นิล

-

เขียนโดย anawat

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 23.16 น.

  11 ตอน
  5 วิจารณ์
  2,478 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2566 10.51 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) บทที่แปด มือที่เปื้อนเลือด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

นิล

ปริศนาโรงเรียนอาถรรพ์

บทที่แปด  มือที่เปื้อนเลือด

 

ชมรมวิจัยหุ่นยนตร์

   ในยามเช้าที่เหล่าคนในชมรมพึ่งมาเรียน  พวกเขาต่างเดินคุยกันมาอย่างสนุกสนานจนออกรสชาติ  แต่เมื่อพวกเขาเปิดประตูของชมรมออกมานั้น  พวกเขาต่างก็ต้องตกตะลึงไปตามๆกัน  เพราะหุ่นที่พวกเขาเพียรพยายามสร้างขึ้นมานั้น  มันได้หายไปตัวนึง

                         “เมื่อวานได้มีใครเอาศูนย์หนึ่งออกไปไหนไหม”

   ทุกคนต่างส่ายหน้าพร้อมๆกัน  แต่สีหน้าของทุกคนต่างบ่งบอกถึงความตกใจ  และใจหายไปตามๆกัน  มันเป็นสีหน้าที่ไม่มีความโกหกเจือปนอยู่แต่อย่างใด  นั่นจึงทำให้เชื่อได้ว่า  หุ่นในชมรมของพวกเขา  มันได้หายไป  โดยฝีมือของใครบางคน  ที่ไม่ใช่คนในชมรมอย่างแน่นอน

ห้องเรียน

   พวกเพื่อนของเจนทั้งสามคน  ที่มาโรงเรียนแต่เช้า  เพื่อจะรอดักหาเรื่องเจนอยู่นั้น  ดูเหมือนในวันนี้มันไม่เหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา  เพราะตัวของเจนนั้น  เขามาสายจนผิดปกติ  ทำให้พวกเธอในยามนี้เอง  โมโหเป็นอย่างมาก

                         “เจนมันไปไหนของมัน  ทำไมมันยังไม่มาสักที” เอมกล่าว

                         “ใจเย็นๆน่า  มันไม่กล้าหนีพวกเราไปไหนหรอก” สุกัญญากล่าว

   ซึ่งก็เป็นจริงตามที่กล่าว  เพราะเมื่อสิ้นเสียงของสุกัญญา  เจนก็เดินเข้ามาในห้องเรียน  ด้วยสภาพตัวที่มีเศษของไม้ติดอยู่

                         “นั่นไง  เดินมานั่นแล้วไง” สุกัญญากล่าว  พลางชี้ไปที่เจน

   เอมที่เห็นดังนั้น  เธอเตรียมจะหันไปโวยวายเจน  แต่ทั้งหมดกลับต้องประหลาดใจ  เพราะสายตาของเจนในยามนี้  มันแปลกประหลาดไปกว่าทุกครั้ง  เพราะสายตาของเธอ  มันบ่งบอกถึงความเด็ดเดี่ยว  และไม่เกรงกลัวไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตาม  แต่เมื่อเธอเดินมาที่เพื่อนของเธอทั้งสี่คน  เธอกลับยิ้มออกมา  และกล่าวทักทายเพื่อนของเธอไป

                         “สวัสดีเพื่อนๆของชั้น”

   เจนกล่าวทักทายเพื่อนของเธออย่างสนิทสนม  ซึ่งด้วยกิริยาท่าทางแบบนั้นของเจน  ได้สร้างความไม่พอใจให้แกเพื่อนทั้งสามของเธอเป็นอย่างมาก  มันเป็นท่าทางที่ดูเย้ยหยั่น  และอวดดีที่เจนแสดงออกมา  นั่นจึงทำให้เอมผลักเจนจนร่างของเธอเซล้มลงไกระแทกกับพื้นอย่างแรง

                         “แกคิดจะอวดดีกับพวกชั้นเหรอ”

   เจนไม่ได้ตอบอะไร  แต่เธอยิ้มที่มุมปากออกมาเล็กน้อย  และเดินออกจากห้องไปด้วยความเงียบงัน

                         “นั่นแกคิดจะหนีไปไหนกัน”

                         “พอดีชั้นท้องเสียนิดหน่อยน่ะ”

   สิ้นเสียงเจน  เธอเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบงัน  แต่ที่ทำให้ทั้งสามคนต่างขนลุกไปตามๆกัน  เพราะเธอได้หัวเราะออกมาเบาๆ  ก่อนที่เธอจะเดินหายรับไปจากสายตาของเพื่อนทั้งสี่คนของเธอ  และในชั่วโมงที่เข้าแถวในวันนั้น  ทั้งสามคนต่างก็ไม่เห็นร่างของเจน  พวกเธอต่างเข้าใจกันว่า  เจนคงท้องเสียมาไม่ไหว  จึงแอบไปนอนพักที่แห่งพยาบาล  แต่พวกเธอก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด  เพราะในสายตาของทั้งสามคนในยามนี้  เจนเหมือนเป็นแค่เครื่องมือในการระบายอารมณ์เพียงเท่านั้น  จะมีเจนอยู่  หรือไม่มี  มันก็ไม่ต่างกันมากนัก  แต่เมื่อพวกเธอกลับมาที่ห้องเรียน  พวกนักเรียนทุกคนต่างก็ต้องพบกับความหวาดกลัวอีกครั้ง  เมื่อบนกระดานดำที่เอาไว้เขียนหนังสือนั้น  มันมีข้อความเขียนเอาไว้ด้วยเลือด

                         “กูจะเอาชีวิตมึง”

   สุกัญญากลืนน้ำลายลงคอ  ก่อนที่เธอจะกล่าวออกมา

                         “ใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้กัน”

   ทุกคนในห้องต่างมองหน้ากันอย่างลนลาน  จนกระทั่งมีนักเรียนคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา

                         “หรือว่า  นี่จะเป็นคำสาปของตึกเก่ากัน”

   สิ้นคำพูดของนักเรียนคนนั้น  เสียงอื้ออึงในห้องจึงเริ่มกลับมาดังขึ้นอีกครั้ง  ทุกคนต่างถกเถียงกันในเรื่องนี้  และเหลียวมองมาที่ทั้งสามคน  เพราะมีคนเห็นทั้งสามคน  รวมทั้งเจนด้วย  ได้ไปที่ตึกเก่า  นั่นจึงทำให้ทั้งสามคนเอง  ต่างก็หน้าเสียไปด้วยตามๆกัน  สุกัญญาที่เห็นทั้งห้องเริ่มมองมาที่พวกเธอ  เธอจึงโวยวายออกไป

                         “ทองอะไรกัน  พวกเธอจะบอกว่านี่เป็นความผิดของพวกชั้นเหรอ”

   สิ้นเสียงสุกัญญา  เจนที่ค่อยๆเดินเข้ามาในห้องเรียน  ต่างงุนงงกับสิ่งที่คนทั้งห้องเป็นอยู่ในตอนนี้  เธอมองไปรอบๆห้อง  แต่สายตาของเธอก็ต้องไปหยุดอยู่ที่จุดเดียวกับทุกคน  นั่นคือที่กระดานดำ  เธอจึงอุทานออกมา  เหมือนกับที่ทุกคนพูด

                         “นี่มัน  หรือว่าจะเป็นคำสาปที่ตึกเก่า  งั้นคนที่โดนคำสาปก็คงเป็น”

   เจนหันไปมองคนที่เธอเรียกว่าเพื่อนทั้งสามคน

                         “แกจะหาว่าพวกชั้นโดนคำสาปงั้นเหรอห๊ะ  งั้นแกเองก็โดนเหมือนกันนั่นแหล่ะ  เพราะวันนั้นตัวแกเองก็เข้าไปที่นั่นกับพวกชั้นด้วยนิ”

   เอมเริ่มโวยวายใส่เจน  พร้อมทั้งเดินเข้ามาผลักเจนซะจนล้มไปอีกครั้ง  แต่สีหน้าของทั้งสามคนในยามนี้  มันบ่งบอกถึงความหวาดหวั่นในสิ่งที่เขียนอยู่บนกระดานดำอย่างเห็นได้ชัด  เจนหัวเราะออกมาเบาๆให้กับเพื่อนเธอทั้งสามคน

                         “ชั้นไม่โดนหรอกคำสาปน่ะ  เพราะชั้นแก้มันเรียบร้อยแล้วไง”

   สิ่งที่เจนพูดออกมา  ทำให้ทั้งห้องต่างคุยกันอื้ออึงอีกครั้ง  เจนลุกขึ้นมาจากพื้น  และเดินตรงไปที่เพื่อนของเธอทั้งสามคน  พร้อมทั้งกล่าวกับทั้งสามคน

                         “ถ้าพวกเธออยากแก้คำสาปล่ะก็  ตามชั้นมาสิ”

   สิ่งที่เจนพูดออกมา  มันทำให้ทั้งสามคนรู้สึกอับอาย  ที่ต้องหวังพึ่งคนที่พวกเธอมองเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์  กระนั้นสุกัญญาจึงโวยวายใส่เจนอีกครั้ง  ก่อนที่พวกเธอจะเดินหนีออกมาจากห้องไป

                         “ไร้สาระ  อย่ามาพูดเพ้อเจ้อหน่อยเลยน่า  คำสาปอะไรนั่นมันไม่มีอยู่จริงหรอก”

   เจนมองตามหลังทั้งสามคนที่เดินออกจากห้องไป  แต่เมื่อสิ้นเสียงอื้ออึง  อาจารย์ที่สอนวิชาแรกก็เดินเข้ามา  ก่อนที่เธอจะตกใจกับข้อความที่เขียนอยู่บนกระดานดำอีกครั้ง  พร้อมทั้งบอกให้เหล่านักเรียน  ช่วยกันทำความสะอาดกระดานให้เรียบร้อย  และเริ่มคาบเรียน  โดยที่พวกของสุกัญญาเลือกที่จะโดดเรียนไป  แต่ในเวลาพักเที่ยง  เจนที่เดินอยู่คนเดียว  ได้โดนใครบางคนกระชากเธอไปที่หลังตึกเรียน  คนคนนั้นผลักเธอติดกำแพง  เจนจึงลองสังเกตดูดีๆ  คนคนนั้นก็คือเอม  แต่ในครั้งนี้เธอมาคนเดียว

                         “เธอน่ะ  มีวิธีแก้คำสาปจริงๆเหรอ”

   เจนยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อย  เป็นการแสดงออกว่า  สิ่งที่เธอคิดอยู่นั้น  มันเป็นจริงจริงๆด้วย  ทุกคนล้วนกลัวความตายกันทั้งนั้น  และเอมเองก็เช่นกัน  เจนมองว่าคนแบบพวกเอม  ล้วนรักชีวิตมากกว่าที่จะเห็นค่าชีวิตของคนอื่น  เธอจึงมั่นใจว่ายังไงพวกเอมต้องมาขอความช่วยเหลือจากเธอแน่

                         “เย็นนี้หลังเลิกเรียนมาหาชั้นที่หน้าตึกเก่า  ชั้นจะพาเธอไปยังที่แก้คำสาปเอง”

   เอมพยักหน้าตอบรับคำกล่าวของเจนอย่างว่าง่าย  ผิดวิสัยกับเอมที่ชอบทำลายร่างกาบของเจนก่อนหน้านี้อย่างลิบลับ

                         “มันจะแก้ได้จริงๆใช่ไหม” เอมย้ำกับเจนอีกครั้ง

                         “เชื่อชั้นสิ  ชั้นเคยโกหกเธอด้วยเหรอ”

                         “อืม  แต่เธออย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับพวกเค้กนะ  ชั้นไม่อยากให้พวกนั้นรู้น่ะ”

   เจนพยักหน้าเป็นคำตกลง  ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไป  และเริ่มเข้าเรียนในคาบบ่าย  โดยในครั้งนี้  ทั้งสามคนที่โดดเรียนในคาบแรก  ได้กลับเข้ามาเรียนอย่างปกติ  จนกระทั้งหลังเลิกเรียน

                         “เอม  กลับกันรึยัง” สุกัญญากล่าว

                         “พวกเธอกลับกันก่อนเลย  พอดีชั้นมีเรื่องต้องจัดการกับยัยนั่นก่อนน่ะ” เอมชี้ไปที่เจน “เรื่องที่มันมาหาว่าพวกเราโดนคำสาปบ้าบออะไรนั่นน่ะ”

                         “จริงด้วย  งั้นชั้นอยู่ด้วยคนแล้วกัน”

   เอมร้องห้ามออกมาเป็นการใหญ่  พลางไล่ให้ทั้งสองคนรีบกลับบ้านไปก่อน

                         “ไม่ต้องๆ  แค่ชั้นคนเดียวก็พอแล้ว”

   สุกัญญากับเค้กประหลาดใจในสิ่งที่เอมทำ  แต่พวกเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  ทั้งสองคนเข้าใจว่าเพื่อนของเธออาจจะอยากจัดการเป็นการส่วนตัว  พวกเธอจึงยอมกลับไปแต่โดยดี

                         “ก็ได้  จัดการให้เด็ดขาดเลยนะ”

   แล้วทั้งสองคนก็กลับไป  เหลือเพียงเอมกับเจนเพียงเท่านั้น

                         “ไปกันเถอะ” เจนกล่าว  พลางลุกเดินนำเอมไปที่ตึกเก่า  เอมเดินตามมาอย่างว่าง่าย  แต่ท่าทีของเธอบ่งบอกถึงความไม่สบายใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

                         “มันจะถอนคำสาปได้จริงๆใช่ไหม”

                         “ไม่ต้องกลัวหรอก  ชั้นจะไม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างแน่นอน”

   สิ้นเสียงเจน  ทั้งคู่ต่างรีบเดินไปที่ตึกเก่า  ที่ในยามนี้  แสงอาทิตย์ยามเย็นได้สาดแสงลงมา  ทำให้ตึกเก่าที่มองเห็นได้ชัดเจนในยามเช้า  โดนแสงของดวงอาทิตย์บดบังจนมองแทบไม่เห็นอะไรเลย  และมุ่งหน้าไปที่ชั้นสาม  ยิ่งใกล้ขึ้นไปยังตึกที่มีเรื่องเล่ามากเท่าไหร่  ท่าทีหวาดกลัวของเอมยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

                         “อย่าบอกนะ  ว่าเราจะไปที่ชั้นสามกันน่ะ”

                         “อืม  วิธีถอนคำสาปน่ะ  มันถูกเขียนเอาไว้ที่ชั้นสาม  ตอนที่ชั้นถอนคำสาปของชั้น  ชั้นย้อนกลับมาที่ห้องนี้  และชั้นเห็นมันเขียนแปะเอาไว้ที่ข้างล็อกเกอร์น่ะ  ชั้นเลยลองเปิดล็อกเกอร์ดู  ข้างในนั้น  มันมีอุปกรณ์สำหรับทำพิธีอยู่พร้อมเลยล่ะ  นั่นหมายความว่า  เคยมีคนมาแก้คำสาปก่อนหน้าเราไปแล้วไงเล่า”

                         “งั้นเหรอ” เอมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “งั้นชั้นค่อยสบายใจได้หน่อย”

   ทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องเรียนห้องหนึ่งของชั้นสาม  เจนหันไปกล่าวกับเอม  พลางเดินเข้าไปยังในห้อง

                         “รอเดี๋ยวนะ  ชั้นไปเอาอุปกรณ์ก่อน”

   แต่ในขณะที่เอมรอเจนอยู่นั้น  เธอเห็นร่างของเจนเดินเข้าไปมนห้อง  เพียงชั่วขณะ  ดวงตาของเธอเกิดความพล้ามัว  เหมือนมีอะไรมาบดบังสายตาของเธอก็มิปาน  และในอึดใจนั้นเอง  เงาสีดำของอะไรบางอย่าง  ที่มันมีดวงตำสีแดงก่ำได้ปรากฏต่อหน้าเธอ  เธอร้องกรี๊ดออกมายกใหญ่  พลางตะโกนเรียกเจนให้หันมามองเธอ เงาดำนั้นค่อยๆคลืบคลานเข้ามาใกล้เธอ  เธอค่อยๆถอยหลังไป  จนร่างของเธอไปติดอยู่ที่ระเบียงของชั้นสาม  เธอหมดปัญญาที่จะถอยหนีได้  แต่ในขณะที่สายตาของเธอจ้องมองเงาสีดำนั่นอยู่นั้น  ได้มีมือมือหนึ่ง  มาผลักร่างของเธออย่างแรง  จนร่างของเธอกระเด็นตกระเบียงไป  สายตาสุดท้ายของเธอ  มันคือร่างของผู้ที่ผลักเธอตกลงมานั้น  ก็คือเจนนั้นเอง

   ร่างของเอทตกลงไปกระแทกพื้น  ร่างกายของเธอบิดเบี้ยวไปทุกส่วนจากแรงกระแทก  ผู้คนบางส่วนที่ยังไม่กลับบ้านกันนั้น  ต่างร้องตกใจกันระงม  บางส่วนที่ตั้งสติได้  รีบวิ่งไปตามรปภ.  ให้มาดูที่เกิดเหตุ  ข้างล่างต่างวุ่นวายกันไปหมด  ส่วนเจนเมื่อจัดการตามแผ่นเรียบร้อยแล้ว  ร่างของเธอมันเหมือนคนที่ไร้เรี่ยวแรง  เธอทรุดตัวลงกับพื้น  ใบหน้าของเธอบ่งบอกถึงความดีใจที่ได้แก้แค้นคนที่เธอเกลียด  แต่ดวงตาของเธอกลับมีน้ำตามากมายหลั่งไหลออกมาที่บ่งบอกถึงความเศร้าเสียใจ  ที่ลงมากับคนที่เธอเองก็คิดว่าเป็นเพื่อน  และร่างกายที่สั่นเทาจากการหวาดกลัวที่ลงมือฆ่าคนเป็นคนครั้งแรก  ทุกอย่างล้วนผสมปนเปกันไปหมด  พร้อมกับคำพูดของเธอที่บ่นพึมพำอยู่ตลอดเวลา

                         “ชั้นทำได้แล้ว  ชั้นฆ่ามันไปแล้ว”

   เหตุการณ์ในครั้งนั้น  ตำรวจต่างลงความเห็นกันว่า  คือคดีฆ่าตัวตายที่เกิดจากความเครียดในการเรียนของเด็กสาว  เพราะเอมอยู่ห้องหนึ่ง  ที่เป็นห้องที่เด็กทุกคนต่างตั้งใจเรียนกันอย่างเคร่งครัด  แต่สุกัญญากลับไม่เห็นเป็นแบบนั้น  เธอทำร้ายร่างกายเจนอย่างหนัก  เพราะคนสุดท้ายที่อยู่กับเจนเมื่อวานนั้น  ก็คือเจนที่เอมบอกจะเคลียด้วย  แต่ในครั้งนี้มันต่างจากทุกครั้ง  เพราะความตายของเอม  ทำให้เค้กที่ตระหนักได้ว่า  เพื่อนของเธอนั้นเริ่มไม่มีแล้วในยามนี้  ทำให้เธอร้องห้ามสุกัญญาทุกครั้ง  ที่เธอคิดจะทำร้ายเจน  และเมื่อเวลาผ่านไป  เรื่องนี้ก็ได้เงียบงันลงไป  เหลือไว้เพียงความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยมีเพื่อนที่ชื่อว่าเอมอยู่ในห้องเพียงเท่านั้น  ทั้งสามคนที่เหลือต่างก็ใช้ชีวิตกันไปจนกระทั้งขึ้นม.สาม  และทั้งสามคนก็เรียนจบในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น  และเข้าสู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 

   แต่พฤติกรรมของสุกัญญาเองก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย  เธอยังคงทำร้ายเจนเช่นเคย  แต่มันก็ไม่หนักเหมือนครั้งที่มีเอมอยู่  เหมือนเธอทำร้ายสุกัญญาแค่ระบายอารมณ์เพียงเท่านั้น  แต่เมื่อเอมตายไป  เรื่องสยองที่ตึกเก่าก็ไม่เคยฆ่าใครอีกเลย  ดั่งกับว่ามันได้เครื่องเซ่นสังเสยไปเรียบร้อยแล้ว  แต่ดูเหมือน  ความสงบสุขนั้นจะอยู่ได้เพียงไม่นาน  เพราะเป็นอีกครั้งหนึ่ง  ที่กระดานดำของห้องเรียนม.สี่นั้น  ได้เขียนข้อความเดียวกับเมื่อครั้งเอมอีกครั้ง  นั่นจึกสร้างความหวาดผวาให้คนทั้งห้องอีกครั้งหนึ่ง  สีหน้าหวาดกลัวของสุกัญญากับเค้กเผยให้เห็นอย่างชัดเจน  และเจนได้ยิ้มมุมปากอีกเช่นเคย  พร้อมทั้งกล่าวกับสุกัญญา

                         “ชั้นช่วยแก้คำสาปให้ได้นะ”

   สิ้นคำพูดของเจน  ฝ่ามือของสุกัญญาก็ได้ตบเข้าไปที่หน้าเจนอย่างจัง  เพราะคำพูดของเจน  มันได้ทำให้เธอนึกถึงเรื่องของเอมขึ้นมา

                         “ครั้งก่อนเธอเองก็พูดแบบนี้นี่  แล้วเป็นยังไงล่ะ  เอมต้องมาจบชีวิตเพราะแก”

                         “เพราะชั้นเหรอ  แล้วชั้นไปทำอะไรกันล่ะ”

   สิ้นคำพูดของเจน  ความโมโหของสุกัญญาจึงพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด  เธอเดินเข้าไปหมายจะทำร้ายเจน  แต่เค้กได้มาห้ามทั้งคู่เอาไว้อีกเช่นเคย  และเป็นจังหวะเดียวกับที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องเรียนเช่นกัน  แต่ในเย็นของวันนั้น  สุกัญญาได้พาเจนไปยังหลังโรงเรียน  และทำร้ายตามร่างกายเธออย่างหนัก  จนสมอารมณ์ของเธอแล้ว  เธอจึงกลับบ้านไป  แต่เจนได้หัวเราะ  และพูดทิ้งท้ายก่อนสุกัญญาจะจากไป

                         “เธอหนีคำสาปไม่รอดหรอก”

   สุกัญญาทำเป็นไม่ได้ยิน  และเดินจากไปจากตรงนั้น  ซึ่งในเช้าวันต่อมา  เจนรีบมาโรงเรียนแต่เช้า  เพราะเธอรู้ดี  ว่าสุกัญญาเองก็มาเช้าเช่นกัน  เธอแสร้งเดินให้สุกัญญาเห็นเธอ  และสุกัญญาตะโกนเรียกเธอ  แต่เธอทำเป็นไม่ได้ยิน  และเดินขึ้นตึกเก่าไป  สุกัญญาจึงเกิดความโมโหที่เจนทำเป็นไม่ได้ยินเธอ  และเดินตามสุกัญญาไปติดๆ  เธอเดินขึ้นไปที่ชั้นสาม  และเห็นร่างของเจนเข้าไปยังห้องเรียนห้องหนึ่ง  เธอจึงเดินตามไปด้วย  แต่เมื่อมาถึงหน้าห้องที่เจนเดินเข้าไปนั้น  เธอต้องตกใจยกใหญ่  เพราะร่างที่ปรากฏตรงหน้าเธอนั้น  มันเป็นเงาสีดำทมึฬ  ที่มีดวงตาสีแดงก่ำอย่างน่ากลัว  เงานั้นค่อยคืบคลานเข้ามาหาเธอ  ตัวเธอเองในตอนนี้  มีอาการไม่ต่างกับเอมเลย  เธอค่อยๆถอยหลังไปจนร่างของเธอไปติดกับระเบียง  และเช่นเคย  ในจังหวะที่เธอจ้องเงานั้นอยู่นั้น  มือของใครบางคนก็มาผลักเธออย่างแรง  จนเธอเกือบจะกรเด็นตกลงไปข้างล่าง  แต่มือของเธอคว้าไปที่แขนของเงาดำนั่น ทำให้รู้ว่าเงาดำนั่นแท้จริงแล้วมันคือหุ่นที่เจนขโมยมาจากชมรมหุ่นยนตร์ที่เธอเคยอยู่ตอนม.ต้นนั่นเอง และคนที่ผลักเธอก็คือเจน  แต่ยังไม่ทันที่สุกัญญาจะพูดอะไรต่อ  เจนได้ผลักสุกัญญาอย่างแรงอีกครั้ง  จนทำให้เธอเสียหลัก  และมือที่จับแขนหุ่นอยู่  ก็กระชากแขนหุ่นจนหลุดออกมา  และร่างของสุกัญญาก็ตกลงไปกระแทกพื้นจนเสียชีวิต  จนสุดท้ายนิลก็ได้มาเยือนโรงเรียนนี้

“ถ้าวันนั้น  ชั้นไม่เชื่อคนคนนั้นล่ะก็...”

“ชั้นก็คงไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้”

 

By  hikari…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา