นิล
เขียนโดย anawat
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 23.16 น.
แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2566 10.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) บทที่เก้า สรุปรายงาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนิล
ปริศนาโรงเรียนอาถรรพ์
บทที่เก้า สรุปรายงาน
วันต่อมา(ปัจจุบัน หลังจับตัวคนร้ายได้)
หลัวจากที่ชายหนุ่มร่วมมือกับนิล จนจับตัวคนร้ายคดีสุกัญญาได้ เข้าได้สอบสวนหญิงสาวผู้เป็นคนร้ายอยู่ทั้งคืน หญิงสาวให้การรับสารภาพแต่โดยดี ทำให้ชายหนุ่มไม่ต้องเหนื่อยอะไรมาก หลักฐานทุกอย่างเอง ก็บ่งชี้ไปที่ตัวเธอ ทั้งรอยนิ้วมือที่อยู่บนตัวหุ่น และรอยนิ้วมือที่อยู่บนตัวของศพ ซึ่งคดีนี้ชายหนุ่มได้รับความดีความชอบไปเต็มๆ หลังจากที่คนใน สน. ต่างลงความเห็นกันว่า มันคือคดีฆ่าตัวตาย ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีทั้งคนที่เห็นด้วย และคนที่ไม่เห็นด้วย เพราะชายหนุ่มคนนี้นั้น ยังคงเป็นเด็กใหม่อยู่ และคนที่จัดการคดีทั้งหมด ก็ไม่ใช่ชายหนุ่มแต่อย่างใด หากแต่เป็นหญิงสาววัยสิบห้าปีต่างหาก ชายหนุ่มเพียงแต่ให้ความร่วมมือเพียงเท่านั้น ซึ่งเมื่อผู้บังคับบัญชายตัดสินมาแล้ว การโต้แย่งของคนใน สน. ต่างก็ไร้ความหมายอยู่ดี
ซึ่งนามของชายหนุ่มคนนั้นก็คือ ปุณ ปุณเป็นชายหนุ่มที่พึ่งจบจากโรงเรียนตำรวจมาใหม่ ในสมัยที่เขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนตำรวจนั้น สิ่งที่เขาถนัดที่สุดคือการสืบสวนคดี เขาสามารถสอบเป็นที่หนึ่งและได้คะแนนเต็มในด้านนี้ ทำให้เขาเลือกที่จะมาประจำการในหน่วยสืบสวนสอบสวน และตัวของเขาเองได้รับมอบหมายให้ทำคดีครั้งแรก ก็คือคดีของสุกัญญา ซึ่งทุกคนในหน่วยต่างลงความเห็นกันว่า มันคือคดีฆ่าตัวตาย ซึ่งต่างจากตัวเขาที่มองต่างออกไป ว่ามันคือคดีฆาตกรรม ทำให้เขาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีนี้มากมาย แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหาคำตอบมาปิดคดีลงได้ ทำให้เขาต้องไปพึ่งหญิงสาวที่หัวหน้าเขาแนะนำ นามของเธอก็คือนิล
และในวันนี้ตัวของเขานั้น ต้องมาที่หน่วยงานแต่เช้า เพื่อมาเขียนรายงานสรุปในคดีนี้ เพื่อนำมันไปยืนให้แก่หัวหน้าหน่วยของเขา และตัวเขานั้นก็เขียนมันจนเสร็จเรียบร้อย และเขียนมันออกมาได้ค่อนข้างที่จะละเอียดพอดู และเขาเตรียมที่จะนำรายงานฉบับนี้ไปยืนให้แก่หัวหน้าของเขาแล้ว
“เข้ามาสิ” หัวหน้ากล่าว เมื่อมีเสียงเตาะห้อง
“สวัสดีครับหัวหน้า”
ปุณเดินมาที่เก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะของหัวหน้าเขา พร้อมกันนั้นหัวหน้าได้เชิญให้เขานั่ง ก่อนที่ทั้งคู่จะกล่าวสนทนากันต่อ
“เชิญนั่งสิ”
“ขอบคุณครับ” พร้อมกับลากเก้าอี้ออกมา และทิ้งตัวลงนั่ง
“กาแฟสักแก้วไหม เกรงว่าวันนี้ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณค่อนข้างจะยาว”
“ดีเหมือนกันครับ”
สิ้นเสียงปุณ เขาวางรายงานลงที่หน้าหัวหน้าเขา พร้อมลุกไปชงกาแฟมาหนึ่งแก้ว แล้วพร้อมกลับมานั่งยังเก้าอี้ตัวเดิมของเขา .ในขณะเดียวกัน หัวหน้าของเขาก็หยิบรายงานของเขาขึ้นมาอ่านอย่างเคร่งครัด
“เขียนได้ดีนี่ นี่เป็นคดีแรกของคุณใช่ไหม”
“ใช่ครับหัวหน้า”
“ถือว่าคุณทำได้ดีเลยนะ”
“ไม่หรอกครับ ทั้งหมดเป็นผลงานของเด็กสาวคนนั้นต่างหาก” ปุณตอบพร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หัวหน้าของเขายกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“แค่คุณเชื่อในความแตกต่างจากคนอื่น ผมก็ถือว่าคุณมีความสามารถมากเกินพอแล้ว” หัวหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับหัวหน้า”
“คุณคงรู้เรื่องของเด็กสาวคนนั้นเมื่อคืนแล้วสินะ”
ปุณพยักหน้าตอบรับ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับ ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นที่สน.เรา”
“อา เราสอบปากคำนายตำรวจที่เข้าเวรเมื่อคืนทั้งสองนายแล้วล่ะนะ แต่ทั้งคู้ก็ให้การปฏิเสธ ซึ่งเราจะไปปรักปรำทั้งคู่ โดยที่ไม่มีหลักฐานก็ไม่ได้ด้วย”
สิ้นเสียงหัวหน้า ปุณทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“แล้วกล้องวงจรปิดล่ะครับ”
หัวหน้าส่ายหัวให้กับคำถามของปุณ
“บันทึกภาพในขณะนั้นไว้ไม่ได้เลยน่ะ น่าแปลก”
ปุณถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“แต่แบบนี้ก็ยืนยันได้อย่างหนึ่งแล้วนะครับ ว่าคนร้ายน่ะ คือหนึ่งในเจ้าหน้าที่สองคนนั้น เพราะถ้าคนที่ไม่รู้ที่ทางของสน.เรา ก็ไม่มีทางที่จะรู้มุมกล้องในสน.เราได้เป็นแน่”
“จริงด้วยสินะ เหลือแค่หลักฐานที่จะเอาผิดใครคนใดคนหนึ่งเพียงเท่านั้น”
ปุณทำท่าคิดอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะกล่าวกับหัวหน้าต่อ
“ลายนิ้วมือบนถาดอาหารล่ะครับ ไม่มีเลยเหรอ?”
“เราให้ฝ่ายพิสูจน์ลายนิ้วมือตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วล่ะนะ แต่ผู้ต้องหารอบคอบมากเลยล่ะ เขาไม่ทิ้งหลักฐานอะไรที่จะสาวถึงตัวไว้เลยล่ะ เราคิดว่าแรงจูงใจที่ลงมือกระทำ น่าจะมาจากผลงานที่นายสร้างน่ะนะ ผู้ต้องหาอาจจะไม่พอใจ ที่นายที่เป็นเด็กใหม่ จะได้ผลงานไปในคดีนี้น่ะ”
ในขณะที่หัวหน้าพูดอยู่ ปุณได้พูดสวนขึ้นมา
“หรืออาจจะเป็นการเก็บงาน”
สิ้นเสียงปุณ หัวหน้ามองหน้าเขาอย่างสวสัย
“หมายความว่าไง?”
“ตอนที่นิลจับตัวเธอ เธอพูดเหมือนกับว่ามีใครบางคน ที่วางแผนในคดีให้กับเธอ ผมเลยคิดว่า นี่อาจจะเป็นการฆ่าปิดปาก หลังจากที่เจนจิราทำคดีนี้พลาดน่ะครับ”
หัวหน้าทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวกับปุณต่อ
“งั้นเหรอ ดูเหมือนเราจะเจอกับอะไรที่มันไม่ธรรมดาเข้าแล้วล่ะนะ เห็นทีเราคงต้องหวังพึ่งแม่สาวนักสืบนั่นอีกแล้วล่ะนะ และชั้นคิดว่า มันอาจจะเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ด้วยก็ได้”
สิ้นเสียงหัวหน้า เขายื่นซองบางอย่างมาให้ปุณ ปุณรับมันมา และเปิดมันดูอย่างละเอียด ก่อนที่เขาจะเก็บของสิ่งนั้นเข้าซองอีกครั้ง และนำมันมาเก็บไว้ที่ตัวเขาอย่างดี
“งั้นผมจะเอาเจ้านี่ไปให้นิลเองครับ”
“ฝากด้วยนะ แล้วเด็กสาวคนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“เธอเป็นเด็กสาวที่น่ามึ่งมากเลยครับ ต้องยอมรับว่าคดีนี้สามารถปิดได้ก็เพราะเธอ ถ้าจะเป็นอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันก็ไม่แปลกหรอกครับ คนที่สมควรจะได้ผลงานในคดีนี้ ควรเป็นเธอเสียมากกว่า”
“งั้นเหรอ แล้วตอนที่เธอลงมือสืบคดีน่ะ เธอขอให้นายทำอะรไหมล่ะ”
“ทำอะไร หมายความว่ายังไงเหรอครับ?” ปุณกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ก็อย่างเช่น ความเชื่อใจไง” หัวหน้ากล่าว ด้วยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย บนใบหน้าของเขา ซึ่งสิ่งนั้นทำให้ปุณนึกไปถึงคำพูดของนิล
“จริงด้วย เธอพูดแบบนั้นแหล่ะครับ ว่าขอให้ผมเชื่อในตัวของเธอน่ะ”
หัวหน้ายิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เขานึกไปถึงใครบางคนที่เขาคุ้นเคย มันเป็นอีดตที่ครั้งหนึ่งตัวเขาเองก็เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาเหมือนกัน แต่ในชั่วอึดใจนั้น ปุณก็กล่าวเรียกเขาขึ้นมา
“หัวหน้า หัวหน้าครับ...”
นั่นจึงเป็นการเรียกสติของหัวหน้าให้กลับมา
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“เปล่าๆผมแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานที่ดีนะ เด็กสาวคนนั้นเองก็ให้การสรอดคล้องกับหลักฐานทุกอย่าง ทำให้เราปิดคดีนี้ลงได้ง่ายด้วย”
“ผมเองก็คิดอย่างนั้นครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีนัดนิลเอาไว้น่ะครับ”
“อืมยังไงผมฝากขอบคุณเธอด้วยนะ อ้อแล้วก็เอานี่ไปด้วย ทำงานน่ะมันก็ควรจะได้รับค่าตอบแทน”
หัวหน้ายื่นซองซองหนึ่งให้กับปุณ ซึ่งมันคือค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย ที่หัวหน้าตอบแทนให้กับนิล ปุณรับมันมาและเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ หัวหน้ากล่าวก่อนที่เขาจะเดินออกไป
“ฝากด้วยนะ คนที่จะปิดคดีลึกลับนี้ได้ คงจะมีแค่แม่สาวน้อยคนนั้นล่ะนะ”
ปุณแอบประหลาดใจในความมั่นใจของหัวหน้าเล็กน้อย
“ทำไมหัวหน้าถึงมั่นใจนักล่ะครับ ว่านิลจะปิดคดีนี้ได้น่ะ”
หัวหน้าผายมือไปด้านข้างพร้อมเบะปากเล็กน้อย
“คดีในครั้งนี้ก็พิสูจน์แล้วนิ ว่าเด็กสาวคนนั้นสามารถทำสิ่งที่หน้าทึ่งได้น่ะ และชั้นเชื่อว่า ครั้งนี้เด็กสาวคนนั้นก็จะทำได้เช่นกัน”
สิ้นเสียงหัวหน้า ปุณยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ เขายังคงไม่เข้าใจความหมายที่หัวหน้าพูดถึง เขาเก็บความสงสัยนั้นไว้และเดินออกมาจากห้อง เก็บของเพื่อที่จะไปหานิล สายตาของคนรอบข้างบางคนที่มีกับเขานั้น มันบ่งบอกว่าบางคนก็ไม่ได้เป็นมิตรกับเขาเท่าไหร่ในยามนี้นัก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจนเมื่อคืนนั้น ทำให้สายตาของเขาที่มีแต่คนในสำนักงานในยามนี้ มันก็ไม่ที่จะเป็นมิตรด้วยเช่นกัน เขาไม่อาจรู้ได้ ว่าในยามนี้ ใครกันที่เป็นมิตรกับเขา ใครกันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขา แต่เขายังคงเชื่อว่า สักวันเขาจะสามารถที่จะเอาผิด กับเขาที่กระทำผิดได้แน่นอน
By hikari…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ