นิล
-
เขียนโดย anawat
วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 23.16 น.
11 ตอน
66 วิจารณ์
4,390 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2566 10.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่สอง รางมรณะ ที่คลืบคลานเข้ามา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนิล
ปริศนาโรงเรียนอาถรรพ์
บทที่สอง รางมรณะ ที่คลืบคลานเข้ามา
หลังจากวันนั้น เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่นิลตัดสินใจเปิดสำนักงานนักสืบ เธอได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในยุคปัจจบัน ทั้งโทรศัพท์ สื่อโซเชียลมากมาย อีกทั้งการแต่งตัวที่ได้เรียนจากลูกสะใภ้ ทำให้ตอนนี้ตัวของเธอนั้น ดูเหมือนเด็กสาววัยสิบห้าธรรมดาทั่วไป แต่ที่เป็นที่กล่าวขานกัน คือการที่เด็กสาววัยสิบห้า เลือกที่จะเป็นเจ้าของสำนักงานนักสืบเสียมากกว่า
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
นิลได้รับการจ้างจากลูกจ้างคนหนึ่ง ให้ช่วงตามหาสุนัขของเธอ ที่ได้หลุดหายไปจากบ้านของเธอ เมื่อสองวันก่อน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก ที่นิลจะตามแกะรอยสุนัขหาย จนสุดท้ายตัวเธอก็หาสุนัขตัวนั้นจนพบ
“ขอบคุณมากเลยนะค๊ะ ถ้าไม่ได้หนูช่วยไว้ น้าคงแย่แน่เลย-นี่ค่ะค่าตอบแทนของงานนี้”
หญิงวัยกลางคนยืนซองเงินจำนวนหนึ่งให้กับนิล นิลเองก็ยิ้มตอบรับ และหยิบเงินจำนวนนั้นเก็บใส้กระเป๋าเสื้อของเธอ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นหนูขอตัวก่อนนะค๊ะ”
พูดจบนิลจึงลุกจากเก้าอี้ และเตรียมตัวที่จะกลับสำนักงานของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะเดินออกไป สายตาของเธอได้เหลือบไปเห็นรูปวงกลม ที่ตรงกลางมีดาวห้าแฉก ถูกสลักเอาไว้ที่บนฝาบ้านของหญิงสาวคนนั้น มันดูใหญ่จนเธอต้องสะดุด และทุกครั้งที่เธอเข้ามาในบ้านหลังนี้ รูปนี้ก็ทำให้เธอสะดุดตาเสียทุกครั้งไป แต่ตัวเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นัก เธอเลือกที่จะเดินกลับสำนักงานของเธอไป เมื่อสิ้นภารกิจที่นี่แล้ว
สำนักงานนักสืบ
เด็กสาวในเสื้อโค้ท เดินเข้าสำนักงานมา ด้วยท่าทางที่เหน็ดเหนื่อย เพราะด้วยอากาศข้างนอกในยามนี้ ที่มันร้อนระอุ เรียกว่าแทบจะฆ่าคนได้ก็มิปาน เธอรีบมุ่งหน้าไปที่ตู้เย็น และหยิบน้ำออกมาก่อนที่จะเปิดฝาขวดน้ำออก และกระดกมันเข้าปากอย่างกระหาย ลูกชายของเธอที่เห็นดังนั้น จึงกล่าวกับแม่ของเขา
“เป็นไงบ้างแม่ สำนักงานเปิดมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว”
นิลเดินมาที่โซฟา ก่อนที่จะเอาร่างของเธอ นั่งลงไปบนโซฟาตัวนั้น พร้อมกับสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
“งานมันก็มีให้ทำตลอดนั่นแหล่ะนะ แต่ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี่ มันมีแต่ไอ้งานที่แบบ ตามหาแมวหาย ตามหาหมาหาย ช่วยจับแมวบ้างล่ะ เฮ้อชั้นไม่ได้อยากทำงานแบบนี้สักหน่อย”
ลูกชายที่ได้ยินดังนั้น จึงหัวเราะออกมายกใหญ่
“ก็แม่หายไปตั้งหลายวันนิแม่ ตำรวจเขาก็ต้องจับคนร้ายทุกวัน จะให้เขามารอให้แม่กลับมาอยู่คนเดียว มันคงทำไม่ได้หรอก”
นิลที่ได้ยินดังนั้น เธอจึงถอนหายใจออกมา เพราะเธอเองก็ตระหนักได้ ว่าสิ่งที่ลูกชายเธอพูด มันคือความจริงทั้งหมด สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ คือการทำให้คนรู้จักชื่อเสียงของเธอให้ได้อีกครั้ง เพราะฉะนั้นเธอต้องตั้งใจทำงานให้มากกว่านี้ นั่นคือสิ่งที่เธอตระหนักได้
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะคิดอะไรได้ต่อไป เสียงกริ่งหน้าสำนักงานก็ดังขึ้น เธอกับลูกชายของเธอต่างมองหน้ากัน ก่อนที่นิลจะกล่าวขึ้นมา
“ลูกค้ามั้ง”
คิดได้ดังนั้น เธอจึงลุกพรวดออกไป เตรียมที่จะเดินออกไปเปิดประตู แต่ลูกชายของเธอ ได้เบรกเธอไว้
“เดี๋ยวผมไปเปิดเอง”
สิ้นเสียงลูกชาย ชายวัยกลางคนจึงเดินออกจากสำนักงานไป นิลทำได้เพียงชะโงกหน้ามองตามไป เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะมีเสียงเอะอะกันที่หน้าสำนักงาน และมีร่างของคนสองคนเดินเข้ามาในสำนักงาน คนหนึ่งคือลูกชายของเธอ ส่วนอีกคนเป็นร่างของชายหนุ่ม ที่อายุถ้าคะเนจากสายตา ก็คงห่างจากเธฮไม่มากเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มคนนั้นใส่ชุดสูท ผูกไทเรียบร้อย
“งั้นเชยคุยกันเลยนะครับ”
ลูกชายกล่าว พลางผายมือไปที่นิล เพื่อเป็นการแนะนำนิล ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้น สีหน้าของชายหนุ่มก็บ่งบอกถึงความตกใจ
“เด็กคนนี้เหรอครับ คือนักสืบที่คุณบอกผมเมื่อตะกี้”
“ใช่ครับ คนนี้แหล่ะ” ลูกชายตอบแบบยิ้มๆ
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป จากสีหน้าตกใจ เป็นสีหน้าโมโห
“นี่คุณเล่นอะไรกันครับเนี่ย ผมไม่มีเวลามาเล่นกับคุณหรอกนะครับ”
ลูกชายเห็นท่าทางไม่ดี เขาจึงรีบพูดตัดบท เพื่อให้ชายหนุ่มหายโกรธ
“เดี๋ยวก่อนครับ ใจเย็นๆก่อนครับ ลองดูก่อน เด็กคนนี้เป็นหลานของคุณนิลที่คุณถามหานะครับ”
ลูกชายพยายามพูดให้ชายหนุ่มใจเย็นลง แต่สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้นเสียเท่าไหร่ จนกระทั่งนิลเอ่ยขึ้นมา
“คุณน่ะ คงรีบมาจากพื้นที่ที่มีคดีฆาตกรรม เพราะหัวหน้าของคุณสั่งให้มาที่นี่สินะ คุณนักสืบ”
ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้น จึงหยุดชะงักด้วยความงุนงง ก่อนที่เขาจะหันมาที่นิล นิลที่เห็นชายหนุ่มใจเย็นลงแล้ว จึงพูดต่อไป
“ถ้าสิ่งที่ชั้นพูด มันเป็นความจริงๆ เชิญคุณนั่งที่เก้าอี้ตัวนี้ได้เลย”
นิลกล่าว พร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้ตรงหน้าเธอ เพื่อเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มนั่ง ชายหนุ่มเดินมาตรงหน้านิล ก่อนที่เขาจะกล่าวถามนิล ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“ก่อนที่ผมจะนั่ง ผมขอถามคุณสักหน่อยสิ ที่คุณพูดเมื่อกี้นี้ คุณรู้ได้ยังไง”
นิลยิ้มออกมาที่มุมปาก ก่อนที่เธอจะเอามือมาประสานกันไว้ที่หน้าตัก
“มันก็ไม่ยากอะไรนี่ คุณน่ะรีบออกมาจนลืมถอดถุงมือที่เปื้อนเลือด และตามเนื้อตัวคุณ ยังมีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด มันแสดงถึงความเร่งรีบ ที่คุณถูกใครสักคนสั่งอย่างเคร่งครัด จนทำให้คุณลนลาน จนตัวคุณเองทำอะไรไม่ถูก นอกเสียจากต้องรีบทำตามคำสั่งนั้น ซึ่งสิ่งเดียวที่จะทำให้คุณลนลานขนาดนั้นได้ มันต้องเป็นคำสั่งของคนที่มีอิทธิพลมาก นั่นก็คือคำสั่งของคนที่ใหญ่กว่าคุณ นั่นก็คือหัวหน้าของคุณนั่นแหล่ะ ชั้นพูดถูดไหมค๊ะ”
ชายหนุ่มที่ได้ยินสิ่งที่นิลพูด สีหน้าของเขาแสดงความตกใจออกมาอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปลากเก้าอี้ตรงหน้าออกมา และนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้น
“’งั้นเดี๋ยวผมไปชงกาแฟมาให้นะครับ”
ลูกชายกล่าวขึ้น คนทั้งสองต่างพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่ลูกชายจะเดินหายเข้าไปในครัว เหลือเพียงคนทั้งสอง ที่เริ่มกล่าวสนทนากัน
“ลองบอกสถานการมาสิ”
นิลกล่าวขึ้น ชายหนุ่มจึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้นิลฟัง
“เมื่อสายๆของวันนี้ ที่หน่วยงานของเราได้รับการติดต่อมา ว่ามีเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ตกตึกชั้นสามลงมาเสียชีวิต ที่โรงเรียนวิทยา พวกเราจึงรีบไปที่เกิดเหตุ ภาพที่พวกเราได้คือนี่” ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปที่กระเป๋าเสื้อ และหยิบรูปมาหนึ่งใบ ยื่นให้ตรงหน้านิล “พอหัวหน้าของผมเห็นสภาพศพ ท่านจึงรีบสั่งให้ชั้นมาที่นี่ เพราะท่านรู้สึกว่า แค่พวกเราคงไม่สามารถปิดคดีนี้ได้แน่ จึงต้องให้คุณนิลย่าของคุณช่วยน่ะ”
นิลหยิบรูปตรงหน้าขึ้นมาดู ในภาพถ่ายเป็นรูปของสภาพศพ ที่เจ้าหน้าที่ถ่ายเอาไว้ โดยสภาพศพนั้น เป็นร่างของหญิงสาว ที่ร่างกายท่อนร่างของเธอบิดงอ แขนข้างซ้ายบิดงอผิดรูปจนกระดูกโผล่ออกมา ใบหน้าที่กระแทกกับพื้นจนหัวเปิด และมีสมองไหลออกมา และกระดูกที่โผล่ออกมาตามส่วนต่างๆของร่างกาย ที่รอบๆบริเวณศพ มีเลือดไหลออกมานองเต็มไปหมด นิลพินิจพิจารณ์สภาพศพอยู่คู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะวางรูปลง และเอ่ยถามชายหนุ่ม
“ตำรวจลงความเห็นกับคดีนี้ว่ายังไง”
“ตำรวจลงความเห็นไว้สองประเด็น ประเด็นแรก เป็นการฆ่าตัวตาย และประเด็นที่สอง” ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง ก่อนที่จะหยิบลูกอีกใบส่งให้นิล “เธอรู้จักนี่ไหม”
นิลหยิบรูปขึ้นมาดูอีกครั้ง มันเป็นรูปของลูกกลมๆสีทอง ที่ตามลูกวงกลมนั้น มีอักขระบางอย่างเขียนเอาไว้อยู่เต็มไปหมด
“ลูกสะกดจิตรเหรอ” นิลวางรูปลงอีกครั้ง “เดี๋ยวนี้ตำรวจเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ด้วยเหรอ ถึงลงความเห็นกันว่าเป็นเรื่องของไสยศาสตร์น่ะ จะบอกว่าประเด็นที่สอง คือการที่มีใครบางคน ใช้ลูกสะกดจิตรสั่งให้เหยื่อฆ่าตัวตายสินะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าตอยรับ นิลจึงเอ่ยถามต่อ
“งั้นแล้วตัวนายล่ะ คิดว่าคดีนี้มันเป็นแบบไหน?”
ชายหนุ่มเอามือมาประสานกันไว้ที่หน้าตัก
“ชั้นกับหัวหน้า คิดว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรม”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”
ชายหนุ่มมองหน้านิลอย่างเคร่งขรึม แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะคุยอะไรกันต่อ ลูกชายของนิล ได้นำกาแฟสองแก้ว มาวางไว้ตรงหน้าของทั้งคู่ ก่อนที่เขาจะเดินหายไปในสำนักงาน
“เพราะพยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า” ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นดื่ม เหมือนกับแก้ความกระหาย “เห็นผู้ตายเหมือนกับยื้อยุด ฉุดกระชากกับอะไรบางอยู่ ก่อนที่ผู้ตายจะตกตึกลงมาเสียชีวิต แล้วเธอคิดว่า คนฆ่าตัวตายที่ไหน จะพยายามเอาตัวรอดขนาดนั้น”
“คำให้การของพยานมีแค่นี้เหรอ”
“มีแค่นี้แหล่ะ”
“แปลว่าสัญชาติยานความเป็นนักสืบของนาย ไม่ได้ฝ่อเหมือนตำรวจที่เหลือ-ใช้แล้วล่ะ คดีนี้น่ะ มันเป็นคดีฆาตกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย”
ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย เขาจึงเอ่ยถามนิลออกไป
“ช่วยอธิบายสิ่งที่เธอคิดให้ชั้นฟังที?”
นิลยื่นรูปให้ชายหนุ่มดูอีกครั้ง
“ลองพิจารณารูปที่นายให้ชั้นดูดีๆสิ ร่างกายของเด็กสาวที่เสียชีวิต ที่มันผิดรูปผิดร่างขนาดนั้น ถ้าคนฆ่าตัวตายโดยการโดดตึก ต่อให้ตกลงมากระแทกพื้นยังไง ร่างกายก็ไม่บิดงอผิดรูปขนาดนั้นหรอก ถึงจะมีนิดหน่อย แต่อย่างน้อยศพก็สวยกว่านี้แน่ แต่นี่แขนที่บิดงอจนกระดูกโผล่ออกมา ร่างกายท่อนล่าง ที่บิดจนผิดรูปผิดร่าง และยังลูกสะกดจิตรนี่อีก ซึ่งถ้าเอาทุกอย่างมารวมกัน เห็นได้ชัดว่าคนร้ายจงใจให้คดีนี้ มันเป็นการที่ฆ่าตัวตายโดยลูกสะกดจิตรน่ะ”
เป็นอีกครั้ง ที่ชายหนุ่มมีสีหน้าทึ่ง ในการวิเคราะห์คดีของนิล
“จริงด้วย แต่ถ้าแบบนั้น ทำไมคนร้ายถึงจงใจให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ล่ะ สู้ให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นการฆ่าตัวตายไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ?”
นิลยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ก่อนที่จะเอ่ยตอบชายหนุ่มกลับไป
“คิดได้สองประเด็นคือ จงใจอยากให้คนอื่นตามหาตัวเอง เพื่อความสนุก และอีกประเด็นคือ เพราะคนร้ายยังเป็นมือใหม่อยู่น่ะ”
ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย
“เพื่อความสนุกเหรอ?”
“ใช่มีเยอะแยะไปนิสมัยนี้น่ะ คนที่ฆ่าคนอื่นเพราะคิดว่ามันเป็นความเท่บ้าง เพื่อโชว์คนอื่นบ้าง หรือเพราะคิดว่ามันเป็นเกม ที่เล่นเพื่อความสนุกน่ะ”
ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามนิลต่อ
“งั้นเธอคิดว่ามันเป็นแบบไหนล่ะ”
นิลผายมือสองข้างออกจากกัน
“ชั้นยังไม่ตัดสินอะไรหรอกนะ ถ้ายังไม่เห็นที่เกิดเหตุด้วยตาตัวเองน่ะ”
“เห็นด้วยตาตัวเอง? หมายความว่า...”
“ใช่ คดีน่าสนุกแบบนี้ ถ้าไม่ไปสืบด้วยตัวเอง มันจะมีความหมายอะไรเล่า” นิลยิ้มออกมาที่มุมปาก ชายหนุ่มเองก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เพราะเหมือนตัวเขาเอง มองเห็นความหวังที่จะปิดคดีนี้ได้อยู่ตรงหน้าแล้ว
“แล้วนายชื่ออะไรล่ะ”
“ชั้นชื่อปุณ เธอล่ะ”
“ชั้นชื่อนิล ยินดีที่ได้ทำคดีร่วมกันน่ะ”
นิลยื่นมือออกไป ชายหนุ่มยื่นมาออกไปจับมือกับนิล เป็นการที่ทั้งคู่ตกลงที่จะทำคดีร่วมกัน เมื่อตกลงได้ดังนั้น นิลจึงลุกจากเก้าอี้โซฟา
“เอาล่ะ งั้นชั้นขอไปเตรียมตัวสักครู่น่ะ”
นิลจึงเดินหายเข้าไปภายในสำนักงาน และปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะเดินออกมา พร้อมกับเสื้อโค้ทที่เธอใส่หนุ่งตัว
“ไปกันรึยังล่ะพ่อหนุ่ม”
ปุณที่เห็นนิลพร้อมแล้ว เขาจึงยิ้มออกมา และลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่
“พร้อมตั้งนานแล้ว”
“ถ้าพร้อมแล้ว จะรออะไรอยู่เล่า ไปกันเลย”
แล้วทั้งคู่ก็เปิดประตูสำนักงานออกไป เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุ
By hikari…
ปริศนาโรงเรียนอาถรรพ์
บทที่สอง รางมรณะ ที่คลืบคลานเข้ามา
หลังจากวันนั้น เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่นิลตัดสินใจเปิดสำนักงานนักสืบ เธอได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในยุคปัจจบัน ทั้งโทรศัพท์ สื่อโซเชียลมากมาย อีกทั้งการแต่งตัวที่ได้เรียนจากลูกสะใภ้ ทำให้ตอนนี้ตัวของเธอนั้น ดูเหมือนเด็กสาววัยสิบห้าธรรมดาทั่วไป แต่ที่เป็นที่กล่าวขานกัน คือการที่เด็กสาววัยสิบห้า เลือกที่จะเป็นเจ้าของสำนักงานนักสืบเสียมากกว่า
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
นิลได้รับการจ้างจากลูกจ้างคนหนึ่ง ให้ช่วงตามหาสุนัขของเธอ ที่ได้หลุดหายไปจากบ้านของเธอ เมื่อสองวันก่อน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก ที่นิลจะตามแกะรอยสุนัขหาย จนสุดท้ายตัวเธอก็หาสุนัขตัวนั้นจนพบ
“ขอบคุณมากเลยนะค๊ะ ถ้าไม่ได้หนูช่วยไว้ น้าคงแย่แน่เลย-นี่ค่ะค่าตอบแทนของงานนี้”
หญิงวัยกลางคนยืนซองเงินจำนวนหนึ่งให้กับนิล นิลเองก็ยิ้มตอบรับ และหยิบเงินจำนวนนั้นเก็บใส้กระเป๋าเสื้อของเธอ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นหนูขอตัวก่อนนะค๊ะ”
พูดจบนิลจึงลุกจากเก้าอี้ และเตรียมตัวที่จะกลับสำนักงานของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะเดินออกไป สายตาของเธอได้เหลือบไปเห็นรูปวงกลม ที่ตรงกลางมีดาวห้าแฉก ถูกสลักเอาไว้ที่บนฝาบ้านของหญิงสาวคนนั้น มันดูใหญ่จนเธอต้องสะดุด และทุกครั้งที่เธอเข้ามาในบ้านหลังนี้ รูปนี้ก็ทำให้เธอสะดุดตาเสียทุกครั้งไป แต่ตัวเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นัก เธอเลือกที่จะเดินกลับสำนักงานของเธอไป เมื่อสิ้นภารกิจที่นี่แล้ว
สำนักงานนักสืบ
เด็กสาวในเสื้อโค้ท เดินเข้าสำนักงานมา ด้วยท่าทางที่เหน็ดเหนื่อย เพราะด้วยอากาศข้างนอกในยามนี้ ที่มันร้อนระอุ เรียกว่าแทบจะฆ่าคนได้ก็มิปาน เธอรีบมุ่งหน้าไปที่ตู้เย็น และหยิบน้ำออกมาก่อนที่จะเปิดฝาขวดน้ำออก และกระดกมันเข้าปากอย่างกระหาย ลูกชายของเธอที่เห็นดังนั้น จึงกล่าวกับแม่ของเขา
“เป็นไงบ้างแม่ สำนักงานเปิดมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว”
นิลเดินมาที่โซฟา ก่อนที่จะเอาร่างของเธอ นั่งลงไปบนโซฟาตัวนั้น พร้อมกับสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
“งานมันก็มีให้ทำตลอดนั่นแหล่ะนะ แต่ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี่ มันมีแต่ไอ้งานที่แบบ ตามหาแมวหาย ตามหาหมาหาย ช่วยจับแมวบ้างล่ะ เฮ้อชั้นไม่ได้อยากทำงานแบบนี้สักหน่อย”
ลูกชายที่ได้ยินดังนั้น จึงหัวเราะออกมายกใหญ่
“ก็แม่หายไปตั้งหลายวันนิแม่ ตำรวจเขาก็ต้องจับคนร้ายทุกวัน จะให้เขามารอให้แม่กลับมาอยู่คนเดียว มันคงทำไม่ได้หรอก”
นิลที่ได้ยินดังนั้น เธอจึงถอนหายใจออกมา เพราะเธอเองก็ตระหนักได้ ว่าสิ่งที่ลูกชายเธอพูด มันคือความจริงทั้งหมด สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ คือการทำให้คนรู้จักชื่อเสียงของเธอให้ได้อีกครั้ง เพราะฉะนั้นเธอต้องตั้งใจทำงานให้มากกว่านี้ นั่นคือสิ่งที่เธอตระหนักได้
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะคิดอะไรได้ต่อไป เสียงกริ่งหน้าสำนักงานก็ดังขึ้น เธอกับลูกชายของเธอต่างมองหน้ากัน ก่อนที่นิลจะกล่าวขึ้นมา
“ลูกค้ามั้ง”
คิดได้ดังนั้น เธอจึงลุกพรวดออกไป เตรียมที่จะเดินออกไปเปิดประตู แต่ลูกชายของเธอ ได้เบรกเธอไว้
“เดี๋ยวผมไปเปิดเอง”
สิ้นเสียงลูกชาย ชายวัยกลางคนจึงเดินออกจากสำนักงานไป นิลทำได้เพียงชะโงกหน้ามองตามไป เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะมีเสียงเอะอะกันที่หน้าสำนักงาน และมีร่างของคนสองคนเดินเข้ามาในสำนักงาน คนหนึ่งคือลูกชายของเธอ ส่วนอีกคนเป็นร่างของชายหนุ่ม ที่อายุถ้าคะเนจากสายตา ก็คงห่างจากเธฮไม่มากเท่าไหร่นัก ชายหนุ่มคนนั้นใส่ชุดสูท ผูกไทเรียบร้อย
“งั้นเชยคุยกันเลยนะครับ”
ลูกชายกล่าว พลางผายมือไปที่นิล เพื่อเป็นการแนะนำนิล ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้น สีหน้าของชายหนุ่มก็บ่งบอกถึงความตกใจ
“เด็กคนนี้เหรอครับ คือนักสืบที่คุณบอกผมเมื่อตะกี้”
“ใช่ครับ คนนี้แหล่ะ” ลูกชายตอบแบบยิ้มๆ
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป จากสีหน้าตกใจ เป็นสีหน้าโมโห
“นี่คุณเล่นอะไรกันครับเนี่ย ผมไม่มีเวลามาเล่นกับคุณหรอกนะครับ”
ลูกชายเห็นท่าทางไม่ดี เขาจึงรีบพูดตัดบท เพื่อให้ชายหนุ่มหายโกรธ
“เดี๋ยวก่อนครับ ใจเย็นๆก่อนครับ ลองดูก่อน เด็กคนนี้เป็นหลานของคุณนิลที่คุณถามหานะครับ”
ลูกชายพยายามพูดให้ชายหนุ่มใจเย็นลง แต่สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้นเสียเท่าไหร่ จนกระทั่งนิลเอ่ยขึ้นมา
“คุณน่ะ คงรีบมาจากพื้นที่ที่มีคดีฆาตกรรม เพราะหัวหน้าของคุณสั่งให้มาที่นี่สินะ คุณนักสืบ”
ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้น จึงหยุดชะงักด้วยความงุนงง ก่อนที่เขาจะหันมาที่นิล นิลที่เห็นชายหนุ่มใจเย็นลงแล้ว จึงพูดต่อไป
“ถ้าสิ่งที่ชั้นพูด มันเป็นความจริงๆ เชิญคุณนั่งที่เก้าอี้ตัวนี้ได้เลย”
นิลกล่าว พร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้ตรงหน้าเธอ เพื่อเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มนั่ง ชายหนุ่มเดินมาตรงหน้านิล ก่อนที่เขาจะกล่าวถามนิล ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“ก่อนที่ผมจะนั่ง ผมขอถามคุณสักหน่อยสิ ที่คุณพูดเมื่อกี้นี้ คุณรู้ได้ยังไง”
นิลยิ้มออกมาที่มุมปาก ก่อนที่เธอจะเอามือมาประสานกันไว้ที่หน้าตัก
“มันก็ไม่ยากอะไรนี่ คุณน่ะรีบออกมาจนลืมถอดถุงมือที่เปื้อนเลือด และตามเนื้อตัวคุณ ยังมีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด มันแสดงถึงความเร่งรีบ ที่คุณถูกใครสักคนสั่งอย่างเคร่งครัด จนทำให้คุณลนลาน จนตัวคุณเองทำอะไรไม่ถูก นอกเสียจากต้องรีบทำตามคำสั่งนั้น ซึ่งสิ่งเดียวที่จะทำให้คุณลนลานขนาดนั้นได้ มันต้องเป็นคำสั่งของคนที่มีอิทธิพลมาก นั่นก็คือคำสั่งของคนที่ใหญ่กว่าคุณ นั่นก็คือหัวหน้าของคุณนั่นแหล่ะ ชั้นพูดถูดไหมค๊ะ”
ชายหนุ่มที่ได้ยินสิ่งที่นิลพูด สีหน้าของเขาแสดงความตกใจออกมาอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปลากเก้าอี้ตรงหน้าออกมา และนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนั้น
“’งั้นเดี๋ยวผมไปชงกาแฟมาให้นะครับ”
ลูกชายกล่าวขึ้น คนทั้งสองต่างพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่ลูกชายจะเดินหายเข้าไปในครัว เหลือเพียงคนทั้งสอง ที่เริ่มกล่าวสนทนากัน
“ลองบอกสถานการมาสิ”
นิลกล่าวขึ้น ชายหนุ่มจึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้นิลฟัง
“เมื่อสายๆของวันนี้ ที่หน่วยงานของเราได้รับการติดต่อมา ว่ามีเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ตกตึกชั้นสามลงมาเสียชีวิต ที่โรงเรียนวิทยา พวกเราจึงรีบไปที่เกิดเหตุ ภาพที่พวกเราได้คือนี่” ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปที่กระเป๋าเสื้อ และหยิบรูปมาหนึ่งใบ ยื่นให้ตรงหน้านิล “พอหัวหน้าของผมเห็นสภาพศพ ท่านจึงรีบสั่งให้ชั้นมาที่นี่ เพราะท่านรู้สึกว่า แค่พวกเราคงไม่สามารถปิดคดีนี้ได้แน่ จึงต้องให้คุณนิลย่าของคุณช่วยน่ะ”
นิลหยิบรูปตรงหน้าขึ้นมาดู ในภาพถ่ายเป็นรูปของสภาพศพ ที่เจ้าหน้าที่ถ่ายเอาไว้ โดยสภาพศพนั้น เป็นร่างของหญิงสาว ที่ร่างกายท่อนร่างของเธอบิดงอ แขนข้างซ้ายบิดงอผิดรูปจนกระดูกโผล่ออกมา ใบหน้าที่กระแทกกับพื้นจนหัวเปิด และมีสมองไหลออกมา และกระดูกที่โผล่ออกมาตามส่วนต่างๆของร่างกาย ที่รอบๆบริเวณศพ มีเลือดไหลออกมานองเต็มไปหมด นิลพินิจพิจารณ์สภาพศพอยู่คู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะวางรูปลง และเอ่ยถามชายหนุ่ม
“ตำรวจลงความเห็นกับคดีนี้ว่ายังไง”
“ตำรวจลงความเห็นไว้สองประเด็น ประเด็นแรก เป็นการฆ่าตัวตาย และประเด็นที่สอง” ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง ก่อนที่จะหยิบลูกอีกใบส่งให้นิล “เธอรู้จักนี่ไหม”
นิลหยิบรูปขึ้นมาดูอีกครั้ง มันเป็นรูปของลูกกลมๆสีทอง ที่ตามลูกวงกลมนั้น มีอักขระบางอย่างเขียนเอาไว้อยู่เต็มไปหมด
“ลูกสะกดจิตรเหรอ” นิลวางรูปลงอีกครั้ง “เดี๋ยวนี้ตำรวจเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ด้วยเหรอ ถึงลงความเห็นกันว่าเป็นเรื่องของไสยศาสตร์น่ะ จะบอกว่าประเด็นที่สอง คือการที่มีใครบางคน ใช้ลูกสะกดจิตรสั่งให้เหยื่อฆ่าตัวตายสินะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าตอยรับ นิลจึงเอ่ยถามต่อ
“งั้นแล้วตัวนายล่ะ คิดว่าคดีนี้มันเป็นแบบไหน?”
ชายหนุ่มเอามือมาประสานกันไว้ที่หน้าตัก
“ชั้นกับหัวหน้า คิดว่าคดีนี้เป็นการฆาตกรรม”
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”
ชายหนุ่มมองหน้านิลอย่างเคร่งขรึม แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะคุยอะไรกันต่อ ลูกชายของนิล ได้นำกาแฟสองแก้ว มาวางไว้ตรงหน้าของทั้งคู่ ก่อนที่เขาจะเดินหายไปในสำนักงาน
“เพราะพยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า” ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นดื่ม เหมือนกับแก้ความกระหาย “เห็นผู้ตายเหมือนกับยื้อยุด ฉุดกระชากกับอะไรบางอยู่ ก่อนที่ผู้ตายจะตกตึกลงมาเสียชีวิต แล้วเธอคิดว่า คนฆ่าตัวตายที่ไหน จะพยายามเอาตัวรอดขนาดนั้น”
“คำให้การของพยานมีแค่นี้เหรอ”
“มีแค่นี้แหล่ะ”
“แปลว่าสัญชาติยานความเป็นนักสืบของนาย ไม่ได้ฝ่อเหมือนตำรวจที่เหลือ-ใช้แล้วล่ะ คดีนี้น่ะ มันเป็นคดีฆาตกรรมอย่างไม่ต้องสงสัย”
ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย เขาจึงเอ่ยถามนิลออกไป
“ช่วยอธิบายสิ่งที่เธอคิดให้ชั้นฟังที?”
นิลยื่นรูปให้ชายหนุ่มดูอีกครั้ง
“ลองพิจารณารูปที่นายให้ชั้นดูดีๆสิ ร่างกายของเด็กสาวที่เสียชีวิต ที่มันผิดรูปผิดร่างขนาดนั้น ถ้าคนฆ่าตัวตายโดยการโดดตึก ต่อให้ตกลงมากระแทกพื้นยังไง ร่างกายก็ไม่บิดงอผิดรูปขนาดนั้นหรอก ถึงจะมีนิดหน่อย แต่อย่างน้อยศพก็สวยกว่านี้แน่ แต่นี่แขนที่บิดงอจนกระดูกโผล่ออกมา ร่างกายท่อนล่าง ที่บิดจนผิดรูปผิดร่าง และยังลูกสะกดจิตรนี่อีก ซึ่งถ้าเอาทุกอย่างมารวมกัน เห็นได้ชัดว่าคนร้ายจงใจให้คดีนี้ มันเป็นการที่ฆ่าตัวตายโดยลูกสะกดจิตรน่ะ”
เป็นอีกครั้ง ที่ชายหนุ่มมีสีหน้าทึ่ง ในการวิเคราะห์คดีของนิล
“จริงด้วย แต่ถ้าแบบนั้น ทำไมคนร้ายถึงจงใจให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ล่ะ สู้ให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นการฆ่าตัวตายไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ?”
นิลยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ก่อนที่จะเอ่ยตอบชายหนุ่มกลับไป
“คิดได้สองประเด็นคือ จงใจอยากให้คนอื่นตามหาตัวเอง เพื่อความสนุก และอีกประเด็นคือ เพราะคนร้ายยังเป็นมือใหม่อยู่น่ะ”
ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย
“เพื่อความสนุกเหรอ?”
“ใช่มีเยอะแยะไปนิสมัยนี้น่ะ คนที่ฆ่าคนอื่นเพราะคิดว่ามันเป็นความเท่บ้าง เพื่อโชว์คนอื่นบ้าง หรือเพราะคิดว่ามันเป็นเกม ที่เล่นเพื่อความสนุกน่ะ”
ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามนิลต่อ
“งั้นเธอคิดว่ามันเป็นแบบไหนล่ะ”
นิลผายมือสองข้างออกจากกัน
“ชั้นยังไม่ตัดสินอะไรหรอกนะ ถ้ายังไม่เห็นที่เกิดเหตุด้วยตาตัวเองน่ะ”
“เห็นด้วยตาตัวเอง? หมายความว่า...”
“ใช่ คดีน่าสนุกแบบนี้ ถ้าไม่ไปสืบด้วยตัวเอง มันจะมีความหมายอะไรเล่า” นิลยิ้มออกมาที่มุมปาก ชายหนุ่มเองก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เพราะเหมือนตัวเขาเอง มองเห็นความหวังที่จะปิดคดีนี้ได้อยู่ตรงหน้าแล้ว
“แล้วนายชื่ออะไรล่ะ”
“ชั้นชื่อปุณ เธอล่ะ”
“ชั้นชื่อนิล ยินดีที่ได้ทำคดีร่วมกันน่ะ”
นิลยื่นมือออกไป ชายหนุ่มยื่นมาออกไปจับมือกับนิล เป็นการที่ทั้งคู่ตกลงที่จะทำคดีร่วมกัน เมื่อตกลงได้ดังนั้น นิลจึงลุกจากเก้าอี้โซฟา
“เอาล่ะ งั้นชั้นขอไปเตรียมตัวสักครู่น่ะ”
นิลจึงเดินหายเข้าไปภายในสำนักงาน และปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะเดินออกมา พร้อมกับเสื้อโค้ทที่เธอใส่หนุ่งตัว
“ไปกันรึยังล่ะพ่อหนุ่ม”
ปุณที่เห็นนิลพร้อมแล้ว เขาจึงยิ้มออกมา และลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่
“พร้อมตั้งนานแล้ว”
“ถ้าพร้อมแล้ว จะรออะไรอยู่เล่า ไปกันเลย”
แล้วทั้งคู่ก็เปิดประตูสำนักงานออกไป เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุ
By hikari…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ