The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) -คาโนล่า-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“น่าหมันไส้เนอะ มีดีแค่หน้าตากับบ้านรวย”
“ประจบสอพลอ! ขี้ข้าอาจารย์มั่นหน้าเกิ๊นน!”
“…”
ยัยพวกนี้คิดว่าฉันหูหนวกรึไง?
ฉันบ้านรวย! สวยมาก! ประจบใครมั้ย…ก็นิดหน่อย แต่มาถึงจุดนี้ได้เพราะความสามารถล้วนๆ นะยะ ถ้าไม่ห่วงคะแนนพฤติกรรม ป่านนี้ตบหน้าแหก
เรียงตัว ยัยพวกไทยมุงปากตลาดเอ้ย - -***
“สุดยอดเลยแฮะ…โดนด่าขนาดนี้ ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า -0-”
‘แคคตัส’ หนุ่มแว่นสภานักเรียนกระซิบกระซาบกวนโอ้ย
แหงล่ะ แค่หมาเห่าไม่มีค่าอะไรกับชีวิตฉันหรอกย่ะ ด่าในใจยังเปลืองบรรทัด
นายด้วยไอ้แว่น! ฉันไม่อยากเสวนาด้วยหรอก
“…”
พอถูกเมินตานั่นก็จิ๊ปากหงุดหงิดใส่ เดินดุ่มๆ ล่วงหน้าไปก่อน
เฮ้อ…มีแต่พลังงานลบ ถ้าไม่ใช่คำสั่งด่วนของ ผอ. ฉันไม่ออกมาเดินล่อเป้าท่ามกลางฝูงชะนีแบบนี้แน่!
.
ก๊อก ก๊อก
ฉันเคาะประตู 2 ทีพอเป็นพิธี
“เข้ามาเลย!”
เมื่อเสียงสวยขานรับ ฉันจึงก้าวเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผยในฐานะ ‘ประธานนักเรียน’ มีตาแว่นลูกกระจ๊อกเดินหย๋องๆ ตามหลังเคอะเขิน
ไอ้หมอนี่…ยืนให้มันดีๆ หน่อยเซ่! แมงสาปไต่หลังรึไงยะ? บิดไปบิดมาอยู่ได้ -*-
สายตาซอกแซกกวาดมอง ห้องทำงานคร่ำครึของลุง ผอ. ดูสะอาดเรียบร้อยกว่าเคย แถมพรมกลิ่นน้ำหอมฉุนกึก
“ชื่อ ‘ยู’ สินะ…อื้ม หน้าตาดีกว่าที่คิด”
‘เชอรี่’ ผอ.ชั่วคราวหรืออาจจะถาวร (เพราะคนก่อนเพิ่งม่อง) เปล่งเสียงใสมาดมั่น จ้องสำรวจฉันอย่างสนอกสนใจ ซึ่งฉันเองก็เผลอทำแบบเดียวกัน
แหม่มสาวมั่นผมทองสูงสง่าแต่งหน้าจัด หุ่นสะบึมในชุดกึ่งทางการ สูทแดงเกาะอกดำ กระโปรงทรงเอสั้นเสมอหู
เพิ่งเคยเจอตัวเป็นๆ ครั้งแรก…รุ่นราวคราวเดียวกันแท้ๆ แต่เธอดูโตจัง
“…ขอบคุณค่ะ”
ฉันมัวแต่วิจารณ์จนเกือบลืมว่าโดนชม
“ว่าแต่…สภานักเรียนมีกันแค่นี้หรอ?”
เชอรี่ถามด้วยความสงสัย
“ค่ะ…”
ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว
เหลือสองหน่อนี่แหละค่ะ เพราะตึกสภานักเรียนเฮี้ยนมาก + มีคนเรทติ้งติดลบแบบฉันอยู่ และไอ้แว่นจอมขี้เซาที่ไม่รู้เข้ามาทำหอกอะไร
“เอาเถอะ นี่แผนงานปีนี้! ฉันตั้งใจจัดให้ปัง เพื่อระลึกถึง ผอ.คนก่อนด้วย แน่นอนว่าไฮไลท์คือ ‘ความโรแมนซ์’ ^0^”
“โร…อะไรนะคะ?”
เป็นศัพท์ทางวิชาการรึเปล่า…?
ฉันก้มทวนเอกสาร เพราะตามสิ่งที่เธอพูดไม่ทัน
[โรแมนติก สคูล]
ว๊อทททท?!? หัวกระดาษจ่าหน้าอะไรเนี่ย???
“เอ่อ…/ดูไม่ผิดหรอกจ้ะ นี่คือสิ่งที่ฉันอยากสานต่อจากผลงานเก่าๆ ของท่าน ผอ. โรงเรียนอื่นมันน่าเบื่อ ขายวิชาการ ศิลปะ กีฬา ภาษา…แต่ที่นี่เรา
ภูมิใจนำเสนอไลฟ์สไตล์หวานแหววแบบวัยรุ่น!”
ตาแว่นตั้งท่าปริปากพูดซัมติงแต่ถูก ผอ.สาวขัดก่อน
ส่วนฉันยืนงงเต็กพยายามคิดวิเคราะห์…
ให้ตายเถอะ ฉันไม่เก็ตแนวคิดนี้เลย!
แบบว่าในแผนงานมีแต่สีชมพู เปิดไปเจอ ม้านั่งสื่อรัก น้ำพุฟลามิงโก้ หอพักฉิมพลี
อี๋~ เสี่ยวสุด! แพลนม่านรูดชัดๆ >0< ทนดูไม่ไหวแล้ววว
แกร่บ แกร่บ
มือฉันสั่นระริกกำหมัดแน่น เผลอออกแรงบีบกระดาษแผนโครงการยับยู่ยี่ แต่แทนที่แม่เชอรี่สายเสี่ยวจะบ่นใส่ เธอกลับอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
“แผนการนี้จำเป็นต้องมีสาวสวยอย่างเธอ!”
“ผมไม่คบยัยถังน้ำแข็งนี่หรอกนะครับ! []^[]”
อีตาแว่นเบ้ปากดันแว่นขึ้นอย่างเก๊ก
เดี๋ยวๆ ถามฉันยัง? ฉันก็ไม่อยากคบกับนายโว้ย! ร้อนตัวจริง! -*-
“อีฟต้องคู่กับอดัมที่เป็นหนึ่งในเจ้าชายทุกปี เธอไม่ใช่เจ้าชายนี่นา แค่ช่วยจัดงานก็พอ”
เชอรี่พูดจบโบกมือไล่ตาแว่นออกจากห้อง
ท่ามกลางความงุนงง ขณะที่ฉันกำลังตีเนียนออกไปด้วยก็ถูกเสียงเฉียบหวานรั้งไว้
“เดี๋ยว”
“คะ?”
ริมฝีปากแดงสดคลายยิ้ม
ลางไม่ดีเลยแฮะ -^-;;
“ปีนี้ ‘อีฟ’ คือเธอนะ ช่วยเป็นแฟนกับอดัมทีสิ”
“อะไรนะ?! 0_0”
ฉันตกใจจนลืมใส่หางเสียง
ประโยคแรกว่าเซอร์ไพรส์แล้ว ประโยคหลังยิ่งช็อคกว่า!
“แต่อีฟต้องโหวตนะคะ หนูไม่เป็นที่นิยมหรอกค่ะ!”
ฉันพยายามพูดทัดทานตามความจริง
“อื้ม…แปลกจัง”
สาวมั่นตรงหน้าลากเสียงยาวใช้ปลายนิ้วชี้แตะคางเต๊ะท่าคิด ก่อนที่ริมฝีปากสวยจะกระตุกยิ้มอีกครั้ง
“ผลโหวตปีนี้ หวยออกที่เธอนะ ^^”
ฉันรู้สึกคอแห้งผาด
ไม่! มันต้องไม่ใช่ฉันเซ่!!! ><
“ย…ยกให้คนอื่นได้มั้ยคะ?!”
“ไม่ได้”
น้ำเสียงเธอช่างเย็นเยียบ
“หนูไม่อยากมีแฟนค่ะ!”
“แกล้งเป็นก็ได้ ยังไงอดัมก็หล่อมากกก”
ต่อให้เพิ่ม ก ไก่ ล้านตัวก็ไม่เอา -*- คิดว่าปัญหามันอยู่ที่หน้าตารึไง?
“ไม่-ค่ะ”
ฉันเน้นคำเสียงดังฟังชัด
นักเรียนก็มีสิทธิมนุษยชนนะ!
“…”
เชอรี่นิ่งเงียบไปก่อนกรีดยิ้มสวยสยอง
“ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันเชื่อว่าเธอต้องเปลี่ยนใจ”
.
-6 โมงเย็น-
(ณ ห้องสภานักเรียน)
เรื่องเมื่อตอนกลางวันยังกวนใจฉันอยู่
‘อีฟ’ เปรียบเสมือนตำแหน่งดาวโรงเรียน สวย ฉลาด มีความสามารถ
ทุกปีในวันคริสมาสต์ ‘อดัม’ กับ ‘อีฟ’ ต้องเต้นรำคู่กันและกล่าวคำสาบานรัก
ฉันมาทันดูงานแค่ 2 ครั้ง ซึ่งตำแหน่งอดัมไม่เคยเปลี่ยน คงเพราะทั้งคู่เรียนจบแล้ว ปีนี้เลยต้องหาคนรับไม้ต่อ
แต่ใครจะคิดล่ะว่าเป็นฉัน!
ฟ้ากลั่นแกล้งชัดๆ! ต้องโหวตเพราะเกลียดกันแน่! T-T
ฉันนั่งคิดวกวนอย่างหงุดหงิดพลางปั่นงานไม่หยุดมือ
‘อีฟต้องคู่กับอดัมที่เป็นหนึ่งในเจ้าชายทุกปี’
คำพูดของเชอรี่ลอยเข้าหัว…
ว่าแต่พวกเจ้าชายเหลือใครบ้างนะ?
-วาโย เจ้าชายสายลม = คนนี้ขาประจำตัดออก ควบตำแหน่งอดัมจนเรียนจบ
-ดิสไนท์ เจ้าชายราตรี = ข่าวฉาวเยอะ ไม่เหมาะเป็นไอค่อนโรงเรียน
-ซันไลท์ เจ้าชายแสงตะวัน = เพิ่งจบไปหมาดๆ
-แม็กม่า เจ้าชายโลกันต์ = หนักเลย เห็นหน้าเด็กยังร้อง ห่างไกลอิมเมจเจ้าชายสุดๆ ถ้าธีมงานคือ ‘เดดแมตซ์’ น่ะได้อยู่
คนสุดท้าย…
กึก!
มือฉันหยุดเขียนงานเองดื้อๆ
ไม่หรอกมั้ง เป็นแม็กม่าซะยังดีกว่า
เฮ้อ พอแล้ว เลิกฟุ้งซ่าน
อุตส่าห์ได้อยู่คนเดียวในที่สงบๆ ผ่อนคลายหน่อยดีกว่า
“อื้อออ~”
ฉันบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสาย ทอดมองนอกหน้าต่างบานใหญ่
ฟ้าสีส้มดูเหงาจัง…
ที่ฉันตัดสินใจมาเป็นสภานักเรียนในตึกผีสิง เพราะอยากหนีจากความวุ่นวาย ส่วนไอ้แว่นนั่นสมัครไว้แค่ในนาม ร้อยวันพันปีจะเจอหน ห้องนี้จึงกลาย
เป็น ‘เซฟโซน’ ของฉันไปโดยปริยาย
ฉันชอบที่นี่ แม้มีงานเอกสารกองพูนเป็นภูเขาหรือข่าวลือหลอนๆ
เพราะสำหรับอินโทรเวิร์ตอย่างฉัน…คนน่ากลัวกว่าผีเยอะ
“ฮ้าา~”
ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอดพยุงตัวลุกจากเก้าอี้
เอาล่ะ! เย็นมากแล้ว เก็บของกลับหอดีกว่า~
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เอ๊ะ ใครมาเคาะประตูเอาป่านนี้? ทุกคนน่าจะกลับหมดแล้วนี่นา
ไอ้แว่นลืมของหรอ? แต่ปกติมันไม่เคาะนะ
ลุงยามกับป้าแม่บ้านก็ไม่เคยมาที่นี่
…แล้วใครกัน?
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ใจฉันเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้
ผีหลอกไม่กลัว แต่ถ้าเกิดเป็นโจร สตอล์กเกอร์ หรือฆาตรกรโรคจิตล่ะ? ><
ที่นี่ยิ่งเปลี่ยวๆ อยู่ด้วย แหกปากดังแค่ไหน คงไม่มีใครได้ยินแน่
ทำไงดี~~ TToTT ไม่น่าเหม่อนานจนกลับช้ากว่าปกติเลย เพราะยัยป้าเชอรี่นั่นแท้ๆ!
ฉันก้มตัวหลบใต้โต๊ะ กำไม้บรรทัดฟุตเหล็กอาวุธเพียงหนึ่งเดียวไว้แน่น
แกร๊ก!
แอ๊ดด~
เสียงลูกบิดเปิดประตูและบานพับสนิมเขรอะดังชัดเหมือนหนังสยองขวัญ ตามด้วยเสียงฝีเท้าหนักแน่นย่างเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ตึก ตึก ตึก ตึก…
และตอนนี้มันหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของฉัน
พรึ่บ!
“กรี๊ดดดดดด!!!!!! §@¥#%%€$”
ภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนหลับตาปี๋ เหวี่ยงไม้บรรทัดสุดแรงเกิดคือหน้าคนเลือนลาง
“โอ้ย!”
“@#฿%&@#฿!”
ฉันกลัวจนสบถไม่เป็นภาษา ฟันอากาศมั่วซั่ว
“เดี๋ยวก่อนสิ! ฉันไม่ใช่ผีนะ!!!”
หมับ!
0_0
ตาโตเบิกโพล่งด้วยความตกใจ เมื่อข้อมือถูกคว้าไว้
“ผอ. ไม่เห็นบอกเลยว่าต้องมาเป็นแฟนกับคนบ้า”
คนตรงหน้าพูดอะไรไม่รู้ หูฉันดับไปเรียบร้อย แต่สิ่งแรกที่พุ่งชนสัมผัสทั้ง 5 คือ 'กลิ่น’
กลิ่นหอมติดจมูกของสวนดอกไม้ธรรมชาติ หอมนวลยิ่งกว่าน้ำยาปรับผ้านุ่ม
ใบหน้าที่ไม่อาจอธิบายได้ว่าควรใช้คำว่า ‘หล่อ’ หรือ ‘สวย’
แสงอัสดงเล็ดลอดผ่านหน้าต่างส่องกระทบเปลวผมเงินทอระยับปรกขนตาแพยาวเล็กน้อย
ดวงตากลมโตทรงอัลมอนด์สีน้ำทะเลจับจ้องสะกดวิญญาณ
ตอนนี้เราอยู่ใกล้กันมากจนได้ยินเสียงลมหายใจ
“ทวิตซ์…”
ปากเผลอเอ่ยชื่อเขาออกมา
เจ้าชายคนสุดท้ายที่ไม่คิดจะกล่าวถึง ตอนนี้เค้าอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว
“หอมมั้ยล่ะ?”
น้ำเสียงยียวนเรียกสติทำฉันรีบถอยกรูพร้อมเอามือปิดจมูก
โธ่เอ้ย! ไอ้จมูกไม่รักดี!! แกทำให้ฉันดูแย่~>///<
โป๊ก!
“โอ๊ย!”
ฉันอุทานด้วยความเจ็บปวด สองมือกุมหลังหัวโนที่เพิ่งชนของแข็งหมาดๆ
ดันถอยเร็วลืมไปว่ายังอยู่ใต้โต๊ะ…ฮืออ~ T-T
"นอกจากบ้าแล้วยังโรคจิตอีกหรอเนี่ย? สวยเสียของซะจริง”
เจ้าของคำพูดเหยียดหยามอิงหลังพิงกำแพงนั่งชันเข่าทรงอย่างแบด มือข้างนึงเสยผมขึ้นไม่สบอารมณ์ สายตาสีครามทอดมองฉันไม่วางตา
“เจ็บมั้ยล่ะ?”
น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนขึ้นชั่วขณะ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นโทนกวนประสาท
“สมน้ำหน้า”
กึด
-*- หัวคิ้วขมวดผูกโบว์อัตโนมัติ ไม่ยักรู้มาก่อนว่าหมอนี่มันกวนทีนเบอร์นี้!
คนตรงหน้ายั่วน้ำโหคูณสอง เมื่อเห็นฉันแสดงท่าทีหัวเสียออกมามากเท่าไหร่ เขายิ่งฉีกยิ้มกว้างขึ้นเท่านั้น
“ตลกจัง”
ยังไม่วายกวนบาทา - -* ฉันรีบปลีกตัวดีกว่า ก่อนได้พลั้งมือฆ่าคน
“หลีกหน่อยเซ่!”
คนฟังตัวเบอเร่อยังนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่เดิม ไม่ยอมหลีกให้ฉันได้เคลื่อนตัวออกจากโต๊ะทำงานแคบๆ
ตำแหน่งโต๊ะกับหน้าต่างมันห่างกันแค่พอวางเก้าอี้เท่านั้นนะ ถ้านายยังนั่งเป็นหินปิดปากถ้ำอยู่แบบนี้ ฉันจะออกไปยังไงล่ะย๊ะ?! o>*<o
ฉันจดจ้องดวงตาคู่สวย เริ่มกำหมัดแน่นหงุดหงิด
ควรโกรธกว่านี้ด้วยซ้ำ! แต่เพราะไอ้ความหล่อนั่นทำเอาอ่อนยวบยาบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแฟนคลับบางคนแค่เห็นหน้าตานี่ถึงขั้นเป็นลม เพราะ
ตอนนี้ฉันเองก็รู้สึกหายใจลำบากเหมือนกัน >///<
ฟึ่บ!
ยังไม่ทันเสวนาอะไรต่อ มือใหญ่ก็กางออกโบกสะบัดผ่านหน้า โชว์ฝ่ามือขาวเนียนมีรอยแผลสดกรีดยาวทำเอาช็อคซีนีม่า
นะ นั่นมันเลือดนี่นา!!! 0[]0 อย่าบอกนะว่า…ฝีมือฉัน!?
“นี่ ฉันเจ็บมากเลยนะ แผลติดเชื้อตายขึ้นมาทำไง T^T”
น้ำเสียงและสีหน้าของเขาให้ความรู้สึกเหมือนถูกอ้อนแปลกๆ
“ขะ ขอโทษ…(_ _)”
จากสายตาแข็งกร้าวสั่นสู้หลุบลงเปลี่ยนเป็นหน้าหมาหงอยชั่วพริบตา
รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว! ฉันเพิ่งทำสมบัติแห่งชาติของผู้หญิงทั้งโรงเรียนมีตำหนิ TOT พรุ่งนี้ไม่ตายดีแน่~
“เลียแผลให้หน่อยสิ…”
โป๊ก!
โดนไปอีกหนึ่งดอก! เพราะคำพูดแปลกๆ ทำฉันหัวโขกโต๊ะซ้ำสอง
“โอ๊ยยย…”
สภาพตอนนี้น่าอนาถสุดใจ สองมือกุมหัวงอตัวน้ำตาไหลซิบๆ
“ล้อเล่น”
ทวิตซ์ยิ้มพึงพอใจ ก้มหน้าเลียแผลตัวเองเหมือนลูกแมว…
คนอื่นทำคงดูน่าขยะแขยงเป็นบ้า แต่ทำไมพอเป็นตานี่ถึงเซ็กซี่นักล่ะ T///T พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรม~
“พรุ่งนี้เลี้ยงข้าวพอ ^^"
ริมฝีปากบางสวยสีกุหลาบผลิยิ้มพริมใจก่อนพยุงตัวลุกเดินจากไป ปล่อยฉันนั่งเอ๋ออยู่พักใหญ่ หยิกแก้มตัวเองแรงๆ เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ใช่ความฝัน…
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ยย…!!! <(=[]=)>
.
-เช้าวันต่อมา-
อรุณสวัสดิ์ เช้าที่ฉันสวยหมดสภาพ =_= เพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับเลยนั่งอ่านหนังสือคุยกับแมวยันหว่าง ถ้าไม่แต่งหน้าปิดไว้ ทุกคนต้องตกใจแน่ที่
เห็นหมีแพนด้ากลางโรงเรียน
เฮ้อ…แบบนี้ตอนไปเจอไอ้หน้าหวานนั่น ฉันจะมีสติครบ 32 มั้ยเนี่ย?
“กรี๊ดดดดด”
เสียงโหยหวนดังแซ่งซ้องทั่วบริเวณเหมือนเกิดโศกนาฏกรรมนรกบนดิน
ปลงเสียเถอะ เหตุการณ์แบบนี้มันกลายเป็นเรื่องปกติของเซนต์อคาเดมีไปแล้ว ผู้หญิงที่นี่บ้าผู้ชายมาก ชอบอุปทานหมู่รวมฝูงกรี๊ดกร๊าดสุดชีวิตทุกครั้ง
ที่เจอหนุ่มหล่อหรือพวกเจ้าชาย บลาๆๆ
ซึ่งถือเป็นโชคดีสำหรับฉันที่จะได้ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตา โดนนินทาระยะเผาขนแบบเมื่อวาน
เอาเลยค่ะ กรี๊ดให้คอแตกเลยสาวๆ~
ฉันก้มหน้าใส่หูฟังเลือกเพลย์ลิสเพลงที่ชอบก้าวเดินต่อ
ตุ๊บ!
“โอ้ย!”
ซวยบรม -*- หัวเหม่งชนอะไรไม่รู้เซเกือบล้ม มือถือตกสายหูฟังถูกแรงดึงกระชากหลุด
ฉันย่อตัวเก็บของขึ้นมาตรวจเช็คสภาพก่อนเหงยหน้ามองต้นตอ
ท่ามกลางเสียงโหยหวนน่ารำคาญ กลิ่นหอมสวนดอกไม้เจือจางลอยแตะจมูก
“…”
ฉันจ้องคนตรงหน้าตาแป๋ว
“คิด-ถึง-จัง”
เสียงอาจไม่ดังมาก แต่ดันอ่านปากเขาออกทุกคำจนใบหน้าร้อนวาบชั่วขณะ
หนุ่มหน้าหวานเผยยิ้มจ้องมองสนอกสนใจ
พอเริ่มตั้งสติได้ว่าเกลียดตานี่มากแค่ไหน หัวคิ้วก็ผูกปมอัตโนมัติ -*-
อีตาทวิตซ์นายมาทำอะไรที่นี่ยะ?
“ไป-กิน-ข้าว-กัน”
พอเจ้าตัวรู้ว่าฉันอ่านปากออกจึงจงใจพูดสื่อสารแบบไร้เสียงอีกครั้ง
หมับ
ยังไม่ทันโต้ตอบ ฉับพลันมือใหญ่ก็ถือวิสาสะพาจูงฝ่าฝูงชน
และแทนที่เหล่าชะนีกรี๊ดแตกจะห้ามปราม พวกหล่อนกลับอึ้งกิมกี่ไม่ไหวติง
“ปล่อยนะ!”
ฉันพยายามสะบัดมือออกแต่เปล่าประโยชน์
ตานี่มันจงใจให้ฉันโดนสาวๆ ลอบฆ่ารึไง? จับไม่ปล่อยซักที
…ถึงจะอุ่นดีก็เถอะ
“อย่าดิ้นสิ..เดี๋ยวแผลเปิด!”
ทวิตซ์เค่นเสียงดุ
เอ๊ะ!? ที่จับอยู่คือข้างเป็นแผลหรอ? ลืมสนิทว่าเขาถนัดซ้าย
โธ่เอ๊ย! แล้วฉันต้องทนโดนลากแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ ToT
สถานการณ์ชวนอึดอัด…
ฮัลโหลสุดหล่อ~ นายกะพาฉันเดินสวนสนามกี่รอบ? ทำไมต้องจับมือกันต่อหน้าประชาชีด้วย!
ทำตามคำสั่ง ผอ. หรือเพราะเป็นลูกครึ่ง ไทย-สวิตซ์ เลยไม่คิดว่าการสกินชิพเป็นเรื่องใหญ่??
ฉันเหลือบมองแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินนำ เพื่อหาจุดโฟกัสอื่นไม่ให้หวั่นไหวไปกับสัมผัสอบอุ่น
พอมองใกล้ๆ แล้ว ไหล่เขาดูกว้างกว่าที่คิด
หุ่นดีจัง…
อร๊าย!~ บ้าบอ!! มีแค่ฉันที่คิดมากคนเดียวสินะ >///<
…
ตลอดทางฉันมัวแต่ต่อสู้กับความบ้าผู้ชายจนนึกขึ้นได้ว่า
“นี่ไม่ใช่ทางไปโรงอาหารหนิ!”
เขาค่อยๆ หยุดฝีเท้าลงราวกับถึงที่หมายพอดี
ตึกสภานักเรียน…ถึงเป็นตอนกลางวันก็ไม่มีใครกล้าเดินเพ่นพ่าน นายพามาที่นี่เพราะอยากคุยเรื่องนั้นสินะ
เดาว่าเขาคงได้รับข้อเสนอบางอย่างจาก ผอ.เชอรี่ ถึงเข้ามาวอแวฉัน
“ปล่อยได้รึยัง?”
เมื่อเห็นฉันแสดงท่าทีแข็งกร้าวทวิตซ์จึงยอมปล่อย
แต่จังหวะที่มือใหญ่ผละออก ตาดีดันสังเกตเห็นว่ามันเนียนกริ๊บไร้ร่องรอยบาดแผลใดๆ
อันที่จริง ฉันก็จำไม่ได้หรอกว่าข้างไหนเจ็บ แต่ดันหลงเชื่อคำพูดเค้าซะได้!
กรี๊ดดด…นี่นายกล้าหลอกฉันหรอย๊ะ!? o-o***
ดวงตาถมึงทึงเบิกโพล่งจ้องเขม็งเหมือนเสือร้าย
โกรธ! ตอนนี้ฉันโกรธมาก!
“อ๊ะ…ถูกจับได้ซะแล้ว ^^”
ไอ้สวยตรงหน้ายียวนกวนประสาทหัวเราะร่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
สักวันฉันจะฆ่านาย! จะฆ่านายแน่ๆ!!! >o<**
แต่ตอนนี้ต้องฮึบไว้! ใจเย็นก่อน สงบสติอารมณ์และพูดสิ่งที่ต้องการ…
ตัดให้ขาดในดาบเดียว! ต่อจากนี้ เราจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก!
“ฉันไม่เป็นแฟนนายหรอกนะ!”
โทสะทำฉันเรียบเรียงคำพูดออกมาได้ห่วยแตกมาก ToT
“…”
ทวิตซ์นิ่งไปชั่วขณะก่อนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แล้วใครว่าฉันจะขอเธอเป็นแฟน”
อ๊ากกกก ไม่น้าาา >///< อยากระเบิดตัวตาย! โคตรขายขี้หน้าเลย!
ตอนนี้ฉันกลายเป็นแบบไอ้แว่นเมื่อวานไปแล้ว!!!
ศักดิ์ศรีสั่งให้ฝืนจ้องประจัญมาดนิ่ง แม้หน้าแดงเป็นตูดลิง
“ฉันอยากเป็นสภานักเรียน”
“ไม่รับ”
“เดี๋ยวสิ - -*”
“ไม่-รับ”
“งั้นขอเป็นแฟนประธา…”
ฉันรีบตะครุบปิดปากสวยทันที ก่อนที่มันจะพ่นคำบ้าๆ ออกมาอีก
นายอย่าทำให้ฉันดูแย่กว่านี้เลยขอร้อง~ T///T
แต่สุดท้ายก็ไม่วายโดนแกล้ง มือใหญ่งัดมือเล็กออกจากปากง่ายดาย ใช้แรงบีบเพียงเบาๆ พอให้รู้ตัวว่าถูกจับก่อนโน้มตัวกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียง
ชวนสยิว
“…แปลว่าตกลงหรอ?”
“ใช่ก็บ้าแล้วย่ะ!!”
ฉันแผดเสียงดังลั่นดึงมือออกอย่างไว กุมป้องไว้แน่นหนากลัวถูกฉวยไปจับอีก
น่าหงุดหงิด…น่าหงุดหงิดจริงๆ!
“ฮะ”
ทวิตซ์เค่นหัวเราะน่าหมันไส้ กระหยิ่มยิ้มเยาะหรี่ตามองอย่างเหนือกว่า
“ไม่แคร์หรอก~ แค่มาบอกให้รู้เฉยๆ ยังไงซะ ผอ.ก็เซ็นอนุมัติให้แล้ว ^^”
หน็อยแน่…! ยัย ผอ.สีชมพู ร้ายกาจนัก!!!
“งั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ธุระกงการของฉัน!”
ฉันกระแทกเสียงสะบัดบ๊อบหนี
ฮั้วกันเองเสร็จสรรพ ฉันจะทำอะไรได้อีกล่ะ? อยากเป็นนักก็เป็นไป! >o<**
.
-เวลา 11.30 น.-
(ณ ห้องสภานักเรียน)
เพราะตอนเช้าเจออีตาทวิตซ์ทำหัวเสียหมดอารมณ์เข้าเรียน ฉันเลยขลุกตัวทำงานยาวๆ
หมอนั่นบอกว่า ‘อยากเป็นสภานักเรียน’ แล้วไง?
คงไม่ต่างจากไอ้แว่นที่เข้ามาเพราะสิทธิพิเศษหรอก
ทุกคนต่างพูดว่า ทวิตซ์น่ะ คู่ควรกับตำแหน่งเจ้าชายในอุดมคติที่สุดแล้ว บ้านรวย หน้าตาดี บุคลิกโดดเด่น ฉลาด เก่งครบเครื่อง ทั้งเรื่องเรียน กีฬา
ดนตรี ศิลปะ แถมยังเป็นพวกสัตว์สังคมชั้นสูง รับมือได้ทุกสถานการณ์ ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนแบบนั้น จะมานั่งเฉาตายปั่นงานเอกสารอยู่ใน
ตึกผีสิงแบบฉันทำไม?
แอ๊ด~
เสียงประตูห้องเปิดออก ซึ่งฉันไม่แม้แต่จะเหงยขึ้นมอง เพราะพอเดาได้ว่าตาแว่นคงลืมของ ไม่ก็แอบโดดมางีบ
ตึก ตึก ตึก
เอ๊ะ ฉันอาจคิดไปเองก็ได้ แต่ทำไมวันนี้เสียงฝีเท้ากระแทกส้นสะเปะสะปะของไอ้แว่นถึงฟังดูหนักแน่นนุ่มนวลและมั่นคงกว่าทุกที?
ฟึ่บ
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย ใบหน้าของอีกคนก็อยู่ใกล้จนเส้นผมสีเงินสวยแทบปลิวเข้าตา
“น่ารักจัง”
ปากหวานพ่นคำเสี่ยวไร้ยางอาย พร้อมรอยยิ้มพิฆาตที่ฉันเห็นกี่ทีก็อดใจสั่นไม่ได้
“!!!”
ดวงตาเบิกโพล่ง ร่างกายผงะถอยฉับไว ส่งผลให้เก้าอี้ที่นั่งอยู่เสียหลัก
หมับ!
มือใหญ่คว้าประคองหลังศีรษะไว้ทัน ก่อนปะทะเข้ากับกระจกหน้าต่างบานใหญ่ด้านหลัง
=[]= กะ เกือบไปแล้ว! กระจกยิ่งบางๆ อยู่ ถ้าทะลุตกจากชั้นสองไม่พิการก็ซี้แหงเก๋!
“ฟู่…ระวังสิ! เดี๋ยวก็เจ็บอีกหรอก”
ทวิตซ์พ่นลมหายใจโล่งอก ทำเสียงดุใส่จริงจัง
-*- ฉันทำคิ้วยุ่งจ้องเขม็งตอบกลับ
มันเพราะใครกันล่ะ ที่ชอบเข้ามาจัมป์สแกร์เหมือนผี!
ช่วงนี้ฉันยังคิดเลยว่าผีในตึกน่ากลัวน้อยกว่านาย!!
“...”
ทำได้แค่ตะโกนในใจ เพราะความจริงที่เขาช่วยไว้มันค้ำคอ
แล้วเมื่อไหร่นายจะปล่อยหัวฉันซักที! ><
เผื่อใครคิดไม่ออก ตอนนี้สภาพฉันคือนั่งขาลอยด่องเด่งอยู่บนเก้าอี้เอียงๆ ที่พร้อมจะพุ่งหลาวใส่หน้าต่างได้ทุกเมื่อ ถ้าไม่มีมือเค้าช่วยประคอง
“อื้มม…มองมุมนี้เธอก็เซ็กซี่ใช่เล่นนะ ^^+”
โป๊ก!
ฉันใช้หัวแข็งๆ โหม่งคางอีตาทวิตซ์เข้าอย่างจัง
“โอ๊ย!“
ขอบใจนายมาก ตอนนี้ฉันถึงโน้มตัวกลับมาอยู่ในท่านั่งปกติได้แล้ว - -+
“สมน้ำหน้า”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเอาคืนบ้าง แล้วก้มหน้าทำงานต่อไม่แยแสร่างสูงที่กำลังลูบปลอบคางแหลม
“ใจร้ายชะมัด”
หึ ไม่สะท้านย่ะ คำนี้ฉันได้ยินเป็นพันครั้งแล้ว
กึก
ปลายนิ้วเรียวกดลงบนปลายปากกาที่ใช้เขียนงาน ทำให้มือฉันต้องหยุดชะงัก
- -+ ชิ้งงง
ฉันเชิดหน้าจ้องปะทะด้วยสายตาไม่สบอารมณ์
“ปล่อย”
นิสัยเสียที่ชอบเห็นคนหงุดหงิดยังไม่เปลี่ยน หมอนั่นไม่เขยื้อนซักนิด แถมยิ้มกว้างกว่าเดิม
พอกันที! ฉันไม่อยากเป็นของเล่นให้นายแล้ว!
ฉันปล่อยมือจากปากกา ลุกขึ้นเก็บข้าวของลงกระเป๋า
“ยู”
ฉันชะงักเล็กน้อยเมื่อถูกเค้าเรียกชื่อ
แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะรู้ชื่อฉันได้ยังไง รีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า
“ยูแช”
“…”
บ้าจริง เผลอหันไปสบตาจอมเจ้าเล่ห์จนได้
“นี่ นาย…/ฤดูใบไม้ผลิเหมาะกับเธอนะ ^^”
ทำไมหมอนี่ถึงเชี่ยวชาญด้านการกวนประสาทคนนัก = =*
ใช่แล้ว ชื่อเต็มของฉันคือ ‘ยูแช’ ดอกไม้สีเหลืองที่เบ่งบานอย่างแจ่มใสต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ แม่บอกว่าตั้งชื่อนี้ให้ เพราะพบพ่อครั้งแรกที่ทุ่งยูแช
แต่สำหรับคนอย่างฉัน ซึ่งถูกเรียกว่า ‘เจ้าหญิงน้ำแข็ง’ ‘ผีหิมะ’ ‘ยัยปลาตาย’ มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้ร่าเริงสดใสสมชื่อ ประโยคของเจ้าชายดอกไม้เมื่อกี้
มันคือคำเสียดสีดีๆ นี่เอง ฟีลลิ่งเดียวกับโดนล้อชื่อพ่อชื่อแม่! น่าโมโหจริงๆ!
ซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้ พอตานั่นเห็นฉันโกรธยิ่งมีความสุข กลั้วหัวเราะน่าหมันไส้
ไอ้คนสันดานเสียเอ้ย!
แม้จะส่งสายตาเคียดแค้นไปแค่ไหน คนตรงหน้าก็ไม่สะเทือน ยืนลอยหน้าลอยตาส่งยิ้มกวนบาทา
“ไม่เอาน่า กินข้าวด้วยกันก่อนสิ”
ดวงตาสีฟ้าอมเทาเปล่งประกายส่องระยับไม่แพ้เรือนผมสีเงิน ก่อนเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ยากจะปฎิเสธ
“เพราะดูท่า…แผลที่มือจะกลายเป็นแผลเป็นแล้วล่ะ”
(จบตอน)
คาโนล่า; ยินดีกับการเริ่มต้นสิ่งใหม่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ