมากันแน่
พอฉันหันไปสนใจเสียงริงโทนในกระเป๋า รู้ตัวอีกทีก็โดนจับทุ่มลงพื้นแล้ว โชคดีที่มีเบาะรองซ้อมนุ่มๆ รอรับเลยไม่เจ็บเท่าไหร่ แค่รู้สึกมึนหัวนิดหน่อย
แคคตัสยื่นมือช่วยพยุง ไม่วายหันมาดุใส่
“คราวหน้าปิดเสียงด้วยล่ะ - -*”
ฉันพยักหน้าตอบก่อนเดินไปหยิบมือถือ ปล่อยให้เแคคตัสและปลาดาวซ้อมดุเดือดกันต่อ
กริ๊งง กริ๊งง
เสียงดังน่ารำคาญ สมควรละที่โดนตานั่นดุ
อ๊ะ อีตาทวิตซ์โทรมานี่นา = =; เอาไงดีเนี่ย?
กริ๊งง กริ๊ง กริ๊ง
ติ๊ด!
เปิดโหมดเครื่องบินไปก่อนละกัน
…
พอได้ดูทั้งคู่ซ้อมและโดนสอยร่วงหลายรอบ ฉันก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าต้องสู้ยังไง แต่ยังโต้กลับไม่ได้อยู่ดี ไม่ยักกะรู้ว่ายิวยิตสูเป็นกีฬาที่ไว
ขนาดนี้ = =;;
“ตั้งใจล่ะ ฉันไม่ออมมือให้หรอกนะ”
แคคตัสพูดเตือนสติให้โฟกัส
ฉันเพ่งสมาธิมองการเคลื่อนไหวของเขาตาไม่กระพริบ
คราวนี้แหละ! ต้องจับไอ้แว่นจอมโอหังทุ่มลงพื้นให้ได้!
“ยูแช!”
ตึง!
จบเห่…
ฉันลงไปนอนเอ้งแม้งกับพื้นอีกตามเคย เพราะเสียงตะโกนเรียกชื่อของคนที่ไม่อยากเจอหน้า - -*
จะใครซะอีกล่ะ ทั้งโรงเรียนมีคนเรียกชื่อฉันแบบนี้อยู่คนเดียว
“ทวิตซ์? มาซ้อมหรอ? ^o^”
ไอ้แว่นเห็นเพื่อนแล้วดีใจดี๊ด๊าเป็นปลากระดี่ได้น้ำ วิ่งไปต้อนรับขับสู้ ทิ้งฉันนอนอาดลาดไม่มาช่วยพยุง
ฉันที่เพิ่งหัวกระแทกพื้นน็อคค้าง เห็นภาพตรงหน้าไม่ชัดเท่าไหร่ แต่พอเดาสถานการณ์ได้จากบทสนทนา
“เปล่า ฉันมีเรื่องต้องคุยกับยัยนั่น”
น้ำเสียงทวิตซ์เย็นเยียบอำมหิต เหมือน ‘ตอนนั้น’ ไม่มีผิด
…คิดในแง่ดี เขาอาจยังไม่หายป่วย เสียงเลยเป็นแบบนั้น
“รอก่อนละกัน ถ้าเข้ามาแล้วห้ามออกจนกว่าจะซ้อมเสร็จ มันเป็นกฎ”
เสียงแคคตัสดูจริงจังขึ้น
“เอาสิ ฉันซ้อมด้วย”
ช่างเป็นน้ำเสียงที่โมโนโทนราบเรียบเหลือเกิน
ฉันคงไม่ได้คิดไปเองแล้วล่ะ สัมผัสถึงลางร้ายมาแต่ไกล =-=;
“ลุกไหวมั้ยจ้ะยู?”
ปลาดาวแสนดียื่นมือช่วยพยุง
สายตาของฉันเริ่มกลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่เห็นเจ้าชายดอกไม้แล้ว
“ขอโทษแทนเคด้วยนะ เขาคงตกใจเสียงทวิตซ์เลยลืมเซฟ ^^;”
ปลาดาวยิ้มเหยเกพยายามแก้ตัวให้ไอ้แว่น
“ไม่เป็นไร”
ฉันตอบกลับเสียงเรียบ
ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ซะหน่อย ปกติหมอนั่นก็ไม่แคร์ฉันอยู่ละ ฉันประมาทเองด้วยเลยหัวโขกเข้ากะพื้นเต็มๆ
“งั้นเราไปนั่งดูข้างสนามกันเถอะ! ของจริงจะเริ่มแล้ว ><”
ปลาดาวดูตื่นเต้นสุดๆ จูงมือฉันไปนั่งจ๋องข้างสนามด้วยกัน
ไม่นานนักทวิตซ์ก็เดินกลับเข้ามา เขาสวมชุดยิวยิตสูสีดำสายคาดเอวม่วง โบกมือยิ้มให้ฉัน
…ซึ่งเป็นรอยยิ้มสุดสยองที่ทำเอาขนลุกซู่จนต้องเบือนหน้าหนี
จะว่าไปฉันทิ้งหมอนั่นยืนรอโดยไม่บอกตั้งนาน แถมยังตัดสายเขาอีก
‘เธอต้องรับสายฉัน ห้ามหนี ห้ามหลบหน้า ห้ามเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่น เด็ด-ขาด! ไม่งั้นฉันจะจูบเธอให้ขาดใจตายไปเลย’
จู่ๆ ประโยคสุดหลอนที่เจ้าชายดอกไม้เคยลั่นวาจาไว้ก็ลอยเข้าหัวฉัน…
อิบอ๋ายแล้วไง! หนีตอนนี้ทันมั้ยเนี่ย!? แต่ถ้าก้าวขาออกไปทั้งที่ยังไม่หมดเวลาซ้อม มีหวังโดนไอ้แว่นจับทุ่มคอหักแน่! ฮืออ จะทางไหนก็มีแต่ตายกับ
ตาย! TOT
ชึบ!
แคคตัสเตรียมพร้อม ดึงสายคาดเอวสีน้ำตาลรัดแน่น จ้องมองคู่ต่อสู่ไม่วางตา
ทั้งสองตั้งท่าหยั่งเชิง เคลื่อนที่ซอยเท้าเป็นสเต็ปหาจังหวะบุกจู่โจม
ทวิตซ์เตะตัดขา แต่แคคตัสหลบทันและสวนกลับด้วยการทุ่มลงพื้น
ตึง!
“…จบแล้วหรอ?”
ฉันเอ่ยถามอัตโนมัติ ในใจแอบห่วงว่าทวิตซ์จะเป็นยังไงบ้าง
“ยังจ้ะ จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้”
ปลาดาวสาธยายต่อให้เข้าใจ
“ยิวยิตสูเป็นศาสตร์ต่อสู้ป่าเถื่อน ไม่ว่าดึง บีบ จิก กระชาก หรือหักข้อกระดูกก็ทำได้หมด แค่ตอนซ้อมเคอนุโลมให้จบที่ลงไปกองกับพื้น เพราะเห็นว่า
เป็นผู้หญิง”
“ห๊ะ!?”
เป็นอีกครั้งที่ฉันหลุดอุทานเสียงหลง
อันตรายขนาดนั้น ไม่แปลกใจละ ว่าทำไมทั้งชมรมเหลือไอ้แว่นคนเดียว =[]=;
“แต่ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ^o^ ขอแค่อีกฝ่ายยอมแพ้ก็พอ”
สังหรณ์ใจว่าจะไม่ยอมกันง่ายๆ น่ะสิ….เพราะตอนนี้ทั้งคู่ทำหน้าโคตรเดือดเหมือนอยากฆ่ากันให้ตายจริงๆ
ตึง!
ทวิตซ์ที่ถูกจับกดติดพื้นพลิกตัวกลับมาคร่อมได้สำเร็จ ดูเหมือนว่าด้านพละกำลังเขาจะเหนือกว่า แต่แพ้ทางเทคนิคและความไวของแคคตัส
กร๊อบ
มะ เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินเสียงกระดูกหักด้วย! TOT เราหนีกันเถอะปลาดาว!~
“*O*”
“…”
ในขณะที่ฉันกำลังสั่นกลัว ปลาดาวกลับมองด้วยสายตาเป็นประกายราวกับภาพตรงหน้ามันเท่ระเบิด =_=;
ทั้งคู่ยังกอดปล้ำนัวเนีย หอบหายใจถี่หนักแข่งกัน ถึงแคคตัสจะโดนกด แต่เขาก็หักกระดูกอีกฝ่ายไปหลายกร๊อบ จนความเจ็บปวดเริ่มแสดงออกทาง
สีหน้า
กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ
พอเถอะ…แบบนี้คงได้เข้าโรงบาลจริงๆ แน่! แค่นายป่วยเมื่อวานฉันก็เป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว!
“…”
วูบนึงที่สายตาสีครามเผลอกวาดมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของฉัน สีหน้าดุดันก็ผ่อนปรนลง…
ร่างสูงถอนหายใจยาว ก่อนผละตัวออกและประกาศยกธงขาว
“ขอยอมแพ้”
แคคตัสยิ้มพึงพอใจเด้งตัวลุกจากพื้น ยื่นมือช่วยพยุงอีกฝ่ายแสดงน้ำใจนักกีฬา หัวเราะร่าเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ โคตรสนุกเลยว่ะ! ^[]^”
โคตรซาดิสม์เลยต่างหากย่ะ!
เอาล่ะ ตอนนี้ฉันเริ่มรู้ตัวละว่าในสภานักเรียนมีแต่พวกจิตไม่ปกติ =_=^
“ฉันไปได้รึยัง? ^^ ….พอดีมีเรื่องต้องสะสาง”
เจ้าชายดอกไม้ส่งยิ้มหวานให้ไอ้เถื่อนที่เพิ่งหักกระดูกเขาไปหมาดๆ ก่อนหันมองหน้าฉันด้วยสายตาแผ่ออร่าอันตราย
“ไปดิ หมดเวลาละ ไว้มาซ้อมกันอีกนะเว้ย!~”
แคคตัสพูดพลางตบหลังไอ้เพื่อนเกลอดังปั่กๆ
ถ้าฉันเป็นอีตาทวิตซ์นะ ป่านนี้นอนใส่เฝือกทั้งตัวอยู่โรงบาลแล้ว
“เอาล่ะ ยูแช~ เราไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ ^^+”
ยินดีต้อนรับสู่คราวเคราะห์ของฉัน เมื่อไอ้ปีศาจหัวเงินจอมเผด็จการรุดเข้ามาฉุดกระชากลากถูให้เดินตามเค้าไป
แล้วฉันเลือกอะไรได้มั้ย? ถ้าตะโกนแหกปากจะมีใครมาช่วยรึเปล่า?
คำตอบคือ ‘ไม่’
…คงได้แต่หวังว่าเจ้าชายดอกไม้งี่เง่า จะเมตตารับฟังเหตุผลของฉันบ้าง
แกร๊ก!
เดจาวู…ร่างสูงลากฉันเข้าห้อง จัดการปิดประตูลงกลอนไม่ให้ใครหน้าไหนเข้ามารบกวน
ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือกลับมาอีกครั้ง…
เขาจะรู้ตัวบ้างมั้ยนะ ว่าทำฉันเจ็บ
“เป็นอะไร?”
ทวิตซ์เอ่ยถามเสียงเรียบใบหน้าจริงจัง ร่างสูงกอดอกพิงประตูซึ่งเป็นทางหนีเดียว
เหมือนว่าครั้งนี้เขาจะยอมใจเย็นให้โอกาสฉันพูด ก่อนลงมือทำตามใจแบบทุกที
แต่ฉันกลับนิ่งเงียบและเบือนหนีสายตาเขา จนเจ้าตัวอดถอนหายใจไม่ได้
“ยูแช…ฉันทำอะไรผิดไปหรอ?”
เขาเชยคางฉันขึ้นให้เหงยมาสบตา ดวงตาสีฟ้าจ้องตรงลึกพยายามทำความเข้าใจ
ซึ่งฉันก็ปัดมือเขาออกแล้วหันหน้าหลบอีก
“…”
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงตอบสนองแบบนี้
ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงให้นายเข้าใจ เพราะจู่ๆ มันก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ โดยเฉพาะตอนที่นายพูดถึงหรือเรียกชื่อผู้หญิงคนอื่น
…บางทีมันคงผิดที่ฉันเองแหละ ที่รู้สึกเห็นแก่ตัวขึ้นมา ทั้งที่เราไม่ได้เป็นอะไรกัน
จู่ๆ ร่างฉันก็ถูกเขาดึงเข้าไปกอดไว้แน่น แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่กอดแบบฉาบฉวยเหมือนทุกที
เจ้าชายผู้เต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนโยนลูบหัวฉันเบาๆ กระซิบปลอบด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ไม่อาจผลักไสเขาออกไปได้
“ทำไมเธอไม่บอกฉัน…มันแย่มากเลยหรอ?”
ฉันสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจเต้นระรัวอีกครั้ง
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ไม่…มันไม่แย่เลยซักนิด
ดีเกินไปด้วยซ้ำที่นายมาทำแบบนี้กับฉัน ดีซะจนฉันเผลอคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษกว่าใครๆ
ฉันอยากให้นายมองแค่ฉัน ไม่อยากแบ่งความใจดีนั้นให้ใคร
…ไอ้ความรู้สึกน่าอาย เห็นแก่ได้แบบนี้ ฉันจะกล้าพูดออกมาได้ยังไง?
ตอนนี้ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองจริงๆ ที่ไม่สามารถจัดการอารมณ์ได้!
“เข้าใจล่ะ”
ทวิตซ์คลายกอดออกหลวมๆ
มือหนาประคองหน้าฉัน จ้องมองด้วยดวงตาสีขุ่นมัว เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ไร้ความเห็นใจ ก่อนเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก
“ในเมื่อเธอเลือกทำลายสัญญาของเรา…ฉันก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องรออีกแล้ว”
สิ้นเสียงตัดพ้อ ริมฝีปากร้อนระอุเคลื่อนเข้ามาใกล้ทุกวินาทีราวกับระเบิดเวลา แทนที่จะใจเต้นแรงหวั่นไหวเหมือนทุกครั้ง แต่ฉันกลับรู้สึกเจ็บแปลบใน
อก เมื่อได้ยินเขาพูดว่า ‘จะไม่รอ’
จู่ๆ ก็รู้สึกใจหายขึ้นมา…
ฉันกลัว…กลัวว่าการจูบครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง และเราจะไม่มีวันย้อนกลับไปได้อีกแล้ว
“พะ เพราะนายนั่นแหละ!!!”
ฉันโพล่งออกมาเสียงดัง ทำเอาร่างสูงหยุดชะงัก
“เพราะนายละเมอชื่อผู้หญิงคนอื่น… ฉันเลย…”
ฉันพยายามอธิบายอย่างห่วยแตกตะกุกตะกักไม่สมกับเป็นตัวเอง แถมไอ้เสียงหัวใจบ้านี่ยังทำฉันหลุดโฟกัสอีก! >///<
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
“หึง?”
“ห๊ะ!?!”
“เธอหึงฉันหรอยูแช~ น่ารักจริงๆ เลย~ ^o^”
ทวิตซ์ทิ้งมาดเจ้าเล่ห์ทำทะเล้นแซวฉันสนุกสนาน
มือใหญ่บดขยี้หัวอย่างหมันเขี้ยว
“ปล่อยน๊ะ!!!”
ฉันแผดเสียงใส่ปัดมือเขาออก จ้องหน้าสวยตาเขม็ง แก้มแดงจัดทั้งเขินทั้งโกรธ
ดูท่าเขาจะชอบเห็นฉันแสดงอารมณ์เหลือเกิน ถึงได้หัวเราะไม่หยุดซักที -*-
“ว๊าย!!!”
ฉันร้องอุทานตกใจดังลั่น เมื่อถูกแขนแกร่งยกร่างขึ้นจนเท้าลอยเท้งเต่งเหนือพื้นดินเกือบเสียหลัก
ดีที่มือคว้าจับไหล่กว้างไว้ทัน
แรงโน้มถ่วงส่งผลให้ใบหน้าของฉันโน้มลง จนตอนนี้เราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
เป็นครั้งแรกที่ได้สบตาเขาในมุมนี้
ใบหน้าสวยที่ถูกสายตาของฉันทอดมองลงมาช่างดูมีความสุขเปี่ยมล้น ทำให้หัวใจเต้นแรงไม่หยุด และมันยิ่งเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมจนแทบทะลุออกจาก
อก เมื่อได้ยินคำพูดแสนหวาน
“ฉันมีแค่เธอคนเดียวนะ”
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
ทั้งน้ำเสียงทุ้มนุ่มหนักแน่น ดวงตาสีฟ้าใสแวววาวราวกระจกสะท้อนภาพฉัน และรอยยิ้มที่เห็นกี่ครั้งก็ยังคงงดงามตราตรึงใจ
ทุกอย่างประกอบกันขึ้นมาเป็น ‘ทวิตซ์’
…คนที่ฉันชอบเหลือเกิน
(จบตอน)
พีโอนี; ความปรารถนาดีและหัวใจที่ซื่อตรง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ