ม.ปลายสายเวทย์

-

เขียนโดย TheBoyOnTheMoon

วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 21.39 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  4,078 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 20.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) Dessert and detonation

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
16
Dessert and detonation
 
เช้าวันรุ่งขึ้น ลูอานาตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ปูด้วยหนังสัตว์ เธอบิดขี้เกียจสองสามทีและลุกจากเตียง เด็กสาวหยิบหน้ากากไม้ที่วางอยู่ข้าง ๆ มาสวมปิดบังใบหน้าของตัวเอง 
เมื่อเดินออกมาจากนอกห้องนอน ก็เจอมารีในชุดนอนกำลังหลับปุ๋ยอยู่บนฟูกหนังสัตว์ที่เธอปูให้อยู่ ใบหน้าตอนที่เธอหลับนั้นดูน่ารักผิดกับตอนตื่นแบบลิบลับเลย
บ้านของลูอานาเป็นบ้านเล็ก ๆ ชั้นเดียว สร้างจากหินทะเลผสานกับปูน มุงหลังคาด้วยกระเบื้องและปูพื้นด้วยไม้ มีด้วยกันสองห้อง ประกอบด้วยห้องนอนของเธอหนึ่งห้อง ห้องใหญ่ซึ่งใช้เป็นทั้งห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว และห้องครัว (รวมทั้งห้องนอนของแขก) หนึ่งห้อง และห้องน้ำเล็ก ๆ อีกหนึ่งห้อง นอกจากนี้ยังมีประตูที่เชื่อมต่อไปยังบ้านข้าง ๆ ของคุณป้าที่ดูแลเธอมาตั้งแต่มาอยู่ที่นี่
เด็กสาวหันไปหาผนังด้านหนึ่งซึ่งมีเตาผิงก่อเอาไว้ หลังเตาผิงมีการวางสิ่งของคล้ายกับแท่นบูชา และเหนือขึ้นไปเล็กน้อยมีหน้ากากไม้สามอันแขวนเอาไว้กับผนัง ลูอานาเดินเอาไปใกล้ ๆ ก่อนจะประกอบมือทั้งสองของตนเอง และสวัสดียามเช้าคุณพ่อ คุณแม่ พี่สาวของเธอด้วยภาษาถิ่น
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ลูอานาก็ไปที่โซนทำครัว เอาวัตถุดิบที่ซื้อมาเมื่อวานนี้มาจัดการทำอาหารเช้าง่าย ๆ เริ่มจากการหุงข้าวเป็นอันดับแรก จากนั้นก็หมักไก่นำไปย่าง ตำสมุนไพรต่าง ๆ เป็นพริกแกงแล้วเอาไปผัดกับน้ำกะทิ จากนั้นก็ใส่ไก่ย่างลงไปและปรุงรสก็เป็นอันแล้วเสร็จ พอดีกับที่ข้าวสุกได้ที่ กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วห้อง ปลุกมารีที่หลับอยู่
“...หอมจัง” เพื่อนสาวลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ อาหารเช้าใกล้เสร็จแล้วนะคะ” 
มารีลุกขึ้นจากฟูกและเดินโซเซมาหา ใบหน้าของเธอดูงัวเงีย และเกาผมสีน้ำตาลที่ฟูและชี้โด่ชี้เด่ดูน่าตลกยิ่ง
“หลับสบายไหมคะ” ลูอานาถาม พลางตักแกงไก่ใส่ถ้วยที่ทำจากกะลามะพร้าว
“อือ ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะ”
ลูอานามองแผ่นหลังของเพื่อนสาวหายลับไปในห้องน้ำ ก่อนจะจัดวางจานข้าวในสำรับและเอาไปตั้งที่พื้น เธอใช้คทาเสกคาถาทำความสะอาดที่นอนและเสกให้มันพับตัวเอง ก่อนจะลอยเข้าไปเก็บในตู้
ในระหว่างนั้นเด็กสาวก็มองไปรอบ ๆ เพราะรู้สึกว่ามีอะไรหายไป
“นัวร์ไปไหนน่ะ”
 
หลังอาหารเช้าและเสร็จภารกิจส่วนตัว สองสาวก็ออกจากบ้านเพื่อไปยังสนามบิน ลูอานาร่ายคาถาล็อคประตูให้เรียบร้อยเป็นอย่างสุดท้าย แล้วเธอกับมารีก็เดินไปตามถนนดิน
“นัวร์ไปไหนเหรอคะ” เมื่อเดินไปสักพัก ลูอานาก็หันมาถามมารีด้วยความสงสัย
“…บอกว่าจะขอไปเดินเที่ยวหน่อยน่ะ เจอกันที่สนามบินเลย” อีกฝ่ายว่า
“ปะ...ไปสนามบินด้วยตัวเองได้เลยเหรอคะ แมวมารีเก่งไปแล้วนะนั่น” เธอหัวเราะแห้ง ๆ 
“ทำได้ยิ่งกว่านี้อีกล่ะ” มารียิ้มจาง ๆ ให้ ก่อนจะเดินนำหน้าไป
ย่านผู้อพยพของชาวคาอิมานาที่เอลเดนคงต้องเรียกว่าเป็นชุมชนแออัด บ้านแต่ละหลังอยู่ชิดติดกันและรูปทรงคล้ายกันหมด บริเวณนี้อยู่ติดทะเล มีการสร้างตลิ่งกับท่าเรือประมงเอาไว้ ยามสายแบบนี้ก็เริ่มมีคนออกมาเดินเตร็ดเตร่และทำงานกันแล้ว คนที่นี่ยังคงสวมชุดชาวเผ่าแบบเผยเนื้อหนังกัน บางคนก็ยังสวมหน้ากาก บางคนก็ไม่ได้ใส่หน้ากากแล้วเพราะแต่งงาน ส่วนเด็กเล็กที่ยังไม่ถึงวัยเข้าเรียนก็ไม่ใส่อะไรเลย ผู้ใหญ่บางคนกำลังสูบบุหรี่ บ้างก็กำลังเคี้ยวหมากจนปากแดง
แต่คนที่นี่กลับดูเป็นมิตรเกินคาด หลายคนยกมือทักทายและส่งรอยยิ้มให้พวกเด็ก ๆ และที่นี่เองก็มีชาวเอลเดนมาจับจ่ายซื้อของกันหลายคน ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นปลาสด ๆ ผลไม้เขตร้อนที่พอจะปลูกที่นี่ได้ และขนมพื้นเมืองของคาอิมานา
“อยากกินอะไรอีกไหมคะ” ลูอานาหันมาหาเพื่อนที่ดูท่าทางจะสนใจอาหารทุกอย่างที่วางอยู่ตามแผงขาย
“มะ...ไม่เป็นไร แค่รู้สึกว่ามันน่ากินน่ะ” มารียิ้มเจื่อนให้ พลางหยิบน้ำในกระติกออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างออกมาดื่ม
เห็นดังนั้น ลูอานาก็เลยพาเพื่อนสาวแวะซื้อขนมท้องถิ่นสักหน่อย แล้วก็ได้มาทั้งกล้วยชุบแป้งทอด ขนมทำจากแป้งข้าวเจ้าใส่ใส้มะพร้าวกวนกับน้ำตาลห่อด้วยใบตอง และขนมเค้กฉ่ำ ๆ สีเหลืองนวลที่มีเนื้อแแป้งด้านในเหมือนรังผึ้ง 
พอเห็นใบหน้าที่มีความสุขของมารีในระหว่างที่กินขนมไป มุมปากที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากไม้ของลูอานาก็พลันยกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“โอ้ ดูซิว่าใครมา”
ระหว่างที่เดินออกมาถึงบริเวณหน้าหมู่บ้านที่คนค่อนข้างบางตา ก็มีกลุ่มวัยรุ่นชายสามคนมายืนขวางทั้งสองเอาไว้ แต่ละคนสวมหน้ากากไม้หน้าตาน่ากลัวประดับด้วยขนนก ท่อนบนเปลือยเปล่าและสวมสร้อยคอกับกำไลสไตล์ชาวเผ่า ส่วนท่อนล่างเป็นผ้าเตี่ยวสีเข้ม ที่ข้อเท้าทั้งสองก็สวมกำไลทำจากไม้ทั้งสองข้าง
“ข้าจะไปจะมาก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเอ็ง” ลูอานาเท้าสะเอวบอกด้วยเสียงแข็งกร้าว “หลบไป เดี๋ยวพวกข้าไปขึ้นวาฬสาย”
“หายไปอยู่โน่นตั้งหลายเดือน ไม่คิดจะคุยกันหน่อยรึไง” หัวโจกคนกลางกอดอก “พาเพื่อนมาด้วยเรอะ ไม่ยักกะรู้ว่าเอ็งหาเพื่อนเป็นด้วย”
“ก็มีแค่เราคนเดียวแหละที่คบด้วย” มารีกัดขนมเขี้ยวตุ้ย ๆ ทำตาปริบ ๆ ให้ เลยโดนลูอานาค้อนใส่ไปที
“ทั้ง ๆ ที่คนที่ควรจะได้เรียนที่โฮมควรจะเป็นข้าแท้ ๆ อย่างเอ็งน่ะ ไปเรียนก็เสียเวลาเปล่า ๆ” เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจและหันมามองมารี “เธอน่ะ คิดดีแล้วเหรอที่มาคบกับยัยนี่น่ะ”
“อย่างน้อย ได้คบกับคนที่ฉลาดพอจะสอบเข้าโฮมได้ ยังดีกว่ามาคบกับพวกโง่ ๆ ที่สอบไม่ติดแล้วยังมาเป็นอันพาลล่ะนะ” มารีโยนกล้วยทอดเข้าปากด้วยหน้าตายด้าน เล่นเอาอีกฝ่ายสะอึก
ลูอานาคว้ามือมารีและกลับหลังหันเพื่อไปอีกทาง ทว่าก็เจอแก๊งวัยรุ่นอีกกลุ่มมายืนขวาง แต่ละคนถือคทาไม้ชี้มาที่เธอ
“คิดจะทำอะไร” เด็กสาวหันไปหานายหัวโจกที่ถือไม้คทาเตรียมร่ายเวทย์เช่นกัน
“พอดีมีคนจ้างมาให้หาตัวผู้หญิงใส่แว่นผมน้ำตาลตาน้ำตาลน่ะ แล้วคนที่ว่าก็น่าจะใช่ยัยปากดีนี่ด้วยสินะ” 
ได้ยินดังนั้นก็ทำเอาลูอานาค้างไปทันที หรือว่าเจ้าพวกนี้...
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ส่งแม่นั่นมาให้ข้า” นายหัวโจกบอก
“ให้ตายสิ” ในตอนนั้นมารีก็ถอนหายใจออกมาและกัดขนมไปอีกคำ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา ก็ปรากฏว่า...
“ว๊ากกก”
อยู่ดี ๆ ผ้าเตี่ยวของนายหัวโจกก็หลุดลงมากองกับพื้น ตามด้วยคนอื่น ๆ 
“...เล็กอะ”
“ทำอะไรของเอ็งน่ะ!” อีกฝ่ายรีบหยิบกองผ้าเตี่ยวขึ้นมาบังของสงวน แต่อยู่ดี ๆ ก็หน้าคะมำเหมือนโดนใครถีบ พวกคนอื่น ๆ ก็มองซ้ายมองขวาอย่างเลิกลัก ก่อนจะโดนพลังปริศนาผลักไปทางนู้นทีทางนี้ที
ในจังหะวที่ชุลมุน มารีก็คว้ามือของลูอานาวิ่งฝ่าออกมาแอบที่มุมตึก พวกอันพาลยังคงวิ่งตามมา แต่สุดท้ายก็หาทั้งคู่ไม่พบ และล่าถอยไป
“เกิดอะไรขึ้นน่ะคะ” ลูอานาถามเพื่อน เธอแน่ใจว่าเมื่อกี้มารีไม่ได้เสกคาถา และไม่มีใครอยู่แถวนั้นด้วย
“ช่างเถอะ” มารีว่า “ว่าแต่พวกนั้นใครเหรอ”
“หัวโจกนั่นชื่อไคค่ะ เป็นเด็กที่อพยพมาจากอีกเกาะนึง” เธอบอก “เป็นศัตรูกันมาตั้งแต่สมัยประถมแล้วล่ะ เค้ากับไอ้นั่นแข่งกันเรียน แข่งกันชิงดีชิงเด่นมาตลอด พอจบ ม.ต้น เราสองคนก็ได้จดหมายเชิญไปสอบเข้าที่โฮมค่ะ แล้วก็อย่างที่เห็น ไม่รู้เหมือนกันว่ามันตกข้อเขียนหรือปฏิบัติ”
“งั้นเหรอ” 
“แต่ก็ไม่คิดเลยว่าไอ้นั่น…จะเข้าไปคบหากับพวกอีกา” ลูอานากำมือแน่น “ทั้ง ๆ ที่พวกเราทั้งคู่ก็เคยถูกช่วยจากสภานกฮูกแท้ ๆ”
ได้ยินดังนั้น มารีกเลิกคิ้ว “รู้จักสภานกฮูกด้วยเหรอ”
“ค่ะ ที่เค้ามีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะสภานกฮูกนั่นแหละ” เธอบอก “รีบไปที่สนามบินเถอะค่ะ ที่นี่น่าจะไม่ปลอดภัยแล้ว”
 
เก้าโมงครึ่ง ลูอานากับมารีก็มาถึงสนามบินตรงตามเวลานัด เดรโกรัสกับไทที่มาถึงแล้ว และโบกมือหยอย ๆ เรียกทั้งสองคน
ทว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะคะ” ลูอานาหันซ้ายหันขวา เพราะตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เต็มไปหมด และกันไม่ให้ใครเข้าไปด้านในอาคารของสนามบิน
“ไม่รู้เหมือนกันเน่อ ตอนที่พวกข้าน้อยมาก็เป็นอย่างงี้แล้ว” 
“เรียนผู้โดยสารที่จะเดินทางไปกับสายการบินสายการบินเวลูกาแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ OF1104 ขอเรียนให้ทราบว่าเนื่องด้วยสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้ต้องเลื่อนเที่ยวบินออกไปเป็นเวลา 14 นาฬิกา ทั้งนี้ ท่านผู้โดยสารสามารถเช็คอินได้ตั้งแต่เวลา 12 นาฬิกา ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ค่ะ”
“...โอ้”
สิ้นเสียงประกาศ พวกเด็ก ๆ ก็ได้แต่เม้มปาก แต่ใช่ว่าจะมีแค่เที่ยวบินของพวกเขา หลังจากนั้นก็มีอีกหลายสายการบินที่ประกาศดีเลย์เช่นกัน
“เหมือนจะมีเหตุอะไรนะ” เดรโกมองซ้ายมองขวา ไทเองก็ชะเง้อคอมองดูเหตุการณ์ด้านใน นอกจากพวกเจ้าหน้าที่แล้วยังมีสุนัขดมกลิ่นมาด้วย
“เดี๋ยวมาเน่อ”
ระหว่างนั้นเอง หนุ่มหน้าหวานก็เดินออกไป ทิ้งให้อีกสามคนมองหน้ากันตาปริบ ๆ สักพักเขาก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ถามมาแล้วล่ะ เห็นว่ามีขู่วางระเบิดที่สนามบินน่ะเน่อ”
“...เอิ่ม”
สุดท้ายทั้งสี่ก็เลยต้องมานั่งเล่นที่คาเฟ่ใกล้ ๆ สนามบินก่อน และเหมือนพวกนักเดินทางทุกคนจะคิดแบบเดียวกัน ที่นี่จึงเต็มไปด้วยลูกค้าหน้าบูด ๆ ที่พูดคุยกันด้วยเสียงดังเซ็งแซ่
“เราไปที่อื่นดีกว่าไหมคะ” ลูอานาเสนอ พอเห็นคนเยอะแบบนี้เธอก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
“ที่อื่นก็น่าจะคนเยอะไม่ต่างกันหรอก” เดรโกว่า
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ” ลูอานามองหน้ามารีก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่พวกเธอเจอก่อนหน้านี้ให้สองหนุ่มฟัง
“อา...แถวบ้านข้าน้อยก็มีคนถามหาผู้หญิงใส่แว่น ผมน้ำตาล ตาน้ำตาลเหมือนกัน” ไทกระซิบ “แสดงว่าไอ้พวกนั้นน่าจะเคลื่อนไหวแล้วสินะ”
แต่ยังไม่ทันจะได้ลุก ของที่ทุกคนสั่งเอาไว้ก็มาเสิร์ฟพอดี มารีสั่งพุดดิ้งกับโทปิกาโพชัน เดรโกสั่งชีสเค้กสตรอว์เบอร์รีกับกาแฟดำร้อน ไทสั่งชาร้อนกับครัวซองต์ราดน้ำผึ้ง และลูอานาสั่งน้ำผลไม้ปั่นกับไอศกรีม 
“เอาไงดีคะ” สาวชาวเผ่ามองของหวานบนโต๊ะและเงยหน้ามองเพื่อน ๆ
“ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็...” ไทกอดอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะคว้าช้อนขึ้นมา “กิ๋นละเน่อออ” 
ตูมมมมม
ภายในพริบตา คาเฟ่ทั้งหลังพังทลายด้วยแรงระเบิดในพริบตา เหลือเพียงพวกเด็ก ๆ ที่ยังอ้าปากค้างเตรียมจะกินขนมอยู่
“จาน...หายไปแล้วค่ะ”
 
เมื่อมองไปยังต้นตอของการระเบิด ทั้งสี่ก็เบิกตากว้าง เพราะที่นั่นมีกลุ่มคนประมาณสี่ห้าคนยืนอยู่ พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีดำ หมวกปีกกว้างและหน้ากากหมออีกา
เดรโกไม่พูดอะไร เขาทิ้งช้อนและพุ่งตัวง้างหมัดเข้าใส่พวกมันทันที หมัดของเขาลุกโชนด้วยเปลวไฟ และเมื่อต่อยถูกเป้าหมายก็เกิดระเบิดเพลิงอย่างรุนแรง 
ตามมาด้วยไทที่ชักไม้ตะพดสองด้ามออกมาและพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายที่ชักไม้กายสิทธิ์และคทาออกมาเช่นกัน ใบหน้าของทั้งสองหนุ่มไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัว มีเพียงสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวไปด้วยความแค้น ซึ่งไม่น่าจะแค่เพราะโดนขัดจังหวะทานของหวานแน่ ๆ
“มารีหลบตรงนี้ก่อนนะคะ” ลูอานาพามารีและพวกลูกค้ามาหลบในที่ปลอดภัย เพราะไม่อยากให้เพื่อนเผยตัวให้พวกนั้นเห็น เด็กสาวหยิบคทาของตัวเองออกมา ดวงตาที่หน้ากากของเธอเรืองแสงสีขาว ตามร่างกายปรากฏอักขระเวทมนตร์เรืองแสงออกมา ร่างลอยขึ้นฟ้าและเสกสายฟ้าจำนวนมากใส่พวกฝูงอีกา
การต่อสู้ดำเนินไป เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เปลวเพลิงลุกโชน และลำแสงของเวทมนตร์คาถาจำนวนมากปะทะกัน 
ฟู่!
เดรโกสูดหายใจเต็มปอด แล้วพ่นไฟขนาดยักษ์ออกมาจากปากใส่พวกอีกา แต่ก็โดนคาถาสะท้อนกลับส่งมาที่ไท
“เหวอ ระหว่างหน่อยสิเน่อ” ไทที่เกือบหลบลูกหลงไม่ทันโวยวายใส่
“โทษ ๆ”
“ระวัง !”
โครมม
ในจังหวะที่เผลอ ร่างของหนุ่มผมแดงก็ปลิวไปชนกับซากปรักหักพังอย่างรุนแรงและล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะโดนเสกคาถาถล่มอาคารลงมาฝังทั้งเป็น 
“เดรโก!!”
ลูอานาบินอยู่บนฟ้าปะทะกับพวกอีกาคนหนึ่ง แสงของคาถากับสายฟ้าสว่างวูบวาบ 
แต่ในตอนนั้นเอง ดวงตาภายใต้หน้ากากของสาวชาวเผ่าก็เบิกกว้าง เพราะผู้ที่ปะทะอยู่ตรงหน้ากลับกลายเป็นพี่สาวของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว
พี่สาวของลูอานาใช้คาถายิงลำแสงสีเหลืองใส่ เธอได้แต่ตั้งรับเอาไว้ ไม่กล้าสวนกลับไป 
“อ๊า!”
ระหว่างที่เธอพยายามตั้งรับเอาไว้นั้น ก็โดนคาถาจากอีกคนที่อยู่ด้านล่างสอยร่วงลงมากระแทกพื้นจนนอนชัก เลือดสีแดงไหลออกมาจากหลังศีรษะ
สิ่งสุดท้ายที่เธอเห็นก็คือท้องฟ้าสีครามที่ว่างเปล่า ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดไป
“ลูอานา!” ไทที่ยังยืนหยัดอยู่ได้กัดฟันกรอด ๆ ในขณะที่ฝั่งของเขาโดนไปแล้วสองคน แต่อีกฝ่ายยังอยู่ครบห้าคนเช่นเดิม ทั้งห้าหมออีการ่ายคาถาและโถมเข้ามาที่ไท เด็กหนุ่มประสานไม้ตะพดทั้งสองเอาไว้และพยายามต้านสุดแรง ก่อนจะกระชากแขนออกทั้งสองข้างจนเกิดการระเบิดและส่งพวกมันปลิวไป
ทว่าเมื่อมองไปรอบ ๆ สิ่งที่เขาเห็นกลับกลายเป็นภาพของสมาชิกในครอบครัวที่นอนจมกองเลือดอยู่ หนึ่งในนั้นคือร่างของคุณแม่ที่ถูกเผาจนร่างไหม้เกรียม เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นมาด้วยท่าทางสยดสยองและยกไม้ตะพดในมือขึ้นมา
แต่ไทไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย ไม้ตะพดในมือทั้งสองของเขาหลุดมือร่วงลงพื้น
“ไท!”
มารีไม่อาจนั่งหลบอยู่แบบนี้ได้แล้ว เธอตัดสินใจวิ่งออกมาจากที่ซ่อนไปช่วยเพื่อน
“อิมพิดิเอนดุม”
“!?”
แต่อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงคาถาดังมาจากปากของคนที่อยู่ข้างหลังเธอ ทำให้ร่างของเด็กสาวก็ทรุดลงไปกองกับพื้นทั้ง ๆ ที่ดวงตายังลืมอยู่ด้วยความตกใจ
“อ้ากกก” 
ไทที่ยังคงทำอะไรไม่ถูกก็โดนคาถาเข้าเต็ม ๆ จนกระเด็นมาใกล้กับลูอานาและมารีที่นอนอยู่ ร่างของเขาปวดไปหมดจนขยับไม่ไหวอีกต่อไป และรู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่น ๆ ที่ไหลซึมออกมาจากเสื้อ ดวงตา จมูก และปาก
ใกล้กับร่างที่นอนแน่นิ่ง คนที่ร่ายคาถาใส่มารีนั่งยอง ๆ และมองมาที่ไทด้วยแววตาสมเพช
“!?”
“โตขึ้นเยอะนี่ ไอ้หนู”
ไทจำดวงตาสีน้ำข้าวคู่นั้นได้ดี แม้ตอนนั้นจะยังเด็กมาก แต่ไทจำได้แม่นว่านั่นคือใบหน้าของคนที่สังหารคนที่บ้านเกิดของเขาอย่างเลือดเย็น และจับพ่อกับแม่ของเขาไปเผาทั้งเป็น
หญิงสาวผู้มีผมสีขาวยาวถักเป็นเปียสองข้างทำไฮไลต์เป็นสีชมพูที่ปลายลุกขึ้นยืนและจับแขนของมารี ยกตัวเธอขึ้นมาประคอง และดึงไม้กวาดสำหรับบินออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง
“หยุดนะเว้ย!”
ทันใดนั้นเอง ซากปรักหักพังที่ฝังเดรโกเอาไว้ก็ระเบิดออก เด็กหนุ่มผมแดงที่ไร้ซึ่งรอยบาดแผลโผล่ออกมาด้วยสีหน้าเดือดจัด
ทว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ หญิงสาวชำเลืองมองเขาด้วยแววตาเยอะเย้ย ก่อนจะใช้ไม้กวาดบินหนีไปพร้อมกับร่างของมารี ส่วนพวกฝูงอีกาที่เหลือก็แปลงร่างกลายเป็นนกกาและบินขึ้นฟ้าจากไป
แล้วก็เหลือเพียงความเงียบอีกครั้ง
“ไท! ลูอานา!”
เดรโกวิ่งเข้ามาหาและทรุดเข่าลงตรงหน้าร่างของไทกับลูอานาที่นอนหายใจโรยริน ตอนนี้สมองของเขาโล่งไปหมด ภาพตรงหน้ามีเพียงซากปรักหักพังและคราบเลือดที่ไหลออกมาจากผู้ที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้
เด็กหนุ่มง้างหมัดหมายจะต่อยลงไปบนพื้นเพื่อระบายความเจ็บใจ แต่ก็มีมือปริศนามายั้งเอาไว้ก่อน
“นะ...นาย”
“ขอโทษนะ ฝากเคลียร์ที่นี่ให้ที” นักดาบในหน้ากากนกฮูกกล่าว ก่อนจะโยนถุงใส่อุปกรณ์ปฐมพยาบาลให้ จากนั้นก็กางร่มสีดำและลอยขึ้นจากพื้นบินจากไป
 
“ได้ตัวมาแล้ว” 
ณ โกดังร้างแห่งหนึ่งย่านชานเมืองของเอลเดน หญิงสาวผมขาว-ชมพูเหวี่ยงร่างของมารีไปกองข้างหน้า ผู้ที่ยืนรออยู่คือโทวาดะ ไนโตะ
“เร็วเกิ๊น” ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะเสกเชือกออกมาพันธนาการร่างของมารี และเสกคาถาคลายอัมพาต ทำให้เธอกลับมาได้สติ เด็กสาวพยายามดิ้นแต่ก็ไม่สามารถหลุดจากเชือกที่เหนียวและรัดแน่นขึ้นทุกครั้งที่ขยับตัว
“เป็นฉันจะไม่ขยับตัวเยอะหรอกนะ” หญิงสาวเท้าสะเอวบอกมารี “แล้วจะรู้ได้ไงว่าแม่นี่ไม่ใช่ตัวปลอม”
“ไม่เห็นจะยาก” ไนโตะยกไหล่และชี้ไม่กายสิทธิ์ไปที่มารี “เอเมโต...”
โครมมม
หลังคาของโกดังร้างถล่มลงมา ตามมาด้วยร่างของนักดาบชุดขาวลอยลงมาอย่างนุ่มนวล เมื่อถึงพื้น เขาก็ชักไม้กายสิทธิ์คริสตัลออกมาและสะบัดไปข้างตัวหนึ่งที ทำให้มันกลายเป็นดาบน้ำแข็งเล่มใหญ่
“ให้มันได้อย่างงี้สิวะ”
“ไอ้นี่สินะที่มาป่วน” หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะหยิบคทาที่มีหัวเป็นงูเห่าสีเงินชี้ไปที่อีกฝ่าย
“ถ้าคิดจะทำอะไรก็อย่าหวัง” ไนโตะชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ตัวประกัน ทว่าเมื่อหันไปอีกทีก็หน้าเหวอ
“แบร่” 
เพราะบริเวณที่มารีนอนอยู่  บัดนี้กลายเแมวดำตัวหนึ่งที่แลบลิ้นปริ้นตาใส่เขา เชือกที่เคยพันธนาการร่างกายหลุดไปหมดเพราะขนาดตัวที่หดลง แล้วแมวน้อยก็วิ่งปรู๊ดหนีไป
“…อีเด็กเปรตนั่น” ชายหนุ่มกัดฟันก่อนจะหันไปที่นักดาบ “ให้ฉันจัดการไอ้เวรนี่เอง เธอไปจับแมวนั่นที”
“เพื่อ?” หญิงสาวเลิกคิ้วถาม เพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ไอเดียที่เข้าท่าเลย
“ไอ้แมวนั่นก็ไม่ใช่ธรรมดานะ” ไนโตะบอก “อย่างน้อยก็พอจะเอามารีดข้อมูลหรือใช้เป็นตัวประกันได้”
“จ้า ๆ” หญิงสาวเหลือบมองนักดาบในหน้ากากนกฮูกครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับหลังหันและวิ่งจากไป
“ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเอ็งเป็นใคร” เมื่อหญิงสาวจากไปแล้ว ไนโตะก็หันไปประจันหน้ากับอีกฝ่าย เขาขยับขอเสื้อคลุมสีดำให้เข้าที่ “แต่หลังจากนี้ ถ้าไม่ใช่ฉันที่จะฆ่าแก ก็คงถูกแกฆ่า ขอเห็นหน้าแกชัด ๆ สักครั้งได้ไหม”
“...ก็ดีเหมือนกัน”
นักดาบยกมือขึ้นมาที่ใบหน้าและหยิบหน้ากากออก ทว่าสิ่งที่ชายหนุ่มเห็นกลับทำให้ดวงตาสีน้ำตาลแดงเบิกโพลง
ผมสีมะฮอกกานี ผิวขาว ดวงตาสีเปลือกไม้ที่ดูเหมือนโกรธใครตลอดเวลาเบื้องหลังแว่นตาปรากฏขึ้นจากกลุ่มหมอกสีขาว ใบหน้านั้นคือเด็กสาวที่ไนโตะมั่นใจว่าเคยสังหารกับมือไปแล้วถึงสองรอบ
มารีผายดาบน้ำแข็งไปข้างกาย และถลาตัวพุ่งตัวเข้าใส่คู่ต่อสู้ทันที

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา