แรงรัก แรงอาฆาต

-

เขียนโดย anawat

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 23.08 น.

  13 ตอน
  5 วิจารณ์
  2,572 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2566 09.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บทที่5 ต่อจากนั้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

แรงรัก  แรงอาฆาต

บทที่5 ต่อจากนั้น

 

ปัจจุบัน

   ชายหนุ่มหยิบกาแฟขึ้นมา  พรางดูดไปอึกใหญ่  ก่อนที่เขาจะหันมาพูดกับหญิงสาววัยกลางคน

             อ๊อฟ “จริงๆมันก็จบแฮปปี้ดีนิพี่  ต่างคนต่างก็มีครอบครัว  ถึงสุดท้าย  เอิญกับมาวินจะไม่ได้คู่กันก็เถอะ”

             พี่ลดา “ก็ถ้ามันจบแค่นั้นจริง  พี่ก็ไม่เสียเวลาเอามาเล่าให้อ๊อฟฟังหรอก”

   ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น  ก็ทำสีหน้าประหลาดใจ  จึงเอ่ยกับหญิงสาววัยกลางคนไป

             อ๊อฟ “ยังมีต่อเหรอพี่?”

   พี่ลดาที่ได้ยินดังนั้น  จึงยิ้มออกมา  ก่อนที่จะกล่าวกับชายหนุ่ม

             พี่ลดา “ใช่  ยังมีต่อ  แต่หลังจากนี้  พี่จะเล่าสลับระหว่างเอิญกับมาวินนะ  อ๊อฟจะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้น”

   ชายหนุ่มที่ได้ยินดังนั้น  จึงพยักหน้าเป็นการตอบรับพรางดูดกาแฟไปด้วย  หญิงสาวจึงเริ่มเล่าต่อ

สองเดือนต่อมา

   หลังจากที่เอิญแต่งงานกับมาวิน(แฟนของเอิญ)  ไปแล้วทั้งคู่จึงย้ายออกมาใช้ชีวิตด้วยกัน  ในบ้านหลังใหม่โดยหลังแต่งงานแล้ว  ชายหนุ่มให้เอิญลาออกจากงาน  เพื่อทำหน้าที่แม่บ้าน  เอิญเองก็ไม่ได้ติดอะไร  จึงยอมทำตามแต่โดยดี  ที่ทั้งคู่ได้สร้างเอาไว้ก่อนตกลงแต่งงานกัน  มันเป็นบ้านที่ไม่ใหญ่มากแต่ทั้งคู่ต่างสร้างความอบอุ่น  ในบ้านหลังนี้ร่วมกัน  ในช่วงอาทิตยฺแรก  อะไรๆมันเหมือนจะไปได้ด้วยดี  แต่มีสิ่งหนึ่งที่มันดูผิดสังเกตุ  คือทุกๆครั้งเช้ามา  ในบ้านของทั้งคู่  อะไรก็แล้วแต่ที่ตื่นเช้ามา  เอิญต้องเห็นของในบ้านหนึ่งอย่างพังทุกเช้า  เขาได้ถามแฟนหนุ่มของเขา  ทุกครั้งจะได้คำตอบที่เหมือนกัน

             “ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มกล่าว  พรางยิ้มให้แฟนสาว  ด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไม่ต้องคิดมาก  มันพังไปแล้ว  เราก็แค่ซื้อใหม่นะ”

   แต่คำตอบของของชายหนุ่ม  กลับทำให้เอิญต้องเก็บความสงสัยเอาไว้ตลอด  แต่ด้วยความที่ชายหนุ่มดูแลเธอเป็นอย่างดี  เอิญจึงพยายามลืมๆเรื่องนั้นไป  จนกระทั่งเข้าสู่อาทิตย์ที่สองของการแต่งงาน  ชายหนุ่มก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป  โดยเขาได้เมากลับมาบ้านในทุกๆครั้ง  เอิญเห็นแบบนั้นจึงได้ถามสามีชองเธอไป

             “คุณเป็นอะไรรึเปล่า” เอิญกล่าว  พรางพยุงแฟนหนุ่มของเธอเข้าบ้าน “ช่วงนี้ถึงดื่มหนักขนาดนี้กลับมาบ้าน”

   แต่คำตอบที่เธอมักจะได้จากชายหนุ่มคือ

             “ไม่มีอะไรหรอก  ผมแค่เครียดจากที่ทำงานนิดหน่อยนะ”

   ช่วงแรกๆแฟนหนุ่มของเอิญแค่เมากลับมาที่บ้าน  แล้วก็นอนไป  แต่ช่วงหลังๆเมื่อเขากลับบ้านมา  เขามักจะเริ่มที่จะโมโหร้ายใส่อารมณ์ใส่เอิญบ้าง  ด่าเอิญบ้าง  หรือแม้กระทั่งร้ายที่สุด  คือการทำร้ายร่างกายเอิญ  ด้วยการตบตี  จนร่างกายของเอิญ  เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำที่ต้องปกปิดเอาไว้  แต่ทุกๆครั้งเอิญก็เลือกที่จะเก็บเงียบเอาไว้คนเดียว  เพราะเขาคิดว่า  สามีของเขาคงจะเครียดกับงาน  แต่เดี๋ยวอะไรๆมันคงจะดีขึ้นกว่านี้  นั่นจึงทำให้หลายๆครั้ง  เอิญต้องมาแอบร้องไห้คนเดียว  แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ปล่อยให้เขาต้องเหงาอยู่คนเดียวไปตลอด  เพราะอดีตแฟนหนุ่มของเขา  อย่างมาวิน  ยังคงทักเข้ามาหาเขาอยู่ตลอด  ด้วยคำถามที่คุ้นเคย

                      “เป็นยังไงบ้าง  สบายดีไหม”

   เมื่อเอิญที่เห็นแบบนั้น  จึงไม่ยากนักที่จะทำให้ตัวเขา  ต้องแอบยิ้มออกมาคนเดียวทั้งน้ำตา  และเป็นอีกครั้ง  ที่สายลมแห่งความคิดถึง  ความหายหาในรกครั้งเก่า  ได้พัดโชยผ่านร่างของเอิญไป 

   ส่วนทางด้านมาวิน(อดีตแฟนหนุ่มของเอิญ)  ตัวเขาเองสภาพร่างกายในยามนี้  ก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นัก  เพราะจู่ๆตัวเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจในหลายๆครั้ง  หรือในบางครั้ง  เขาก็เจ็บถึงขั้นที่ต้องนอนพักต้องหยุดงานกันเลย  แต่ภรรยาของเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร  ปล่อยให้สามีของตนนอนเจ็บอยู่แบบนั้น  ส่วนตัวเอง  ยังคงใช้ชีวิตเหมือนคนที่ไม่ได้ท้องอะไรเลยกลับทำตัวเหมือนคนโสดด้วยซ้ำ  วันธรรมดาเธอก็ไปอยู่คอนโด  ส่วนวันหยุดเธอกลับมาหามาวิน  แต่ก็แค่กลับมานอนด้วย  เวลาที่เหลือเธอก็เอาไปเที่ยว  ซื้อเสื้อผ้าทำผมแต่งหน้าสวยๆ  ไม่เคยแม้แต่จะสนใจสามีที่ป่วยอยู่  ปล่อยให้พ่อกับแม่ต้องดูแลมาวินกันอยู่สองคน  ในบางครั้งชาติชายเพื่อนสนิทของเขา  ก็มาช่วยดูแลด้วยเช่นกัน  ในหลายๆครั้งเพื่อนของเขาอย่างชาติชาย  มักจะบอกกับมาวินว่า

             “ไปหาหมอไหมมึง” ชาติชายกล่าว “เผื่อมึงเป็นอะไรที่มันหนัก  จะได้รักษากันทัน”

   มาวินที่เห็นเพื่อนของตนเป็นห่วง  จึงยิ้มออกมาพรางมองหน้าเพื่อน  ก่อนที่เขาจะกล่าวกับเพื่อน  

             “กูไม่เป็นอะไรหรอกมึง  ไม่ต้องเป็นห่วง”

             “เป็นอะไรก็บอกกูนะ” ชาติชายกล่าว  พรางตบไปที่ไหล่ของเพื่อนเขา “กูจะรีบมาหามึงทันทีเลยเพื่อน”

   มาวินที่เห็นเพื่อนของตนเป็นห่วง  จึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ  ก่อนที่เขาจะกล่าวกับเพื่อนเขา

             “ขอบใจมากนะมึง”

   สิ้นเสียงมาวิน  เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  และส่งข้อความไปหาเอิญ  อดีตแฟนสาวของเขา  ด้วยข้อความเดิม

                      “เป็นยังไงบ้าง  สบายดีไหม”

   ดูเหมือนความพยายามของมาวินในตอนนี้  มันจะไม่ได้สูญเปล่าเสียแล้ว  เพราะในครั้งนี้  อดีตแฟนสาวของเขา  ได้ตอบข้อความที่เขาเพียญพยายามส่งไปกลับมา

              “เราสบายดี  แล้ววินล่ะ  เป็นยังไงบ้าง”

   ด้วยข้อความเพียงแค่นั้น  ก็ถึงกับทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมา  แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะตอบอะไรกลับไป  ชายหนุ่มก็มีอาการเจ็บหัวใจที่หนักขึ้นไปอีก  จนพ่อกับแม่ของเขาทนเห็นลูกตนเองเจ็บอยู่ไม่ได้  ต้องตามชาติชายมาช่วยพามาวินไปโรงพยาบาล  แต่ตัวมาวินยังคงรั้นที่จะไม่ไป  แต่พอกับแม่ของเขาก็ไม่ยอม  ยังก็จะพาลูกชายไปให้ได้  ด้วยเหตุนั้น  มาวินจึงต้องยอมจำนนต่อคำสั่งของพ่อแม่  ส่วนพ่อแม่รีบโทรบอกภรรยาของมาวิน  ที่ในยามนี้เธอได้เดินเที่ยวอยู่  ให้มาช่วยกันดูอาการของมาวินด้วย

โรงพยาบาล

             “ทนหน่อยนะมึง” ชาติชายกล่าว  พรางจับมือเพื่อนของเขา  ที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วย “เดี๋ยวหมอก็มาดูอาการให้มึงแล้ว”

   มาวินที่ได้ยินดังนั้น  ก็ถอนหายใจออกมา  พรางเอ่ยกับเพื่อนของเขา

             “กูบอกแล้ว  ว่ากูไม่เป็นอะไรมาก” มาวินกล่าว  พรางเอามือกุมไว้ที่หัวใจ “มึงก็ไปเชื่อพ่อกับแม่มาก”

   สิ้นเสียงมาวิน  ชาติชายจึงสวนขึ้นมาทันที

             “เออออ” ชาติชายกล่าวขึ้น “ถึงปากมึงจะบอกว่ามึงไม่เป็นอะไร  แต่ร้างกายมึงมันฟ้องออกมาขนาดนี้  ยังไงวันนี้มึงก็ต้องมาหาหมอ”

   สิ้นเสียงชาติชาย  เหมือนตัวเขาจะไปสะดุดตากับอะไรบางอย่างเข้า  เขาจึงเอ่ยกับเพื่อนเขา

             “มึง” ชาติชายกล่าว  พรางเอามือไปจับที่มือเพื่อนเขา “เดี๋ยวกูมานะ  มึงนอนรอหมออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”

   พูดจบชาติชายก็เดินไปยังที่ที่เขาสะดุดตา  ทิ้งไว้ให้มาวินได้มองตามเพื่อนของเขาไป  ด้วยความสงสัย  ส่วนชาติชาย  เขาเดินได้ไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง  ผู้หญิงคนนั้นคืออลิซ  เขาเห็นอลิซจึงสะกิด  และเอ่ยถามออกไป

             “คุณ” ชาติชายเอ่ยถาม  พรางสะกิดอลิซหัหันมา “มาทำอะไรที่นี่นิ”

   อลิซที่เห็นชาติชาย  จึงตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่นี่  อลิซที่เห็นแบบนั้นจึงเอ่ยถามกลับไป

             “คะ..คุณ” อลิซกล่าว  พรางทำสีหน้าตกใจ “แล้วคุณล่ะ  มาทำอะไรที่นี่”

   ชาติชายที่ได้ยินอลิซถาม  เขาจึงเอ่ยตอบในทันที

             “อ้อ  ผมาพาไอ้วินมาหาหมอน่ะ”

   สิ้นเสียงชาติชาย  ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา  ระหว่างอลิซกับชาติชาย

             “วินเป็นอะไร?”

   ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น  ก็ตกใจและหันไปมองตามเจ้าของเสียงเสียงนั้น  เขาได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง  ที่มีใบหน้าที่คุ้นเคย  แต่ร่างกายของเธอในตอนนี้  กับเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว  ผู้หญิงคนนั้นคือเอิญ  ชาติชายเห็นเอิญ  จึงถามเอิญออกไป

             “เอิญ” ชาติชายกล่าว  พรางมองไปที่ตามเนื้อตัวของเอิญ  จุงเอ่ยถามเอิญออกไป “แล้วนั่น  ร่างกายนั่น  ไปโดนอะไรมา”

   เอิญที่เห็นชาติชายถามกลับ  เธอก็ไม่ได้ตอบอะไรไป  แต่เธอกลับถามชาติชายกลับ  ด้วยอารมณ์ที่ร้อนรนมาก

             “ชาย  วินเป็นอะไร”

   ชาติชายที่เห็นเอิญถามด้วยสีหน้าที่จริงจัง  เขาจึงเอ่ยตอบเอิญไป

             “ไอ้วินมันเจ็บที่หัวใจ  แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร” ชาติชายกล่าว  พรางชี้ไปที่เพื่อนของเขา  ที่นอนรอหมออยู่ “มันนอนรอหมออยู่นู้นน่ะ  บอกให้มันมาหาหมอหลายทีแล้ว  แต่มันไม่ยอมมา  จนคราวนี้พ่อกับแม่มันทนไม่ได้  บังคับมันมา  มันถึงยอมมาน่ะ”

   สิ้นเสียงชาติชาย  เอิญที่ได้ยินดังนั้น  จึงวิ่งไปหามาวิน  ตามที่ชาติชายชี้ไป  ชาติชายกับอลิซที่เห็นแบบนั้น  ต่างมองหน้ากัน  และวิ่งตามเอิญไป  เมื่อเอิญเห็นมาวินนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย  เจ้าตัวก็ไม่รอช้า  ที่จะเข้าไปหามาวิน  และไถ่ถามอาการของมาวินโดยทันที

             “คุณเป็นยังไงบ้าง”

   มาวินที่เห็นเอิญมายืนอยู่ข้างเตียงตน  จึงเกิดอาการตกใจ  ก่อนที่จะถามเอิญกลับไป

             “คุณ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”

   เอิญที่ได้ยินมาวินถามกลับมา  จึงถอนหายใจเล็กน้อย  ก่อนที่เขาจะกล่าวกับอดีตแฟนหนุ่มของเขาไป

             “คุณไม่ต้องสนใจชั้นหรอก  ชั้นไม่ได้เป็นอะไร” เอิญกล่าว  พรางมองหน้าชายหนุ่มอย่างเป็นห่วง “ว่าแต่คุณเถอะ  คุณน่ะเป็นอะไร  ถึงได้มานอนอยู่แบบนี้”

   มาวินที่รู้ว่าเอิญยังเป็นห่วงตนอยู่  จึงแอบยิ้มออกมาเล็กน้อย  ก่อนที่เขาจะตอบเอิญกลับไป

             “ผมก็ยังไม่รู้เลย” มาวินกล่าว  พรางมองส่งสายตาแห่งความดีใจออกมา “รอคิวอยู่  แล้วเดี๋ยวก็จะเข้าไปตรวจอาการนั่นแหล่ะ-ว่าแต่คุณเถอะ  ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง  สบายดีไหม”

   หญิงสาวที่ได้ยินชายหนุ่มถามตน  จู่ๆน้ำตาแห่งความห่วงหาอาธรณ์ในครั้งอดีต  มันก็ไหลออกมาเบาๆ  ก่อนที่เธอจะตอบชายหนุ่มกลับไป  ด้วยรอยยิ้ม

             “อืม  ชั้นสบายดี”

   ชายหนุ่มที่เห็นแบบนั้น  จึงเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้หญิงสาว  ก่อนที่เขาจะเอ่ยกับหญิงสาวต่อ

             “จะร้องไห้ทำไมฮึ”

   สิ้นเสียงชายหนุ่ม  หญิงสาวจึงยกมือชายหนุ่มขึ้นมากุมไว้  ก่อนที่เอิญจะกล่าวกับชายหนุ่มต่อ

             “คุณต้องหายนะ  อย่าเป็นอะไรไปนะ”

   สิ้นเสียงหญิงสาว  ชายหนุ่มจึงพยักหน้าเป็นการตอบรับ  ก่อนที่ทั้งคู่จะส่งสายตาแห่งความคิดถึงให้แก่กัน  มันเป็นสายตาที่แสดงว่าทั้งคู่  ต่างยังคงรักกันอยู่  แต่ด้วยเรื่องราวที่มันเป็นอยู่ตอนนี้  ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้  ชาติชายกับอลิซที่ยืนดูทั้งคู่อยู่  ต่างก็ยิ้มออกมา  ดังว่าเขาทั้งคู่  อยากที่จะให้สองคนนี้ได้ลงเอ่ยกัน  ก่อนที่อลิซจะเอ่ยปากถามชาติชาย

             “นายว่า” อลิซกล่าว  พรางมองมาวินกับเอิญด้วยสายตาแห่งความดีใจ “ถ้าพวกเขาทั้งคู่  ได้แต่งงานกัน  ตอนนี้เขาทั้งคู่จะเป็นยังไง”

   ชาติชายที่ได้ยินอลิซถาม  จึงหันไปมองหน้าอลิซ  ก่อนที่เขาจะตอบอลิซกลับไป

             “ไม่รู้สิ” ชาติชายกล่าว  พรางมองชายหนุ่มกับหญิงสาวทั้งคู่เช่นกัน “แต่ผมเชื่อว่า  ภาพที่เราเห็นในวันนี้  มันจะต้องเป็นภาพแห่งความสุข  ไม่ใช่ภาพแห่งความสุขปนความเศร้าแบบนี้แน่นอน”

   สิ้นเสียงชาติชาย  อลิซหันไปมองหน้าชายหนุ่ม  ชายหนุ่มก็หันมามองอลิซ  ทั้งคู่ต่างหน้าแดงด้วยความเขิล  เพราะหลังจากเหตุการณ์ที่ร้านอาหารในครั้งนั้น  ทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้พูดดีต่อกันอีกเลย  จนกระทั่งวันนี้  ที่ทั้งคู่ได้เห็นเอิญและมาวิน  ได้กลับมามีใบหน้าที่มีความสุขกันอย่างเต็มที่อีกครั้ง  จึงทำให้ทั้งคู่คลายความโรกธที่มีต่อกันลงได้บ้าง  อลิซกับชาติชายหันกลับไปมองเอิญกับมาวินด้วยรอยยิ้ม  ก่อนที่เวลาแห่งความสุขนั้น  มันจะหมดลง  ด้วยของผู้หญิงคนหนึ่ง  ที่มาวินไม่อยากจะเจอเธอเลย

             “ขอโทษนะคะ  แต่ช่วยถอยไปจากสามีชั้นทีได้ไหม”

   สิ้นเสียงหญิงสาว  ทั้งสี่คนต่างหันไปมองตามเสียงนั้น  ภาพที่ทั้งสี่คนเห็น  คือเมย์  ภรรยาของมาวิน  ที่พ่อกับแม่โทรตามเธอมา  ให้มาช่วยดูมาวิน  เอิญที่เห็นเมย์มา  เธอจึงปล่อยมือที่กุมมือมาวินเอาไว้  และถอยห่างออกมาจากมาวิน  เมย์ที่เห็นดังนั้น  จึงเอ่ยขึ้นมาต่อ

             “สามีของชั้น” เมย์กล่าว  พรางเดินเข้ามาหามาวิน  และหันมาพูดกับเอิญ “เดี๋ยวชั้นดูแลต่อเอง  ไม่ต้องให้คนนอกอย่างคุณมายุ่งหรอก”

   ชาติชายที่เห็นเมย์มา  จึงเอามือมากุมที่หน้าผากเอาไว้  พรางส่ายหัวไปด้วย  เป็นเชิงว่าไม่น่ามาเลย  อลิซที่เห็นอาการของชาติชายเขาจึงถอนหายใจออกมาบ้าง  แต่อลิซก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา  เอิญที่ได้ยินเมย์พูดดังนั้น  เขาจึงเอ่ยออกมาบ้าง

             “ก็ดีค่ะ” เอิญกล่าว  พรางเอามือกอดไว้ที่หน้าอก  และส่งสายตาเย้ยหยั่น “เอาใจใส่สามีก็ดี  เพราะถ้าเป็นชั้น  ชั้นคงไม่ปล่อยให้สามีต้องนอนคอยหมออยู่คนเดียวตั้งนานแบบนี้แน่นอน  เพราะแบบนั้น  เขาเรียกว่าคุณมันไม่เอาใจสามีเลย  ถ้าเป็นแบบนี้  ระวังสักวันจะเสียสามีไปนะค๊ะ-ไปเถอะอลิซ”

   พูดจบเอิญก็เดินออกไป  โดยที่ไม่ได้หันกลับมามองมาวินเลย  มาวินที่เห็นแบบนั้น  จึงตะโกนเรียกเอิญ

             “เดี๋ยวสิคุณ  อย่าพึ่งไป!!!”

   แต่ดูเหมือนเอิญจะไม่ได้ฟังเสียงมาวินเลย  เขาเดินออกไปอย่างไม่สนใจใยดี  อลิซที่เห็นแบบนั้น  จึงโบกมือลาชาติชาย  ก่อนที่เขาจะเดินตามเอิญออกไป  มาวินที่เห็นแบบนั้น  จึงหันไปพูดกับชาติชาย

             “ไอ้ชาย” มาวินกล่าว  พรางหันไปพูดกับเพื่อนเขา  ด้วยสีหน้าที่จริงจัง “มึงรีบตามเอิญไป”

   ชาติชายที่กำลังเลิกลักว่าจะเอายังไงดี  แต่เมื่อเขาได้ยินเพื่อนเขาพูดแบบนั้น  เขาจึงรีบวิ่งตามเอิญออกไป  แต่เมย์ที่เห็นมาวินเรียกหาเอิญ  จึงเกิดความโมโห  และโวยวายขึ้นมารั้นโรงพยาบาล

             “นี่พี่จะไปเรียกหามันทำไม” เมย์กล่าว  พรางมองมาวินด้วยความโมโห “พี่ยังรักยังคิดถึงมันอยู่เหรอฮะ...”

   แต่ยังไม่ทันที่เมย์จะพูดอะไรต่อ  หมอก็เดินเข้ามาหามาวิน  เพราะถึงคิวของมาวินแล้ว  ส่วนชาติชายที่วิ่งตามอลิซกับเอิญมา  จึงเรียกทั้งคู่เอาไว้  และกล่าวกับทั้งคู่

             “ผมต้องขอโทษแทนมาวินมันด้วยนะ” ชาติชายกล่าว  พรางหอบหายใจ  เพราะรีบวิ่งตามมา “ที่เมียมันพูดแบบนั้นน่ะ”

   แต่ดูเหมือนตอนนี้เอิญจะอยู่ในอาการโกรธ  เขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา  ก่อนที่อลิซจะเดินเข้ามาหาชาติชาย  และเอ่ยกับชาติชาย

             “ไม่เป็นไรนาย” อลิซกล่าว  พรางเอามือมาแตะที่อกชาติชาย  เพื่อเป็นการบอกให้ใจเย็นๆ “เดี๋ยวที่เหลือชั้นจัดการเอง  ตอนนี้ยัยเอิญยังอารมณ์ไม่ดีอยู่  ส่วนพวกเราไว้ไปคุยกันที่ทำงานนะ”

   ชาติชายพยักหน้า  และเอิญกับอลิซต่อ

             “ฝากด้วยนะคุณ”

   สิ้นเสียงชาติชาย  อลิซกับเอิญจึงเดินหายลับไป  แต่ก่อนที่จะแยกกัน  อลิซหันกลับมามองชาติชายเล็กน้อย  ก่อนที่เขาจะเดินหายลับไปตามเพื่อนของเขาไป  เมื่อส่งหญิงสาวทั้งคู่เสร็จ  ชาติชายจึงเดินกลับไปหามาวิน  ส่วนทางด้านมาวิน  ที่เข้าห้องตรวจไปแล้ว  ตอนนี้เขาได้มานั่งรอฟังอาการจากหมอ  เมื่อวินิจฉัยเสร็จ  หมอจึงหันมาพูดกับมาวิน

             “ดูเหมือนคุณจะเป็นโรคหัวใจนะครับ” หมอกล่าว  พรางมองมาวินด้วยสายตาที่จริงจัง “ถ้าคุณมาช้ากว่านี้อีกนิด  คุณอาจจะแย่กว่านี้ได้  โชคดีมากที่คุณไหวตัวทัน”

   สิ้นเสียงหมอ  มาวินกับเมย์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยกัน  ถึงกับหน้าถอดสี  เหงื่อไหลออกมาทั่วตัว  ก่อนที่มาวินจะเอ่ยพูดกับหมอ

             “แล้วผม” มาวินกล่าว  พรางกลืนน้ำลายดังอึ้ก “จะเป็นอะไรถึงชีวิตไหมครับหมอ”

   หมอที่เห็นสีหน้าของคนไข้เป็นกังวล  หมอจึงตอบด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม  เพื่อให้คนไข้คลายความกังวลลงได้บ้าง

             “ไม่ต้องกังวลไปครับ” หมอกล่าวขึ้น  ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “แค่คุณมาตรวจตามที่หมอนัดก็พอครับ  แต่ถ้าคุณมีอาการเจ็บที่อกมากเมื่อไหร่  ก็ให้รีบมาหาหมอโดยทันทีเลยนะครับ  อย่าปล่อยไว้  เพราะถ้าคุณปล่อยไว้  นั่นแหล่ะครับ  ที่อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตคุณ”

   สิ้นเสียงหมอ  หมอจึงหันไปเขียนอะไรอยู่พักหนึ่ง  ก่อนที่จะหันกลับมาหามาวิน  และยื่นใบนัดให้กับมาวิน

             “แล้วก็นี่ครับ” หมอกล่าว  พรางยื่นใบนัดให้มาวิน “ใบนัด  กับใบรับยา  มาตามหมอนัดห้ามผิดนัดนะครับ  ส่วนยาทานสามเวลาหลังอาหารด้วยนะครับ  ห้ามลืมเด็ดขาด-โอเคครับ  วันนี้ก็มีเท่านี้ครับ  ขอให้คุณหายไวๆนะครับ”

   พูดจบทั้งคู่จึงยกมือไหว้หมอ  และเดินออกมาจากห้องนั้น  ก่อนที่เมย์จะหันมาเอ่ยกับมาวิน

             “ทำไมพี่เป็นอะไรไม่บอกหนู”

   ซึ่งมาวินก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป  แต่เขาก็รู้ดีอยู่ในใจ  ว่าบอกไปภรรยาของเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร  เพราะทุกครั้งที่ตนเป็นอะไร  ภรรยาของตนก็ไม่เคยจะมาสนใจดูแลเลย  ทำให้เขานึกไปถึงตอนที่ยังคบกับเอิญ  ที่ทุกครั้งเขาไม่สบายหนักขนาดไหน  หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่  จะมีเอิญอยู่ข้างๆ  คอยดูแลเขาเสมอ  ไม่เคยห่างไปไหนเลย  ถ้าตอนนี้เขาได้แต่งงานกับเอิญ  ตัวเขาเชื่อว่า  เขาจะมีความสุขมากกว่านี้เป็นแน่  ต่างจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด  ที่ถ้าพ่อแม่เขาไม่บอก  ภรรยาของเขา  ก็คงจะไม่ยอมมาหาเขาแน่นอน 

   ชาติชายที่เห็นเพื่อนของตนเดินออกมาจากห้องหมอ  เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปถามอาการของเพื่อนเขาในทันที  มาวินที่ได้ยินเพื่อนของตนถาม  จึงบอกอาการแก่เพื่อนของตนไป  ทำให้สีหน้าของชาติชายดูเป็นกังวลเอามากๆอีกคน  แต่มาวินก็ตบไหล่เพื่อนของเขาไปเป็นการปลอบใจ  ชาติชายที่เห็นเพื่อนของเขายังสบายดีอยู่  จึงมีรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าได้  และทั้งสามคนจึงเดินไปรับยา  และพากันกลับบ้านในทันที

บ้านมาวิน(ตอนเย็น)

   พ่อกับแม่ที่เห็นมาวินกลับมา  จึงมายืนรอรับกันที่หน้าบ้าน  ก่อนที่ท่านทั้งสองจะเอ่ยถามอาการของมาวิน

             “หมอว่ายังไงบ้างลูก”

   มาวินที่เห็นสีหน้าของพ่อแม่แล้ว  เขาไม่อยากทำให้ท่านทั้งสองต้องเป็นห่วง  จึงตอบไปอย่างเลี่ยงๆ

             “ไม่เป็นไรหรอกพ่อ  แม่” มาวินกล่าว  พรางทำเป็นแข็งแรงให้ท่านเห็น “ดูสิ  ผมยังแข็งแรงดีอยู่เลย  เห็นไหม”

   ชาติชายที่เห็นดังนั้น  จึงพูดกับมาวินออกไป

             “ไอ้วิน” ชาติชายกล่าว  ด้วยสีหน้าที่จริงจัง “กูว่ามึงบอกพ่อกับแม่ท่านไปตรงๆเถอะ  เพราะยิ่งมึงโกหก  ท่านมารู้ทีหลัง  ท่านจะหนักใจกว่านี้เปล่าๆ”

   พ่อกับแม่ที่ได้ยินชาติชายพุดแบบนั้น  จึงยิ่งมีสีหน้าที่เป็นกังวลหนักเข้าไปอีก  แต่มาวินกลับมีสีหน้าที่สลดลงกว่าเดิม  ก่อนที่เขาจะยอมพูดกับพ่อแม่ตรงๆ

             “ผมเป็นโรคหัวใจครับ” มาวินกล่าว  พรางทำสีหน้ายิ้มแย้ม “แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลนะครับ  หมอบอกผมยังไม่เป็นอะไรมาก  แค่กินยาให้ตรงเวลา  กับไปตรวจตามที่หมอนัด  แค่นั้นก็โอเคแล้วครับ”

   พ่อกับแม่ที่ได้ยินแบบนั้น  จึงโล่งใจออกมาได้บ้าง  ก่อนที่ท่านจะเอ่ยออกมาบ้าง

             “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว” พ่อกล่าว  พรางมองลูกชายอย่างเป็นห่วง “ต่อจากนี้ลูกก็ต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น  อย่าหักโหมมากเกินไป  และกินยาให้ตรงเวลาตามที่หมอสั่งด้วย”

   มาวินได้ยินพ่อตนพูดแบบนั้น  จึงตอบพ่อของเขาไปเป็นเชิงกวนๆ

             “คร้าบพ่อ” มาวินกล่าว  พรางทำสีหน้ากวนๆ “ต่อจากนี้ผมจะไม่นอกลู่นอกทางเลยครับ”

   สิ้นเสียงมาวิน  ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น  จึงหัวเราะกันออกมา  ก่อนที่ชาติชายจะเอ่ยขึ้นมาบ้าง

             “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว  ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”

   สิ้นเสียงชาติชาย  แม่จึงหันมาพูดกับชาติชายบ้าง

             “ขอบใจมากนะชาย  ถ้าไม่ได้ชายแย่แน่เลย”

   ชาติชายที่ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มออกมา  มาวินเมื่อเห็นเพื่อนของตนกำลังจะกลับ  เขาจึงเอ่ยกับเพื่อนเขาออกไป

             “ขับรถดีๆนะมึง”

   ชาติชายได้ยินเพื่อนตนกล่าวอวยพร  จึงพยักหน้าตอบรับกลับไป  ก่อนที่เขาจะเดินออกจากบ้านไป  เมื่อเสร็จเรื่องราวแล้ว  เมย์จึงขอตัวกลับขึ้นห้องไป  และทั้งหมดจึงแยกย้ายออกจากตรงนั้นไป  เมื่อทั้งหมดไปหมดแล้ว  มาวินจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  และส่งข้อความไปหาเอิญ

             “เรื่องในวันนี้  ผมขอโทษด้วยนะคุณ”

   ทางด้านเอิญในตอนนั้น  หน้าจอโทรศัพท์ของเอิญ  ที่วางอยู่ข้างตัวเอิญ  ได้สว่างขึ้น  มันเป็นของความที่มาวินพึ่งส่งมาเมื่อสักครู่  แต่ตัวของหญิงสาวก็ไม่ได้หยิบมันขึ้นมาตอบอะไร  แต่ตอนนี้ใบหน้าของหญิงสาวกลับเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา  ที่หยดลงบนหน้าจอโทรศัพท์  ผสมกับเลือดที่บนใบหน้าเธอ  ที่เธอพึ่งโดนสามีของเธอทำร้าย  จนปากของเธอแตก  ใบหน้าของเธอจากหญิงสาวที่สระสวย  ตอนนี้ใบหน้าของเธอ  เต็มไปด้วยบาดแผลจากการที่เธอถูกสามีของเธอทารุณทำร้ายอย่างหนัก  แต่เมื่อเธอเห็นข้อความของอดีตแฟนหนุ่ม  มันจึงทำให้เธอยิ้มได้  เธอคิดถึงเหตุการณ์ที่เธอได้เจอกับชายหนุ่มในวันนี้  ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ  แต่มันก็ทำให้เธอมีความสุขมาก  เพราะเหตุการณ์แต่ละวัน  ที่เธอเจอในช่วงนี้  มันทำให้เธอไม่เคยมีความสุขกับชีวิตของเธออีกเลย  จนพรานให้เธอคิดไปว่า  ถ้าเธอได้แต่งงานกับอดีตแฟนหนุ่มของเธอ  ชีวิตของเธอในตอนนี้  มันคงจะมีความสุขไม่ใช่น้อย  เพราะอย่างน้อยๆ  ถึงอดีตแฟนหนุ่มของเธอจะเจ้าชู้  แต่อดีตแฟนหนุ่มของเธอ  ก็ไม่เคยต้องทำให้เจ็บตัวเลยแม้แต่น้อย  เขาเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติเธอมาก  แต่สุดท้ายในค่ำคืนนั้น  เธอทำได้แค่คร่ำครวญ  และร้องไห้ออกมาตลอดทั้งคืน

สถานที่ราชการแห่งหนึ่ง(ตอนเช้า)

   ในขณะที่ความสัมพันธ์หนึ่งกำลังมีปัญหา  อีกความสัมพันธ์หนึ่ง  ก็กำลังเริ่มที่จะก่อตัวขึ้น โดยชาติชายที่พึ่งมาถึงที่ทำงาน  ได้เดินไปชวนอลิซที่นั่งเคลียงานอยู่  โดยที่ในที่ทำงาน  ยังไม่มีใครมาสักคนเลย  หรือบางคนที่มาถึงแล้ว  ก็นั่งอยู่ที่โรงอาหาร

             “คุณ” ชาติชายกล่าว  พรางมีสีหน้าที่เขิล “กินอะไรรึยัง  ไปหาอะไรกินกันมั้ย”

   อลิซที่ได้ยินชาติชายมาชวน  จึงเผลอมีสีหน้าที่แดงออกมา  ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้  และพูดกวนชาติชายกลับไป

             “มาชวนผู้หญิงไปหาอะไรกินแบบนี้” อลิซกล่าว  พรางทำสีหน้ากวนๆใส่ชาติชาย “จะจีบชั้นเหรอจ้ะ”

   ซึ่งอลิซที่ตั้งใจจะกวนชาติชาย  แต่คำตอบที่ได้กลับมา  ทำให้ตัวเธอเอง  ต้องอึ้งไป

             “ก็ถ้า” ชาติชายกล่าว  พรางเอามือไปเก้าที่ใบหน้าเบาๆผสมสีหน้าที่แดงกล่ำ “คุณไม่ได้ติดใจกับเรื่องที่ผ่านมาน่ะนะ  ถ้าคุณจะให้โอกาสผมเป็นคนคุยผมก็ยินดี”

   อลิซที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น  ตัวเขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ต้องเขิลแทน  ทั้งคู่นั่งนิ่งเงียบกันอยู่พักนึง  ก่อนที่อลิซจะเอ่ยออกมา

             “ก็ได้” อลิซกล่าว  พรางหลบหน้าชาติชายก่อนที่เขาจะหันมามองหน้าชาติชาย “แต่นายเลี้ยงนะ  แต่ชั้นให้คะแนนนายแค่หนึ่งคะแนนนะ  ที่เหลือนายเอาชนะใจชั้นให้ได้ก็แล้วกัน”

   ชาติชายที่ได้ยินแบบนั้น  จึงยิ้มและพยักหน้าเป็นการตอบรับออกมา  ก่อนที่เขาจะกล่าวกับอลิซต่อ

             “งั้นไปกันเลยดีกว่า”

   สิ้นเสียงชาติชาย  ทั้งคู่จึงเดินออกจากห้องไป  ก่อนที่ชาติชายจะเอ่ยถามอลิซต่อ

             “คุณผมมีเรื่องจะถาม”

             “อะไรเหรอ?”

   ชาติชายหยุดคิดอยู่สักพัก  ว่าจะถามดีไหม  แต่เขาก็ตัดสินใจถามออกไป

             “วันนั้นที่โรงพยาบาล” ชาติชายกล่าว  พรางมองอลิซ  ด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ผมเห็นรอยแผลตามตัวของเอิญ  เธอโดนสามีเธอทำร้ายมาเหรอ”

   อลิซที่ได้ยินชาติชายถาม  ก็มีสีหน้าที่เศร้าอยู่พักนึง  ก่อนที่เขาจะตอบชาติชายไป

             “ชั้นบอกเอิญหลายทีแล้ว  ว่าให้แจ้งความ  แต่เอิญก็เอาแต่บอกว่า ‘เขาคงจะเหนื่อยจากงานน่ะ  เดี๋ยววันนึงเขาคิดได้  เขาก็คงจะหยุดเองแหล่ะ’ เจ้าตัวเอาแต่พูดแบบนี้น่ะ  ชั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน  แรกๆหมอนั่นก็ดีนะ  แต่มาตอนนี้เหมือนคนละคนกันเลยล่ะ”

   ชาติชายที่ได้ยินแบบนั้น  ก็ถึงกับทำสีหน้าหดหู่ตามอลิซ  แต่เขาก็ไม่อยากให้สถานการณ์ที่สดใสในตอนนี้  ต้องมัวหมองลง  เขาจึงหันไปพูดกับอลิซ

             “ในเมื่อเจ้าตัวตัดสินใจแบบนั้น” ชาติชายกล่าว  พรางมองอลิซ “เราเองก็เข้าไปยุ่งไม่ได้  แต่เราก็ต้องช่วยกันดูแบบห่างน่ะนะ”

   อลิซที่ได้ยินแบบนั้น  จึงยิ้มออกมา  ก่อนที่เขาจะพยักหน้าตอบรับ  และทั้งคู่จึงเดินไปหาอะไรกินด้วยกัน

บ้านเอิญ(บ้านเธอกับสามี)

   ส่วนทางด้านเอิญ  ตัวเขาต้องแบกรับความเจ็บปวด  ที่ได้รับจากการถูกสามีของเธอทำร้ายทุกๆวัน  ทุกๆวันๆบนใบหน้าของเขา  จะต้องเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา  กับรอยแผลจากการถูกทารุณโดยสามีของเธอ  แต่ในทุกๆวันจะต้องมีข้อความของชายหนุ่ม  ผู้เป็นอดีตแฟนของเธอ  นั่นคือมาวิน  โดยทุกๆวันเหมือนมาวินจะรู้  ว่าตัวของเอิญมีปัญหาทุกใจ  และทำให้เธอไม่สบายใจ  โดยทุกๆวันชายหนุ่มจะส่งข้อความมาให้กำลังใจเธอ  ทำให้ทุกๆครั้งที่ได้รับข้อความ  จะทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับมีใครสักคนอยู่เคียงข้างเธอ  และทำให้เธอยิ้มออกมาได้ 

   แต่ดูเหมือนยิ่งเวลาผ่านไป  สามีของเอิญจะยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ  จากที่มีแค่ตบ  แต่เวลาผ่านไปก็ถึงขั้นถีบบ้าง  ต่อยบ้าง  จนตามร่างกายของเอิญมีแต่รอยฟกช้ำและบาดแผลเต็มไปหมด  จนจิตใจของเอิญด้านชา  จากที่เคยมีความรักให้สามี  ในตอนนี้มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง  ทุกๆวันไม่อยากเจอหน้าสามี  เพราะเมื่อเจอทีไร  เธอต้องเจ็บตัวทุกที  แต่ในทางกลับกัน  เขากลับมีจิตใจที่รู้สึกดี  และโหยหาชายหนุ่ม  ผู้เป็นอดีตแฟนหนุ่มของเขาแทน  เขารู้สึกอยากเจอ  และคุยกับชายหนุ่มในทุกๆเรื่อง  เขารู้สึกอยากหอม  อยากกอดชายหนุ่ม  และทำทุกๆอยากที่คนเป็นแฟนเขาทำกัน 

   แต่เมื่อความอดทนมันสิ้นสุดลง  หญิงสาวตัดสินใจ  ที่จะคุยกับชายหนุ่ม  ผู้เป็นสามีของเธอให้รู้เรื่อง  ถึงเรื่องการหย่าร้างกัน  ระหว่างเธอกับเขา  เพราะเขาไม่สามารถที่จะทนแบกรับความเจ็บปวดต่อไปได้อีกแล้ว  หญิงสาวตัดสินใจ  ยกโทรศัพท์  โทรหาเพื่อนสาวของเขา  และปรึกษาเพื่อนสาวของเขา  ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเคลือ

             “แก...” เอิญกล่าว  พรางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคลาบน้ำตา  และน้ำเสียงที่สั่นเคลือ “ชั้น..ตัดสินใจแล้ว  ชั้นจะคุยกับวิน(สามี)ให้รู้เรื่อง...  ชั้นจะหย่ากับเขา”

   สิ้นเสียงเอิญ  เพื่อนของเขาเงียบไปพักใหญ่  ก่อนที่อลิซจะตอบกลับมา

             “แกควรจะคิดแบบนี้ได้ตั้งนานแล้วนะ” อลิซกล่าว “ชั้นเตือนแกหลายครั้งแล้ว  ว่าแกไม่ต้องไปทนหรอก  ผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิงน่ะ  แค่นี้มันก็เลวแล้ว”

             “งั้นเสาร์นี้” เอิญกล่าว  พร้อมน้ำตาที่หลั่งลินออกมาจำนวนมหาศาล “แกมาคุยเป็นเพื่อนชั้นหน่อยนะ  เพราะถ้าชั้นอยู่คนเดียว  ชั้นต้องโดนเขาทำอะไรอีกแน่”

             “ได้แก” อลิซกล่าว “แต่ชั้นขอพาชาติชายไปด้วยนะ  อย่างน้อยๆถ้ามีผู้ชายอยู่ด้วยสักคน  ชั้นว่ามันน่าจะอุ่นใจกว่า  แล้วก็ระหว่างนี้  ชั้นว่าแกควรไปนอนกับแม่ของแกก่อน  แกจะได้ไม่ต้องโดนอะไรไปมากกว่านี้”

             “ได้แก” เอิญกล่าว  พรางเอามือปาดน้ำตาไปด้วย “ขอบใจแกมากนะ”

   คุยจบเอิญจึงวางสายไป  และเตรียมไปเก็บของ  เพื่อจะไปนอนบ้านแม่ของเธอ  แต่ระหว่างนั้น  ก็มีข้อความของชายหนุ่มอันเป็นที่รักของเธอเข้ามา

             “คุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอ”

   หญิงสาวที่เห็นดังนั้น  ก็ถึงกับน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง  ทั้งที่มันหยุดไปแล้ว  ส่วนทางด้านของมาวิน  ตัวเขาเองอาการโรคหัวใจของเขา  ก็ดีบ้างเลวร้ายลงบ้าง  ต้องดูกันเป็นวันๆไป  แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ภรรยาของเขาต้องจับตาดูเขาในหลายๆสัปดาห์ที่ผ่านมา  ก็คือการที่มาวินส่งข้อความหาเอิญทุกๆวัน  แต่ภรรยาของเขาก็ไม่ทราบได้  ว่าสามีของเขาส่งข้อความหาใครกันแน่  แต่จากเหตุการณ์ที่เมย์ได้พบเจอเอิญเมื่อเร็วๆนี้  ทำให้เมย์คิดไปว่า  มาวินต้องส่งข้อความคุยกับเอิญเป็นแน่  เพราะดมย์เองก็รู้ดี  ว่าสามีของตน  ไม่เคยรักตนเลย  แต่เขากลับรักเอิญจนหมดหัวใจ  ในหลายๆครั้งเมย์ลองถามมาวินตรงๆ  แต่สามีของเธอกลับแต่แค่ว่า

             “เปล่า  ผมคุยกับเพื่อนน่ะ”

   นั้นจึงทำให้เมย์  ต้องจับตาดูสามีของเธออยู่ไม่ห่าง  จนกระทั่งวันนึงเป็นวันเดียวกับที่เอิญ  คุยกับอลิซเรื่องที่เอิญจะคุยกับสามีของเธอ  และมาวิน(อดีตแฟน)ส่งข้อความเข้าไปพอดี  ที่ทำให้เหตุการณ์สุดเลวร้าย  ต้องเกิดขึ้น  นั่นคือวันที่มาวินคุยกับเอิญจบ  และวางโทรศัพท์ทิ้งไว้  โดยไม่ปิดหน้าจอ  และเป็นจังหวะเดียวกับที่เมย์เข้ามาเห็นโทรศัพท์เปิดค้างไว้อยู่  เมย์จึงเดินเข้าไปเปิดข้อความดู  เมย์จึงได้พบกับความจริงว่า  สามีของเธอคุยกับอดีตแฟนสาวทุกวัน  เมย์ที่เห็นดังนั้น  จึงเกิดความโมโหเป็นอย่างมาก  เขาจึงหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา  และถ่ายรูปข้อความเหล่านั้นเก็บเอาไว้ทั้งหมด  และวางโทรศัพท์ของมาวินเอาไว้ที่เดิม

   หลังจากนั้นเมย์จึงค้นหา  ไลน์ของสามีของเอิญ  จากที่ต่างๆ  จนกระทั้งเขาได้เจอกับไลน์สามีของเอิญ  เมย์ไม่รอช้า  ที่จะส่งรูปทั้งหมดที่เขาถ่ายไว้  ให้กับสามีของเอิญได้ดู  พร้อมส่งข้อความไปหาสามีของเอิญ

             “ภรรยาของคุณ  มาคุยกับสามีของชั้น  และนี่คือหลักฐานทั้งหมด  ชั้นขอให้คุณตัอสินเอาเองนะ  ว่าคุณจะเอายังไงต่อไป”

   หลังจากที่ส่งข้อความเสร็จ  เมย์จึงยิ้มแบบมีความคิดร้ายๆ  และเดินออกจากห้องไป  ดั่งว่าสิ่งที่เขารอคอยมานาน  ในที่สุดมันก็เป็นจริงสักที  เขาหวังว่าคราวนี้เอิญคงโดนหนักแน่ๆ  ส่วนทางด้านสามีของเอิญ  เมื่อได้รับข้อความดังนั้น  เขาจึงเกิดความโมโหมาก  และรีบรุดหน้ากลับบ้านไปหาเอิญ  ที่ในยามนั้นเจ้าตัวกำลังเก็บของ  เพื่อไปนอนที่บ้านแม่ของเขาอยู่  และเป็นจังหวะเดียวกับที่เอิญกำลังจะเปิดประตูบ้าน  และสามีของเธอกลับเข้ามาพอดี  แต่ยังไม่ทันที่เอิญจะพูดอะไร  สามีของเธอ  ก็ตรงเข้ามาและตบเธอ  จนเธอต้องล้มกลิ้งลงไปกองกับพื้น  ก่อนที่สามีของเธอจะเอ่ยขึ้นมา

             “กูไม่คิดเลยนะ” มาวิน(สามีเอิญ)กล่าว  พรางทำสีโมโห “ว่ามึงมันจะสำส่อน  ไปมีชู้แบบนั้น  วันนี้แหล่ะ  มึงโดนกูหนักแน่  อีเอิญ”

   เอิญที่ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น  เธอยังไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่นัก  แต่เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  และรีบกดโทรไปหาเพื่อนของตนเอง  ก่อนที่สามีของเธอจะตรงเข้ามา  และกระชากคอเสื้อเธอขึ้นมา  และตบไปที่ใบหน้าของเธออย่างหนักอีกครั้ง  อลิซที่เห็นเพื่อนของตนโทรมา  เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  และรับสาย

             “ว่าไงแก”

   แต่ยังไม่ทันทีอลิซจะได้พูดอะไรต่อ  เขาก็ได้ยินเพื่อนของเขา  ร้องออกมาโดยน้ำเสียงอันเจ็บปวด

             “โอ้ย” เอิญร้องออกมา  ก่อนที่เขาจะกล่าวกับเพื่อนเขา  ด่วนน้ำเสียงที่เจ็บปวด “อลิซ...  แกมาช่วย...  ชั้นด้วย”

   อลิซไม่พูดอะไรต่อ  แต่เขารีบเดินไปที่โต๊ะชาติชาย  และกล่าวกับชาติชาย  อย่างคนที่รีบร้อน

             “คุณแย่แล้ว” อลิซกล่าว  พรางด้วยสีหน้าที่ร้อนรน “รีบไปหาเอิญเร็ว  ยัยนั่นโดนไอ้ผัวชั่วนั่นทำร้าย”

   ชาติชายที่ได้ยินดังนั้น  จึงรีบวิ่งออกไปพร้อมกับอลิซ  พรางยกหูโทรศัพท์  โทรหามาวินเพื่อนของเขา

             “ไอ้วิน” ชาติชายกล่าว  พรางวิ่งไปที่รถพร้อมอลิซ “มึงรีบไปที่บ้านเอิญเร็ว  เอิญโนสามีของเธอทำร้าย  เดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นไปให้”

   พูดจบชาติชายจึงส่งโลเคชั่นบ้านของเอิญไปให้มาวิน  ส่วนทางด้านมาวิน  เมื่อรู้ดังนั้นและได้รับโลเคชั่นมาแล้ว  เขาก็ไม่รอช้า  รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้  และรุดหน้าเดินไปที่รถของเขา  แต่เขาก็ต้องหยุดชะงัก  เพราะเมย์ภรรยาของเขา  มาขวางเอาไว้ที่หน้าประตู  พรางกล่าวกับมาวิน

             “คุณจะไปหายัยนั่นเหรอ”

   มาวินที่ได้ยินสิ่งที่เมย์พูด  เขาก็แปลกใจที่เมย์รู้ได้ยังไง  ว่าตัวเขาจะไปไหน  เขาจะเปรยถามไป

             “แล้วคุณรู้ได้ยังไง” มาวินกล่าว  พรางส่งสายตาแห่งความสงสัยไปที่เมย์ “ว่าผมจะไปไหน?  อย่าบอกนะ  ว่าคุณเป็นคนที่ทำให้เอิญต้องถูกสามีเขาทำร้ายน่ะ”

   เมย์ที่ได้ยินมาวินบอกว่า  เอิญถูกสามีของเธอทำร้าย  เธอจึงยิ้มออกมาด้วยความสะใจ

             “ใช่ชั้นนี่แหล่ะ” เมย์กล่าว  พรางสีหน้าที่สะใจ “ชั้นเกลียดมัน  มันมาแย่งความรักคุณไปจากชั้น  คนอย่างมันสมควรตายไปได้ก็ดีแล้ว-แล้วถ้าคุณไปหามัน  คุณกับชั้นได้เห็นดีกันแน่”

   มาวินที่เห็นดังนั้น  เขาจึงส่ายหัวออกมาด้วยความผิดหวัง  และเขาก็ไม่พูดอะไรต่อ  แต่เขาเลือกที่จะเดินออกไปด้วยความเงียบงัน  โดยที่เขาไม่สนใจใยดีอะไรเมย์เลย  ส่วนพ่อกับแม่ของมาวิน  ที่มาได้ยินเรื่องที่เมย์คุบกับมาวิน  เขาทั้งคู่ก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน  ว่าเมย์จะทำเรื่องที่ร้ายกาจแบบนี้ได้

   ส่วนทางด้านเอิญ  ในตอนนี้เขานอนเอามือกุมท้องของเขาด้วยความเจ็บปวด  แต่สามีของเขาก็ยังไม่ยอมหยุด  ที่จะทำร้ายเขา  เขาเห็นเอิญนอนอยู่กับพื้น  เขาวิ่งเข้าไปเตะเอิญ  จนเอิญทำกับกรีดร้องออกมา  ก่อนที่เขาจะพูดกับเอิญต่อ

             “นี่ถ้าอีเมียของชู้ของมึงไม่บอกกูนะ  กูคงจะเป็นควายอยู่อย่างนี้  มึงแม่งเหี้ยจริงๆอีดอก”

   เอิญที่ตอนนั้น  เขาทั้งเจ็บตัว  และโมโหในเวลาเดียวกัน  เขาจึงเอ่ยพูดออกมาด้วยความโมโหบ้าง 

             “ก็เพราะชู้ของกูมันดีกว่ามึงไง” เอิญกล่าวขึ้นมา  ผสมกับหยาดน้ำตาที่เต็มใบหน้า “กูถึงรักเขา  เพราะเขาไม่เคยมาทำร้านกู  แบบที่มึงทำแบบนี้ไง  ไอ้หน้าตัวเมีย”

   สามีของเอิญที่ได้ยินแบบนั้น  จึงโมโหขึ้นมากกว่าเดิม  และกระชากเอิญให้ลุกขึ้นมา  และต่อยไปที่ใบหน้าของเอิญ  จนปากของเอิญแตก  และมีเลือดไหลออกมา  และหยดลงเพื่อน  จนพื้นเปื้อนไปหมด  เอิญทำได้เพียงแค่ทำใจ  เพราะเขาคิดว่า  เขาคงไม่รอดไปจากที่นี่เป็นแน่แท้  สามีของเขาหยิบเก้าอี้มา  และยกมันเตรียมฟาดลงไปที่ตัวเอิญ  เอิญที่เห็นดังนั้น  จึงหลับตาปี๋  แต่ดูเหมือนชะตาของหญิงสาว  จะยังไม่จบลงที่นี่  เพราะจังหวะที่สามีของเธอฟาดลงมา  ประตูบ้านของเขาก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง  และมีเท้าของใครบางคน  ถีบไปที่ร่างของสามีเธอ  จนสามีเธอกลิ้งลงไปกับพื้น  หญิงสาวเบิกตามองคนที่มาช่วยเธอ  น้ำตาเธอต้องไหลออกมาอีกครั้ง  มันเป็นน้ำตาแห่งความดีใจ  เพราะชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา  เป็นชายหนุ่มที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดเวลา  มาวินนั่นเอง 

   มาวินไม่รอช้า  ตรงเข้าไปต่อยหน้าสามีของเอิญ  จนสามีของเอิญเองล้มฟุบลงไป  ก่อนที่เขาจะกรนด่าสามีของเอิญด้วยความโมโห

             “ไอ้เหี้ย!!!!” มาวินกล่าว  ด้วยสีหน้าที่โมโห “มึงมันหน้าตัวเมีย  ทำร้ายได้แม้กรทั่งผู้หญิง  คนอย่างมึงมันสมควรไปนอนในคุก”

   ด่าเสร็จ  เขาจึงเดินมาที่เอิญ  ก่อนที่เขาจะไถ่ถามอาการของเอิญ

             “คุณเจ็บมากไหม” มาวินกล่าว  พรางเอามือจับไปที่แก้มของเอิญ “ไม่เป็นไรนะ  ผมอยู่ที่นี่แล้ว”

   สิ้นเสียงมาวิน  เอิญจึงเข้าสวมกอดมาวิน  ด้วยอาการดีใจ  ก่อนที่สามีของเอิญจะลุกขึ้นมา  และหยิบเก้าอี้เตรียมจะฟาดมาวิน  แต่ชาติชายเพื่อนของเขาที่พึ่งตามมาถึง  เข้ามาช่วยได้ทัน  เขาถีบเข้าไปที่สามีของเอิญ  จนสามีของเอิญกลิ้งลงไปกับพื้นอีกครั้ง  ก่อนที่อลิซจะพาตำรวจเข้ามารวบตัวสามีของเอิญไป  ชาติชายที่เห็นดังนั้น  จึงพูดขึ้นมา

             “ติดคุกหัวโตเถอะมึง”

   สามีของเอิญที่ได้ยินดังนั้น  จึงหันมาพูดกับเอิญและมาวินบ้าง

             “กูก็ขอให้พวกมึงทั้งคู่  มีความสุขกันให้นานก็แล้วกัน” สามีของเอิญกล่าว  พรางเดินไปที่รถตำรวจ “ผีเน่ากับโรงผุแบบพวกมึง  หวังว่าจะไปกันได้นานนะ”

   มาวินที่ได้ยินแบบนั้น  จึงยิ้งและเดินมากล่าวกับสามีของเอิญ

             “มึงไม่ต้องห่วง” มาวินกล่าว  พรางด้วยน้ำเสียงเย้ยหยั่น “กูไม่เคยทำให้เขาต้องเจ็บตัว  แบบที่หน้าตัวเมียแบบมึงทำแน่นอน”

   สิ้นเสียงมาวิน  สามีของเอิญจึงโดนรวบตัวขึ้นรถไป  เมื่อจบเรื่องที่บ้าน  ทั้งสามคนจึงรีบพาเอิญไปโรงพยาบาล  เพื่อรักษาบาดแผลที่ได้รับจากเรื่องราวในครั้งนี้  ทั้งสามคนจึงเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล  เป็นเวลาหลายชั่วโมง  ก่อนที่ชาติชายจะกล่าวขึ้นมา

             “เออแล้วสามีของเอิญ  เขารู้ได้ยังไงวะ  ว่ามึงคุยกับเอิญ”

   มาวินที่ได้ยินเพื่อนของตนถาม  จึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ก่อนที่เขาจะตอบเพื่อนเขาไป

             “เมย์” มาวินกล่าว  พรางเอามือกอดอก “เมย์เป็นคนถ่ายรูป  และส่งข้อความไปให้สามีของเอิญ  เจ้าตัวยอมรับมาแล้ว”

             “แล้วเมย์ไปเอาไลน์สามีเอิญมาจากไหนวะ?”

             “เรื่องนั้นกูเองก็ไม่รู้ว่ะ”

   สิ้นเสียงมาวิน  อลิซถึงกับกำหมัดแน่น  ก่อนที่เขาจะรำพึงออกมาด้วยความโมโห

             “ยัยนั่นอีกแล้วเหรอ” อลิซกล่าว  ด้วยสีหน้าที่โมโห “มึงระวังตัวให้ดีนะ  สักวันนึงมึงโดนกูหนักแน่  ทำให้เพื่อนกูต้องเจ็บ  มึงต้องเจ็บกว่าเพื่อนกูเป็นร้อยเท่า-แต่ชั้นต้องขอบใจนายมากนะวิน  ที่มาช่วยเพื่อนชั้นน่ะ”

   มาวินที่ได้ยินอลิซพูดแบบนั้น  เขาจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ  ที่เราทั้งสามคนกลับมาพูดคุยกันได้อีกครั้งแบบนี้  แต่เพียงครู่เดียว  หมอได้ออกมาตามทั้งสามคน  พร้อมบอกทั้งสามคนว่าเอิญทำแผลให้เอิญเรียบร้อยแล้ว  และจะให้เอิญนอนโรงพยาบาล  เพราะอาการค่อนข้างที่จะสาหัสพอตัว  เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้รักษาทัน  ทั้งสามคนก็รับทราบ  และไปเข้าเยี่ยมเอิญกัน  ก่อนที่มาวินจะกล่าวถามเอิญ

             “เป็นไงบ้างคุณ” มาวินกล่าว  พรางเอามือรีบไปที่หัวเอิญเบาๆ  เอิญที่เห็นแบบนั้นจึงตอบมาวินกลับไป “ชั้นไม่เป็นไรแล้ว” เอิญกล่าว  ด้วยสีหน้าที่ดีใจ  ที่เขาหลุดพ้นเรื่องร้ายๆนี่เสียที “อีกไม่กี่วัน  เดี๋ยวก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ”

             “เดี๋ยวถึงตอนนั้น” มาวินกล่าว  พรางเอามือไปกุมมือเอิญ “พวกเราไปกินข้าวกันนะ”

   เอิญที่ได้ยินดังนั้น  จึงน้ำตาไหลออกมา  ก่อนที่เขาจะพยักหน้าตอบรับ  อลิซที่เห็นเพื่อนของตนมีรอยยิ้มที่มีความสุขอีกครั้ง  เขาจึงเดินเข้ามาพูดกับเพื่อนของเขา

             “จะร้องทำไมแก  เรื่องร้ายๆของแกมันจบไปแล้วนะ” อลิซกล่าว  ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มกับเพื่อนเขา “หลังจากนี้แกจะได้เริ่มชีวิตใหม่สักทีนะ”

   ทุกคำพูดของเพื่อนและอดีตคนรักของเขา  เขาพยักหน้ารับมันไว้หมด  แต่ดูเหมือนในตอนนี้จะมีแต่เรื่องน่ายินดีก็จริง  แต่ในใจเอิญในยามนี้กลับไม่เหมือนเก่าเสียแล้ว  เพราะในใจของเขาในตอนนี้  มันกับเต็มไปด้วยไปแค้น  ที่เขามีต่อเมย์  ที่ทำให้เขาต้องโนทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส  เมย์ที่เคยมาแย่งคนรักของเขาไป  ทั้งที่ชีวิตเขามันควรจะมีความสุข  แต่เขาต้องเจอกับความทุกข์เพราะเมย์

   ส่วนทางด้านเมย์  ในใจของเขาเอง  เขาก็มีแต่ความคิดที่จะเอาคืนเอิญ  เพราะเอิญมาแย่งหัวใจของคนที่เขารักไปเช่นกัน  ทั้งคู่ต่างคิดว่า  สักวันจะต้องเอาคืนกันและกันให้ได้

 

By  hikari…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา