นทีสีรุ้ง (NC 25 ++)
-
เขียนโดย Porzor
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เวลา 21.40 น.
7 บท
54 วิจารณ์
5,151 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 21.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) จะมีชีวิตด้วยหัวใจแค่ครึ่งดวงได้อย่างไร?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
จะมีชีวิตด้วยหัวใจแค่ครึ่งดวงได้อย่างไร?
การฝึกงานของทอรุ้งไม่ค่อยมีอะไรยุ่งมากนัก แค่คอยเป็นคนเตรียมเอกสารวาระการประชุม หรือจัดเอกสารช่วยอัศนัยบ้างนิดหน่อย แต่ตั้งแต่ที่เจ้าของห้องประธานบริษัทกลับมาเธอรู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างหนักเหลือเกิน
เขาไม่ปล่อยให้เธอมีเวลานั่งพักสักนิด สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือการจัดตารางนัด และช่วยอัศนัยหาเอกสารเวลาที่นทีต้องการ ใช่ เธอรู้ว่ากำลังโดนเขากลั่นแกล้ง
“ฉันขอผลประกอบการณ์ย้อนหลัง 10 ปี” นทีโทรออกมาสั่งงาน หลังจากที่เมื่อวันก่อน เขาให้เธอหาทาร์เก็ตลูกค้าย้อนหลัง 5 ปี
“เห้อ” ร่างบางถอนหายใจออกมาหลังจากที่ร่างสูงวางสายไปแล้ว
“วันนี้ให้หาอะไรอีกหล่ะ?” รุ่นพี่หนุ่มเอ่ยถาม หลังจากที่เห็นปฏิกิริยาร่างบาง
เขาค่อนข้างมั่นใจว่าบอสต้องสั่งให้ทอรุ้งหาอะไรสักอย่าง เพราะเมื่อวานหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ เขาเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานได้สักพักก็เห็นร่างบางยกแฟ้มทาร์เก็ตลูกค้าพะรุงพะรังออกมา
ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาร่วมเดือน ก็พึ่งจะเคยเห็นร่างบางผมเผ้ารุงรัง เหงื่อมากมายผุดให้เห็นบนกรอบหน้าสวยแบบนี้
“ผลประกอบการณ์ย้อนหลัง 10 ปีค่ะพี่อาร์” ริมฝีปากบางตอบกลับก่อนจะยกยิ้มเนือยๆ ส่งให้รุ่นพี่หนุ่ม
“งั้นเดี๋ยวรุ้งขอตัวไปห้องเก็บเอกสารเลยนะคะ มีอะไรด่วนโทรเข้ามือถือรุ้งได้เลยค่ะ” ร่างบางกล่าวก่อนที่ขาเรียวยาวจะก้าวจากไป
“นี่อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ เมื่อวานรุ้งก็ไม่ได้กินมัวแต่หาเอกสาร” รุ่นพี่หนุ่มตะโกนไล่หลังร่างบางไปอย่างเป็นห่วง แต่คนที่ควรได้ยินกลับเดินเข้าไปในลิฟท์แล้ว
กลับกลายเป็นร่างสูงที่กำลังจะออกไปหาข้าวเที่ยงกินได้ยินแทน รอยยิ้มสาแก่ใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคร้ามทันที มือที่วางค้างอยู่บนลูกบิดประตูก็เปิดแล้วเดินออกไป
“ผมไปทานข้าวนะ”
“ครับบอส” เลขาหนุ่มรับคำอย่างงงๆ
ท่อนขาแข็งแกร่งเปลี่ยนเป้าหมายตรงไปที่ห้องเก็บแฟ้มเอกสารแทนที่จะออกไปทานอาหารตามที่แจ้งเลขาหนุ่มไว้ นทีเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ แล้วเริ่มสอดส่ายสายตาหาร่างของคนที่เขาใช้ให้มาหาเอกสาร
ขายาวก้าวเข้าไปอย่างเงียบเชียบ สายตาเฉียบคมเพ่งมองแผ่นหลังบอบบางที่ตอนนี้กำลังเริ่มรื้อแฟ้มออกมาวางกองไว้ข้างล่างตู้เก็บเอกสาร
ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวบวกกับห้องที่ไม่มีแอร์ ทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ร่างบางสวมใส่อยู่ตอนนี้เริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ ยิ่งร่างสูงเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้มองเห็นเค้าโครงเสื้อชั้นในสีขาวสะอาดใต้เสื้อเชิ้ตตัวโปร่งได้ชัดเจนขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
‘หึ! ทุเรศลูกตาชะมัด กะจะใส่มาอ่อยไอ้เลขาหน้าห้องสิ่นะ’ ร่างสูงคิดในใจ ก่อนจะละสายตาออกมาพร้อมกับยืนกอดอกพิงหลังกับผนังแล้วมองดูร่างบางที่กำลังหาแฟ้มอย่างขะมักเขม้น
“ว้าย!!!!!!” ร่างบางของทอรุ้งหันมาแล้วแผดเสียงร้องอย่างตกใจที่เห็นนทียืนกอดอกจ้องตนเองอยู่ แฟ้มที่ถือประครองอยู่เลื่อนหลุดออกจากมือ สันแฟ้มตกถูกเท้าเธอเข้าอย่างจัง
“เป็นบ้าอะไรของเธอห้ะ?!” นทีตอบกลับอย่างตกใจไม่แพ้กัน
“ก็ใครใช้ให้คุณมายืนไม่ให้ซุ่มให้เสียงคะ? ฉันก็ตกใจสิ” ร่างบางตอบกลับ ขมวดคิ้วมุ่น เพราะเริ่มรู้สึกเจ็บแปล๊บตรงบริเวณหน้าเท้าที่โดนสันแฟ้มตกใส่
“ก็นี่มันบริษัทฉัน ฉันจะไปเดินที่ไหน ทำอะไรก็ได้ โดยเฉพาะยิ่งถ้ามีคนที่ไม่น่าไว้ใจอย่างเธอมาเดินเข้านอกออกในแบบนี้ เกิดความลับบริษัทฉันรั่วไหลไป ฉันจะได้เอาผิดถูก”
ร่างสูงตอบกลับอย่างยียวน ก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปดูที่ปลายเท้าของร่างบาง แค่เพียงพริบตาสายตาคมก็เก็บลายละเอียดได้ทั้งหมด
ใช่ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามซ่อนสีหน้ายังไง เขาก็เดาออกอยู่ดีว่าแฟ้มต้องโดนเท้าเธอไม่มากก็น้อย ก็แม่คุณเล่นทิ้งแฟ้มลงไปแบบนั้น ‘ยัยซุ่มซ่ามเอ้ย!’
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะนี่ก็เป็นบริษัทที่เลี้ยงดูส่งเสียให้ฉันเรียนมาจนถึงตอนนี้เหมือนกัน ฉันไม่ตัดอู่ข้าวอู่น้ำตัวเองหรอกค่ะ” ร่างบางตอบกลับอย่างเอือมระอา
“หึ! ปากเก่งใช้ได้หนิ”
ร่างสูงที่ได้ยินคำประชดจากปากบางก็สติหลุดทันที ร่างสูงปรี่เข้าไปหาร่างบาง มือหนาคว้าหมับบีบไปบนสันกรามใต้คางเรียวนั่น จนหน้าเล็กยู่ไปเพราะแรงบีบ
“ปล่อยนะคะ ฉันเจ็บนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงอู้อี้เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม มือของร่างบางคว้าแขนของเขาเอาไว้ ปัดป้องให้ร่างหนาคลายแรงที่บีบลง ส่วนมืออีกข้างทุบไปที่ไหล่แกร่งบอกให้ร่างสูงปล่อยตน หน่วยน้ำตาเริ่มมาคลอกันที่หน่วยตากลมเพราะเจ็บจากการกระทำอันป่าเถื่อน
“หึ! ทำไมหล่ะ ทำไมไม่ปากเก่งแบบเมื่อกี้อีก? เธอกำลังคาดหวังอะไรเหรอ? เธอหวังเหรอว่าฉันจะให้เธอเดินลอยหน้าลอยตาไปมา ในขณะที่รตีต้องตาย! ฝึกงาน 3 เดือนอย่างงั้นเหรอ? ฉันไม่มีความอดทนขนาดนั้นหรอกนะ แค่หายใจร่วมห้องเดียวกันกับเธอฉันก็จะอ้วกแล้ว!”
ร่างสูงปล่อยมือพร้อมกับผลักร่างบางออกไปจนแผ่นหลังบางกระแทกเข้ากับตู้เก็บเอกสารอย่างจัง
“ฮึก! ฉันรู้ค่ะว่าคุณเกลียดและอึดอัดมากที่ฉันยังอยู่ตรงหน้าคุณอย่างนี้ แต่ขอร้องคุณช่วยอดทนอีกแค่ 3 เดือนได้มั้ยคะ? แล้วฉันจะออกไปจากอัศวตรีนานนท์เอง ไปแบบไม่มาให้คุณ ฮึก! ไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย”
ร่างบางสะอึกสะอื้นบอกกับร่างสูง ความเสียใจและกดดันพรั่งพรูออกมาเป็นน้ำตาจนร่างสูงเองยังทนมองไม่ได้
“ถ้าเลือกได้คนที่ควรเป็นคนที่ถูกรถชนวันนั้นควรเป็นฉัน ฉันรู้ดีค่ะ แต่ขอร้องนะคะ ให้ฉันได้ ฮึก! ได้ฝึกงานที่นี่จนจบ ให้ฉันได้ตอบแทนคืนคุณท่านทั้งหมด แล้วฉันจะเป็นคนไปเองค่ะ คุณนทีไม่ต้องห่วงนะคะ คุณจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีกเลย” ร่างบางมองเงยหน้ามองร่างสูงด้วยสายตาเสียใจ และร้องขอความเห็นใจ
น้ำตาบนกรอบหน้าสวยนั่นเริ่มทำให้นทีสั่นคลอน ความสงสาร ความเอ็นดูที่เคยมีให้ร่างบางตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มอารมณ์เย็นลง
‘มารยา! อย่าไปเชื่อเธอ ระตีตายก็เพราะเธอนะ อย่าลืมสิวะไอ้ที!’ เสียงในใจเริ่มคัดค้านอีกครั้ง ร่างสูงสะบัดหน้าไปมา ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่ร่างบาง
“ตอนที่ระตีตายเขาก็ไม่เคยมีโอกาสร้องขออะไร แล้วเธอคิดว่าเธอควรได้รับมันอย่างนั้นเหรอ หึ! ไม่มีวัน คนอย่างเธอมันต้องตกต่ำให้ถึงที่สุด เธอกล้าพูดมาได้ยังไงว่าอยากเรียนจบ ได้ไปมีชีวิตที่ดีๆ ในขณะที่ระตีไม่มีแม้กระทั่งชีวิตให้เหลือด้วยซ้ำ! ยัยฆาตกร!” นทีตอบกลับเสียงดังแต่น้ำเสียงกลับสั่นเครืออย่างควบคุมไม่ได้
สายตาคมกริบจ้องมองราวกับจะให้ร่างบางสลักความเจ็บปวดจากการกระทำของตัวเธอเองลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่เธอจะรับได้ เขาอยากให้เธอได้รับรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอทำให้เขาอยู่อย่างคนไร้หัวใจขนาดไหน
ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยหลับสนิทเลย ตั้งแต่ระตีจากไป เหมือนเธอได้พาหัวใจอีกครึ่งหนึ่งของเขาตายจากไปด้วย แล้วเขาจะมีชีวิตด้วยหัวใจแค่ครึ่งดวงได้อย่างไร?
ร่างสูงก้าวเข้าไปแนบชิดจนร่างกายแทบจะรวมกันเป็นเนื้อเดียวกับร่างบาง ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ จากกันและกัน
ใบหน้าคร้ามก้มลงไประดับเดียวกันกับกรอบหน้าสวย ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ร่างสูงพ่นออกมา ก่อนที่เขาจะเอ่ยว่า
“เก็บกวาดให้เรียบร้อยซะ แล้วเลิกฝันไปได้เลยเรื่องที่เธอจะหนีออกไปเสวยสุข ฉันจะเป็นเหมือนฝันร้ายของเธอเองทอรุ้ง”
ร่างสูงถอยหลังแล้วก้าวจากไป ทิ้งให้ร่างบางยืนใจสั่นจากความใกล้ระยะประชิดที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่คนเดียว มือบางยกขึ้นมากุมตรงอกด้านซ้าย พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อให้หัวใจของเธอไม่ทำงานหนักมากนัก
“เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆ นี่จะจบสักทีนะ ต้องให้รุ้งตายไปเลยสินะคุณถึงจะพอใจ” ทอรุ้งพึมพำคนเดียวเบาๆ ก่อนจะเริ่มเก็บของ แล้วแยกแฟ้มที่ต้องใช้ข้อมูลออกมาไว้ ก่อนจะออกจากห้องเก็บเอกสารตรงกลับไปที่ห้องทำงานของตน
ทุกจังหว่ะการก้าวเท้าเธอรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด แต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะตอนนี้สิ่งที่เจ็บที่สุดไม่ใช่ความเจ็บที่เกิดขึ้นบนร่างกาย หากแต่เป็นที่จิตใจของเธอต่างหาก
-------------------------------------
น้องรุ้งสู้ๆ วันนี้พอซอว่างเลยมาอัพให้ทุกคนอ่านก่อน 7 ตอน
เป็นกำลังใจให้น้องรุ้งกับพี่ทีด้วยนะคะ
ทุกคนสามารถทักทายพูดคุยกับพอซอได้ในทวิตเตอร์ : @porzor1995
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
จะมีชีวิตด้วยหัวใจแค่ครึ่งดวงได้อย่างไร?
การฝึกงานของทอรุ้งไม่ค่อยมีอะไรยุ่งมากนัก แค่คอยเป็นคนเตรียมเอกสารวาระการประชุม หรือจัดเอกสารช่วยอัศนัยบ้างนิดหน่อย แต่ตั้งแต่ที่เจ้าของห้องประธานบริษัทกลับมาเธอรู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างหนักเหลือเกิน
เขาไม่ปล่อยให้เธอมีเวลานั่งพักสักนิด สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือการจัดตารางนัด และช่วยอัศนัยหาเอกสารเวลาที่นทีต้องการ ใช่ เธอรู้ว่ากำลังโดนเขากลั่นแกล้ง
“ฉันขอผลประกอบการณ์ย้อนหลัง 10 ปี” นทีโทรออกมาสั่งงาน หลังจากที่เมื่อวันก่อน เขาให้เธอหาทาร์เก็ตลูกค้าย้อนหลัง 5 ปี
“เห้อ” ร่างบางถอนหายใจออกมาหลังจากที่ร่างสูงวางสายไปแล้ว
“วันนี้ให้หาอะไรอีกหล่ะ?” รุ่นพี่หนุ่มเอ่ยถาม หลังจากที่เห็นปฏิกิริยาร่างบาง
เขาค่อนข้างมั่นใจว่าบอสต้องสั่งให้ทอรุ้งหาอะไรสักอย่าง เพราะเมื่อวานหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ เขาเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานได้สักพักก็เห็นร่างบางยกแฟ้มทาร์เก็ตลูกค้าพะรุงพะรังออกมา
ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาร่วมเดือน ก็พึ่งจะเคยเห็นร่างบางผมเผ้ารุงรัง เหงื่อมากมายผุดให้เห็นบนกรอบหน้าสวยแบบนี้
“ผลประกอบการณ์ย้อนหลัง 10 ปีค่ะพี่อาร์” ริมฝีปากบางตอบกลับก่อนจะยกยิ้มเนือยๆ ส่งให้รุ่นพี่หนุ่ม
“งั้นเดี๋ยวรุ้งขอตัวไปห้องเก็บเอกสารเลยนะคะ มีอะไรด่วนโทรเข้ามือถือรุ้งได้เลยค่ะ” ร่างบางกล่าวก่อนที่ขาเรียวยาวจะก้าวจากไป
“นี่อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ เมื่อวานรุ้งก็ไม่ได้กินมัวแต่หาเอกสาร” รุ่นพี่หนุ่มตะโกนไล่หลังร่างบางไปอย่างเป็นห่วง แต่คนที่ควรได้ยินกลับเดินเข้าไปในลิฟท์แล้ว
กลับกลายเป็นร่างสูงที่กำลังจะออกไปหาข้าวเที่ยงกินได้ยินแทน รอยยิ้มสาแก่ใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคร้ามทันที มือที่วางค้างอยู่บนลูกบิดประตูก็เปิดแล้วเดินออกไป
“ผมไปทานข้าวนะ”
“ครับบอส” เลขาหนุ่มรับคำอย่างงงๆ
ท่อนขาแข็งแกร่งเปลี่ยนเป้าหมายตรงไปที่ห้องเก็บแฟ้มเอกสารแทนที่จะออกไปทานอาหารตามที่แจ้งเลขาหนุ่มไว้ นทีเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ แล้วเริ่มสอดส่ายสายตาหาร่างของคนที่เขาใช้ให้มาหาเอกสาร
ขายาวก้าวเข้าไปอย่างเงียบเชียบ สายตาเฉียบคมเพ่งมองแผ่นหลังบอบบางที่ตอนนี้กำลังเริ่มรื้อแฟ้มออกมาวางกองไว้ข้างล่างตู้เก็บเอกสาร
ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวบวกกับห้องที่ไม่มีแอร์ ทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ร่างบางสวมใส่อยู่ตอนนี้เริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ ยิ่งร่างสูงเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้มองเห็นเค้าโครงเสื้อชั้นในสีขาวสะอาดใต้เสื้อเชิ้ตตัวโปร่งได้ชัดเจนขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
‘หึ! ทุเรศลูกตาชะมัด กะจะใส่มาอ่อยไอ้เลขาหน้าห้องสิ่นะ’ ร่างสูงคิดในใจ ก่อนจะละสายตาออกมาพร้อมกับยืนกอดอกพิงหลังกับผนังแล้วมองดูร่างบางที่กำลังหาแฟ้มอย่างขะมักเขม้น
“ว้าย!!!!!!” ร่างบางของทอรุ้งหันมาแล้วแผดเสียงร้องอย่างตกใจที่เห็นนทียืนกอดอกจ้องตนเองอยู่ แฟ้มที่ถือประครองอยู่เลื่อนหลุดออกจากมือ สันแฟ้มตกถูกเท้าเธอเข้าอย่างจัง
“เป็นบ้าอะไรของเธอห้ะ?!” นทีตอบกลับอย่างตกใจไม่แพ้กัน
“ก็ใครใช้ให้คุณมายืนไม่ให้ซุ่มให้เสียงคะ? ฉันก็ตกใจสิ” ร่างบางตอบกลับ ขมวดคิ้วมุ่น เพราะเริ่มรู้สึกเจ็บแปล๊บตรงบริเวณหน้าเท้าที่โดนสันแฟ้มตกใส่
“ก็นี่มันบริษัทฉัน ฉันจะไปเดินที่ไหน ทำอะไรก็ได้ โดยเฉพาะยิ่งถ้ามีคนที่ไม่น่าไว้ใจอย่างเธอมาเดินเข้านอกออกในแบบนี้ เกิดความลับบริษัทฉันรั่วไหลไป ฉันจะได้เอาผิดถูก”
ร่างสูงตอบกลับอย่างยียวน ก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปดูที่ปลายเท้าของร่างบาง แค่เพียงพริบตาสายตาคมก็เก็บลายละเอียดได้ทั้งหมด
ใช่ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามซ่อนสีหน้ายังไง เขาก็เดาออกอยู่ดีว่าแฟ้มต้องโดนเท้าเธอไม่มากก็น้อย ก็แม่คุณเล่นทิ้งแฟ้มลงไปแบบนั้น ‘ยัยซุ่มซ่ามเอ้ย!’
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะนี่ก็เป็นบริษัทที่เลี้ยงดูส่งเสียให้ฉันเรียนมาจนถึงตอนนี้เหมือนกัน ฉันไม่ตัดอู่ข้าวอู่น้ำตัวเองหรอกค่ะ” ร่างบางตอบกลับอย่างเอือมระอา
“หึ! ปากเก่งใช้ได้หนิ”
ร่างสูงที่ได้ยินคำประชดจากปากบางก็สติหลุดทันที ร่างสูงปรี่เข้าไปหาร่างบาง มือหนาคว้าหมับบีบไปบนสันกรามใต้คางเรียวนั่น จนหน้าเล็กยู่ไปเพราะแรงบีบ
“ปล่อยนะคะ ฉันเจ็บนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงอู้อี้เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม มือของร่างบางคว้าแขนของเขาเอาไว้ ปัดป้องให้ร่างหนาคลายแรงที่บีบลง ส่วนมืออีกข้างทุบไปที่ไหล่แกร่งบอกให้ร่างสูงปล่อยตน หน่วยน้ำตาเริ่มมาคลอกันที่หน่วยตากลมเพราะเจ็บจากการกระทำอันป่าเถื่อน
“หึ! ทำไมหล่ะ ทำไมไม่ปากเก่งแบบเมื่อกี้อีก? เธอกำลังคาดหวังอะไรเหรอ? เธอหวังเหรอว่าฉันจะให้เธอเดินลอยหน้าลอยตาไปมา ในขณะที่รตีต้องตาย! ฝึกงาน 3 เดือนอย่างงั้นเหรอ? ฉันไม่มีความอดทนขนาดนั้นหรอกนะ แค่หายใจร่วมห้องเดียวกันกับเธอฉันก็จะอ้วกแล้ว!”
ร่างสูงปล่อยมือพร้อมกับผลักร่างบางออกไปจนแผ่นหลังบางกระแทกเข้ากับตู้เก็บเอกสารอย่างจัง
“ฮึก! ฉันรู้ค่ะว่าคุณเกลียดและอึดอัดมากที่ฉันยังอยู่ตรงหน้าคุณอย่างนี้ แต่ขอร้องคุณช่วยอดทนอีกแค่ 3 เดือนได้มั้ยคะ? แล้วฉันจะออกไปจากอัศวตรีนานนท์เอง ไปแบบไม่มาให้คุณ ฮึก! ไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย”
ร่างบางสะอึกสะอื้นบอกกับร่างสูง ความเสียใจและกดดันพรั่งพรูออกมาเป็นน้ำตาจนร่างสูงเองยังทนมองไม่ได้
“ถ้าเลือกได้คนที่ควรเป็นคนที่ถูกรถชนวันนั้นควรเป็นฉัน ฉันรู้ดีค่ะ แต่ขอร้องนะคะ ให้ฉันได้ ฮึก! ได้ฝึกงานที่นี่จนจบ ให้ฉันได้ตอบแทนคืนคุณท่านทั้งหมด แล้วฉันจะเป็นคนไปเองค่ะ คุณนทีไม่ต้องห่วงนะคะ คุณจะไม่ได้เห็นหน้าฉันอีกเลย” ร่างบางมองเงยหน้ามองร่างสูงด้วยสายตาเสียใจ และร้องขอความเห็นใจ
น้ำตาบนกรอบหน้าสวยนั่นเริ่มทำให้นทีสั่นคลอน ความสงสาร ความเอ็นดูที่เคยมีให้ร่างบางตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มอารมณ์เย็นลง
‘มารยา! อย่าไปเชื่อเธอ ระตีตายก็เพราะเธอนะ อย่าลืมสิวะไอ้ที!’ เสียงในใจเริ่มคัดค้านอีกครั้ง ร่างสูงสะบัดหน้าไปมา ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่ร่างบาง
“ตอนที่ระตีตายเขาก็ไม่เคยมีโอกาสร้องขออะไร แล้วเธอคิดว่าเธอควรได้รับมันอย่างนั้นเหรอ หึ! ไม่มีวัน คนอย่างเธอมันต้องตกต่ำให้ถึงที่สุด เธอกล้าพูดมาได้ยังไงว่าอยากเรียนจบ ได้ไปมีชีวิตที่ดีๆ ในขณะที่ระตีไม่มีแม้กระทั่งชีวิตให้เหลือด้วยซ้ำ! ยัยฆาตกร!” นทีตอบกลับเสียงดังแต่น้ำเสียงกลับสั่นเครืออย่างควบคุมไม่ได้
สายตาคมกริบจ้องมองราวกับจะให้ร่างบางสลักความเจ็บปวดจากการกระทำของตัวเธอเองลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่เธอจะรับได้ เขาอยากให้เธอได้รับรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอทำให้เขาอยู่อย่างคนไร้หัวใจขนาดไหน
ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยหลับสนิทเลย ตั้งแต่ระตีจากไป เหมือนเธอได้พาหัวใจอีกครึ่งหนึ่งของเขาตายจากไปด้วย แล้วเขาจะมีชีวิตด้วยหัวใจแค่ครึ่งดวงได้อย่างไร?
ร่างสูงก้าวเข้าไปแนบชิดจนร่างกายแทบจะรวมกันเป็นเนื้อเดียวกับร่างบาง ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ จากกันและกัน
ใบหน้าคร้ามก้มลงไประดับเดียวกันกับกรอบหน้าสวย ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ร่างสูงพ่นออกมา ก่อนที่เขาจะเอ่ยว่า
“เก็บกวาดให้เรียบร้อยซะ แล้วเลิกฝันไปได้เลยเรื่องที่เธอจะหนีออกไปเสวยสุข ฉันจะเป็นเหมือนฝันร้ายของเธอเองทอรุ้ง”
ร่างสูงถอยหลังแล้วก้าวจากไป ทิ้งให้ร่างบางยืนใจสั่นจากความใกล้ระยะประชิดที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่คนเดียว มือบางยกขึ้นมากุมตรงอกด้านซ้าย พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อให้หัวใจของเธอไม่ทำงานหนักมากนัก
“เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆ นี่จะจบสักทีนะ ต้องให้รุ้งตายไปเลยสินะคุณถึงจะพอใจ” ทอรุ้งพึมพำคนเดียวเบาๆ ก่อนจะเริ่มเก็บของ แล้วแยกแฟ้มที่ต้องใช้ข้อมูลออกมาไว้ ก่อนจะออกจากห้องเก็บเอกสารตรงกลับไปที่ห้องทำงานของตน
ทุกจังหว่ะการก้าวเท้าเธอรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด แต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะตอนนี้สิ่งที่เจ็บที่สุดไม่ใช่ความเจ็บที่เกิดขึ้นบนร่างกาย หากแต่เป็นที่จิตใจของเธอต่างหาก
-------------------------------------
น้องรุ้งสู้ๆ วันนี้พอซอว่างเลยมาอัพให้ทุกคนอ่านก่อน 7 ตอน
เป็นกำลังใจให้น้องรุ้งกับพี่ทีด้วยนะคะ
ทุกคนสามารถทักทายพูดคุยกับพอซอได้ในทวิตเตอร์ : @porzor1995
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ